Group Blog
All Blog
### ตำลึง ###






































ตำลึง

......

 ชื่อสามัญ Ivy Gourd ชื่อท้องถิ่น สี่บาท (ภาคกลาง)

ผักแคบ (ภาคเหนือ) ผักตำนิน (ภาคอีสาน) แคเด๊าะ (แม่ฮ่องสอน)

 จัดเป็นไม้เลื้อย โคนใบมีลักษณะเหมือนรูปหัวใจ

 มีมือเกาะที่ยื่น ออกมาจากที่ข้อ ดอกมีทั้งดอกเดี่ยว และดอกคู่

กลีบดอกมีสีขาว และดอกมีลักษณะคล้ายรูประฆัง

ตำลึง ประกอบไป ด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด

โดยใบและยอดอ่อนของตำลึง 100 กรัม ประกอบไปด้วย

โปรตีน 3.3 กรัม วิตามินบี1 0.17 มิลลิกรัม

 แคลเซียม 126 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม

ธาตุเหล็ก 4.6 มิลลิกรัม ไนอาซีน 1.2 มิลลิกรัม

 วิตามินซี 13 มิลลิกรัม ใยอาหาร 2.2 กรัม

และเบต้าแคโรทีนสูงถึง 699.88 ไมโครกรัม

มากกว่าฟักทอง และมันเทศ ซึ่งมีเบต้าแคโรทีน 225

 และ 175 ไมโครกรัมตามลำดับ ต่อปริมาณ 100 กรัมเหมือนกัน


คุณประโยชน์มาก เริ่มจากธาตุอาหารที่มีแคลเซียมสูง

 มีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ให้แข็งแรง

 เบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้น ในการเปลี่ยนแปลงวิตามินเอ

ช่วยในเรื่องของ การบำรุงสายตา รวมทั้งยังมีใยอาหาร

เพื่อช่วยในเรื่องของ ระบบขับถ่ายอีกด้วย

เป็นผักที่เหมาะมาก ที่จะให้เด็กกิน

ในตำลึงยังมีเอนไซม์อะไมเลส ซึ่งจะช่วยย่อยแป้ง

 ทำให้ไม่ให้เกิดอาการ ท้องอืดแน่นท้อง

และยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อ HIV

 และกระตุ้นการเคลื่อนไหว ของลำไส้

พร้อมทั้งสารสกัด ด้วยเอทานอลของใบตำลึง

ยังช่วยลดระดับน้ำตาล ในตับและเพิ่มระดับอินซูลิน

เพิ่มกลูโคสในร่างกาย และยังช่วยลดระดับไขมันได้อีกด้วย

 มีงานวิจัยหลายงานที่ชี้ว่า ตำลึง ช่วยรักษาโรคเบาหวานได้จริง

 โดยมีผลในการช่วย ลดระดับน้ำตาลในเลือด !

ตำลึง เป็นผักที่ขึ้นเอง ตามธรรมชาติ

จะเห็นได้แถวต้นไม้ หรือริมรั้ว ที่คนไทยคุ้นเคยมาอย่างช้านาน

 เป็นผักที่ขึ้นง่ายปลูกง่าย เก็บกินกันได้เกือบทุกวัน

 ตำลึงมีทั้งชนิดตัวผู้ และตัวเมีย

 ส่วนใหญ่ที่เรากินนั้น จะเป็นตำลึงตัวเมีย

 ส่วนตัวผู้คือตัวที่มีใบเป็นแฉกเว้าลึก จะนำไปใช้ทำยา

 แก้ผื่นค้นได้ดี แต่ไม่นิยมปลูก

 ส่วนมากพบขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ

นอกจากนี้ตำลึงยังนำไปทำอาหารได้มากมายหลายชนิด

ใบใช้ใส่ต้ม แกงจืด  ก๋วยเตี๋ยว  ทอดกรอบ  ยำ ฯลฯ

ผลตำลึง  ผลอ่อนใช้ใส่แกง นำมาดอง กินกับน้ำพริก

 เดี๋ยวนี้นำมาเชื่อมน่ากินมาก 

ตำลึงยังช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด

จึงช่วยป้องกันการเกิดอัมพาต 

 นอกจากนี้ยังช่วยขับสารพิษในลำใส้ 

 บำรุงเลือดช่วยการไหลเวียนของโลหิต

และยังช่วยบำรุงน้ำนมแม่อีกด้วย

และช่วยป้องกันท้องผูก ใช้ดับพิษร้อนและแก้ไข้ตัวร้อน

และยังช่วยป้องกันการเป็นตะคริว

และที่สำคัญช่วยกำจัดกลิ่นตัว  กลิ่นเต่า โดยการใช้ต้นตำลึง

ทั้งเถาและใบนำมาตำผสมกับปูนแดงและทาบริเวณรักแร้

นอกจากนี้ตำลึงยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายมหาศาลเกี่ยวกับตา

ลองหาอ่านดูได้  สรุปคือเป็นต้นไม้ที่ให้คุณค่าในทางยามากมาย

เหมาะกับการปลูกไว้เก็บทำอาหารและทำยารักษาโรค













































ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 30 มิถุนายน 2558
Last Update : 30 มิถุนายน 2558 10:50:38 น.
Counter : 3221 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ