สะเดาเป็นผักสมุนไพรพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
อุดมไปด้วยสารอาหารโปรตีน แร่ธาตุและวิตามิน
ที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิดได้แก่ สะเดาไทย สะเดาอินเดีย
และสะเดาช้าง โดยสะเดาไทยและสะเดาอินเดีย
เป็นชนิดเดียวกัน แต่ต่างสายพันธุ์กัน
สะเดาไทยมี 2 ชนิดด้วยกัน คือ สะเดายอดเขียวและสะเดายอดแดง
ซึ่งสะเดายอดเขียวจะมีความขมน้อยกว่า
หรือบางต้นอาจจะขมน้อยจนได้ชื่อว่า สะเดาหวานหรือ สะเดามัน
แต่สำหรับสะเดายอดแดงจะมีความขมมากกว่า
และเกือบทุกส่วนของต้นสะเดาล้วนมีสรรพคุณทางยา
สะเดาเป็นผักใบฤดูหนาว และเป็นสมุนไพรที่คนโบราณนิยม
นำมากินเป็นผักเครื่องเคียงกับเมนูต่าง ๆ
วิธีการดับรสขมของใบสะเดาอยู่ที่เทคนิคการลวก ตามสูตรนี้
1. นำน้ำซาวข้าวมาตั้งไฟให้เดือดจัด
2. ใส่เกลือเล็กน้อยประมาณครึ่งช้อนชา
3. นำสะเดาที่เตรียมไว้ลงไปลวกสักครู่
อาจแช่ไว้ประมาณ 1-2 นาที
4. นำมาพักในน้ำเย็น
สะเดา
.....
ชื่อสามัญ Neem, Neem Tree, Nim, Margosa, Quinine,
Holy tree, Indian Margosa Tree, Pride of china,
Siamese Neem Tree จัดอยู่ในวงศ์เดียวกับกระท้อน
กัดลิ้น ตะบูนขาว ตะบูนดำ และลองกอง
ชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า สะเดา สะเดาบ้าน (ภาคกลาง),
สะเลียม (ภาคเหนือ) เดา กระเดา กะเดา (ภาคใต้)
จะดัง จะตัง (ส่วย) ผักสะเลม (ไทลื้อ), ลำต๋าว (ลั้วะ),
สะเรียม (ขมุ) ตะหม่าเหมาะ (กะเหรี่ยงแดง) ควินิน (ทั่วไป)
สะเดาอินเดีย (กรุงเทพฯ) กาเดา เดา ไม้เดา
พบขึ้นได้ทั่วไปตามป่าแล้งใน อินเดีย อินโดนีเซีย
มาเลเซีย พม่า ปากีสถาน ศรีลังกา และไทย
สะเดา แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด
สะเดาไทย ลักษณะของใบหยักเป็นฟันเลื่อย
ปลายของฟันเลื่อยทู่โคนใบเบี้ยวแต่กว้างกว่า ปลายใบแหลม
โดยสะเดาไทยแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดขมและชนิดมัน
สังเกตได้จากยอดอ่อน หากเป็นชนิดขมยอดอ่อนจะมีสีแดง
แต่ถ้าเป็นชนิดมันยอดอ่อนจะมีสีขาว
สะเดาอินเดีย ลักษณะของใบ ขอบใบเป็นหยักคล้ายฟันเลื่อย
ปลายของฟันเลื่อยแหลม ปลายใบมีลักษณะแหลมเรียวแคบมาก
ส่วนโคนใบเบี้ยว และสะเดาช้าง หรือ ต้นเทียม ไม้เทียม
สะเดาใบใหญ่ ลักษณะของขอบใบเรียบ
หรือปัดขึ้นลงเล็กน้อย ปลายใบเป็นติ่งแหลม ขนาดของใบ
และผลจะใหญ่กว่า 2 ชนิดแรก
สะเดา สมุนไพรรสขม พืชสารพัดประโยชน์
ทุกส่วนของสะเดาล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น
ถือเป็นต้นไม้ที่มีอิทธิพลต่อชาวอินเดียเป็นอย่างมาก
ทั้งในด้านความเชื่อทางศาสนา และการรักษาโรค
รวมถึงประโยชน์ใช้สอย ตามพระพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า
พระพุทธเจ้าได้นำต้นสะเดามาใช้ประโยชน์
ในเชิงรักษาโรคมากมาย อีกยังพบหลักฐานในตำรา
สมัยอินเดียโบราณอีกด้วยว่า มีการใช้ประโยชน์จาก ต้นสะเดา
ในเชิงการแพทย์ในหลายกรณี ต้นสะเดาจึงกลายเป็นต้นไม้แห่งยา
และเป็นสัญลักษณ์แห่งความมีสุขภาพดีมาจนทุกวันนี้
สะเดา เป็นผักสมุนไพรพื้นบ้าน ที่อุดมไปด้วยคุณค่า
ทางโภชนาการเต็มเปี่ยม อุดมไปด้วยสารอาหารโปรตีน
แร่ธาตุและวิตามิน ที่จำเป็นต่อร่างกาย
แล้วยังพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
ที่จะทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพตามมาได้
เช่น ภาวะความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์
ระบบภูมิคุ้มกันลดลง และโรคมะเร็ง เป็นต้น
คุณค่าทางโภชนาการของยอดสะเดา ต่อ 100 กรัม
ประกอบด้วยสารอาหาร พลังงาน 76 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 12.5 กรัม โปรตีน 5.4 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม
เส้นใยอาหาร 2.2 กรัม น้ำ 77.9 กรัม
เบต้าแคโรทีน 3,611 ไมโครกรัม วิตามินบี1 0.06 มิลลิกรัม
วิตามินบี2 0.07 มิลลิกรัม วิตามินซี 194 มิลลิกรัม
แคลเซียม 354 มิลลิกรัม เหล็ก 4.6 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ