ผักกูด
.........
ชื่อสามัญ Paco Fern, Small Vegetable fern,
Vegetable fern วงศ์ เดียวกับผักแว่น และกระแตไต่ไม้
ชื่อท้องถิ่น ผักกูดขาว (ชลบุรี) หัสดำ (นครราชสีมา, สุราษฎร์ธานี),
กูดน้ำ (แม่ฮ่องสอน) กูดคึ (ภาคเหนือ) กูดกิน
ผักกูด ไม่ได้เป็นพืชผัก แต่เป็นเฟิร์นชนิดหนึ่ง ที่ทานเป็นผักได้
ลำต้นเป็นเหง้าแบบตั้งตรง เมื่อมีอายุน้อยมักจะเป็นใบประกอบ
แบบขนนกชั้นเดียว เมื่ออายุมาขึ้น ใบประกอบแบบสองชั้น
โดยส่วนที่นำมาปรุงเป็นอาหารก็คือส่วนของ Frond
หรือก้านใบใหม่ที่โผล่ขึ้นมาจากลำต้น มีส่วนปลายม้วนงอ
และส่วนปลายนี้จะพัฒนาไปเป็นใบอ่อนและใบแก่
ผักกูด มี 3 ชนิด แตกต่างกันเพียงสีของต้น
และลักษณะใบเล็กน้อย รับประทานเป็นอาหารได้ทั้ง 3 ชนิด
ชาวบ้าน รู้จักผักกูดมาตั้งแต่โบราณแล้ว
ส่วนคนรุ่นใหม่น้อยนักจะรู้จักรับประทาน
แต่บางชนิดยอดใบจะมีรสขมมาก
บางชนิดมีขนสีน้ำตาลปกคลุมตามต้น
และแต่ละชนิด มีรสชาติที่แตกต่างกันออกไป
และสรรพคุณทางยาที่แตกต่างกัน
คุณค่าทางโภชนาการ ของผักกูด ต่อ 100 กรัม
จะให้พลังงาน 19 กิโลแคลอรี่ เส้นใยอาหาร 1.4 กรัม
ธาตุแคลเซียม 5 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 36.3 มิลลิกรัม,
ธาตุฟอสฟอรัส 35 มิลลิกรัม
ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2
และวิตามินบี3 ค่อนข้างสูง
ผักกูด เป็นผักทีมีรสจืดอมหวาน และกรอบ
ยอดอ่อนและใบอ่อนนิยมนำมาบริโภค
แต่จะไม่นิยมนำมาทาน แบบสด ๆ
เพราะจะมียางเป็นเมือกอยู่ที่ก้าน มีสารออกซาเลตในปริมาณที่สูง
อาจทำให้ไตอักเสบ และทำให้เป็นนิ่วได้
ควรนำไปต้มหรือปรุง เป็นอาหาร ด้วยการนำมายำ ผัด
ทำเป็นแกงจืด แกงเลียง แกงส้ม แกงแคร่วมกับผักชนิดต่าง ๆ
ต้มกะทิ ยำผักกูด ผักกูดผัดน้ำมันหอย แกงจืดผักกูดหมูสับ
ไข่เจียวผักกูด ผัดกับไข่หรือแหนม แกงกับปลาน้ำจืด
ทำเป็นแกงกะทิกับปลาย่าง
หรือนำมาราดด้วยน้ำกะทิ ทานร่วมกับน้ำพริก
ชาวอีสานจะทานยอดสด ร่วมกับลาบ ก้อย ยำ ส้มตำ ปลาป่น
ลวกหรือต้มให้สุกจิ้มกินกับน้ำพริก
ผักกูดในช่วงหน้าแล้ง จะมีรสชาติอร่อยกว่าฤดูอื่น
ปัจจุบันมีการเก็บผักกูดไว้ขายส่งไปญี่ปุ่น
โดยชาวญี่ปุ่นจำนำผักกูดไปดองกับเกลือไว้รับประทาน
หรือที่เรียกว่า วาราบิ
ต้นผักกูด สามารถใช้เป็นดัชนี เพื่อชี้วัดความสมบูรณ์
ของสภาพแวดล้อมได้ ถ้าหากบริเวณไหนมีอากาศไม่ดี
หรือดินไม่บริสุทธิ์ หรือมีสารเคมีเจือปนอยู่
ผักกูดจะไม่เจริญหรือแตกต้น เพราะผักกูดจะขึ้นเฉพาะ
ในพื้นที่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ดินสมบูรณ์และไม่มีสารเคมีเจือปน
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ Siriwanna Jill