Group Blog
All Blog
### ลูกอัมพวาหรือมะเปรียง ###

















ลูกอัมพวา หรือ มะเปรียง

..........

ชื่อสามัญ Namnam ชื่อท้องถิ่น ลูกคางคก นำนำ นางอาย

 ลูกอาย น้ำพวา มะเปลียว ผลไม้ที่มีชื่อเดียวกันกับ อำเภออัมพวา

 แต่ไม่ได้เป็นผลไม้ ประจำอำเภออัมพวา

ชาวพังงาเรียก ลูกหล่ำล่ำ หรือหล่ำล่ำ

แต่จังหวัดชายแดนทางภาคใต้

ในบางพื้นที่ ชาวบ้าน ลูก หมา นราธิวาส เรียก มะขามคางคก

 เนื่องจากผลมีผิวขรุขร ะเป็นคลื่น มีส่วนคล้ายกับผิวหนัง

 ของคางคก และมีรสเปรี้ยว จึงเรียกตามลักษณะ

และรสชาติ มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตอ.ต

พบแพร่กระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เป็นไม้พื้นเมืองของมาเลเซีย สันนิษฐานว่า

 มีผู้นำเข้ามาจากชวา ในสมัยรัชกาลที่ 5


อัมพวาเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ไม่เตี้ยและไม่สูงเกินไป

ความสูงของต้นประมาณ 7 เมตร เป็นพืชที่โตช้ามาก

 กว่าจะสูงถึง 7 เมตร ใช้เวลากว่า 10 ปี ลำต้น มีสีน้ำตาล

 ผิวไม่เรียบ ลักษณะของลำต้น ส่วนโคนค่อนข้างแบน

 คล้ายพูหรือกลีบซึ่งจะพบกับลำต้นใหญ่

ถ้าลำต้นเล็ก ยังไม่ปรากฏลักษณะเช่นนี้ เนื้อไม้เหนียว

กิ่งใหญ่จะเหนียวหักไม่ค่อยขาดง่าย

เมื่อตัดแต่งยอดจะแตกกิ่งก้านช้ามาก

หรือหยุดการเจริญเติบโตเพียงแค่นั้น

เนื่องจากเป็นพืชที่โตช้า

จึงทำให้มีทรงพุ่มต่ำอยู่ตลอด สวยแปลกตา

ผล มีลักษณะคล้ายไตหรือเมล็ดถั่ว

 แต่จะเหมือน กับขนมกะหรี่ปั๊บมากกว่า

ส่วนหัวและส่วนปลายขั้วเรียว ส่วนกลางของผล ค่อนข้างกลม

มีเปลือกบาง ลักษณะของผล ขรุขระเป็นคลื่น

ไม่เป็นระเบียบคล้ายกับรอยย่น ผลอ่อน

สีเขียวมีผงสีน้ำตาลติดอยู่ทั่ว ต่อเมื่อผลแก่ผงหยาบๆจะหายไป

 ผลยาว 7-10 เซนติเมตร กว้าง 3-5 เซนติเมตร

หนา 3-4 เซนติเมตร น้ำหนักต่อผล ประมาณ 200 กรัม

 ผลแก่มีสีเหลืองอ่อน เนื้อบางภายในผลกลวง

 เป็นโพรงเพราะเนื้อไม่ติดหุ้มเมล็ด

เมื่อเขย่าจะเกิดเสียงดัง จากการเคลื่อนตัวของเมล็ดในโพรง

 ผลที่แก่จัดจะมีเสียงจากการเขย่า

ผลแก่เมื่ออายุได้ 1 เดือนเศษ ถึง 2 เดือน

รสเปรี้ยว ผลสุกจะมีรสหวานอมเปรี้ยว

เวลาทานต้องปอกเปลือก ทานเฉพาะเนื้อ

และชั้นในจะเป็นเมล็ด ผลที่สุก ทานผลสด

ได้เช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ รูปทรงของผลไม่น่ารับประทาน

 รสชาติออกจะแปลกไป เนื้อกรอบ ถ้าสุกจะนิ่ม

 ทั้งกลิ่นและรสชาติคล้ายกับชมพู่สาแหรก

 ควรรับประทานขณะที่ยังสด หากทิ้งไว้ข้ามคืน ผิวจะเหี่ยว

เนื้อนิ่ม และออกรสเปรี้ยว ผลอัมพวาไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน

 เพราะเพียง 2-3 วัน ผลจะเริ่มเหี่ยวไม่น่าทาน

 ในประเทศมาเลเซีย การนำไปประกอบอาหาร

 และทำเป็นน้ำซอสผลไม้ ปรุงรส ใช้เป็นผลรวม กับผลไม้อื่นๆ

 เป็นสลัด ทำผลไม้แช่อิ่ม ผลอ่อนดองเก็บไว้

ทำเป็นอาหารคาวผัดกับพริก ต้มกับปลา

การใช้ประโยชน์จากต้น ปลูกเป็นไม้ดัดบอนไซ ได้

ไม่แพ้ไม้ดัดยอดนิยม






















 

 

ขอบคุณที่มาข้อมูล  fb.Siriwanna Jill

ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 13 สิงหาคม 2558
Last Update : 13 สิงหาคม 2558 9:49:30 น.
Counter : 12003 Pageviews.

1 comments
  
อันนี้เค้าขายกันที่ไหนค่ะ
โดย: อ้อ IP: 61.19.229.86 วันที่: 26 กรกฎาคม 2559 เวลา:17:42:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ