Group Blog
All Blog
### มะพลับ ###


















มะพลับ

 ....

ไม้มงคล ปลูกในทิศใต้ของบ้าน

แล้วจะทำให้เกิดความร่ำรวยยิ่งขึ้น

สมัยก่อนใช้ยางของผลดิบ มาย้อมแห อวน

 เพื่อให้มีความเหนียว ยืดอายุการใช้งาน

ผลสุกเอามาย้อมผ้า และทานได้

เปลือกใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ และยารักษาโรค

มะพลับ ภาษาบาลีเรียกว่า

“ต้นพิมพชาละ” หรือ “ต้นพิมพละ”

มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศมาเลเซีย

ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ คือ พลับ (ภาคกลาง)

 ม่ากาลับตอง ม่ากับต๋อง (เชียงราย)

 มาสูละ King & Gamble” และ มะพลับไทย

 ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากเอเชียตอ.ต.

ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ คือ ตะโกสวน มะพลับใหญ่


มะพลับเป็นพันธุ์ไม้ป่าดงดิบ พบขึ้นในป่าที่ลุ่มต่ำ

บริเวณแนวกันชน ระหว่างป่าบกและป่าชายเลน

บริเวณชายคลอง และชายป่าพรุ

เหนือระดับน้ำทะเล 2-30 เมตร

ทางภาคใต้ของประเทศไทย

ในต่างประเทศพบที่มาเลเซีย

ตามตำรายาไทย เปลือกต้นและเนื้อไม้ มีรสฝาด

มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แก้บิด แก้ท้องร่วง

ขับผายลม แก้กามตายด้าน บำรุงความกำหนัด

เป็นยาสมานแผล และห้ามเลือด ผลแก่รับประทานได้

ประโยชน์อื่นๆ มีมากมาย

อาทิ เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องมือทางการเกษตร

 เครื่องกลึงและแกะสลัก

 เปลือกให้น้ำฝาดสำหรับฟอกหนัง

 ยางของลูกมะพลับให้สีน้ำตาล นำมาละลายน้ำ

ใช้ย้อมผ้า แห และอวน เพื่อให้ทนทาน เช่นเดียวกับตะโก

 แต่ยางของลูกมะพลับ ใช้ได้ดีกว่ามาก

เพราะไม่ทำให้เส้นด้ายแข็งกรอบ

ผลมะพลับ ลักษณะรูปทรงกลม ที่โคนและปลายผลบุ๋ม

มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร

ที่ขั้วผลมีกลีบเลี้ยง มีขนสีน้ำตาลแผ่กว้าง

 แนบกับส่วนล่างของผล ขอบกลีบเป็นคลื่นๆ

กลีบไม่พับกลับ ผลเมื่อสุกแล้ว จะเปลี่ยนเป็นสีส้มเหลือง

 ผลสุก จะค่อนข้างนุ่ม ผิวมีเกล็ดสีน้ำตาลแดงคลุม

 เกล็ดเหล่านี้จะหลุดได้ง่าย ภายในมีเมล็ด 8 เมล็ด

 เป็นสีน้ำตาลดำทรงรีแป้น

 มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตร

 และยาวประมาณ 2 เซนติเมตร

ดยจะติดผลในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม


ที่มาของ คำพังเพยโบราณ

 " ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก " 

มีที่มาจาก ลูกมะพลับให้สีน้ำตาล นำมาละลายน้ำ

ใช้ย้อมผ้า แห และอวน เพื่อให้ทนทาน เช่นเดียวกับตะโก

 แต่ยางของลูกมะพลับ ใช้ได้ดีกว่ามาก

เพราะไม่ทำ ให้เส้นด้ายแข็งกรอบ เหมือนผลตะโก

จึงทำให้ยางของมะพลับ มีราคาดีกว่าตะโกมาก

 จึงมีพ่อค้าหัวใส นำยางของผลตะโกปลอมขายเป็นยางมะพลับ

 จึงได้เกิดมีคำพังเพยนี้

นอกจากนี้ยังมี นิทานพื้นบ้าน ที่มาของสำนวนไทยที่ว่า

 “ ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก “ ซึ่งถูกเล่าต่อๆกันมาว่า

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชาองค์หนึ่ง

 เสด็จป่าพร้อมด้วยข้าราชบริพารทั้งหลาย

ซึ่งในป่าแห่งนั้น มีต้นตะโกเป็นจำนวนมาก

เมื่อเทวดาทราบข่าวว่า พระราชาจะเสด็จมา

 เทวดานึกสนุก จึงได้เนรมิตต้นตะโกใหญ่ ต้นหนึ่ง

ให้เป็นต้นมะพลับ ที่มีลูกสุกเหลืองอร่าม

หอมหวลชวนน่ารับประทาน 

 เพราะลูกมะพลับนั้นทานได้อร่อย

ส่วนลูกตะโกทานได้ แต่มีรสฝาดทานไม่อร่อย 

เมื่อพระราชาทรงทอดพระเนตรเห็น จึงอยากจะเสวย

 พระราชามีรับสั่งให้มหาดเล็ก ไปเก็บมาให้เสวย

 และทรงให้แจกจ่าย พวกข้าราชบริพารที่ติดตามมาด้วย

 รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย พระราชาทรงพอพระทัย

 ติดอกติดใจในรสชาดของ ลูกมะพลับนั้นมาก

 เมื่อพระองค์เสด็จกลับเข้าวังไป อีกสองสามวันต่อมา

 พระองค์ทรงคิดถึงลูกมะพลับนั้น ขึ้นมาอีก

จึงใช้มหาดเล็กให้ไปเก็บลูกมะพลับ ต้นนั้นมาเสวยอีก

 เมื่อมหาดเล็กไปถึงบริเวณป่า ที่มีต้นมะพลับต้นนั้นอยู่

เทวดาก็ไม่ได้เนรมิตแล้ว คลายฤทธิ์แล้วก็เป็นต้นตะโกดังเดิม

 ทำให้มหาดเล็กไม่เห็นต้นมะพลับเลย เห็นแต่ต้นตะโกทั้งนั้น

  มหาดเล็กกลับไปกราบทูล พระราชาว่า

” ไม่มีพระเจ้าข้า ต้นมะพลับไม่มีแล้วมีแต่ต้นตะโก ”

ด้วยเหตุนี้ ทำให้โบราณ จึงมีคำเปรียบเทียบไว้ว่า

“ ต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ” ซึ่งมีความหมายว่า

 ต่อหน้าอีกอย่าง ลับหลังอีกอย่างหนึ่ง















ขอบคุณที่มา fb.Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 03 พฤษภาคม 2558
Last Update : 3 พฤษภาคม 2558 10:13:31 น.
Counter : 4232 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ