น่าน ... วัดหนองแดง วัดไทลื้อที่อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน
ถัดจากปัว ขึ้นเหนือไปอีกนิดถึงอำเภอเชียงกลาง
ไทลื้อเชียงกลางเป็นกลุ่มชนในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ฯ ไปกวาดมาจากเมืองพง เขตสิบสองปันนา
ที่ไปอำเภอเชียงกลางเพราะอยากไปวัดไทลื้อที่เป็นวิหารไม้รุ่นสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ ... วัดหนองแดง ...
เส้นทางจากปัวไปเชียงกลางสวยมาก ครั้งนี้เป็นการขับรถเล่นครั้งที่สองบนถนนสายนี้


แยกซ้ายเข้าอำเภอเชียงกลาง เราเลยไปแล้วก็ถามเขาอีกที เข้าไปโผล่ที่ตลาดเชียงกลาง
มีป้ายบอกทางให้เลี้ยวขวา ผ่านหน้าอำเภอก็เลี้ยวซ้ายผ่านทุ่งนา แล้วก็ถึงวัด
แบตกล้องก้อนที่สองหมดพอดี




วัดหนองแดงจากกล้องมือถือ

วิหารวัดหนองแดง
เป็นวิหารไทลื้อ ที่ยังมีโครงสร้างส่วนใหญ่ที่ยังเป็นไม้ที่เหลืออยู่ในรุ่นสุดท้ายแล้ว
ผนังวิหารค่อนข้างเตี้ยก่ออิฐถือปูน มุงด้วยไม้ แป้นเกล็ด - ศิลปะไทลื้อแทนความสมบูรณ์ของป่าไม้*
หลังคาเป็นแบบไทลื้อ ฮ่างหงส์ - เหมือนหงส์กางปีกปกป้องลูก มีความชันมากเพื่อระบายน้ำฝนได้อย่างรวดเร็ว
ชั้นบนสุดเป็นหลังคาทรงจั่วเรียกว่า หาน*
รอบชายคาประดับลวดลายรูปน้ำหยาด* - ศิลปะไทลื้อเป็นตัวแทนของแม่น้ำ*
มีหลังคาปีกนกทั้งสี่ด้าน เรียกว่าหลังผัด*
ระหว่างหลังผัดและหาน เรียกคอสอง เป็นลวดลายสี่เหลี่ยมสีขาวเหลืองแดง ตรงกลางติดกระจก
ช่อฟ้า - นกหัสดีลิงค์ ในภาษาบาลี หัตดีลิงค์สกุโณ หัสดี แปลว่า ช้าง , ลิงค์ แปลว่า เพศ , สกุโณ แปลว่า นก
นาคเบือน - นาค
หน้าบันเป็นลายสี่เหลี่ยมเป็นช่องแบบลูกฟัก ประดับลายดอกบัว
ตรงกลางติดกระจกเพื่อสะท้อนสิ่งชั่วร้าย

นาคทันต์รูปเทพ ยักษ์ ยักษ์อุ้มเด็ก และสัตว์ในหิมพานต์
- ถ้าให้มั่วอ่ะนะคือวิหารนี้อยู่บนเขาพระสุเมรุ ที่ล้อมรอบด้วยหิมพานต์ -



ภายในจะเห็นโครงสร้างเสาบัวรับน้ำหนักหลังคา ไปแชร์กับผนังวิหาร

เตรียมไว้สำหรับทำพิธีสืบชะตาของผู้มาเยือน - จะละเอาไว้ก็ใช่ที่อธิบายนิดนะคะ
พิธีสืบชะตาเป็นการต่ออายุทั้งของตัวเองและญาติพี่น้องบริวาร หรือบ้านเมือง
ให้มีอายุยืนยาว เกิดความสุขความเจริญ ขจัดภัยอันตรายต่างๆ ให้คลาดแคล้วจากสิ่งชั่วร้ายทั้งมวล
ไม้ค้ำ เป็นไม้ง่าม 3 อัน นำมาประกอบกันเป็นซุ้ม เรียกว่า ไม้ค้ำชะตา
นิยมใช้ขนาดยาวเท่ากับวาแขนหรือความสูงของเจ้าของชะตา
หมายว่าเพื่อให้เป็นสิ่งค้ำจุนชีวิตให้มีความเจริญรุ่งเรืองมีอายุยืนยาว
เปรียบเสมือนต้นไม้ที่ใกล้จะล้ม หากมีไม้มาค้ำไว้ก็จะทำให้เจริญงอกงามต่อไปได้
ก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตร่วมกันของคนในสังคม
ตรงส่วนปลายยอดประดับธงทิว เปรียบเป็นฉัตรเป็นชั้น ๆ หมายถึงสวรรค์
ขัวเงิน ขัวทอง ขัวอีกอันสีเขียวไม่แนใจว่าคือขัวแก้วหรือเปล่า ... ขัวแปลว่าสะพาน
แนวตรงกลางจะขึงขัวทั้งสาม เปรียบเป็นสะพานและเป็นบันได
หมายถึง สะพานแห่งชีวิตที่ทอดให้เดินข้ามจากฝั่งที่เลวร้ายไปสู่ฝั่งที่ดีงามกว่า
และ บันไดแห่งชีวิตที่พาดให้เราไต่ขึ้นสู่ที่สูง
ไม้ง่ามหรือไม้ค้ำขนาดเล็กห่อกระดาษเงินและทอง นำมามัดรวมกัน มีจำนวนมากกว่าอายุผู้สืบชะตา 1 อัน
หมายถึงมีคนช่วยเหลือค้ำชูไปตลอด
แท่นบูชาท้าวทั้งสี่และเทพารักษ์
แต่ละชนิดจะมี 108 ชิ้น ได้แก่ ข้าว(จะนำมาใส่อีกทีในวันงาน) พริกแห้ง เกลือ ขนม(ผิง) สวยดอกไม้(กรวยดอกไม้)
ธูปเทียน หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง (ประดับสะพานไม้)
ตุงร้อยแปดทำด้วยกระดาษสีเพื่อสะเดาะเคราะห์ (ประดับสะพานไม้)
กระบอกน้ำ กระบอกทราย กระบอกข้าวเปลือก กระบอกข้าวสาร
หมายถึง ธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้คนเรามีความแข็งแรง
หน่อกล้วย หน่อยอ้อย หน่อหมาก หน่อมะพร้าว
หมายถึง จะมีชีวิตที่เหมือนกับได้เกิดใหม่ พร้อมจะเจริญเติบโต มีความหอมหวาน มีความเจริญงอกงาม
สาดใหม่(เสื่อ) หมอนใหม่
หมายถึง ผู้ที่สืบชะตาแล้วจะมีความสุขสบายและนอนหลับฝันดี

เสาแต่ละต้นตกแตงด้วยภาพเขียนลวดลายดอกไม้
มีรูเจาะไว้ เรียกว่ารูจัย เพื่อคอยตรวจตรามดปลวก ระบายความชื้น หรือใช้ยึดขณะทำการบูรณะ

พระประธานเป็นพระอุปคุต หรือพระบัวเข็ม บนแท่นพญานาคสองตัว - นาคบัลลังก์
แท่นพญานาคเป็นสิ่งที่แสดงถึงที่อยู่ของท่าน - สะดือทะเล
*
สัตตภัณฑ์ไทลื้อ หรือเรียกว่าขั้นไดแก้ว หรือ บันไดแก้ว อยู่ด้านหน้าพระประธาน

ข้างฐานชุกชีเป็นรูปเทวดาถือดาบ - ป้องกันอันตราย

ด้านหลังแท่นพระประธานมีจิตรกรรมฝาผนัง
เดาว่าเป็นตำนานประอุปคุต
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและฉลองสมโภชองค์พระมหาเจดีย์
มีพระอุปคุตมาป้องกันพญามารที่จะมาขัดขวางทำลายพระราชพิธีสมโภช


ภาพด้านล่างเลือน และมองผ่านกระจก



ธรรมาสน์บุษบก

เจดีย์หน้าวัด

ต้นโพธิ์หลังวัด

ต้นเทียนข้างวัด

ถนนจากวัด


เพิ่มเติม จากคห.ที่ 12 ของ อ.เต๊ะ ที่ว่า
ส่วนรูปสุดท้ายนี้ ที่เป็นถนนยาว เคยได้ยินมาว่า สุดทางเป็นป่าช้า
คนที่อยู่ในนั้นมาเข้าฝัน ให้สร้างสะพานให้ จะได้มารับส่วนบุญ ส่วนกุศลได้ เลยมีคนมาสร้างถวายวัด
ก็นึกแปลกใจอยู่ว่าที่หลังวัดติดต๋าแหลวเรียงกันตลอดแนวรั้ววัด
ตาแหลวหมายถึง ดวงตาของนกเหยี่ยวที่สามารถมองเห็นเหยื่อได้ในระยะไกล
เวลาเห็นเหยื่อ เหยี่ยวจะบินวน หรือบินอยู่นิ่ง ๆ จนถูกเรียกว่านกปักหลัก
ชาวล้านนาจึงคิดสร้างต๋าแหลวไม้ขึ้นมา
เพื่อสอดส่องดูแลสิ่งอาถรรพ์ขึด เสนียดจัญไร มิให้เข้ามา

อันนี้แถมรูปคนสวยค่ะ

Create Date : 16 ธันวาคม 2563 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2563 6:56:24 น. |
|
21 comments
|
Counter : 1537 Pageviews. |
|
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณtoor36, คุณhaiku, คุณSleepless Sea, คุณKavanich96, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณทนายอ้วน, คุณผู้ชายในสายลมหนาว, คุณหอมกร, คุณmultiple, คุณกะว่าก๋า, คุณnewyorknurse, คุณชีริว, คุณkatoy, คุณสองแผ่นดิน, คุณSai Eeuu, คุณเริงฤดีนะ, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณตะลีกีปัส |
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 ธันวาคม 2563 เวลา:22:42:53 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 17 ธันวาคม 2563 เวลา:3:50:25 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 17 ธันวาคม 2563 เวลา:11:19:22 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 17 ธันวาคม 2563 เวลา:20:13:18 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 18 ธันวาคม 2563 เวลา:7:13:01 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 ธันวาคม 2563 เวลา:13:13:05 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 18 ธันวาคม 2563 เวลา:17:12:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 ธันวาคม 2563 เวลา:18:28:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ธันวาคม 2563 เวลา:6:08:47 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 20 ธันวาคม 2563 เวลา:10:32:36 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 20 ธันวาคม 2563 เวลา:22:52:56 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 22 ธันวาคม 2563 เวลา:8:21:01 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 23 ธันวาคม 2563 เวลา:4:51:01 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 23 ธันวาคม 2563 เวลา:14:14:46 น. |
|
|
|
| |