++ พาเที่ยวเมืองเบอร์ตั้นออนเดอะวอเตอร์ และอ๊อกฟอร์ด ++
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 7 (สโตนเฮนจ์ บาธ และบริสโตล) อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 9 (เที่ยวบ้านเชคส์เปียร์..สแตรทฟอร์อะพอนเอวอน เชสเตอร์)
บล๊อกที่แล้วเรานำท่านไปชมกลุ่มหินมหัศจรรย์ สโตนเฮนจ์ เที่ยวเมืองบาธ เมืองอาบน้ำแร่ของทหารโรมันเมื่อครั้งเดินทัพไปที่นั่น และไปจบลงตรงการไปชมสะพานแขวนคลิฟตั้นที่เมืองบริสโตลครับ
วันนี้เราตื่นเช้าเตรียมพร้อมโดยการเติมน้ำมันรถที่ปั๊มในบริเวณที่พักที่เรียกว่า Service Area ปัีมน้ำมันที่อังกฤษจะเป็นแบบบริการตัวเองนะครับ ส่วนน้ำมันก็มีแค่ 3 เกรดให้เห็นคือ ซูเปอร์ไร้สารฯ 95 ไร้สาร91 และดีเซลเท่านั้น รถที่เราใช้เติม Unleaded 91 ราคาตอนที่ไปนั้นประมาณ 51 บาท/ลิตร หรือประมาณ 112 เพน หัวจ่ายที่ปั๊มจะต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องสะดวกซื้อของปั๊ม เวลาเราเติมเสร็จแล้วก็เดินไปจ่ายตังค์ที่ในห้องแคชเชียร์ครับ
ขบวนรถโบราณที่มาเที่ยวเมืองเบอร์ตั้นออนเดอะวอเตอร์
น้ำมันเต็มถัง คนพร้อม Navigator พร้อม เราเซ็ทเมืองแรกไปที่ Bourton on the Water (เบอร์ตั้นออนเดอะวอเตอร์) ก่อนครับ โดยวางแผนว่าจะไปเดินชมเมืองเล็กๆที่สวยงามแห่งนี้ก่อนก่อนที่โปแกรมต่อไปที่เมืองอ๊อกฟอร์ด (Oxford) เมืองการศึกษาที่มีมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ และพักค้างที่เมืองนั้นครับ
แผนการเดินทางในวันที่ 14 กรกฎาคม 2016
แผนที่เมือง Bourton on the Water
เราขับตาม Motor way M5 ไปแยกออกถนนสาย A417 และแยกจาก A417 อีกทีเข้าสู่ A436 ซึ่งตัวเลข 3 ตัวแบบนั้นจะเป็นถนนแบบเลนส์เดียว วิ่งสวนกันไปมา ทางจะเข้าสู่เขตที่เรียกว่า Cotswolds (คอตส์โวลด์) ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าและเนินเขา ผ่านป่าบ้างเป็นช่วงๆ บางครั้งเราเห็นกระต่ายวิ่งผ่านทางด้วย การขับช่วงนี้ต้องระวังมาก เพราะเขาจำกัดไว้ไม่เกิน 40-50 ไมล์/ชม. ถ้าเข้าหมู่บ้านก็เหลือแค่ 30 ไมล์/ชม. และมีเขตจับความเร็วเป็นระยะๆ .... ขับไปประมาณ 57 ไมล์ ก็ถึงเมือง Bourton on the Water (เบอร์ตั้น ออน เดอะ วอเตอร์)
บ้านเรือนที่ทำด้วยหินปูนสีเหลือง (Yellow Limestone) ริมฝั่งน้ำ
ขับถึงเมืองเบอร์ตั้น (หรือหมู่บ้านเบอร์ตั้น) เราก็ตามป้ายบอกทางไปที่มีตัว P เพราะเรามาแต่เช้าที่จอดรถเลยว่างมากๆ จัดการไปหยอดเหรียญที่ตู้ 3 ชั่วโมง (เผื่อไว้) ประมาณชั่วโมงละ 1.5 ปอนด์ แล้วเอาบัตรมางวางไว้ที่คอลโซลหน้ารถให้เจ้าหน้าที่ที่ผ่านมาเขาเห็น จัดแจงไปเข้าห้องน้ำซึ่งต้องหยอดเหรียญอีกเพื่อผ่านเหล็กกั้นเข้าไปอีก 50 เพน แล้วจึงเดินเข้าเมือง เลาะไปตามแม่น้ำวินด์รัช ซึ่งเป็นแม่น้ำเล็กๆ ไม่ลึกเหมือนต้นน้ำในภาคเหนือบ้านเรา แต่น้ำใสมากๆ
บ้านช่องที่นี่จะทำผนังด้วยหินปูนสีเหลือง (Yellow Limestone) ซึ่งเป็นหินปูนพิเศษของเขต Cotswolds
Coronation Bridge สะพานแรกที่อยู่ติดกับที่จอดรถและ Bird land
Bourton-on-the-Water เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ เงียบสงบ สวยงาม และน่าอยู่ มีประชากรเพียงสามพันกว่าคน ซึ่งน้อยกว่านักท่องเที่ยวเสียอีก มีแม่น้ำวินด์รัช (Windrush) ที่ใสสะอาดไหลผ่านใจกลางหมู่บ้านเล็ก ๆ นี้ มีสะพานโค้งเล็ก ๆ ทอดข้ามแม่น้ำเป็นช่วง ๆ 5 สะพาน สะพานที่เก่าแก่ที่สุดชื่อ "The Mill Bridge" สร้างในปี คศ.1654 ริมฝั่งน้ำมีสนามหญ้าให้นักท่องเทียวนั่งพักผ่อน มีต้นหลิว (Willow Tree) เขียวขจีโอนอ่อนไปตามลมอยู่ริมลำธาร มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกเรียงรายบนริมฝั่งน้ำ และบนถนนใกล้ ๆ นั้น บ้านเรือน โรงแรม ร้านค้า ตลอดจนสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ สร้างด้วยหินปูนสีเหลือง (Yellow Limestone) ประตู หน้าต่างตกแต่งสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Cotswolds ซึ่งกลมกลืนไปกับธรรมชาติมาก
ร้านขายของที่ระลึกติดถนนใหญ่
สะพานที่สร้างข้ามแม่น้ำ windrush ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของที่นี่เลยนะครับ ในแม่น้ำวินด์รัช ช่วงเทศกาลคริตส์มาส เขาจะเอาต้นคริตส์มาส ไปตั้งไว้ในแม่น้ำนี้ ซึ่งเป็นแม่น้ำไม่ลึกแต่ใสมากๆ ... และเนื่องจากสะพานในหมู่บ้านเบอร์ตั้น ออน เดอะ วอเตอร์ เป็นสะพานที่ทำจากหิน รูปโค้ง (Arch) จึงมีผู้คนขนานนามที่นี่ว่า "เวนิชแห่งคอตส์โวลด์" (Venice of the Cotswolds)
ข้างแม่น้ำ Windrush จะมีสนามหญ้าและทางเดินให้ผู้คนมาพักผ่อน
คอตส์โวลด์ (Cotswolds) เป็นบริเวณพื้นที่ทุ่งหญ้าและเนินเขาตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกของอังกฤษ (west-central England) โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขต Gloucestershire พื้นที่ส่วนนี้ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นถิ่นที่สวยงามตามธรรมชาติมากที่สุด (Area of Outstanding Natural Beauty - AONB) ของอังกฤษ และเบอร์ตัน ออน เดอะ วอเตอร์ (Bourton-on-the-Water) เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านความสวยงามของภูมิประเทศ และบรรยากาศที่น่ามาพักผ่อนมากที่สุดในแถบคอตส์โวลด์
สีสวยดีเลยเอามาให้ชม
กลางเมืองติด The Mill Bridge
ริมฝั่ง River Windrush
Halt Motor Museum
เดินชมเมืองไปเรื่อย ซึ่งเมืองก็ไม่กว้างนัก แต่สวยงาม ร่มรื่น ฟากแม่น้ำอีกด้านหนึ่งจะมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ตลอดจนโรงแรมที่พัก เราไปทานมื้อเที่ยงกันแถวนั้น ก่อนจะออกชมเมืองต่อ ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็จะมี Model Village, Motor Museum และสะพานทั้ง 5 แห่งนั่นแหละครับ ... เราแค่เดินชมและถ่ายภาพก็แทบหมดเวลาแล้ว
ประมาณเกือบบ่ายโมง เราจึงเดินทางต่อไปที่เมือง Oxford
การเดินทาง : มาเมืองนี้ หรือหมู่บ้านนี้ ก็มาได้โดย รถไฟจาก Paddington Station ไปลง ที่สถานี Moreton in Marsh แล้วต่อรถบัสสาย 55 ไปที่ Bourton on the Water (ดูเพิ่มเติม) หรือเข้าไปดูที่ London to Bourton on the Water
ประมาณบ่ายโมงเศษๆ เราขับออกจากหมู่บ้านเบอร์ตั้นออนเดอะวอเตอร์ ไปตามเส้นทางสาย A429 ไปเข้า A40 แล้วขับต่อไปที่ Oxford ระยะทางประมาณ 33 ไมล์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นี่รวมเวลาจอดเช็คแผนที่ด้วย เพราะตอนจะเข้าสู่อ๊อกฟอร์ด เหมือนจะงงๆกับเจ้า GPS เหมือนกัน เลยต้องจอดเช็คจากแผนที่อากู๋ จนได้เส้นทางบายพาสที่จะไปที่พักที่เราเช่าไว้ที่ Cherwell Guest House, 137 Iffley Rd, Oxford OX4
ที่อ๊อกฟอร์ดเราพัก Cherwell Guest house แบบนี้
หมู่บ้านแถวๆที่พัก
เข้าถึงที่พักซึ่งเป็น Cherwell Guest House อยู่ถนน Iffley ห่างจากใจกลางเมืองเพียงเดิน 10-15 นาที ที่ด้านหลังมีที่จอดรถด้วย ซึ่งประตูปิด-เปิดจะควบคุมจากในบ้าน ... หลังจากเก็บกระเป๋าในห้องเราก็ออกมาถามพนักงานต้อนรับว่า เราจะไปในเมืองได้แบบไหน? คำตอบคือ เดิน เพราะในเมืองที่จอดรถหายากมาก (เหมือนๆว่าทางเมืองเขาไม่ยอมให้เอารถส่วนตัวเข้าไป...คนส่วนมากจึงใช้วิธีขี่จักรยานและเดินกัน)
เดินไปย่าน Downtown Oxford
เราใช้เวลาเดินตามถนนใหญ่เข้าไปก็ประมาณ 15 นาทีก็ถึงย่านกลางเมือง ที่มองไปในมุมไหนๆก็เหมือนๆกับว่ามี College โน่น นี่ นั่น ตลอด สมกับเป็นเมืองมหาวิทยาลัยดังของโลก (รายละเอียดของมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดจะไม่ขอเขียนนะครับ) แต่เพราะเรามาที่นี่เพียงครึ่งวัน เราคงได้เดินไม่กี่แห่ง เอาเป็นว่าให้ท่ายชมภาพไปเรื่อยละกันครับ
ย่านกลางเมืองอ๊อกฟอร์ดท่ามกลางวิทยาลัยต่างๆ
เดินซักพักเกิดหิวเลยเหลือไปเห็นป้ายชื่อครัวเชียงใหม่ ตอนแรกก็งงๆนึกว่าเขาเขียนภาษามาพ้องกับชื่อเชียงใหม่ แต่อีกทีเห็นภาษาไทยเลยแน่ใจ พอดีเกิดหิวอยากทานอาหารไทยพอดีเลยแวะเข้าไป .... ห้องอาหารอยู่ในซอยห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 30-40 เมตร บนนั้นจะมีเมนูไทยมากมายรวมถึงส้มตำด้วย เราอยากดื่มเบียร์เย็นๆหน่อยถามไถ่ว่ามีเบียร์อังกฤษยี่ห้อดังๆขายไหม เขาบอกมีแต่เบียร์ไทย สิงห์ ช้าง ประมาณนั้น เราเลยได้ทานเบียร์ไทยที่อ๊อกฟอร์ดด้วยประการละฉะนี้...เขาเสริพเป็นข้าวแยกต่างหากจากกับครับ ราคาก้พอไหวไม่แพงมาก รสชาตยังรักษาแบบไทยๆไว้อย่างดี แม้จะออกหวานนิดๆตามแบบฝรั่งชอบ พอทานอาหารเกือบเสร็จมีคนไทยเข้ามาจึงได้ถามไถ่กัน ว่าเจ้าของเป็นคนเชียงใหม่มาที่นี่เกือบ 24 ปีแล้ว เขายังบอกเราว่าเมืองเล็กๆขนาดนั้น มีร้านอาหารไทยตั้ง 8 ร้านนะครับ...แสดงว่าคนไทยมาเรียนและทำมาหากินในเมืองนี้เยอะเหมือนกัน
Martyrs' Memorial และร้านอาหารไทยครัวเชียงใหม่ด้วย
Life Style in Oxford City
เมืองอ๊อกซฟอร์ด (Oxford)
เป็นนครและเมืองหลวงของมณฑลอ๊อกซฟอร์ดเชอร์ของภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ ที่มีประชาชนราว 151,000 คน แม่น้ำเชอร์เวลล์และแม่น้ำเทมส์บรรจบ กันทางใต้ของตัวเมืองใต้ใจกลางเมือง บริเวณที่เป็นระยะทางราว 10 กิโลเมตรในบริเวณตัวเมืองอ๊อกซฟอร์ดริมฝั่งแม่น้ำเทมส์รู้จักกันว่า ไอซิส (The Isis)
อ๊อกฟอร์ดในมุมสูง (ขอบคุณภาพจากเวบไซต์)
Radcliffe Camera
มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด คนไทยรู้จักกันดีว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากของ อังกฤษ นักท่องเที่ยวจึงเน้นที่จะไปเดินเที่ยวในมหาวิทยาลัย และอาคารเรียนเก่าแก่ของออกซ์ฟอร์ด พร้อมกับชมวิทยาลัยเก่าแก่ของเมืองคือ Christchurch College ที่โด่งดัง เพราะในห้องโถงหรือ Great Hall ถูกนำไปเป็นต้นแบบของห้องโถงใหญ่ของโรงเรียน Hogwarts ในหนังสือและภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter ... Radcliffe Camera และ Bridge of Sighs ก็เป็นสองที่ที่นักท่องเที่ยวไม่พลาดที่จะไปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกครับ
Bridge of Sighs in Oxford
Clarendon Building
Sheldonian Theatre
Carfax Tower
การเดินทางไปที่อ๊อกฟอร์ด นอกจากการขับรถไปเองแบบเรา ซึ่งสะดวกมากๆแล้ว ยังมีวิธีอื่นจากลอนดอน-อ๊อกฟอร์ด อีกเช่น.-
Bus:
- The Oxford Tube and the X90 both leave London's Victoria Station every 12-20 minutes, making stops at Marble Arch, Baker Street, Notting Hill Gate, and Shepherd's Bush before heading to Oxford's Gloucester Green. Tickets cost £17 if you're returning the next day, or £20 if you're returning within 3 months. Travel time is approximately 100 minutes during off-peak times.
The Oxford Tube: 01865 772250
X90: 01865 785400
Train:
- Trains from London leave Paddington every half hour, costing around £20 for a single trip, and takes approximately one hour. For national rail inquiries, call 08457 48 49 50 or visit their website. Note: cheap tickets can be purchased in advance for as little as £10 return. Check the website of contact National Rail for details.
Car:
- Take the M25 to the M40. Get off at the A40 towards Oxford. Follow signs to the ring road. At the third roundabout, take your first left onto Woodstock Road (towards the city center). We strongly advise using the Park and Ride system as parking in Oxford is difficult and expensive.
ดูเพิ่มเติม : https://www.oxfordcityguide.com/
การขับรถเข้าเมืองอ๊อกฟอร์ดเป็นอะไรที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากท่านจะต้องจ่ายค่าจอดที่แพงและหายากมากๆอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็สตริ๊กมากๆ เผลอๆโดนจับปรับเสียเงินเสียทองที่ค่อนข้างสูงอีก ... แนะนำให้คุณๆที่ไม่ได้พักในอ๊อกฟอร์ด (ที่เขามีที่จอดรถให้) จอดในที่จอดรถนอกเมือง หรือที่เขาเรียกว่า Park and Ride ซึ่งมีอยู่รอบๆเมือง แล้วนั่งรถรับส่งเขาเข้าไปในเมืองจะดีที่สุด ประหยัดกว่ามากครับ
วันนี้เราเลือกเดินทางจากบริสโตลผ่านเบอร์ตันออนเดอะวอเตอร์เพื่อจะมาพักที่เมืองอ๊อกฟอร์ด ที่เรามาเส้นทางนี้ก็เพราะว่าพรุ่งนี้เรามีแผนจะเดินทางขึ้นเหนือไปที่ Stratford upon Avon เมืองบ้านเกิดของกวีเอกเชคส์เปียร์ ต่อด้วยการขับขึ้นไปที่เมืองเชสเตอร์และเข้าพักที่ลิเวอร์พูลครับ ... วันนี้เที่ยว 2 เมืองแบบสนุกและมีความสุขพอดูและเลือกเอาแค่จุดเด่นๆของแต่ละที่ก่อน เผื่ออนาคตได้มาอีกค่อยตามเก็บรายละเอียดอีกครั้งครับ
ขอบคุณที่ติดตามมาตลอด
ลาด้วยภาพนี้ครับ
_____________ |
Create Date : 28 กันยายน 2559 |
|
8 comments |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 9:24:27 น. |
Counter : 6123 Pageviews. |
|
|
|
ได้ไปเที่ยวเมืองนอกก็เพราะคุณวิกนี่แหละจ้า