....OUR FAMILY'S JOURNEY....
++ เยือนถิ่น The Kop ที่เมืองลิเวอร์พูล ++







อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 10 (พาเยือนถิ่นแมน-ยู โอลด์แทร็ฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์ )
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 12 (The Lake District แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในอังกฤษ )





ล๊อกที่แล้ว เราพาท่านไปเยือนถิ่นปีศาจแดง Manchester United มาแล้วนะครับ บล๊อกนี้เราจะพาท่านกลับมาที่ถิ่นหงส์แดง ลิเวอร์พูลกันบ้าง โดยมีโปรแกรมชมพิพิธภัณฑ์ หรือ Museum ของสนาม เพราะช่วงที่เราไปนั้นสนามกำลังปรับปรุง โดยที่งานหลักในการปรับปรุงสนามครั้งนี้คือการเพิ่มอัฒจรรย์ทางด้านหน้า (Main Stand) อีก 8,500 ที่นั่ง เพื่อให้ทั้งสนามสามารถรองรับแฟนๆให้ได้ 54,000 ที่นั่ง (ดูเพิ่ม)

ฉะนั้นบล๊อกนี้เลยรวมเอาการเที่ยวชมบางส่วนของเมืองลิเวอร์พูลเข้ามาอยู่ด้วยกัน ตามไปอ่านกันเลยดีกว่าครับ







... ช่วงบ่ายวันที่ 16 กค. 2016 หลังจากที่ช่วงเช้าเราขับไปที่เมืองแมนเชสเตอร์เพื่อเยี่ยมชมรังของปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแล้ว เราไม่ได้เที่ยวที่เมืองแมนเชสเตอร์ต่อ เพราะเรามีเวลาไม่มากนัก ต้องกลับมาเก็บสนามแอนด์ฟิลด์ของหงส์แดงต่อ โชคดีที่เมืองทั้งสองห่างกันแค่ 34 ไมล์เอง ประกอบกับถนนเชื่อมเมืองที่เป็นมอร์เตอร์เวย์ 6 เลยส์วิ่งสบายๆด้วยความเร็ว 70 ไมล์/ชม. รถไม่ติดจึงทำเวลาได้ตามที่วางแผนเอาไว้ ...




ป้าย welcome มีภาษาไทยด้วย




พอมาถึงใกล้ๆสนามแอนฟิลด์แล้ว เราเสียเวลาวนหาที่จอดรถอยู่พอควร วนอ้อมไปด้านหนึ่งของ Stanley Park ไปเจอสนามของทีมท้อฟฟี่สีน้ำเงินเข้าที่ Goodison Park Stadium อยู่คนละฟากของปาร์ค ... เมื่อไม่มีที่จอดเราเลยตัดสินใจขับเข้าไปทางประตูด้านในใกล้้ๆเขตก่อสร้างนั่นแหละ บอก Security ที่อยู่ตรงประตูว่าเราอยากมาทัวร์สนาม เขาบอกว่าสนามกำลังปรับปรุงช่วงนี้ไม่รายการทัวร์ ถ้าจะเอาแค่ Museum น่ะได้ ... เราโอเค เขาเลยช่วยหาที่จอดให้ (แหมตังค์มาถึงหน้าบ้านอ่ะนะ)

มีเรื่องเล่าให้ฟังนิดหนึ่งเกี่ยวกับความเป็นชาวหงส์ของคนเมืองนี้คือ เมื่อเราขับผ่าน Security Guards เข้าไปที่จอดรถ การ์ดคนหนึ่งเห็นของที่เราซื้อมาจากสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อเช้านี้อยู่เบาะหลังรถ เราเลยโดนแซวว่า "ยู ยู ซ่อนสิ่งที่อยู่ในเบาะหลังนั่นดีๆนะ ถ้าใครเห็นเข้า ยูอาจจะไม่ปลอดภัยก็ได้น๊าาาา" ปาด คือโหดแท้...ที่เมืองนี้เขาเป็นแฟนหงส์กันมาก (น่าจะมากกว่าท้อฟฟี่สีน้ำเงินนะ) อย่างเมื่อวานเรามาถึงโรงแรม Trivelles Liverpool ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของโรงแรมถึงเส้นทางที่จะไปโอลด์แทรฟฟอร์ด เธอก็แซวเราว่า จะไปทำอะไรที่นั่น ไม่เห็นมีอะไรเลย สู้แอนฟิลด์ไม่ได้ (5555 โอ๊ยแรงจังเลยนะสาวน้อย)

เมื่อได้ที่จอดเป็นมั่นเหมาะก็เดินลิ่วไปตามป้ายไปที่ห้องซื้อตั๋ว ได้ตั๋วใบละ 9.5 ปอนด์ ก็เดินสู่มิวเซียมทันที หะแรกก็คิดอยากทานอะไรก่อนเดินเข้าชม เดินไปที่ร้านอาหารของสโมสร เจ้าหน้าที่ถามว่าจองมาไหม เราตอบไปว่า ไม่ เราจะเข้าได้ไหม คำตอบก็คือเรารีเสริฟโตะไว้ให้ลูกค้าที่จองมาเท่านนั้น จะให้เรารอเคลียร์หลังมีโตะว่าง โดยทำการจองไว้เลยไหมครับ เราบอกโนๆๆๆ (ไปต่อดีกว่า) .... ที่อังกฤษอะไรๆก็ต้องวางแผนให้ดีนะครับ





สนามแอนฟิลด์กำลังปรับปรุง (ในวันที่ไป...ขอบคุณภาพจากเวบ)



มาถึงแอนฟิลด์แล้วจะไม่เอาประวัติมาลงหน่อยก็ดูกระไรอยู่นะครับ ถึงแม้ว่าวันนี้ จขบ. จะไม่มีโอกาสได้้ยลโฉมสนามที่เราเห็นมากเป็นพิเศษ (ในทีวี) ก็ตาม ... แต่หลายๆคนก็คงอยากรู้ประวัติสนามนี้พอเป็นสังเขปนะครับ



สนามฟุตบอลแอนฟีลด์ (Anfield)

สนามฟุตบอลแอนฟีลด์ เป็นสนามฟุตบอลเหย้าของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ในเขตแอนฟีลด์ เมืองลิเวอร์พูล แอนฟีลด์สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2427 เริ่มแรกเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2435 เอฟเวอร์ตันย้ายสนามไปกูดิสันพาร์ก หลังจากก่อตั้งสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แอนด์ฟิลด์จึงกลายเป็นสนามเหย้าของลิเวอร์พูลนับแต่นั้นมา

แอนฟีลด์ประกอบไปด้วยอัฒจันทร์สี่ด้าน ได้แก่ สไปอันค็อป, อัฒจันทร์หลัก, เซนทีนารีสแตนด์ และอัฒจันทร์ฝั่งถนนแอนฟีลด์ มีความจุทั้งสิ้น 45,276 ที่นั่ง โดยจำนวนผู้ชมสูงสุดเท่าที่มีการบันทึกไว้คือ ในการแข่งขันเอฟเอคัพรอบที่ 5 ระหว่างลิเวอร์พูลกับวุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 บันทึกไว้ว่ามีผู้ชมทั้งสิ้น 61,905 คน

สนามฟุตบอลแอนฟีลด์ได้รับการรับรองจากสมาคมฟุตบอลยุโรปให้เป็นสนามระดับ 4 ดาว ซึ่งสามารถจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติหรือรายการใหญ่อื่น ๆ รวมทั้งการแข่งขันของทีมชาติอังกฤษ แอนฟีลด์เคยเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี พ.ศ. 2539 (ยูโร 96)

ในอนาคตสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลมีแผนขยายความจุของสนามเป็น 60,000 ที่นั่ง (ซึ่งวันที่ไป 17.07.2016 กำลังเพิ่มอัฒจรรย์อยู่)





ถ่ายจากถนนด้านหน้า





หน้ารูปปั้น Bill Shankly




เมื่อมาถึงถิ่นหงส์แล้ว ก็อดที่เล่าเรื่องเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ฮิลโบรโบโร่ไม่ได้ นับว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นการสูญเสียอย่างมากของแฟน The Kop จนทุกวันนี้เมื่อถึงวันที่ 15 เมษายน ของทุกปีจะมีแฟนๆเอาดอกไม้มาวาง เพื่อไว้อาลัยแฟนๆที่เสียชีวิตในการเบียดเสียดกันเพื่อเข้าชมแมทช์รอบรอง FA Cup กับ ทีมน้อตติ้งแฮมฟอเรสท์ ที่สนามฮิลโบโร่ ของเชฟฟิลด์เวนส์เดย์ ไม่ได้ จขบ.เลยคัดลอกเหตุการที่มีผู้แปลเป็นไทยเรียบร้อยแล้วมาให้อ่านกันครับ
อ่านเพิ่ม :https://en.wikipedia.org/wiki/Hillsborough_disaster





โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร (Hillsborough disaster)

โศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร เป็นอุบัติเหตุ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1989 เป็นวันที่การแข่งขันรอบรองชนะเลิศของเอฟเอคัพระหว่างลิเวอร์พูลกับน็อตติงแฮมฟอเรสต์ต้องตัดสินชะตาเพื่อหาผู้ชนะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศกับเอฟเวอร์ตัน สนามที่ใช้เป็นสนามแข่งคือ สนามฮิลส์โบโร ของเชฟฟิลด์เวนส์เดย์ ก่อนแข่งมีการกำหนดอัฒจรรย์สำหรับกองเชียร์ทั้งสองทีมและถูกทักท้วงโดยลิเวอร์พูลมาก่อนหน้าแล้วเนื่องจากทีมลิเวอร์พูลซึ่งมีแฟนบอลมากกว่าแต่ได้ฝั่งที่นั่งที่จุคนได้น้อยกว่าคือ เลปปิงส์ เลน เอนด์ ทีจุได้ 14,600 ที่ แต่ทีมน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ทีมที่เล็กกว่าแต่ได้อัฒจรรย์ฝั่งที่จุคนมากกว่าที่ฝั่งด้านตะวันออกหรือ สเปียน ค็อป ที่จุ 21,000 ที่ และเป็นความผิดพลาดแรกของฝ่ายจัดการแข่งขันก่อนที่เหตุการณ์เศร้าสลดจะตามมา การแข่งขันมีกำหนดการณ์คือเวลา 15.00 น. และมีการประกาศให้แฟนบอลควรเข้าสนามก่อนเวลา 14.45 น. แฟนบอลของน็อตติงแฮมฟอเรสต์เข้าสู่สนามไม่ยากนักเพราะจำนวนที่น้อย แต่แฟนบอลลิเวอร์พูลที่ประสบปัญหาการจราจรและการตรวจตราอย่างเข้มงวด รวมทั้งรู้อยู่แล้วว่าตั๋วที่มีจำกัดกับความต้องการชมของแฟนบอลที่มีมากกว่าทำให้มากระจุกอยู่ที่ทางเข้าที่มี 3 ทางและมีช่องเช็คตั๋วแบบเก่าที่ใช้การหมุนอยู่ 7 ตัว

และยิ่งใกล้เวลาแข่งแฟนบอลยิ่งกังวลใจและอยากจะเข้าไปชมเกมส์ในสนามอย่างรวดเร็วทำให้ทางเข้าที่ค่อนข้างแคบถูกผลักดันจากแฟน ๆ ข้างหลัง ในขณะที่แฟนบอลบางคนก็ไม่มีตั๋วชมเกมทำให้ถูกกัก แฟนบอลข้างหลังก็ผลักดันและเมื่อคนคุมเห็นฝูงชนที่แออัดก็เลยเปิดประตูทางเข้าประตู C ที่ไม่มีช่องเช็คตั๋วทำให้กองทัพแฟนบอลแห่กันเข้าไปช่องทางนั้นอย่างมากมาย ประกอบกับการแข่งขันเริ่มไปแล้ว เสียงกองเชียร์ในสนามโห่ยิ่งเพิ่มแรงผลักดันถาโถมเข้าไป และทางเข้า ประตู C ที่นำไปสู่ล็อกผู้ชมที่ 3 และ 4 ในสนามที่รองรับผู้ชมได้เพียง 1,600 คน แต่การถาโถมแบบไม่มีทิศทางเพราะไม่ได้ผ่านช่องเช็คตั๋ว ทำให้แฟนบอลกว่า 3,000 คนเข้าไปอัดกันในล็อกที่นั่ง 3 และ 4 และ เนื่องจากในสมัยนั้นแต่ละล็อกจะมีรั้วกั้นเพื่อป้องกันบรรดาฮูลิแกนส์หรืออันธพาลลูกหนังที่ก่อเรื่องในสมัยนั้น แฟนบอลที่แห่แหนเข้าไปจากข้างหลังก็อัดแฟนบอลที่อยู่ข้างหน้าจนติดรั้ว และเมื่อเริ่มการแข่งขันมา 4 นาที ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ก็ซัดลูกข้ามคานทำให้เรียกเสียงเชียร์จากแฟน ๆ ในสนามแต่กลับเป็นการเร่งเร้าให้กองเชียร์นอกสนามทะลักเข้ามาในสนาม แฟนบอลถูกอัดจนหายใจไม่ออกมีบ้างที่ปีนกำแพงหนีออกมาได้ การแข่งขันที่เริ่มไปเพียง 6 นาทีตำรวจก็ให้สัญญาณหยุดการแข่งขัน ในเวลา 15.06 น. และต่างเข้าไปช่วยแฟนบอลที่โชคร้าย แต่โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดในสนามฟุตบอลก็เกิดขึ้นเพียงเพราะความผิดพลาดในการจัดการตั้งแต่แบ่งที่นั่ง การดูแลการเข้าสนามและการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์

ในที่สุดมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 95 ราย และอีกหนึ่งรายเสียชีวิตที่โรงพยาบาล รวมทั้งสิ้น 96 ราย ซึ่งล้วนแต่เป็นแฟนของลิเวอร์พูล

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ว่ากันว่าเป็นเพราะความสะเพร่าของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อนุญาตให้แฟนลิเวอร์พูลกว่า 2,000 คน แออัดเข้าไปในอัฒจรรย์ฝั่ง เลปปิงส์ เลน เอนด์ ในช่วงก่อนที่จะเริ่มเกมไม่กี่นาที แถมยังปล่อยให้เข้าไปในชั้นที่มีแฟนบอลแออัดกันแน่นอยู่แล้ว แทนที่จะเป็นฝั่งที่มีแฟนบอลเบาบางกว่า ทำให้แฟนบอลที่อยู่ด้านหน้าโดนอัดติดกับรั้วเหล็ก ซึ่งรั้วเหล็กดังกล่าวกลายเป็นสิ่งที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์บางรายกล่าวว่า แฟนบอลที่โดนอัดมาติดรั้วหลายรายเริ่มมีอาการตัวเขียวหน้าเขียว ขณะที่ผู้เสียชีวิตบางรายสิ้นใจเพราะขาดอากาศหายใจขณะทียังยืนอยู่

หลังเหตุการณ์นี้ทำให้การเข้าชมฟุตบอลในสนามของลีกสูงสุดของอังกฤษต้องเป็นเปลี่ยนอัฒจรรย์แบบยืนเป็นแบบมีที่นั่งทั้งหมดและให้รื้อรั้วเหล็กออก ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับฟุตบอลยุคใหม่ในอังกฤษ

ในปี ค.ศ. 2012 ได้มีการสอบสวนเหตุการณ์นี้ใหม่อีกครั้ง พบว่าในรายงานเหตุการณ์ในครั้งนั้นที่เชื่อว่ามีความครอบคลุมและสมบูรณ์พร้อมแล้ว พบว่ามีหลายจุดในรายงานฉบับดังกล่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และหลายประเด็นก็ไม่ถูกพูดถึง อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นแง่บวกของรายงานฉบับดังกล่าว คือ การที่ทำให้มีการออกกฎให้ทุกสนามใน 2 ดิวิชั่นของอังกฤษ ปรับอัฒจรรย์เป็นที่นั่งทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2014

ในปี ค.ศ. 2014 ในสัปดาห์ที่ 2 และ 3 ของเดือนเมษายน ซึ่งเป็นวาระครบ 25 ปีของอุบัติเหตุครั้งนี้ ก่อนการเตะฟุตบอลทุกระดับในอังกฤษไม่ว่าจะเป็นรายการพรีเมียร์ลีกหรือเอฟเอคัพ จะมีการยืนไว้อาลัยเป็นเวลา 6 นาที และจะเริ่มเกมในนาทีที่ 7 เนื่องจากเวลาที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เป่านกหวีดให้ยุติการแข่งขันคือเวลา 15.06 น. ก็คือ หลังจากที่เกมเอฟเอเคัพในครั้งนั้นเริ่มไปได้ 6 นาทีแล้วนั่นเอง

ที่มา : https://th.wikipedia.org






แฟนหงส์




เราใช้เวลาในการเดินชมสิ่งของต่างๆที่เขาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ประมาณชั่วโมงครึ่งรวมทั้งฟังคำบรรยายเกี่ยวกับการปรับปรุงสนามแอนดฟิลด์ ให้สามารถจุแฟนๆได้เพิ่มมากขึ้น ก่อนที่จะเดินออกมาเก็บภาพรอบอีกครั้งก่อนเดินทางไปย่านท่าเรือ Albert Dock ที่ฝั่งแม่น้ำเมอร์ซีย์ ใกล้ๆปากอ่าวลิเวอร์พูล .... จขบ. คงต้องปล่อยให้ภาพใน Museum อธิบายรายละเอียดแทนละกันครับ





สาวหงส์ที่ทางเข้าพิพิธภัณฑ์









































จากสนามแอนฟิลด์ เราขับเข้าเมืองไปที่ย่านท่าเรือเมืองลิเวอร์พูล
ริมแม่น้ำเมอร์ซีย์ ที่บริเวณ Albert Dock
ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง
ของผู้มาเยือนเมืองนี้ครับ





จากแอนฟิลด์ไปอัลเบิร์ตด๊อค



เนื่องจากเราได้ขับเข้าไปในเมืองแล้ว ยังไงก็ต้องใช้รถนี่แหละเที่ยวในเมืองต่อ (ปกติเวลาเราทริปในเมือง เราจะจอดไว้ที่จอดรอบๆเมืองกัน แล้วนั่งรถรับส่งหรือรถเมล์ของเขาเข้าไปเที่ยวย่านท่องเที่ยว) เราใช้เส้นทางตามแผนที่ด้านบน ไม่นานนักก็มาถึงถนน Strand Street ขับไปเรื่อยมองเห็นกลุ่มอาคารสีแดง มีเจ้าชิงช้าหรือ Ferris Wheel ยืนเด่นอยู่

เราเลี้ยวเข้าที่จอด ซึ่งทางเข้าจะมีไม้กั้นให้กล้องถ่ายภาพป้ายทะเบียนรถเรา เสร็จแล้วก็จะเปิดให้เราเข้าไป เราจะจ่ายค่าที่จอดหลังจากที่เราเที่ยวเสร็จแล้ว โดยต้องมาที่ตู้จ่ายตังค์ กดบอกทะเบียนรถ แล้วราคาจะป้อบอัพขึ้นมาอัตโนมัติ แล้วเราก็จ่ายด้วยแบ๊งค์หรือเหรียญ หลังจากนั้นก็จะได้ Receipt เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนตอนที่เราขับออกไป (เขาคงเซ็ทเวลาไว้ว่าหลังจากจ่ายตังค์แล้วกี่นาที?) เราจะจอดให้กล้องจับภาพป้ายเราอีกครั้ง ไม้กั้นก็จะเปิดออก ...สะดวกมากๆครับ







Ferris wheel ที่อัลเบิร์ตด๊อค ส่วนอาคารด้านหลังคือ Echo Arena สถานที่จัดประชุมขนาดใหญ่




Albert Dock

อัลเบิร์ตด๊อค เป็นกลุ่มอาคารสีแดงเรียงรายกันริมแม่น้ำเมอร์ซีย์ และเป็นอีกเขตหนึ่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย อัลเบิร์ตด๊อคใช้เป็นที่จอดเรือขนส่งสินค้าที่เมืองลิเวอร์พูล ในนั้นจะมีโกดัง (warehouse) เป็นอาคารสีแดงเลือดนก ... อัลเบิร์ตด๊อคออกแบบโดย Jesse Hartley และ Philip Hardwick เปิดใช้งานในปี 1864 และเป็นกลุ่มอาคารแห่งแรกของอังกฤษที่สร้างด้วย เหล็หล่อ (Cast Iron) อิฐ และหิน โดยไม่มีไม้เลย โดยวัตถุประสงค์ในการออกแบบและใช้วัสดุแบบนั้น ก็เพื่อป้องกันการติดไฟนั่นเอง ซึ่งว่ากันว่าเป็นระบบโกดังที่จะไม่ติดไฟแห่งแรกของโลกด้วย ( it was the first non-combustible warehouse system in the world) นอกจากนั้น อัลเบิร์ตด๊อค ยังนำระบบไฮดรอลิคเครนมาใช้ยกของแห่งแรกของโลกอีกด้วย

เมื่อสงครามโลกครั้งที่2 สถานที่แห่งนี้รัฐบาลอังกฤษใช้เป็นฐานทัพเรือ จึงโดนโจมตีจากข้าศึกอย่างหนัก หลังสงครามโลกที่แห่งนี้ก็ซบเซาและปิดตัวเองในที่สุด เมื่อปี 1972 และถูกทิ้งร้างอยู่หลายปี จนกระทั่งบริษัท Merseyside Development เข้ามาฟื้นฟูระบบขนส่ง ทั้งรถเมล์ รถไฟ และเรือเฟอรรี่ เปลี่ยนโกดังสินค้าเก่าให้เป็นย่านบันเทิง ร้านอาหาร รวมทั้งมีพิพิธภัณฑ์ดีๆตั้ง 4 แห่ง คือ International Slavery Museum แสดงเกี่ยวกับการค้าทาส Merseyside Maritime Museum แสดงถึงยุครุ่งเรืองของเมืองท่าแห่งนี้ Tate Liverpool หอศิลปแสดงภาพเขียนและภาพถ่าย และ Museum of Liverpool.

Albert Dock เป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษครับ (อ่านเพิ่มเติม)






Albert Dock, Liverpool







กลุ่มอาคารโกดัง (warehouses) ที่ อัลเบิร์ตด๊อค






เรือที่พัก








The Beatles Story

เป็นอีกที่หนึ่งที่เราควรไปแวะชม เมื่อมาที่อัลเบิร์ตด๊อค ... บีทเทิลสตอรี่เปิดตัวที่อัลเบิร์ตด๊อคเมื่อปี ค.ศ. 1990 เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าความสำเร็จของบอยแนด์วงแรกของโลก และเป็นต้นแบบของวงดนตรีในยุคต่อๆมา ด้วยคำร้อง ทำนองที่เรียบง่ายแต่กินใจ เพลงของพวกเขาจึงถูกนำมาร้องใหม่นับครั้งไม่ถ้วน




เดอะบีทเทิลส์ ประกอบไปด้วยสมาชิก 4 คนคือ John Lennon, Paul McCartney, George Harrison และ Ringo Star พวกเขาตระเวนเล่นดนตรีตามเมืองต่างๆระแวกลิเวอร์พูล รวมทั้ง Cavern Club บน Victoria Street ... ผลงานอัลบั้มแรกของ The Beatles เผยโฉมในปี 1962 ... ในปี 1967 เขาตั้งบริษัทของตัวเองชื่อ Apple Corporation ใช้สัญลักษณ์เป็นลูกเอปเปิ้ลเขียว แล้วก็ออกอัลบั้ม Yellow Submarine จนถึง Abbey Road และ Let it Be ในปี 1970 พวกเขาจึงแยกวงอย่างเป็นทางการ John Lennon ไปเป็นนักเขียนและนักเรียกร้องสันติภาพ จนถูกยิงเสียชีวิตที่นิวยอร์ค เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1980 ส่วน Paul McCartney ไปเป็นโปรดิวเซอร์และนักธุรกิจ George Harrison ไปเป็นโปรดิวเซอร์และนักสร้างภาพยนต์ และ Ringo Star ไปเป็นดาราภาพยนต์ (อ่านเพิ่มเติม)


Beatles Story





รูปปั้น The Beatles





Billy Fury นักร้องชาวอังกฤษผู้โด่งดังในยุค 50s ซึ่งเป็นชาวลิเวอร์พูลโดยกำเนิด





ทางเดินริมฝั่งแม่น้เมอร์ซีย์...ดูที่โซ่เต็มไปด้วยกุญแจ






Museum of Liverpool ริมแม่น้ำเมอร์ซีย์






กลุ่มอาคาร The Three Graces



เดินเลียบฝั่งแม่น้ำไปเรือยๆ เมื่อเลย Museum of Liverpool ไปจะเห็นกลุ่มอาคารเด่นๆอยู่ 3 หลัง เรียกว่า The Three Graces ซึ่งประกอบไปด้วย Port of Liverpool Building สร้างเมื่อปี 1907 เป็นอาคารสไตล์อิตาลี มีโดมเด่นอยู่ สร้างด้วยหินพอร์ตแลนด์ทั้งหลัง เป็นที่ทำการท่าเรือลิเวอร์พูล ตึกตรงกลางคือ Cunard Building สร้างเมื่อปี 1916 ในสไตล์อิตาเลียน กรีกและสถาปัตยกรรมแบบอเมริกัน เป็นที่ทำการของบริษัทเดินเรือ Cunard Steamship และตึกที่โดดเด่นที่สุดคือ Royal Liver Building สร้างในปี 1911 เป็นอาคารคอนกรีตหลายชั้นแห่งแรกในอังกฤษ มีหอคอยสูงอยู่สองด้าน วัดจากพื้นได้ 90เมตร เคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดของเมือง แต่ตอนหลังเสียแชมป์ให้ St John Beacon ซึ่งสูง 102 เมตร บนยอดหอคอยของรอยัลริเวอร์ มีรูปปั้นทองแดงของนกริเวอร์คาบกิ่งไม้ตั้งอยู่ด้านละตัว ตัวหนึ่งหันหน้าเข้าเมือง อีกตัวหันหน้าออกสู่ทะเล และเป็นสัญลักษณ์ของลิเวอร์พูลตั้งแต่นั้นมา.





Port of Liverpool Building





Royal Liver Building (ซ้าย) Cunard Building (ขวา)





Cunard Building (ซ้าย)








ออกจาก Albert Dock & Pier Head เราขับเข้าไปที่ย่านสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ ที่ตั้งอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูลแห่งนี้ คือสถานีรถไฟไลม์สตรีท (Liverpool Lime Street Station) ซึ่งเป็นย่านที่ค่อนข้างจอแจด้วยถนนเก่าที่แคบ รถมากมาย ... แต่เพราะย่านนั้นมีสถานที่ต่างๆมากมายให้เราได้เดินชม เช่น Walker Art Gallery, Empire Theatre, St George's Hall, World Museum และบริเวณใกล้ๆกันนั้นยังมีถิ่นกำเนิดของวง The Beatles ตำนานร็อควงแรกของโลกอยู่ด้วย


ที่จริงถ้าเราไม่ขับรถมา เราก็สามารถเดินจาก Albert Dock ตามแผนที่ที่ให้ไว้ เพื่อผ่านเข้าไปในถนนวิคตอเรีย แล้วจะเจอ Cavern Club ซึ่งอยู่ในซอยใกล้สี่แยก Victoria Street & N John Street เลยขึ้นมาอีกหน่อยจะพบถนน Stanley St และ Temple Ct แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป จะเจอถนน Mathew แถวๆนั้นแหละคือแหล่งตำนานของ เดอะบีทเทิ้ล




เส้นทางเดินไปที่บริเวณสถานีรถไฟที่ Lime Street




เมื่อเราเอารถเข้ามาด้วย (ที่จริงเสี่ยงมากกับการไม่รู้ทาง...ไม่แนะนำครับ) ก็ต้องวนหาที่จอดสิ เพราะว่าอยากจอดให้ใกล้กับสถานีรถไฟมากที่สุด เลยวนเข้าจนผิดเลนส์เพราะโค้งถนนบังป้ายไว้ (เข้าไปใกล้ๆถึงเห็นว่าเขาให้เข้าได้เฉพาะรถบัส) ทีนี้ก็แว้ปออกสิครับ หลบเข้าไปรอไฟตรงตรงขีดตารางเหลืองซะด้วย (ก็รอลุ้นว่าตำรวจจะเมตตาไหม) ... วนไปวนมา ก็ได้ที่จอดแบบจ่ายเงิน Pay & Place เครื่องก็เก่า ทอนเงินก็ไม่ได้ เหรียญก็ไม่พอ โชคดีที่เจ้าหน้าที่เดินมาถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม? เรารีบบอกเลยเหรียญจะหยอดก็ไม่พอจะทำไงดี รถก็จอดแล้ว เธอเลยช่วยแลกเหรียญกับเพื่อนมาให้ แถมช่วยหยอดด้วย โดยเราบอกว่าขอ 2 ชั่วโมง ประมาณ 2 ปอนด์กว่าๆ จึงได้ที่จอดครับ




เมืองลิเวอร์พูล (Liverpool)

Liverpool เป็นเมืองที่มีฐานะเป็นนครและเป็นเมืองเมโทรโพลิตันของเมอร์ซีย์ไซด์ในภาคการปกครองตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ลิเวอร์พูลตั้งอยู่ทางตะวันออกของปากน้ำเมอร์ซีย์ (Mersey Estuary) ลิเวอร์พูลก่อตั้งมาตั้งแต่ ค.ศ. 1207 และได้รับฐานะเป็น “นคร” ในปี ค.ศ. 1880

จากการสำรวจสำมโนประขากรใน ค.ศ. 2006 ลิเวอร์พูลมีประชากรทั้งหมดประมาณ 435,500 คน โดยมีความหนาแน่นเป็นจำนวน 5,001 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร เมื่อรวมประชากรในปริมณฑลแล้วก็เป็น 816,216 คน

ในทางประวัติศาสตร์ของมณฑลเดิมลิเวอร์พูลเป็นส่วนหนึ่งของแลงคาสเชอร์ ความรุ่งเรืองของลิเวอร์พูลมาจากการเป็นเมืองท่าสำคัญ ภายในคริสต์ศตวรรษที่ 18 การติดต่อค้าขายกับแคริบเบียน, ไอร์แลนด์ และแผ่นดินใหญ่ยุโรป และความสะดวกในการติดต่อค้าขายกับการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติค (Atlantic Slave Trade) ยิ่งทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากยิ่งขึ้น ภายในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 40% ของการค้าขายในโลกต้องผ่านเมืองท่าลิเวอร์พูลซึ่งทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นเมืองสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของอังกฤษ

ผู้ที่มาจากลิเวอร์พูลมักจะเรียกกันว่า “ลิเวอร์พัดเลียน” (Liverpudlians) หรือ “สเกาส์” (Scouse) ที่มาจากอาหารท้องถิ่นชื่อเดียวกันที่เป็นสตู นอกจากนั้นคำว่า “สเกาส์” ยังใช้เรียกสำเนียงท้องถิ่น การที่เป็นเมืองท่าทำให้ประชากรของลิเวอร์พูลมีความแตกต่างกันทางเชื้อชาติที่มาจากที่ต่างๆ โดยเฉพาะจากไอร์แลนด์

ความเป็นที่นิยมของเดอะบีทเทิลส์และกลุ่มนักร้องอื่นๆ ทำให้ลิเวอร์พูลเป็นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ... ในปี ค.ศ. 2007 ลิเวอร์พูลฉลองครบรอบ 800 ปีที่ก่อตั้งมาและในปี ค.ศ. 2008 ลิเวอร์พูลก็ได้รับตำแหน่งเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปพร้อมกับเมืองสตราวันเจอร์ ในนอร์เวย์

ในปี ค.ศ. 2004 บริเวณหลายบริเวณในตัวเมืองได้รับฐานะเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกที่เรียกว่าเมืองการค้าทางทะเลลิเวอร์พูล (Liverpool Maritime Mercantile City) ที่ประกอบด้วยบริเวณที่แยกกันหกบริเวณในตัวเมืองที่รวมทั้ง เพียร์เฮด (Pier Head) , ท่าอัลเบิร์ตและถนนวิลเลียม บราวน์ และสถานที่ที่น่าสนใจของตัวเมือง
ที่มา : th.wikipedia.org





St John's Gardens





ซ้าย : St George's Hall ขวา: Wellington's Column ( Waterloo Memorial)





Walker Art Gallery





St George's Hall
เวลาทีมหงส์เขาได้แชมป์มาจากเมืองอื่นก็จะมาเริ่มเฉลิมฉลองกันจาก
ตรงนี้แหละครับ บริเวณจตุรัสหน้า St George's Hall





Empire Theatre







Liverpool Lime Street Station




สถานีรถไฟไลม์สตรีท เป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองลิเวอร์พูล ซึ่งก่อนหน้านั้นทางรถไฟสายแมนเชสเตอร์-ลิเวอร์พูลได้ก่อสร้างสถานีที่นอกเมืองฝั่งตะวันออกบนถนน Crown Street ใน Edge Hill ต่อมามีความต้องการที่อยากจะให้สถานีรถไฟมาอยู่ที่กลางเมือง จึงได้มาสร้างสถานีแห่งนี้ขึ้น ที่ถนน Lime Street และเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1833 เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 15 สิงหาคม 1836 (อ่านเพิ่ม)







สภาพถนนในย่านสถานีรถไฟไลม์สตรีท ลิเวอร์พูล




หลังจากเดินชมสถานที่ต่างรอบๆย่านสถานีรถไฟ Liverpool Lime Street จนเหนื่อยอ่อนแล้ว เราก็ขับกลับที่พักที่ Trivelles Hotel, Stanley Rd, Merseyside L5 7QD, UK ซึ่งอยู่ห่างจากสนามแอนฟิลด์ ของลิเวอร์พูลประมาณเดิน 30 นาที หรือห่างจากสนาม Goodison Park ของ Everton ประมาณเดิน 20 นาที







โรงแรม Trivelles Hotel, Liverpool




วันนี้เดินทางไปถึง 2 เมือง คือเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อชมสนามเหย้าของทีมปีศาจแดง Manchester United ที่สนาม Old Trafford ... จากนั้นก็กลับมาที่เมืองลิเวอร์พูลพาท่านไปชม Museum ของทีมหงส์แดงที่สนาม Anfield แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ชมสนามเพราะกำลังปรับปรุงอยู่ จากแอนฟิลด์เราไปที่ท่าจอดเรือ Albert Dock ริมฝั่งแม่น้ำเมอร์ซีย์ ใกล้ๆปากอ่าวลิเวอร์พูล จบจากย่านอัลเบิร์ตด๊อค เราไปต่อกันในย่านกลางเมืองที่สถานีรถไฟเก่าแก่ของลิเวอร์พูล คือย่านสถานีรถไฟไลม์สตรีท เดินชมสถานที่ต่างๆก่อนกลับมาพักที่โรงแรมเป็นคืนที่สอง




วันนี้พักผ่อนแต่วันหน่อยคือประมาณ 20.30 น. (แต่ยังสว่างโล่อยู่เลย) เพื่อเตรียมเดินทางไกลขึ้นทางเหนือไปที่ Lake District เมือง Windermere สถานที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวอังกฤษ .... บล๊อกหน้าไปชมกันครับ




ขอบคุุณที่ตามอ่านมาตลอดครับ




ลา Liverpool ด้วยภาพจตุรัสหน้า Walker Art Gallery และ Wellington's Column ครับ





______________










Create Date : 24 ตุลาคม 2559
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 9:27:56 น. 5 comments
Counter : 7864 Pageviews.

 
หือออ เพิ่งได้รู้รายละเอียดเรื่องโศกนาฏกรรมฯ ก็จากเอนทรี่นี้ค่ะ ขอบคุณที่เล่าให้ฟังนะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ที่เห็นและเป็นมา Music Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Dharma Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
Max Bulliboo Klaibann Blog ดู Blog
Maeboon Klaibann Blog ดู Blog
wicsir Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 ตุลาคม 2559 เวลา:9:15:56 น.  

 
เที่ยวฟรีกับคุณ wic ต่อค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
wicsir Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 27 ตุลาคม 2559 เวลา:17:47:48 น.  

 
wicsir Travel Blog ดู Blog
ขอบคุณที่พาไปเที่ยวนะคุณวิก



โดย: หอมกร วันที่: 28 ตุลาคม 2559 เวลา:8:05:44 น.  

 
thx u crab ที่นำความรู้มาแบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 29 ตุลาคม 2559 เวลา:2:17:34 น.  

 
มาเที่ยวด้วยค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

wicsir Travel Blog ดู Blog


โดย: newyorknurse วันที่: 31 ตุลาคม 2559 เวลา:1:26:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2559
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
24 ตุลาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.