อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 8 (เบอร์ตันออนเดอะวอเตอร์ และอ๊อกฟอร์ด)
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 10 (พาเยือนถิ่นแมน-ยู โอลด์แทรฟฟอร์ด เมืองแมนเชสเตอร์)

บล๊อกก่อนหน้านี้เราพาท่านเดินทางจากเมือง Bristol ไปที่เมืองเล็กๆ หรือจะเรียกว่าหมู่บ้านก็ไม่ผิด ชื่อ Bourton on the Water ที่มีแม่น้ำ Windrush ไหลผ่าน มีความสวยงามเหมาะแก่การไปพักผ่อน แล้วจากนั้นก็เดินทางต่อไปที่เมืองแห่งการศึกษาอันเก่าแก่ของอังกฤษที่ Oxford เราจบทริบวันนั้นดั้นด้วยการพักค้างคืนที่ Cherwell Guesthouse, Iffley Rd.

Stratford upon Avon

วันนี้ตามแผนที่เราวางไว้คือจะไปแวะชมเมือง Stratford upon Avon (สแทรตฟอร์ด อะพอน เอวอน) บ้านเกิดของนักประพันธ์เอกเชกส์เปียร์ก่อน แล้วจะเดินทางต่อไปที่เมือง Chester ที่อยู่ทางตะวันตกและไม่ไกลจากลิเวอร์พูลนัก จากนั้นก็จะเดินทางต่อไปที่เมืองลิเวอร์พูลและจะพักที่ Trivelles Liverpool ทั้งหมด 2 คืน (คือใช้ลิเวอร์พูลเป็นฐาน เพราะมีแผนจะไปเมืองแมนเชสเตอร์ด้วย) ครับ

เมืองสแทรตฟอร์ดริมแม่น้ำเอวอน ยามเช้า

แผนการเดินทางวันที่ 15 ก.ค. 2016

ตามแผนการเดินทางด้านบน ระยะทางและเวลาในการขับค่อนข้างนาน คือประมาณ 302 กม. นี่คือคำนวณตามแผนที่นะครับ ถ้าอยากได้เวลาเที่ยวในแต่ละแห่งนานหน่อย ก็ต้องทำเวลาในการเดินทาง (หมายถึงวางแผนเรื่องเวลาให้รัดกุม)

เราจึงออกเดินทางจากที่พักแต่เช้าประมาณ 7 โมงเช้า โดยไม่รอรับอาหารเช้าจากที่พักซึ่งเขาบอกว่าจะเปิดครัวประมาณ 08.30 น. เราแจ้งการเช็คเอ้าท์ให้ทางที่พักเขาทราบตั้งแต่ตอนเย็นแล้วในเรื่องการออกเดินทางจากที่นี่และเขาก็บอกขั้นตอนในการดร็อบกุญแจไว้ที่ไหนให้เรา แล้วเราก็สามารถไปได้เลย....ทุกอย่างเรียบร้อยล้อหมุนตามเส้นทางในแผนที่สู่ Stratford upon Avon ทางตอนเหนือของ Oxford ทันที

ใกล้ๆกับโบสถ์เชคส์เปียร์

เรามาถึงเมืองสแทรตฟอร์ดค่อนข้างเช้า คือประมาณ 08.00 น. ใช้เวลาขับในมืองนิดหน่อยก็มาถึงโบสถ์เชกสเปียร์ (shakespeare's church) บริเวณถนนด้านหน้ามีล๊อคให้จอดรถแบบ Pay & Place เราหยอด 3 ชั่วโมงเผื่อเหลือเผื่อขาดราคา ชม.ละ 1 ปอนด์ แต่เนื่องจากเรามาเช้าเราเลยได้ฟรีครึ่งอีกชั่วโมง (เขาคิดตังค์ตั้งแต่ 08.30 - 18.00 น.)

Shekespeare's Church หรือ Holy Trinity Church เป็นโบสถ์ที่เชกเปียร์เข้ารีตทำพิธีล้างศีลบาบในวัยเด็ก และเป็นสุสานที่ฝังร่างของเขาชั่วนิรันดร์กาลด้วย ตัวโบสถ์ยังไม่เปิดให้เข้าชม เราเลยถือโอกาสเดินชมรอบๆ ซึ่งที่ตั้งของโบสถ์ก็อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอวอนนั่นเอง.

เดินเข้าไปชมโบสถ์เชกสเปียร์ หรือ Holy Trinity Church

Shakespeare church

เดินลัดเลาะริมน้ำเอวอนไปหน่อยก็เจอโรงละครเล็กๆ ตั้งอยู่ในสวนใกล้ๆวัดหรือโบสถ์ St Mary (ไม่แน่ใจ) เดินตามฝั่งแม่น้ำเอวอนไปหน่อยก็จะเจอ Swan Theatre ตึกสีแดงริมแม่น้ำครับ ด้านหน้าเป็นสวนสาธารณะ ถ้าข้ามสะพานไปก็จะเจอ Gower Memorial

ในแม่น้ำเอวอนจะมีเรือให้เช่าพายและมีรายการทัวร์แบบล่องแม่น้ำด้วยครับ จขบ. ชอบเรือพายเหล่านนั้นที่ใส่ชื่อตัวละครเอกในกวีนิพนธ์ของท่านเชคสเปียร์ เพราะมันเหมือนเราได้เข้ามาในบ้านเกิดของเขาแล้วจริงๆ

หน้าโรงละครเล๊กๆ ใกล้ๆโบสถ์เชกสเปียร์

RSC - Swan Theater

Royal Shakespeare Company - Swan Theater (Cr : www.thecotswoldsguide.com)

เรือพายเหล่านี้มีชื่อตัวละครของเชกสเปียร์

Stratford upon Avon

สแทรตฟอร์อะพอนเอวอน เมืองที่ชื่อยาวเหยียดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอวอน หรือปัจจุบันก็คือเมืองที่มีแม่น้ำเอวอนไหลผ่าน เมืองนี้อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน ไปประมาณ 163 กม. หรือ 101 ไมล์ อยู่ในแคว้นวอวิคเชอร์ (Warwickshire) ... สแทรตฟอร์ดอะพอนเอวอน มีประชากร 27,455 คน (สำรวจปี 2011)

เมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองยอดนิยมในการมาเยือนของนักท่องเที่ยว เพราะว่าเป็นบ้านเกิดของกวีเอกของโลก วิเลี่ยม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) ผู้ซึ่งประพันธ์นิยายหลายเรือ่ง หนึ่งในนั้นที่คนไทยเรารู้จักดีคือ "โรมีโอและจูเลียต" .... เมืองบ้านเกิดของท่านเช็กสเปียร์แห่งนี้ประมาณการว่ามีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละ 4.9 ล้านคนเลยทีเดียวครับ

บน : Gower Memorial ล่าง : ภาพจากแปลงดอกลาเวนเดอร์

บ้านเมืองใน Stratford upon Avon

เดินออกมาจาก Gower Memorial เข้ามาทางในตัวเมือง ผ่านถนน Henley St. ซึ่งเป็นคล้ายๆถนนคนเดิน มีร้านอาหาร กาแฟอยู่บริเวณนั้น รวมทั้งร้านกิฟช้อปอีกหลายร้าน ที่สำคัญที่สุดคือมีบ้านเกิดของท่านเชกสเปียร์อยู่บนถนนนี้ด้วย ปลายถนนจะมี Henley Street, Jester Statue ตั้งอยู่

ตอนที่เราเข้าไปในบริเวณนั้นยั้งเช้าอยู่ บางร้านก็กำลังเตรียมที่จะเปิด เราเลยเสียโอกาสที่จะนั่งทานกาแฟเพื่อชมบรรยากาสเลย ตอนที่เราเดินถ่ายภาพ ก็เห็นมีผู้คนเดินชมสถานที่ต่างๆเช่นเดียวกะเราเหมือนกัน

บ้านเกิดของเชกสเปียร์

ภาพวาดของวิลเลี่ยม เชกสเปียร์ (ขอบคุณภาพจากเวบ)

William Shakespeare

เชกสเปียร์ เกิดและเติบโตที่เมืองสแตรทฟอร์ด ริมแม่น้ำเอวอน เมื่ออายุ 18 ปี เขาสมรสกับแอนน์ ฮาธาเวย์ มีบุตรด้วยกัน 3 คนคือ ซูซานนาและฝาแฝด แฮมเน็ตกับจูดิธ ระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1585-1592 เขาประสบความสำเร็จในการเป็นนักแสดงในกรุงลอนดอน รวมถึงการเป็นนักเขียน ได้ร่วมเป็นหุ้นส่วนในคณะละคร Lord Chamberlain's Men ซึ่งในภายหลังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในชื่อ King's Men เชกสเปียร์เกษียณตัวเองกลับไปยังสแตรทฟอร์ดในราวปี ค.ศ. 1613 และเสียชีวิตในอีกสามปีต่อมา ไม่ค่อยมีบันทึกใดเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเชกสเปียร์มากนัก จึงมีทฤษฎีมากมายที่คาดกันไปต่างๆ นานา เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว ความเชื่อทางศาสนา และแรงบันดาลใจในงานเขียนของเขา (อ่านเพิ่มเติม)

หน้าบ้านเชคสเปียร์

ซ้าย : ป้ายโฆษณาเกี่ยวกับ Shakespeare's house ขวา : ถ่ายกับ Jester Statue

Henley Street

Town Hall

เราเดินชมเมืองและถ่ายภาพจนกระทั่งเกือบ 10 โมงก็กลับไปที่รถและเดินทางต่อเพื่อให้ทันชมเมืองเชสเตอร์ในตอนบ่าย...มีหลายแห่งที่เรายังไม่ได้ไปชม เอาไว้คราวหน้าค่อยมาเก็บรายละเอียดต่อไปครับ

การเดินทางไปที่ Stratford upon Avon สามารถไปได้ทั้งทางรถไฟ และรถยนต์ รถไฟ : Chiltern Railways

ออกเดินทางจาก Stratford upon Avon ขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือตามเส้นทางสาย M6 ระยะทางประมาณ 182 กม. หรือ 114 ไมล์ ตามเส้นทางมอเตอร์เวย์ของอังกฤษจะมีที่พักรถที่เรียกว่า Service ซึ่งจะแยกออกไปจากทางหลักเล็กน้อย จะมีลักษณะคล้าย ปตท.บ้านเรา แต่พื้นที่ใหญ่กว่า มีที่จอดรถมากกว่า จอดได้ทั้งรถเล็กและรถบรรทุก ในบริเวณนั้นก็จะมีที่พักที่เป็นโรงแรมด้วย เท่าที่เห็นก็จะมี Travel Lodge หรือไม่ก็ Day Inn ในบริเวณเดียวกันก็จะมีร้านขายอาหาร เช่น Costa, Burger king, KFC และ Supermarket ด้วย เรียกว่ามีครบวงจรรวมทั้งปั๊มน้ำมัน


ประมาณบ่ายโมงครึ่งเราก็ถึงชานเมือง Chester เราเลือกจอดรถที่ Park & Ride Area แล้วซื้อตั๋วรถเมล์เข้าเมือง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกมากๆ ไม่ต้องพะวงไปหาที่จอดรถในเมือง เพราะรถรับส่งนี้เขาจะไปส่งถึง City Centre เรียกว่าถึงแหล่งเที่ยวเลยครับ

The north side of Eastgate Street painted by Louise Rayner. On the far right is the 17th century Boot Inn
(Cr : en.wikipedia.org)

East Gate Street

รถเมล์รับส่งจาก Park & Ride นอกเมืองได้มาส่งผู้โดยสารรวมทั้งเราพ่อลูกที่ City Centre ใกล้ๆกับ East Gate แล้วบอกเราว่าขากลับรถจะจอดรับกันที่ไหน อันนี้ต้องดูในตั๋วโดยสารให้ดีนะครับและก็อย่าทำหายด้วยล่ะ เพราะ Park & Ride มีอยู่หลายที่รอบๆเมือง และรถก็มีหลายเที่ยว หลายสาย วนๆกันไป แต่จะมีป้ายแสดงให้เห็นว่าสายไหน.... เมืองท่องเที่ยวดังๆบ้านเราน่าจะทำแบบนี้บ้างนะครับ อย่างน้อยๆรถก็ไม่ไปออกันหน้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ...

ซ้าย : East Gate Clock ขวา : East Gate Street

วันนี้เป้าหมายเราก็ไม่มากคือขอเดินเที่ยวย่านใจกลางเมืองนี้ก่อน เพื่อเป็นแนวทาง หากมีเวลาค่อยมาเก็บรายละเอียดอีกครั้งครับ .... จากที่รถรับ-ส่งจอด เราเดินเข้าไปบน East Street ที่สะพานด้านบนมีนาฬิกาเรือนใหญ่ตั้งเด่นให้เห็นแต่ไกลเรียกว่า East Gate Clock ถ้าเราสังเกตดีๆจะเห็นตัวอักษร VR อยู่ด้านบน และเลข 18 อยู่ด้านซ้าย และ 97 อยู่ด้านขวา ซึ่งความหมายทั้งหมดคือ นาฬิกาเรือนนี้สร้างขึ้นในวโรกาสที่สมเด็จพระราชินีวิคตอเรียครองราชย์ครบ 60 ปี (Diamond Jubilee) เมื่อปี คศ. 1897 ครับ ... และถือว่าเป็นไฮท์ไลท์ของเมืองเลยก็ว่าได้ บนถนนเขาจะกันรถไม่ให้เข้านอกจากรถที่จำเป็นจริงๆ เช่นรถพยาพบาล เป็นต้น

เมืองนี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเมืองยอร์ค (เราจะพาคุณไปชมในบล๊อกท้ายๆ) คือกำแพงเมือง บางครั้งคนเรียกเมืองนี้ว่า "Walled City" และอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้คนชอบมาที่นี่คือ Shopping ครับ ซึ่งมีร้านขายสินค้าชื่อดังมากมายอยู่ในย่านนี้

ลักษณะกำแพงเมืองที่ยังมีให้เห็น (ขอบคุณภาพจากเวบ)

เชสเตอร์ (Chester)

เป็นนครในมณฑลเชชเชอร์ ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำดี (River Dee) ใกล้กับชายแดนของเวลส์ มีประชากร 118,925 คน ได้รับสถานะเป็นเมืองในปี ค.ศ. 1541 เชสเตอร์มีอาคารในยุคกลางหลายแห่ง แต่มีบางอาคารบริเวณกลางเมืองที่ได้รับบูรณะในสมัยวิกตอเรีย เชสเตอร์เป็นหนึ่งในเมืองที่มีการรักษากำแพงเมืองที่ดีที่สุดในอังกฤษ...สถาปัตยกรรมหลายแห่งในเชสเตอรได้รับอิทธิพลมาจากโรมัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งเมืองนี้เมื่อประมาณ ค.ศ. 79 ครับ (อ่านเพิ่ม)

Chester History & Heritage Building

วิหารเมืองเชสเตอร์

วิหารเมืองเชสเตอร์ (Chester Cathedral)

Chester Town Hall (ซ้าย)

สิ่งหนึ่งที่เห็นทางด้านสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนที่นี่ คือสีลวดลายขาว-ดำ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ที่เรียกว่า "Tudor Revival architecture" เป็นการใช้ไม้ตกแต่งแล้วทาสีขาวดำอย่างที่เห็นครับ ... ส่วนมากจะเป็นห้างสรรพสินค้า และโรงแรมที่ช่วยกันอนุรักษ์ไว้ครับ

ห้างสรรพสินค้าที่แต่งด้านหน้าด้วยกรอบไม้และทาสีขาว-ดำ

ซ้าย : Town Hall ขวา: ในสุดคือวิหารเมืองเชสเตอร์

Chester High Cross หรือ Chester Cross

เดินไปถึงสี่แยกจะเจอเสาด้านบน เขาเรียกว่า Chester Cross หรือ Chester High Cross ซึ่งก็หมายถึง Junction หรือทางแยกในบ้านเรา ซึ่งเจ้าเสานี้ตั้งอยู่บนสี่แยกที่มีถนน Water Gate Street, East Gate Street, Bridge Street และ North Street มาบรรจบกัน เห็นว่าเขาทำแปลกดี เลยเก็บมาฝากครับ

หินรองเสาบ้านแบบนี้ เคยเห็นที่บ้านไทลื้อสิบสองปันนาและหลวงพระบาง

East Street Clock

ประมาณเกือบบ่ายสี่โมงเย็นเรากลับไปรอรถที่ป้ายรับ-ส่งเพื่อกลับออกไปที่จอดรถที่ Park & Ride นอกเมืองและเดินทางต่อไที่เมือง ลิเวอร์พูลโดยใช้ถนน M53 ระยะทางประมาณ 35 กม. ซึ่งเราเช่าที่พักไว้ที่ Trivelles Liverpool ซึ่งต้องข้ามแม่น้ำเมอร์ซีย์ไป ไม่ได้ใช้สะพานข้ามแต่ใช้อุโมงค์ลอดแม่น้ำเมอร์ซีย์แทน ต้องจ่ายค่าผ่าน 70 เพนครับ

ที่พักเราอยู่บนถนน Stanley หาไม่ยาก (ที่อยู่เผื่อท่านใดอยากไปตามรอยบ้าง..ที่อยู่: Trivelles Hotels, 233 Stanley Rd, Merseyside L5 7QD สหราชอาณาจักร โทรศัพท์: +44 151 345 9120) ที่เราพักห่างจากสนามแอนด์ฟิลด์น่าจะเดินไม่เกิน 30 นาที (ระยะทาง 1.8 ไมล์) ครับ หรือถ้าอยากไปสนาม Goodison Park ของ Everton ซึ่งอยู่คนละด้านของ Stanley Park ก็ใช้เวลาเดินแค่ 20 นาทีเองครับ.

พักที่นี่ Trivelles, Liverpool

วันนี้เราเดินทางไกลหน่อย เพราะอยากเที่ยวให้ได้มากที่สุด โดยออกจาก Oxford ในตอนเช้าตรู่ มาที่เมือง Stratford upon Avon บ้านเกิดของเชกสเปียร์ แล้วเดินทางยาวมาที่เมืองเชสเตอร์ เมืองที่มีกลิ่นไอของโรมันและเป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกแห่ง จากนั้นก็เดินทางต่อมาพักที่เมืองลิเวอร์พูลเพื่อเตรียมชมสนามทั้งสองสนามใหญ่ คือ Anfield และสนาม Old Trafford ที่เมืองแมนเชสเตอร์ รวมทั้งการเที่ยวเมืองลิเวอร์พูลด้วย ซึ่งเราพ่อลูกจะพักที่ลิเวอร์พูล 2 คืน


การเดินทางไปที่ Chester สามารถไปได้ทั้งทางรถไฟ และรถยนต์ รถไฟ : https://www.virgintrains.co.uk/stations-destinations

ขอบคุณที่ตามอ่านครับ

ลาด้วยภาพจากริมแม่น้ำเอวอน ภาพนี้ครับ