....OUR FAMILY'S JOURNEY....
++ จากสุวรรณภูมิ สู่นิวคาสเซิ่ล ++

 
 


 
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 1 (ขับรถเที่ยวอังกฤษไม่ยากอย่างที่คิด)
อ่านสองพ่อลูกขับรถตะลุยเกาะอังกฤษ : ตอนที่ 3 (นั่งรถไฟจากนิวคาสเซิ่ล - ลอนดอน)


 
ล๊อกก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอวิธีการขับรถเที่ยวในอังกฤษมาแล้วนะครับ สำหรับบล๊อกนี้เราจะพาคุณๆเดินทางเข้าสู่เกาะอังกฤษใหญ่ หรือ Great Britain กันเลยนะครับ โดยจะเริ่มต้นจากสนามบินสุวรรณภูมิบ้านเราเลยละกันครับ

จริงๆแล้วการเดินทางไปอังกฤษของเราเที่ยวนี้ก็มีเหตุจำเป็นรวมอยู่ด้วย คือเจ้าลูกชายจะไปเรียนต่อ ป.โท ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขา Applied Process Control ที่นั่น โดยเขาเลือกเอาที่ Newcastle University ซึ่งก็ไม่ดังนักแต่เป็นสาขาที่เขาอยากเรียน และอีกอย่างหนึ่งที่นั่นก็มีชื่อเสียงทางด้านงานวิจัยด้วย... เราเลยถือโอกาสอันดีนี้เดินทางไปด้วย ถือว่าไปส่งและเที่ยวด้วยในทริปเดียวกันเลย


การเดินทางไปอังกฤษนั้นมีหลายสายการบินให้เลือก แบบบินตรงอย่างการบินไทย หรือบินไปต่อเอาอย่างที่เราเลือกจะไปในครั้งนี้ ราคาตั๋วเครื่องก็ต่างกันออกไป สำหรับเราเลือกเอาแบบประหยัดสะตังค์หน่อย คือบินไปต่อเครื่องที่ดูไบ โดยสายการบิน Emirate Airline วันเวลาในการเดินทางก็มีส่วนทำให้ค่าเครื่องบินถูกหรือแพงด้วยเช่นกัน เราจึงเลือกเอาออกจากรุงเทพฯในเช้าวันพฤหัสฯ ที่ 8 กรกฎาคม 2016 และกลับไทยโดยออกจาก Heathrow Airport ในวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม 2016 ครับ เลยได้ค่าตั๋ว ไป-กลับ 28,000 บาท ส่วนลูกชายไปขาเดียว 18,000 บาท.

การเดินทางด้วยตัวเองก็อย่าลืมเช็ครายละเอียดต่างๆให้เรียบร้อย ส่วนมากก็อ่านเอาจากเวบนั่นแหละ นอกจากเอกสารหลักๆแล้วสิ่งหนึ่งที่ควรทำไปด้วยคือประกันการเดินทางขณะที่เราอยู่ต่างประเทศ เลือกเอาบริษัทที่ครอบคลุมหลายๆเรื่อง เช่นค่าใช้จ่ายเมื่อมีอุบัติเหตุ เราออกก่อนหรือเข้าโรงพยาบาลแล้วหักจากบริษัทประกันเลย ต้องดูรายละเอียดนิดหนึ่งครับ


 

Emirate Air



 
การจองควรใช้เวลาจองล่วงหน้าซักหน่อยครับ ของเรานี้พอวีซ่าออกประมาณ 1 เดือนก่อนบินเราทำการจองเลย (การยื่นขอวีซ่าเข้า UK เขาไม่ได้ขอดูตั๋วเครื่องบินด้วย เพียงแต่ถามว่าเราวางแผนจะเข้าอังกฤษวันที่เท่าไหร่เท่านั้น) ดูเพิ่มเติมการขอวีซ่า


ได้เวลา 06.45 น. เครื่องบิน 777-300ER เที่ยวบินที่ EK 351 ก็พาเราเหิรฟ้าสู่ประเทศสาธารณรัฐอาหรับอิมิเรท เมืองดูไบทันที ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง บนเครื่องอิมิเรทแอร์ไลน์ เขาเสริพอาหารหลายอย่าง มีไวน์ มีเบียร์ มีเหล้าด้วยนะครับ ท่านนักดื่มไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอะไรเรียกน้ำย่อยก่อนทานอาหาร ระยะการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงจะมีบริการอาหารหลัก 1 มื้อและอาหารว่าอีก 1 ครั้ง ก็ถือว่าโอเคครับ



 

บนเครื่อง Emirate Air



 

สนามบินนานาชาติดูไบ (ภาพจากเวบ)



 
เราไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบประมาณ 9.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ดูไบ ซึ่งช้ากว่าที่กรุงเทพฯ 3 ชั่วโมง เครื่องลงจอดและเทียบท่าที่ Terminal 3 ให้ผู้โดยสารทั้งหมดลงที่นี่ รวมทั้งผู้จะเปลี่ยนเครื่อง (connections) ไปเมืองต่างๆทั่วโลกด้วย

สนามบินดูไบเป็นสนามบินขนาดใหญ่มาก มีอาคารผู้โดยสาร (Terminal) อยู่ทั้งหมดสามเทอร์มินอล Gate จะเป็น A, B, & C ใช้รถไฟใต้ดินเป็นตัวเชื่อม โดยมีลิฟท์ขนาดใหญ่พาลงไป .... สนามบินดูไบนับว่าเป็นสนามบินที่มีผู้โดยสารคับคั่งแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้โดยสารปีละประมาณ 78 ล้านคน/ปี Cargo 2400 ล้านเมตริกตัน/ปี (อ่านเพิ่มเติม)

วันที่เราไปนั่นต้องนั่งรถบัสเพื่ออ้อมไปอีกทางเพื่อเข้า gate A เพื่อเดินทางสู่สนามบิน ฮีตโทรว์ ที่ลอนดอน (London Heathrow Airport, LHR) ใช้เวลา Transit ที่นั่น 1.40 ชั่วโมงครับ เลยมีเวลาเดินดูของตาม Duty Free หน่อยหนึ่ง


ได้เวลาเราก็ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ (DXB) ด้วยเที่ยวบินที่ EK031 มุ่งหน้าสู่ London Heathrow International Airport (LHR) ด้วยเครื่องขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ A380-300 ซึ่งต้องใช้เวลาบินอีกประมาณ 6 ชั่วโมงเศษๆ บินตามดวงอาทิตย์ โดยจะถึงลอนดอนเวลาประมาณ 16.10 ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าดูไบ 3 ชั่วโมง



 



ภายในอาคาร


 
ตามกำหนดเวลาครับ เราถึงฮีตโทรว์แอร์พอร์ท ประมาณ 16.35 น. ใช้เวลาในการตรวจคนเข้าเมืองพอสมควร ยิ่งเจ้าลูกชายต้องไปเรียนต่อเขาต้องเชคเอกสารเข้ม เช่นหนังสือยืนยันการรับเราเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย การตรวจวรรณโรค (ของคนที่จะไปอยู่อังกฤษเกิน 6 เดือน) รวมไปถึงเอกสารสำคัญคือการรับรองจากทางอังกฤษวีซ่าว่าเรามาเรียนสาขานี้ (Applied Process Control) ไม่มีประวัติเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย .... ดูเหมือนตาลุงแกเข้มเหลือเกิน และเหมือนจะไม่เข้าใจว่าเราผ่านการตรวจวรรณโรคมาแล้วถึงสามารถยื่นวีซ่านักเรียนได้ ... สุดท้ายแกก็ออกมาขอโทษที่ทำให้เรารอนาน (กว่าครึ่งชั่วโมง ถ้ารวมเข้าแถวมาด้วย 2 ชั่วโมงพอดี...กรรม)

วิบากกรรมวันนั้นยังไม่พอ เพราะเราโดนตรวจเอกสารแบบเข้มจัด เราเลยมารับกระเป๋าที่สายพานช้ากว่าคนอื่น พอมาถึงเป็นแต่กระเป๋าเราตั้งอยู่คนเดียว ของลูกชายไม่เจอ จนต้องไปแจ้งเจ้าหน้าที่ เขาก็ขอที่อยู่ที่จะส่งกะเป๋า เมื่อหาเจอแล้วไปให้ ... แต่ดูเหมือนตกหล่นระหว่างทางซะแล้ว

เอาวะได้กระเป๋าใบเดียวก็ไป ไปหาซื้อซิมโทรศัพท์ก่อน (มีให้เลือกมากมายหลายเจ้า) เราเอาราคา 40 ปอนด์ ท๊อปอัพหรือเติมเงินเดือนละ 25 ปอนด์ได้ให้เจ้าลูกชาย ส่วนของพ่อเอาแบบเดินทาง 30 ปอนด์และเติมได้เหมือนกัน



 

Heathrow Airport (LHR), Terminal 3


 
ออกจาก Heathrow Terminal 3 ต้องเดินลงไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน เพื่อขึ้นรถ Underground Piccadilly line ลอดสนามบินไปที่ Terminal 5 เพื่อจะเดินทางไปเมือง Newcastle ต่อ .... แต่เราจองเที่ยวเช้าไว้ เลยต้องหาที่พักเอาแรงก่อน เพราะเดินทางตามเวลาเลยง่วงมากๆ

ที่พักคืนนี้ไม่ได้จองมาเสียด้วย เลยเปิดเน็ทหาที่พักใกล้ๆ Terminal 5 (ความใญ่โตของสนามบินฮีทโทรว์ผมขะไม่นำมาเล่าในนี้ ท่านคงหาอ่านเอาได้นะครับ) โทรไป-มา ได้ที่ Travel Lodge ตรงหัวสนามบิน เขาบอกให้เดินทางไปโดย shuttle bus H57 เราก็เดินออกไปที่รถจอด ถามเจ้าหน้าที่เขา เขาบอกว่าต้องจ่ายด้วย "คาช" ไอ้เราก็แปลความหมายที่ได้ยินมาเป็น Card ซึ่งมันหมายถึงบัตรรถเมล์แบบรายวันหรือรายอาทิตย์ ประมาณนั้น ซึ่งเราไม่มี ก็เลยเดินไปถามแท๊กซี่หรือ Cap ซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆกัน เขาบอกราคามา 40 ปอนด์ ก็ตกใจ ไหงแพงจุงเบย แต่เพราะความง่วงเลยบอกโอเซ

ทีนี้มพอถึงโรงแรมโดนสาวอังกฤษถามว่าเราจะจ่ายด้วย "คาช" หรือเครดิตคาร์ด ... ทีนี่แหละถึงบางอ้อเลยทันที ไอ้ที่เขาออกเสียง "คาช" นั่นมันหมายถึง แคช หรือ Cash แบบที่เราเคยได้ยินที่เมืองไทยนี่หว่า...โอ๊ยแทนที่จะเสียค่า Shuttle bus มาที่นี่คนละ 5 ปอนด์ ก็เลยโดนไปอีก 4 เท่าเลย...นี่คือความอ่อนของเรา

ไม่เป็นไรวันนี้ขอซดเบียร์อังกฤษหน่อยละกันก่อนนอน เพราะตอนนี้ยังไม่มืดเลย (มืดประมาณ 4 ทุ่มในหน้าร้อน) หมดเบียร์กับเจ้า Fish & chips คนละจาน จานละ 9 ปอนด์ ก็นอนแบบสบายๆและฝันว่าเสียดายเงินจุง!!!



 

Heathrow Airport (LHR), Terminal 5



 
ตื่นเช้าเช็คเอ้าท์เสร็จ มารอขึ้นรถ shuttle bus เพื่อไป Terminal 5 รอนานๆ รถยังไม่มา บางคนรีบต้องเรียกแทกซี่แลแชร์กันออกเพื่อไปสนามบิน เรากำลังจะเรียกเหมือนกัน ทางคนที่อยู่เค้าน์เตอร์บอกว่า รถกำลังมาเราเลยได้เสียคนละ 5 ปอนด์ บนรถจะมีล๊อกสำหรับวางกระเป๋าอยู่ติดทางขึ้นลง และมีที่นั่งและยืนเลยเข้าไป ก็สะดวกดีเพียงแต่คนเยอะไปหน่อย

เวลา 8.50 น. เที่ยวบินที่ TA1326 โดยสายการบิน British Airways ก็พาเราเหินฟ้าไปที่สนามบินนานาชาติ Newcastle (NCL) ถึงที่นั่นเวลา 10.05 น. เวลาท้องถิ่น สนามบินนิวคาสเซิ่ลไม่ใหญ่โตมากนัก บรรยากาศเงียบๆในวันนั้น

บอกไว้ก่อนนะครับว่าค่าโดยสารในประเทศของ British Airways แพงเวอร์คิดเล้กคิดน้อยทั้งค่ากระเป๋าเดินทางด้วย ระยะทางประมาณ กรุงเทพฯ - ขอนแก่น เราจ่ายไปประมาณคนละ 5xxx บาทเลยครับ (เครื่องแบบ low cost) ก็มี แต่อยู่สนามบินอื่น ....ลอนดอนมีสนามบินนานาชาติอยู่ 3 แห่งนะครับ



 

British Airways, Heathrow airport.



 

ทางเดินสู่สถานีรถไฟที่สนามบินนานาชาติ นิวคาสเซิ่ล


 
เมืองนิวคาสเซิ่ล ถือว่าเป็นหัวเมืองใหญ่ของมณฑลนี้ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน มีสนามบินนานาชาติที่นี่ด้วย มีเที่ยวบินตรงมาเมืองไทยเลยก็มี ... จากสนามบินนานาชาตินิวคาสเซิ่ล เราเดินทางเข้าเมืองโดยรถไฟที่เรียกว่า Metro ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 25 นาทีค่าโดยสาร 3 ปอนด์ เหมือนๆ Airport Rail Link บ้านเราครับ แต่รถไฟฟ้าสายนี้เมื่อเข้าสู่ตัวเมืองจะมุดลงใต้ดิน สามารถเดินทางไปถึงเมือง Sunderland เลย เวลาซื้อตั๋วก็จากตู้อัตโนมัติ ใช้ได้ทั้งธนบัตรและเหรียญ ที่ตู้จะมีแผนที่บอกเส้นทาง เราจะไปโซนไหนก็กดบอกตรงซื้อตั๋ว ราคาก็ต่างกัน เราจะไปเขต 3 โซน คือ A+B+C เลย เราเห็นค่าโดยสารก็จ่ายตามนั้น ไม่ยากครับ ... ปลายทางของเราคือ Northumberland station อยู่ใกล้ๆ ม.นิวคาสเซิ่ล



 

Metro วิ่งทั้งบนดินและใต้ดิน



 



Newcastle upon Tyne


 
วันนี้เป้าหมายหลักคือมารับบัตร BRP (Biometric Residence Permits) รูปร่างหน้าตาเหมือนด้านล่างครับ ... เมื่อเขาออกวีซ่านักเรียน TEAR 4 ให้นักเรียนแล้ว เขาจะเขียนระยะเวลาของวีซ่าใน passport ให้เพียง 1 เดือนเท่านั้น และมีหนังสือคลิปติดพาสปอร์ตให้เราไปรับบัตร BRP ที่ไปรษณีย์ที่เมืองที่นักเรียนจะไปเรียน (เราจะไปรับที่ Northumberland Bridge Post office) ภายใน 10 วันนับจากวันที่เข้าไปถึงประเทศอังกฤษ นี่คือเหตุผลที่เรารีบมาที่นี่ก่อน ถ้ามาช้าอาจจะมีผลถึงวีซ่าเราโดยเขาอาจพิจารณายกเลิก


 

Northumberland St, Newcastle upon Tyne, UK


 
ในบัตรนั้นจะมีชื่อ สถานที่ออกบัตร วันหมดอายุ ประเภทของบัตรซึ่งกำหนดให้สามารถทำงานที่อังกฤษระหว่างเรียนได้ไม่เกิน 20 ชม./สัปดาห์ ซึ่งเขาเพิ่งกำหนดขึ้นมาเมื่อ เมษายน ปี 2015 นี่เอง เวลาไปรับบัตร อย่าลืมพวกหลักฐานที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยไปด้วยนะครับ เช่นใบตอบรับการได้เข้าศึกษา เป็นต้น .... หลังจากรับบัตรที่ไปรษณีย์เสร็จ เราเดินเล่นบนถนนนอร์ททัมเบอร์แลนด์ซักพัก เพื่อถ่ายภาพ (รายละเอียดพร้อมภาพถ่ายเมืองนิวคาสเซิ่ล จะนำมาลงอีกครั้งเมื่อเรารีวิวเมืองนี้ในบล๊อกท้ายๆ)


 

Biometric Residence Permits



 





วิวจากริมแม่น้ำไทน์, นิวคาสเซิ่ล



 
วันนี้เราพักที่ Room Inns Hotel ใกล้ๆกับสนามฟุตบอล St Jame's Park ของ Newcastle United ครับ และห่างจากสถานีรถไฟหลักประมาณ 800-1000 เมตร เพราะพรุ่งนี้เช้าเรามีแผนที่จะนั่งรถไฟลงลอนดอนอีกครั้ง ไปรับกระเป๋าที่ตกหล่นระหว่างทาง และเริ่มเที่ยวอังกฤษจากที่นั่น พร้อมรับรถที่สนามบิน Heathrow ด้วย

หลังเช็คอิน เรามีเวลาเดินเล่นจนไปถึงแม่น้ำไทน์ ไปที่สะพานยอดฮิตของที่นี่คือสะพาน Millennium Bridge ซึ่งอนุญาตให้เพียงคนเดินข้ามเท่านั้น ริมๆแม่น้ำแถวนั้นเขาจะเปิดเป็นร้านขายเบียร์มากมาย บรรยากาศน่าเดินเล่นจริงๆ...เราบอกตัวเองว่าจะมาที่นี่อีกในวันที่ 20 กค. 2016

ปล่อยภาพ Newcastle upon Tyne City ให้ชมไปเรื่อยๆละกันครับ



 

Swing Bridge (สีแดง)


 

High Level Bridge or Bridge Tower ด้านบน


 

Sage Gateshead


 

Tyne Bridge



 







Gateshead Millennium Bridge



 



 



 

คืนนี้พักที่ Room Inns Hotel



 
วันนี้ (9 กค.2016) เดินทางไกลมาจากลอนดอน หัวเสียเล็กน้อยเพราะกระเป๋ามาไม่ครบ...มารับบัตร BRP กับลูกชายและเดินเที่ยวเมืองนิวคาสเซิ่ลบ้างเล็กน้อย และจะพาคุณๆมาชมเมืองอีกครั้งในวันที่ 20 กค. 2016 ซึ่งวันนั้นเราจะมาพักที่เมืองนี้หลายวัน

ที่พักเราเป็นโรงแรมขนาด 3 ดาว ราคาต่อห้อง 56 ปอนด์ไม่รวมอาหารเช้า แบบ En Suit คือพักสบายตามสถานะครับ ห่างเสียงรบกวนพอควร แต่ไม่ห่างจาก City Centre มากนัก ถ้าขี้เกียจเดินนั่งแท๊กซี่มาก็ ประมาณ 5 ปอนด์ ถ้าเดินก็ 10 กว่านาทีครับ



 
ขอบคุณที่ตามอ่านครับ


 

ลาด้วยภาพ Tyne Bridge



 
____________






 


Create Date : 16 สิงหาคม 2559
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2565 9:15:58 น. 4 comments
Counter : 5498 Pageviews.

 
เจิมให้เลยค่ะ รูปสวยดูอลังการมากค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 16 สิงหาคม 2559 เวลา:20:22:14 น.  

 
ว๊าววววว....จุใจ
ภาพคุณวิคอลังการงานสร้างมากค่ะ
ภาพสวย...แจ่ม ได้ความรู้เพียบ
น่าตามรอยเที่ยวจังค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 23 สิงหาคม 2559 เวลา:23:06:51 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 1 กันยายน 2559 เวลา:15:16:21 น.  

 
สักวันฉันคงใด้ไป


โดย: อ้นโคราช IP: 223.24.162.131 วันที่: 29 พฤษภาคม 2563 เวลา:5:15:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 สิงหาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.