ตะพาบตัวที่ ๓๘ : สัจจะวาจา..จากชายแปลกหน้า

เมื่อประมาณปี ๒๕๒๗ ตอนนั้นผมเองยังใช้ชีวิตอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมย่านอ้อมน้อย วันนั้นสัปดาห์สุดท้ายของปี โดยมีการเลี้ยงฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอย่างสนุกสนาน
อยู่ ๆเพื่อนก็เดินมาบอกว่า "เฮ้ย พ่อน้ำอ้อยเสียว่ะ เตรียมตัวไปพิจิตรกัน รถไฟออกประมาณสามทุ่ม "
น้ำอ้อย คือชื่อเพื่อนร่วมโรงงานเดียวกันครับ
หลังจากได้ฟังความตามแถลงผมก็กลับบ้านมาเก็บเสื้อผ้าและของใช้เท่าที่จำเป็นมุ่งหน้าไปรวมพลกันที่หน้าโรงงานเพื่อเดินทางไปหัวลำโพง โดยมีผู้ร่วมเดินทางสามคนรวมทั้งผมด้วย เยอะมากเลย
หลังจากซื้อตั๋วและได้ขึ้นรถขบวนรถไฟสายเหนือ กรุงเทพ - เด่นชัย โดยเท่าที่ทราบกันนั้นรถจะใช้เวลาประมาณ ๖ ถึง ๗ ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงที่หมาย โดยพวกเราจะลงกันที่สถานีรถไฟบางมูลนาก ผมและเพื่อนก็นั่งคุยกันไปพร้อมกับจิบเหล้าที่พวกเรานำมาจากงานเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันที่โรงงาน อย่างสบายใจ
หลายชั่วโมงผ่านไป บวกกับเป็นเวลาดึก บวกอีกทีกับฤทธิ์เหล้าที่ดื่มกัน เพื่อนผมสองคนก็พากันหลับไปโดยทิ้งให้ผมนั่งจิบสุราที่เหลือและมองไปนอกหน้าต่างรถไฟเพียงลำพัง
สายลมเย็นของค่ำคืนแห่งการก้าวย่างสู่ฤดูหนาวที่พัดเข้าทางหน้าต่างรถไฟเวลานี้ช่างสดชื่นยิ่ง เสมือนผมได้พักทั้งร่างกายและจิตใจ
เวลาผ่านไปไม่นานสุราที่ผมนั่งจิบก็หมดลง แต่ผมเองก็ยังไม่รู้สึกง่วงแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าที่ดื่มเข้าไปหรือเพราะผมตื่นรถไฟกันก็ไม่รู้
เหมือนโชคจะเข้าข้าง ผมได้เสียงคนตะโกนขายของดังมาจากหัวขบวน "ข้าวผัด ไข่ดาว เหล้า บุหรี่ ...... ฯลฯ "
บทสนทนาระหว่างผมกับชายหนุ่มที่เป็นเจ้าของเสียงดังนั้นก็เริ่มต้นขึ้น
ผม ... " เหล้าแบนหนึ่ง " คนขาย .... "เอาไรดีพี่ แม่... หงส์... ฯลฯ" ผม ... "งั้นเอาแม่....ของเดิมมันแม่... พี่ไม่อยากเปลี่ยนเดี๋ยวมันดีด" คนขาย ... หัวเราะชอบใจ เมื่อขายให้ผมแล้วก็เดินจากไป
เมื่อก่อนผมเป็นคนดื่มเหล้าเก่งมาก ดังนั้นเหล้าแบนเดียวจึงไม่สามารถรับมือผมได้นาน ผมใช้เวลาในการดื่มไม่นานนักเหล้าแบนนั้นก็หมดลง
เหมือนโชคจะเข้าข้างผมเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อพ่อค้าหนุ่มคนเดิม เดินกลับมาอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นเสมือนให้เขารู้ว่าผมต้องการพบเขาเป็นการด่วน
คนขาย ... "โห หมดแล้วเหรอพี่" ผม ... "ช่าย ขวดมันรั่วป่าวม่ายรู้" ผมและคนขายต่างก็หัวเราะเสมือนเข้าใจกันดียิ่ง
คนขาย ... พี่กินเหล้าเยอะเลยนะเนี้ย ผม... อืม ทำไงได้ มันว่าง คนขาย ... งั้นเอาอย่างนี้พี่ แบนนี้ผมไม่คิดเงินพี่ ผมนั่งกินกับพี่ดีกว่า แต่ว่า.. ผม ... เอาเลยนั่งด้วยกันนี่แหละ เพื่อนพี่มันหลับเป็นตาย และแต่อะไร คนขาย ... ผมขอผสมนะพี่ เอากระทิงแดงผสม อร่อยดีพี่ ผม.. เออ เอาก็เอา
และเราสองคนก็นั่งจิบเหล้ากันไปเมาส์กันไปในเรื่องต่าง ๆนานามากมาย จนเวลาล่วงเลยไปนานพอสมควร พ่อค้าชายหนุ่มคนนั้นก็ออกอาการหาวแล้วหาวเล่า ผมจึงออกปากให้เขาไปนอนเถอะ
คนขาย ... แล้วพี่ไม่ง่วงเหรอ ผม ... คงไม่แล้วล่ะ อีกไม่นานก็คงถึง คนขาย ... พี่บอกว่าลง บางมูลนาก ช่ายไหม ผม ... ช่าย อีกนานไหมไม่รู้ไม่เคยมา คนขาย ... อีกตั้งนาน เอางี้ เดี๋ยวผมเดินมาปลุก พี่นอนเถอะ ผม ... อืม ขอบใจ
จากนั้นคนขายดังกล่าวก็เดินจากไป ผมเองเห็นสภาพเขาก็คิดว่าเขามีน้ำใจและพูดแสดงออกมาอย่างนั้นเอง ผมไม่คิดว่าเขาจะตื่นมาปลุกผมไหวหรือปลุกผมเพื่ออะไรเพราะไม่มีความจำเป็นขนาดนั้น
ผมนั่งมองไปนอกหน้าต่างรถไฟเพียงลำพังอีกครั้ง เวลาผ่านไปนานนับหลายชั่วโมงเพื่อนผมก็เริ่มตื่นกันเสมือนว่าจะรู้ว่าใกล้ถึงแล้ว อยู่ ๆผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนมาสะกิดหัวไหล่ผมด้านหลัง พร้อมเสียงพูดว่า
"พี่ครับพี่ สถานีหน้าแล้วครับ บางมูลนาก"
คนขายของคนเดิมนั่นเอง
"ขอบคุณมาก ขอให้ขายของได้ดีดีนะ" ผมกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของเขา
จากนั้นไม่นานนักผมก็ลงจากรถไฟสายเหนือขบวนนั้นที่.. บางมูลนาก
...................................
บทสนทนา บนขบวนรถไฟสายเหนือ ในเดือนธันวาคม ของผู้ชายขี้เหล้าสองคนในครั้งนั้นทำให้ผมรู้จักมิตรภาพที่ผมมิได้มุ่งหวังจะพบเจอแม้แต่น้อย
บทสนทนาในครั้งนั้นแทบจะหาสาระดีดีอย่างที่คนส่วนใหญ่ต้องการและให้ความสำคัญมิได้เลยแม้แต่นิด
แต่บทสนทนาครั้งนั้นกลับก่อก่อเกิดมิตรภาพ และทำให้ผมรู้จักคำว่า "สัจจะ" ที่พึงมีในวาจาที่เราได้เปล่งออกไป
เดี๋ยวผมเดินมาปลุก พี่นอนเถอะ นี่คือสัจจะวาจาจากชายแปลกหน้าที่เพิ่งได้พบกัน
วันนี้คงไม่มีบทสนทนาระหว่างผู้ชายขึ้เหล้าสองคนอีก คงมีแต่ สัจจะ ที่ผมได้รู้จักและได้สัมผัสที่เกิดขึ้นจากผลของบทสนทนา บนขบวนรถไฟสายเหนือ ในเดือนธันวาคม
ที่ยังคง ก้องกังวานในหัวใจ...นิรันดร์
.......................................................
คุยท้ายบล็อค
นี่เป็นตะพาบตัวแรกที่ผมเขียน หลังจากที่ได้อ่านของคนอื่นมาหลายครา ผมไม่รู้หรอกครับว่ากติกาคืออะไร แบบไหน หากผิดไปจากเจตน์จำนงก็ขออภัยด้วย
มูลเหตุการเขียนเพราะเห็นโจทย์นี้เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ จากการโพสบล็อคแรกของวันนั้นโดยคุณเป็ดสวรรค์ เวลา 00:00:25 น. เลยลองคลิกเข้าไปสัมผัส อ่านไปอ่านมาเกิดอาการสะกิดใจกับโจทย์และวันที่ให้อัพกันก็คือวันที่ ๒๕ สิงหาคม ก็คือวันนี้
๒ เหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องผูกพันกับผม คือชื่อเรื่องและวันที่ให้อัพ ดังนั้นการอัพบล็อคครั้งนี้ผมจึงอัพที่เดียวสองบล็อคพร้อมกัน ..อีกบล็อคหนึ่งก็คือ
๒๕ สิงหาคม วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของผมกับภรรยา ครบ ๑๕ ปี เวลาเกือบสามสิบปีจากวันที่ได้รู้จักกันจนถึงวันนี้... ที่ฉันมีเธอ
หากสนใจ คลิกได้เลยครับ
Create Date : 25 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 25 สิงหาคม 2554 0:35:08 น. |
|
12 comments
|
Counter : 1409 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:6:36:31 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:8:26:21 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:12:01:24 น. |
|
|
|
โดย: ชายผู้หล่อเหลา...กว่าแย้นิดนึง. (เป็ดสวรรค์ ) วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:14:44:03 น. |
|
|
|
โดย: Gunpung วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:19:33:22 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:20:40:28 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:22:15:25 น. |
|
|
|
โดย: nini (ST2Wonder ) วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:0:14:05 น. |
|
|
|
โดย: ณ ขณะหนึ่ง วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:8:16:25 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 สิงหาคม 2554 เวลา:15:00:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
แอบลุ้นว่าเฮียจะเขียนไปถึงฉากพระเอกกับนางเอกได้เจอกันรึเปล่าด้วยนะครับ อิอิอิ