เฟรนด์ชิพ - บันทึกที่มิได้หายไปจากความทรงจำ
ผมก็คงเหมือนใครๆ ที่ในสมัยเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผมและเพื่อนเราก็ต่างแรกกันเขียนความในใจที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่เก็บซ่อนกันมานานกว่า 3 ปีลงในสมุดบันทึกเล็มเล็กที่เขาเรียกว่า เฟรนด์ชิพ
หลายคนได้เรียนต่อในที่โรงเรียนกระทุ่มแบน"วิเศษสมุทคุณ"ที่เดิมจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่อีกหลายคนแยกย้ายไปเรียนที่อื่น
ในขณะที่อีกหลายคนไม่ได้เรียนต่อ หนึ่งในคนเหล่านั้นมี ผม อยู่ด้วย
ด้วยความยากจนผมจำต้องออกจากโรงเรียนมาเพื่อทำงานโดยให้พี่สาวได้เรียนต่อเพราะถึงแม้ผมจะเรียนดีอย่างไรพี่สาวผมเรียนดีกว่าผมหลายเท่านัก
เฟรนด์ชิพ ของผมคงไม่ต่างจากของคนอื่นที่มีบรรดาเพื่อนต่างพร่างพรูเขียนความในใจทั้งเนื้อหาและวาดรูปสอดแทรกทำให้เฟรนด์ชิพที่ว่านั้นเต็มไปด้วยสีสันแห่งจินตนาการของเด็กที่กำลังจะจากกัน
มันเต็มไปด้วยความสุขและเศร้า
ผมบรรจงเปิดเฟรนด์ชิพของผมทีละหน้าและอ่านมันอย่างช้าๆ ทำให้ผมรู้ความหมายของคำว่า เพื่อน ได้ดีขึ้นทั้งที่ผมมีและคิดว่ารู้จักคำนี้มานานเกิน 3 ปีที่อยู่ด้วยกันเพราะผมได้รู้ว่าการที่คนเราจะถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนอื่นออกมาเป็นตัวอักษรและสื่อความหมายอย่างสวยงามนั้น มันต้องออกมาจากจิตใจที่อ่อนละเอียดและความรู้สึกที่มีอยู่จริงเท่านั้น
ผมบรรจงเปิดอ่านไปเรื่อยๆ จนมาพบกับเฟรนด์ชิพ หน้านึงเข้าทำให้ผมต้องสะดุด
มันเป็นลายมือที่มิใช่ของเพื่อนผม ผมจำได้ดี และรู้ว่านี่คือลายมือของใคร
ครูไพจิตร ฉวีอินทร์ ครูประจำชั้นผมนั่นเอง
ครูไพจิตร ท่านเป็นครูที่ผมเคารพมากและเป็นครูประจำชั้นผมและสอนวิชาภาษาอังกฤษ ผมตั้งใจไว้ว่าเมื่อผมจบการศึกษาที่สูงที่สุดที่ผมตั้งใจไว้ผมจะเดินทางไปค้นหาและกราบท่านสักครั้ง และคงอีกไม่นานนี้
เนื้อหาของข้อความที่ครูไพจิตรเขียนให้ผมนั้นผมจำได้ทุกถ้อยคำอักษร
"การศึกษาเป็นเพียงพื้นฐานของชีวิต แต่ความสำเร็จของคนเรานั้นเราสามารถที่จะทำได้ด้วยตัวของตัวเอง
จงเป็น เก่งที่สุด ในสิ่งที่ทำและความสำเร็จจะตามมา ... รักศิษย์"
ผมอ่านไปอ่านมาหลายรอบ พยายามทำความเข้าใจว่านอกจากครูไพจิตรจะพยายามปลอบประโลมผมที่มิได้เรียนต่อแล้ว ท่านยังสื่อความหมายใดลงในเฟรนด์ชิพหน้านั้นอีกหนา
จงเป็น เก่งที่สุด ในสิ่งที่ทำและความสำเร็จจะตามมา
ประโยคนี้ในครั้งแรกนั้นผมตีความหมายผิดโดยสิ้นเชิง การที่คนเราจะเป็นเก่งที่สุด นั้นจะต้องมีหนึ่งเดียวซึ่งคือเราที่คนอื่นไม่สามารถทำได้
ผมใช้เวลานานหลายปีที่ทำให้ผมเข้าใจความหมายของมันอย่างถ่องแท้
เก่งที่สุดในสิ่งที่ทำ มิใช่เก่งที่สุดเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่กลับเป็นการแข่งกับตัวของตนให้ตัวของผมเองนั้นพยายามทำสัพสิ่งให้เต็มศักยภาพให้สมกับเป็นศักยบุคคลที่มีครูบาอาจารย์ชั้นเลิศอบรมสั่งสอนมา
วันนี้ผมอยากบอกครูของผมว่า ผมเข้าใจความหมายที่ครูพยายามบอกและสั่งสอนผมถึงแม้จะเป็นประโยคสุดท้ายแห่งการร่ำลาก็ยังแฝงค่าความหมายไว้
ผมเข้าใจและสามารถทำได้ดังที่ครูได้สั่งสอนมาทุกประการ เพราะงานการใดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม มันจะต้องเป็นงานที่ผมทำมันอย่างสุดความสามารถเพราะผม เป็นเก่งที่สุด ในสิ่งที่ผมทำโดยไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น ผมทำมันเต็มความสามารถด้วยหัวใจ
เทียนส่องแสงเดินทางมาไกลนัก ใกล้จุดพักแล้วหนาเพื่อนยาเอ๋ย ฟันฝ่าขวากอุปสรรค์มิละเลย คำเอื้อนเอ่ยของครูบามีค่าจริง
วอนบรรดาเพื่อนฝูงที่รักใคร่ เทียนส่องแสง นั้นไซ้ขอบคุณยิ่ง ทุกถ้อยคำที่พร่างพรูล้วนความจริง อย่าประวิงหากเห็นค่าช้าสิ้นการ
ปล. เฟรนด์ชิพ เล่มนั้นถึงแม้มันจะหายไปนานแล้ว แต่มันมิได้หายไปจากความรู้สึกนึกคิดและความทรงจำของผม จนกว่าลมหายใจของผมจะหมดสิ้นลง
Create Date : 22 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 17:07:28 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3291 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: JewNid วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:18:41:24 น. |
|
|
|
โดย: SongPee วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:20:43:40 น. |
|
|
|
โดย: aenew วันที่: 22 ธันวาคม 2552 เวลา:23:10:57 น. |
|
|
|
โดย: มุดฉานะ มะล๊อคอิน IP: 113.53.141.5 วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:1:02:16 น. |
|
|
|
โดย: lazymetal วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:7:36:21 น. |
|
|
|
โดย: aenew วันที่: 23 ธันวาคม 2552 เวลา:12:13:13 น. |
|
|
|
โดย: Botaman วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:1:06:53 น. |
|
|
|
โดย: kimshuson IP: 119.42.126.122 วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:11:00:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ก็คงจะได้ไม่ลืมอีกต่างหาก แบบนี้ทุกสิ่งดีๆ ที่เก็บไว้ในสมุดเล่มนั้น
ก็ได้ทำผลสำเร็จของมันให้กับคนที่เป็นเจ้าของได้เยอะเลยล่ะคะ...
ว่าแล้วสมุดที่เคยเขียนและเคยครอบครองก็หายไป
เช่นกันคะ หาไม่เจอเลย ก็คงเหมือนกับอีกหลายๆ เล่มที่หายไป
เพราะว่าย้ายบ้านล่ะคะ แต่เอ ใครเค้าเก็บไปอ่านแล้ว
จะขำฮากับเรื่องราวของเราไม๊หนอ