ต่างจุดยืน ต่างมุมมอง

เมื่อครั้งสมัยที่ผมยังอยู่ในวันรุ่น ( ซึ่งตอนนี้ก็ยังอยู่ในวัยนั้นอยู่ ขอยืนยัน ) ผมมีความปรารถนาไฝ่ฝันอันแรงกล้าว่าในช่วงชีวิตนี้จักต้องมีหรือได้ครอบครองรถมอเตอร์ไซต์อันเป็นสิ่งที่สามารถพาเราไปไหนโดยสะดวกและเป็นสิ่งที่สามารถเพิ่มความเทห์แบบมีเสน่ห์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาหน้าตามากนัก และทุกครั้งที่เห็นใครต่อใครขับผ่านไปมา ความรู้สึกของผมว่ามันช่างดูดีมีฐานะและชาติตระกูลโดยแท้ถึงแม้เงินในกระเป๋าจะซบเซาก็ตาม

หลายปีที่ผมเพียรพยายามเก็บเงินเพื่อให้ความจริงเกิดขึ้นทดแทนความฝัน และในที่สุดผมก็ได้เป็นเจ้าของมัน เมื่อประมาณ กันยายน 2536 ด้วยน้ำพักน้ำแรงของความพยายามแบบไม่มีตัวช่วยอื่นใด ยิ่งเป็นสิ่งเสริมแรงภาคภูมิใจมากขึ้น นอกเหนือจากเหตุผลข้างต้นที่กล่าวมาอีกหลายเท่าตัวนัก

ด้วยความต้องการบวกกับความคึกคนองในวัยนั้น ผมไม่ได้คิดถึงส่วนที่ไม่ดีหรือข้อเสียของมันเลย โดยเฉพาะผมเองก็เคยเกือบโดนมอเตอร์ไซต์ชนในขณะที่เดินอยู่ริมถนน มิหนำซ้ำยังถูกคนขับด่าว่า ด้วยข้อหาเดินไม่ดูรถอีกต่างหาก

และแล้วผมก็ได้ขับรถมอเตอร์ไซต์ที่ฝันไฝ่สู่ท้องถนนอันกว้างไกลด้วยความภาคภูมิใจ หลายครั้งผมกลับพบกับความรู้สึกที่ว่า …
คนที่เดินข้างถนนนี้ ช่างเดินเกะกะสิ้นดี และรำคาญผู้คนเหล่านั้นเสียเต็มประดา ..โดยผมคงหลงลืมไปว่า ณ ที่ตรงนั้น ผมเองก็เคยอยู่

เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นพอกับความรู้สึกถึงความเห็นแก่ตัวของรถยนต์คันใหญ่ ๆที่วิ่งควักไขว่โดยที่ไม่เห็นใจรถมอเตอร์ไซต์เล็ก ๆอย่างผม

หรือตัวผมเองต่างหากที่เห็นแก่ตัว ที่ไม่เห็นใจคนอื่นแล้ว แต่กลับต้องการความเห็นใจ ความช่วยเหลือจากคนอื่นเสียอีก

จนมาวันนี้ ฐานะของผมเปลี่ยนไป จากตำแหน่งคนขับรถมอเตอร์ไซต์ สู่ตำแหน่งที่ใหญ่ใช้ชื่อว่าคนขับรถยนต์

ความรู้สึกของผมมิได้เปลี่ยนไป นอกจากจะรำคาญคนเดินถนนและรถมอเตอร์ไซต์ที่วิ่งขวักไขว่แล้ว รถยนต์อย่างเราเรา ยังหันมารำคาญรถยนต์ด้วยกันเองอีกเสียด้วย

ความยิ่งใหญ่ภายใต้ตำแหน่งที่เราอยู่นั้น มันช่างมีอิทธิพลเสียยิ่งกระไร
จนทำให้เราหลงระเริงจนลืมไปว่า คนที่ต่ำกว่า เล็กกว่า ด้อยกว่า พวกเขานั้นมีค่า มีหัวใจ มีสิทธิความเป็นคนมากกว่าสิ่งที่เรามองเห็นเพียงเพื่อสนองความพอใจของเรา “ถูกใจเรา เขาก็ดูดี”


แม้เขาจะถูกต้อง ชอบธรรม

ความยิ่งใหญ่ภายใต้ตำแหน่งที่เราอยู่นั้น มันช่างมีอิทธิพลเสียยิ่งกระไร
แม้แต่คนที่ในระดับเดียวกันก็ยังดูไม่เข้าท่า ...หรือเข้าตำรา กัดกันเอง


จนทำให้เรานั้น มิเคยเหลียวมองดูตัวเองและมีเวลาทบทวน...

เรามิเคยสนใจข้อบกพร่องของตัวเอง และมีความหนักแน่นในอัตตา และพยายามโกหกตัวเองว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง สมกับตำแหน่งที่เราอยู่ จนหาสนใจคนอื่นเลยว่าเขาก็มีคุณค่าความเป็นคนเท่ากันกับเรา

เพียงแต่จุดที่เขายืน มันต่างจากจุดที่เราอยู่ และจุดที่เรายืน จะไม่มีวันต่ำกว่าคนอื่น

หรือเราเพียงสนใจแค่ สิ่งที่เราต้องการ สิ่งที่เราเป็นนั้น มันมิมีสิ่งใดยิ่งใหญเทียบได้ เข้าตำรา “กบในกะลา”

จะมีสักกี่คนเล่า ที่เกิดมาโชคดีบนชาติตระกูลที่ดีและเพรียกพร้อม
จะมีสักกี่คนเล่า ในกลุ่มคนโชคดีเหล่านั้นจะเข้าใจ
ว่าแท้จริง ค่าความเป็นคนนั้น หาได้วัดกันตรงจุดที่เรายืน ตรงที่เราอยู่ แต่กลับวัดด้วยปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่ประกอบกันโดยปราศจาก อัตตา ความยึดในตัวของตน

ผมไม่แน่ใจว่า ผมเป็นคนโชคดีหรือไม่ ที่มีโอกาส

โอกาสที่ได้ยืน ได้สัมผัส กับความรู้สึกหลากหลาย ในหนึ่งช่วงชีวิต ที่ทำให้ผมได้เข้าใจ

ความแตกต่างระหว่างบุคคลนั้น สามารถมีได้ แต่ ...

ความแตกแยกที่เกิดจากการแบ่งแยกความแตกต่างในตัวตน จนเด่นชัด
ไม่ควรมี ในทุกกรณี ทุกองค์กร

นอกจากจะไม่มีทางสรรสร้างสิ่งที่ดีแล้ว ยังกลับทำลายขวัญและกำลังใจ
เพราะเราไม่สามารถเอาชนะจิตใจของคนได้ ด้วยการทำลาย และเหยียบย่ำ แต่กลับเอาชนะได้ ด้วยน้ำใจและความเอื้ออารีย์

3 มีนาคม 2550



Create Date : 30 ธันวาคม 2551
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 10:25:55 น. 0 comments
Counter : 924 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tiensongsang
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tiensongsang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.