เผลอแป๊บเดียวก็หมดเดือนแรกของปี ๒๕๕๗ ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยเชียว การได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆเพียงลำพังบ้าง ก็ทำให้เรารับรู้และสำผัสได้ถึงการเคลื่อนตัวผ่านของ "เวลา" ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ไม่ได้มีความสามารถพิเศษใดใดเหนือใครหรอกครับก็แค่ในช่วงเวลาที่เราดำเนินชีวิตในเวลาทำงานปกติ เรามีสิ่งที่เราต้องสนใจ ควรสนใจ น่าสนใจ ฯลฯ เลยไม่มีเวลาที่จะทบทวนเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาซึ่งในทุกเรื่องราวนั้นมี "เวลา" เป็นตัวขับเคลื่อนหนึ่งเสมอ
ความเงียบ และ ลำพัง ...ทำให้ผมมีสมาธิ และมีความสุขเหลือเกินกับช่วงเวลานี้ยิ่งนัก
มีหลายคนที่รู้จักกันมักบอกกับผมว่า ความเงียบและลำพัง ทำให้เขาฟุ้งซ่านมากเสียกว่า ซึ่งผมก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายเพราะมันอยู่ที่เจ้าของจิตจะคิดจะกำหนดและต้องการเช่นไร แต่ละคนแตกต่างกันไป ไม่มีผิดไม่มีถูก หากต้องการความสุขเช่นผมก็ต้องพยายาม เพราะผมเองก็เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน ผมเคยฟุ้งซ่านแบบไม่มีที่ติเลยจริง ๆ

ในแต่ละวันผมเองแทบจำไม่ได้เลยว่ามีงานหรือกิจกรรมใดใดผ่านเข้ามาบ้าง รู้เพียงว่ามากมายเหลือที่จะจดจำไหว อีกทั้งกิจกรรมที่อยากจะทำอีกมากมาย สมองเลยไม่มีเวลาที่จะฟุ้งซ่าน มีเพียงช่วงเวลาค่ำคืนที่ผ่านช่วงเวลาทำงานต่าง ๆที่เป็นเวลาได้พักทุกสิ่งอย่าง เพื่อมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์ทำงานบ้าง โซเชียลบ้าง สืบค้นข้อมูลที่ต้องการบ้าง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนเพื่อพักทุกสิ่งอย่างลงเพื่อรอวันใหม่แห่งอรุณรุ่ง
การดำเนินชีวิต เป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้
บางทีความทุกข์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะความคุ้นชินแห่งการดำเนินชีวิตที่เป็นวัฏจักร เมื่อมีอะไรที่แปลกแตกต่างไปจากรูปแบบที่เราคุ้นชิน เรามักต่อต้านหรือปฏิเสธขัดขืนมิยอมรับมัน แม้มันจะเป็นสิ่งดีงามก็ตาม การเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงและเป็นไปในทุกสรรพสิ่งที่รายล้อมรอบกาย ถูกใจบ้าง ไม่ถูกใจบ้าง ก็สามารถนำพาความสุขให้เกิดขึ้นได้ไม่ยากเย็นนัก
เพราะชีวิตน้อยนัก...แต่สำคัญนัก
ฉันตระหนัก คำนี้ ดีไฉน
ชีวิต ที่เหลือฉัน...จึงตั้งใจ
ขอใช้ อย่างดี มีราคา
ที่ผ่านมา ดีหรือไม่ ฉันปล่อยผ่าน
ประสบการณ์ มีค่า มหาศาล
ชีวิตผ่าน เรื่องราว วันวาน
ฉันเล่าขาน ฝากไว้ ให้เธอฟัง
............................
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมและทักทาย
รวมถึงโหวดและไลค์ให้กำลังใจ
เสมอมา
ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรงนะครับ