เลข 2 มันจะเกี่ยวยังไงกับพี่คิ้มนั่นนะหรอ ลองมาไล่ดูกันหน่อยดีกว่า เริ่มจากที่คุ้นหูกันดีกับ 2 อัลบั้ม
- ปี 2539 อัลบั้ม JFK : หมวยใหญ่ - ปี 2548 อัลบั้ม Nothing to lose (But gain)
ต่อมาก็ 2 คอนเสิร์ตใหญ่- ปี 2550 Snow Kim กับ ผู้ชายทั้ง 7 - ปี 2551 Kim Rider vs. X-Men in Concert
และสุดท้าย พ็อคเก็ตบุ๊คอีก 2 เล่ม- ปี 2548 คนพันธุ์โสด เดี๋ยวโหด เดี๋ยวฮา - ปี 2550 โปรดเอื้อเฟื้อ แก่สตรีมีคัน
ความถี่ของผลงานอาจจะไม่ใช่ตัวแปรของการมีชื่อเสียง แต่น่าจะเป็นระยะเวลาที่สั่งสมมานานเสียมากกว่า และไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนไปแค่ไหน บทเพลงที่มีลมหายใจ คนนี้ก็ยังคงอยู่ ยังคงร้องเพลง ยังคงสร้างความสุขต่อไป
ส่วนความท้าทายที่สุดของการทำอาชีพนักร้อง ก็คือ การสื่อให้คนฟังได้เข้าใจถึงสิ่งที่เนื้อเพลงกำลังพูดถึง หากยังจำเพลงใน 2 อัลบั้มที่ผ่านมาได้ ในวงการวิทยุ หรือ สื่ออื่นๆไม่ค่อยถูกหยิบเอามาพูดถึงมากนัก แต่ถ้าเป็นในวงของแฟนคลับแฟนเพลง มักถูกคนเหล่านี้ฟังผ่านหู นับร้อยนับพันครั้ง ยกตัวอย่างเช่น
- Missed Call - สายไป (too late) - ประโยคสุดท้าย - แค่เพียงเพราะรัก - Lonely - หยุดเสียที - คำสำคัญ - ดีใจ เพลง ประกอบละคร - เพลงอยู่ในสายลมหรือเปล่า (ละครดาวหลงฟ้า) - เพลงจะรักเธอให้ดีที่สุด (ละครหนึ่งตะวันพันดาว) - เพลงก่อนรุ้งจะทอ (ละครเรือนนารี สีชมพู) - เพลงไม้เมือง (ละครไม้เมือง) - เพลงดีใจ / เพลงหยุดเสียที (ละครจินตปาตี) - เพลงผู้หญิง / เพลงตาเบบูญ่า (ละครตาเบบูญ่า) - เพลงไม่ยอมหมดหวัง (ละครเมืองมายา เดอะซีรีย์) - เพลงเธอรักที่ตรงไหน (ละครเปลือกเสน่หา)
เพลง ประกอบภาพยนต์- ปี 2547 เพลงเหนื่อยพอแล้ว (Ost.ซีอุย) - ปี 2550 เพลงรักฉันนั้นเพื่อเธอ (Ost. ยังไงก็รัก 7Days to leave my wife)
แม้แต่เพลง Cover ใหม่ หรือ เพลงที่ไปร้อง Featuring
- ปี 2539 เพลงตราบใด (อัลบั้ม ถามรักเธอ...จนเจอ ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน) - ปี 2549 เพลงละลาย ( อัลบั้มบทเพลงที่ดีที่สุดของ นก ฉัตรชัย ดุริยประณีต) - ปี 2547 เพลงอย่างน้อยก็ในคืนนี้ ( May I, tonight ) (อัลบั้ม Soul Searching แจ็ค สุขารมณ์) - ปี 2547 เพลง ชวนเธอมานอนนับดาว ( อัลบั้ม Resound Magazine- Free Mode)
ในงานเปิด อัลบั้ม AM:PM นักข่าวหลายคนตั้งกับถามกับพี่คิ้มว่า ทำไมไม่ออกอัลบั้มใหม่ พี่คิ้มก็มักจะตอบแบบหยิกแกมหยอกว่า เจ๊งไป 2 อัลบั้ม เข็ดจนตาย มีทั้งควักเงินทำเอง มีทั้งพาค่าย (Stone Entertainment) เค้าเจ็ง ไม่ไหวแล้วล่ะ
อีกประเด็นที่พี่คิ้มมักต้องตอบสื่อ เวลาที่ไปเปิดอัลบั้มกับค่ายต่างๆที่พี่คิ้มร่วมงาน แบบนี้แสดงว่าพี่คิ้ม จะย้ายมาอยู่ค่าย ( ??? )....ใช่มั๊ยครับ...แล้วค่าย( ??? )ไม่ว่าหรอครับ ที่ไหนมีเงินจ้าง พี่ก็รับหมดหล่ะคะ อารมณ์ขันที่ทำให้คำตอบดูเป็นเรื่องตลก มากกว่าเป็นเรื่องซีเรียส ช้างเชื่อเสมอว่า พี่คิ้มคงไม่อยากเอาคำว่า สังกัดมาจำกัด ความสบายใจในการทำงานอย่างแน่นอน
เมื่อนักร้องคนนึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง สูตรสำเร็จของการเป็นนักร้องอาชีพ ก็คือ การมี คอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง ในปี 2550 Snow Kim คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในรอบ 20 ของพี่คิ้ม จึงเกิดขึ้น สำหรับแฟนเพลงที่รอคอยมานานก็ให้การตอบรับที่ดี หลังจบคอนเสิร์ตกระแสความแรง ส่งผลต่อเนืองทำให้พี่คิ้มมีโอกาสเดินเข้ามา งานจ้างก็เข้ามาเยอะขึ้น พี่คิ้มเป็นที่ต้องการของ บ.Organize หลายแห่ง
อย่างเมื่อก่อนวันนึงจะมีงาน1-2 งาน แต่หลังจบคอนเสิร์ตไปงานก็เยอะขึ้น บางครั้ง 4-5 งานต่อวัน พี่คิ้มให้สัมภาษณ์ในรายการ 3 หนุ่ม 3 มุม วาไรตี้ เดี๋ยวพี่ต้องไปต่ออีกงาน พี่คิ้มแวะมาถ่ายรูปด้วยหลัง คอนเสิร์ต HM Blue จากนั้นก็จ้ำพรวดไปงานต่อทันที ซึ่งเวลาเกือบเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว แต่ก่อนหน้าที่จะมาคอนเสิร์ตพี่คิ้มก็รับงานอยู่ที่ Central World
หรือหลังจากงานที่ร้าน Magarita เสร็จเป็นอีกครั้งที่พี่คิ้ม โกยอ้าวขึ้นรถ เหยียบล้อหมุนฝุ่นตลบ ไปงานต่อที่ RCA แม้แต่งานที่ ม.รังสิต ที่พี่คิ้มต้องไปเป็นกรรมการตัดสินการประกวดวงดนตรี พี่คิ้มก็อาศัยห้องพักกรรมการแต่งหน้าเพื่อไปงานต่อ เรียกได้ว่า Snow Kim ทำให้ 365 วันของพี่คิ้มเต็มไปด้วยความวุ่นวายแต่ก็มีเรื่องราวให้น่าจดจำ
จนมาถึงคอนเสิร์ตที่พึ่งจบไป Kim Rider vs X-Men in concert
1 ปีให้หลัง พี่คิ้มก็กลับมาเปิดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง สิ่งที่ตามมาก็ คือ การเปรียบเทียบ ยิ่ง Snow Kim ประสบความสำเร็จมากเท่าไร Kim Rider ก็ยิ่งต้องแบกรับความคาดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้ทันที
ไม่ว่า Kim Rider จะประสบความสำเร็จหรือไม่ คอนเสิร์ตมันก็จบลงไปแล้ว จบลงไปพร้อมๆกับคำวิพากษ์วิจารณ์ ของคนที่ทั้งชอบและไม่ชอบ กลายเป็นประเด็นร้อนในเวบบอร์ดต่างๆ บ้างก็วิจารณ์เชิงสร้างสรร บ้างก็บ่อนทำลายความรู้สึกของนักร้องเสียจริงๆ
พวกนี้มันไม่แน่จริง พี่นี่อยู่ในที่แจ้ง เคยโดนมาเยอะกว่านี้ โดนชี้หน้าด่า เขวี้ยงแก้วต่อหน้าก็เคย เรื่องแค่นี้ขี้ประติ๋ว ดูเข้มแข็งใช่มั๊ย คำพูดของพี่คิ้ม หลังอ่านคำวิจารณ์แย่ๆบางอัน แต่เบื้องหลังมันแฝงไปด้วยอะไรอีกมากมายที่คนภายนอกไม่เคยรับรู้ แต่พี่คิ้มรู้สึกได้...เมื่อต้องอยู่คนเดียว
ในห้องสี่เหลี่ยม
ถึงแม้จะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม แต่ทั้งก่อนหน้าและหลังคอนเสิร์ตของตัวเอง พี่คิ้มก็ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าเวที ยังมีคอนเสิร์ตที่พี่คิ้มไปร่วมสร้างเสียงหัวเราะอยู่เรื่อยๆ อาทิเช่น
คอนเสิร์ต Deep Blue ของพี่นิ่ม สีฟ้า คอนเสิร์ต Love at the movie คอนเสิร์ตโต๋ ศักดิ์สิทธิ คอนเสิร์ต Cool Love Maker by AM :PM คอนเสิร์ตพี่หนึ่ง จักรวาล และล่าสุดคอนเสิร์ตเพลงแบบประภาสที่พึ่งจบไป และอื่นๆ อีกมากมายก่ายกอง เล่า 3 วันก็ไม่จบ เฮ้อ... Hot ! จริงๆ
งานถัดมาที่พี่คิ้มน่าจะถนัดนอกเหนือจากการร้องเพลงแล้ว งานเขียน เป็นอีกหนึ่งงานที่พี่คิ้มทำควบคู่มากับการร้องเพลง ถึงตอนนี้ เล่นหู เล่นตา จำนวนตอนที่เขียนมากกว่า 100 ตอน ซึ่งเมื่อไม่นานที่ผ่านมาก็ได้รับการรวมเล่ม ในชื่อ โปรดเอื้อเฟื้อ แก่สตรีมีคัน รวมเรื่องแสบๆคันๆ ตามประสาผู้หญิงมากประสบการณ์แบบ พี่คิ้ม
หรือจะเป็น คนพันธุ์โสด เดี๋ยวโหด เดี๋ยวฮา เรื่องเล่า (ไม่) เคล้า น้ำตา เรื่องจริงประสบการณ์ตรง ตีแสกหน้าบุคคลที่ 3 หลายๆคน แล้วจะเป็นยังไงถ้าวันนึงคุณต้องหนีจากความตายที่หยิบยื่นโดยตัวคุณเอง ระวัง ! เมื่อเริ่มอ่านคุณจะวางมันไม่ลง แต่เมื่ออ่านจบคุณจะพบความจริงที่ว่า ไม่มีใครรักคุณเท่ากับตัวคุณ และครอบครัวคุณเอง
ผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดกับการชิมลางหน้าที่พิธีกรประจำรายการ คืนนี้ วันนั้น ผ่านพ้นมากว่า 6 เดือน สำหรับการทำให้คนเชื่อถือในแบบที่พี่คิ้มอยากให้เป็น การเป็นนักร้องคนก็ชื่นชอบ แต่ไม่ได้รับความนับถือ การเป็นพิธีกรเราต้องใช้อะไรอีกหลายอย่าง เราจะมาเป็นตัวของตัวเองเหมือนเป็น นักร้องไม่ได้ บทสัมภาษณ์ส่วนนึงจากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ ฉบับที่ 222 ประจำวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551
ความท้าทายใหม่ๆ มักเกิดขึ้นกับคนเราเสมอ งาน ในความหมายของพี่ก็แปลว่า งาน ประโยคนี้อาจจะใช้ไม่ได้แล้วกับทั้งหมดที่พี่คิ้มทำอยู่ตอนนี้ ช้างจะบอกเสมอว่า ถ้าลองไปสัมผัสพี่คิ้มจริงๆ จะรู้ว่างานเป็นมากกว่างาน วันนี้เป็น วันนึงที่พี่หัวเราะเยอะมาก รายการนี้ยิ่งทำยิ่งสนุกนะ พี่คิ้มพูดหลังจบการอัดรายการคืนนี้ วันนั้น เทปน้าเน็ก เกตุเสพสวัสดิ์ และเทป พี่จิ๊ก เนาวรัตน์
การได้ออกไปทำงานนอกสถานที่ครั้งแรกของรายการคืนนี้ วันนั้ ทำให้เห็นพี่คิ้มในอีกหลายมุม มุมที่หวาดหวั่นกับเส้นแบ่งระหว่างอิสระภาพ ละ การถูกจองจำ มุมที่พร้อมจะแบ่งปันแม้เพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ เพื่อคนที่ด้อยโอกาสกว่า มันอาจจะไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่เสียจนต้องมีใครมาถ่ายรูป แล้วประกาศให้ชาวบ้านชาวช่องรู้ว่า ฉันทำความดี แต่อย่างที่พี่จิ๊ก เนาวรัตน์บอกนั่นหล่ะว่า การเป็นดารา เราได้มาทั้งชีวิต ถูกยกยอปอปั้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าคนเหล่านั้นจริงใจกับเราหรือเปล่า
เมื่อกลับออกมา ผู้ต้องขังคงได้อะไรจากพี่คิ้ม พี่จิ๊ก พี่ทินและทีมงานรายการคืนนี้ วันนั้น อาจจะเป็นความสุข เสียงหัวเราะ ให้วันธรรมดาในสถานที่แคบๆเป็นวันที่พิเศษ ลูกกรงอาจขังได้แค่ตัวและอิสระภาพทางกาย แต่อิสระภาพทางใจและความคิด ยังคงเป็นสิ่งเดียวที่ผู้ต้องขังทุกคนสามารถใช้ได้อย่างเต็มที่
จำไว้ว่า ข้างนอกยังมีคนรอเราอยู่ หรือแม้ว่าจะไม่มีใครอย่างน้อยเราก็ยังมีตัวเอง เพราะถึงยังไงเราก็เกิดคนเดียวตายคนเดียว เป็นกำลังใจให้ทุกคนทำความดี กำลังใจก่อนพี่คิ้มจะออกมาสู่อิสระภาพเต็มพิกัด
ตาหยีๆของพี่คิ้มคู่นั้นบอกอะไรคุณบ้าง สายตาที่ผ่านการมองห็นอะไรมามาก ถ้าเธอกำลังมีความสุขเสียงหัวเราะคงทำให้ตาคู่นั้นคงเล็กลงกว่าเดิม ถ้าเธอเศร้าตาคู่นั้นจะปริ่มไปด้วยน้ำใสๆ ไม่ว่าสายตาคู่นั้นจะบอกอะไรก็ตาม สายตาคู่นั้นก็ยังคงหยีต่อไป ว่ากันว่าตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ.....
J.Kim on Demand ตอนหน้าเราจะพาไปค้นหัวใจของพี่คิ้ม แอบย่องเข้าไปดูกันว่าจะมีใครซ่อนอยู่ในนั้นหรือเปล่า อย่าพลาดการติดตามเป็นอันขาด
ปล. ตอนนี้อ่านแล้วอ่านจะงง ๆ ข้อมูลไม่ครบ เพราะว่าช้างน้อยเขียนเอาไว้นานแล้ว แต่ บก. อู้งานเพิ่งจะเอามาลง J.Kim On Demand 7 ฉลอง Blog ครบหนึ่งปีรออ่านวันที่ 30 สิงหานะคะ
ร้อยเรียงเรื่องราว โดย ช้างน้อย นำเสนอ โดย บูเก้ Apple & Bouquet Productions...
|