เมื่อคืนนัดกับน้องใน web หลายๆคนไปงานที่ sugar beet มา ไปรอตั้งแต่ 3 ทุ่ม กว่าจะครบองค์ก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว เป้าหมายเดียวของพวกเราก็คือ "พี่คิ้ม" ได้เวลาเกือบ 5 ทุ่ม คนที่พวกเรารอก็ปรากฎตัวในชุดสีแดงม่วงชุดเดียวกันกับที่เล่น concert snow kim เดินนำหน้ามาด้วยพี่ข้าวตู ช่างแต่งหน้าคู่กาย ตามมาด้วยพี่ webmaster ไม่รอช้าตรงดิ่งเข้าไปทักอย่างไม่ลังเล เล่นเอาพี่คิ้มอึ้งไปพักนึง ก่อนจะเรียกสติกลับมา เพราะเราเล่นแนะนำตัวกันพัลวัน พี่คิ้มน่ารักมากๆขอบอก เพราะพี่คิ้มหยุดคุย ถ่ายรูปกับพวกเรา แต่รู้สึกเหมือนพี่คิ้มจะไม่สบายนะ มีอาการน้ำมูกไหลนิดหน่อย ถามก็ได้ความว่าแพ้อาการ แพ้ควันบุหรี่ ก่อนที่พี่คิ้มจะพูดว่า "นี่พี่จะโดนพ่อแม่พวกหนูว่ามั๊ยเนี่ย" คงเพราะหน้าเราและอายุเด็กๆกันทุกคนเลย
พี่คิ้มยังฝากมาบอกว่าช่วงนี้งานยุ่งไม่ค่อยมีเวลาตอบกระทู้พวกเราเท่าไร นี่ก็พึ่งไปอัดรายการ ตู้ซ่อนเงินมา
หลังจากนั้นพี่ข้าวตูก็ต้องขอตัวพี่คิ้มไปจากพวกเรา เพราะอีกเดี๋ยวก็ต้องขึ้นเวทีแล้ว ไม่รอช้าพวกเราวิ่งตามไปยืนออกันที่หน้าเวที เปิดงานด้วยพี่โก้ เป่าแซกเพลงในอัลบั้มใหม่ จากนั้นก็เป็นคิวพี่คิ้มขึ้นร้องเพลงประจำตัว "คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว" ต่อด้วยอีกหลายเพลง ทั้ง เดจาวู เช้าไม่กลัว (ของลีโอพุฒ) พรหมลิขิต และอีกมากมาย คนที่ได้เคยดูการแสดงสดคงจะรู้ดีว่าพลังเสียงพี่คิ้มนั้นดีขนาดไหน นอกจากนั้นยังเอนเตอร์เทนคนดูได้เยี่ยมมาก
พี่คิ้มแสดงสลับกับพี่โก้ โดยที่ถ้าพี่คิ้มไม่ได้ร้องจะลงมาข้างๆเวที ถ่ายรูปกับแฟนเพลง ขนาดนั่งลงกับพื้นก็ทำมาแล้ว พี่คิ้มน่ารักมากๆกับแฟนเพลงทุกคนเรียกได้ว่าคนไหนอยากกอด อยากถ่ายรูป บางทีทั้งๆที่ร้องเพลงบนเวที ปากก็ร้องไป แฟนเพลงขอถ่ายรู้ก็กอดคอกันถ่ายเลยทีเดียว น้องที่ไปด้วยเอา DVD CONCERT SNOW KIM เซ็นด้วยล่ะ พี่คิ้มก็เซ็นให้ทุกที่เลย แกะกล่องมาเซ็นที่แผ่น เซ็นที่ปก ทำเอาน้องแจน ปลื้มยกใหญ่ หลังจากนั้นก็ปิดงานด้วย One night only กับเปลี่ยน ของ ETC พวกเราที่ไปหลายๆคนก็เกาะหน้าเวทีตั้งแต่เริ่มงานจนจบเหมือนกัน
พอลงจากเวทีพวกเราอีกนั่นหล่ะที่วิ่งลงมารอข้างล่างเพื่อจะขอลายเซ็น ขอถ่ายรูป ขอคุยและอีกหลายอย่าง พอพี่คิ้มลงมาเจอพวกเราก็หยุดยืนคุยนานมากๆ เราก็ถามถึงคิวงานต่อไป พี่คิ้มก็บอกว่าไม่ค่อยแน่นอน ถ้ามีก็มี ไม่เป็นเวลาเท่าไร แต่ปกติจะไม่ลงผับบ่อยนัก ถ้าจะตามกันก็คงต้องคอยอัพเดตจาก website ล่ะ
ก่อนเดินจากไปพี่คิ้มลูบแขนเรา บอกให้กลับบ้านดีๆด้วย ทำเอาเราขนลุก ตื่นเต้น และน้องๆที่ไปด้วยก็ได้สัมผัสพี่คิ้มกันทุกคน
ตลอดทางมีแต่คนขอถ่ายรูปเยอะมากๆ พี่ข้าวตูอีกเช่นเดิมที่ขอตัวพี่คิ้มไปพักผ่อน พวกเราก็มีโอกาสได้เจอแฟนคลับที่มาจาก web นี้เยอะมากๆ เช่น คุณขวัญ พี่เจี๊ยบ และอีกหลายๆคน ก็ได้แลก e-mail กันเรีบยร้อย เอาไว้นัดเจอกัน และ ตามพี่คิ้มกันอีก
พี่คิ้มก็เดินไปเปลี่ยนชุด เรากับน้องหญิงก็ไปเข้าห้องน้ำพอดี ก็เลยไปเจอ พอเปลี่ยนชุดมาเป็นกางเกงยีนส์ เสื้อสายเดี่ยวสีขาว พี่คิ้มเดินมาเจอเราแอบถ่ายรูปตรงตู้อาหารทะเล พี่คิ้มก็เลยเดินตรงมาถามว่า "จะถ่ายรูปพี่หรอ?" ทำเอาเราอายเลย ช๊อตเด็ดก็ตรงนี้หล่ะ เราให้น้องหญิงถ่ายรูปเรากะพี่คิ้ม ตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนมาและดันไปรับปากน้องปาล์มไว้ว่าฝากกอดกับหอมพี่คิ้มด้วย เลยถือโอกาสนี้หอดพี่คิ้มฟอดใหญ่ ปลื้มมากๆๆๆๆๆ สักพักพี่คิ้มก็ขอตัวไปหาอะไรกินในห้องส่วนตัว เราก็นั่งชิวชิวรอกลับบ้านอยู่หน้าห้องพี่คิ้มนั่นหล่ะ ทุกครั้งที่พี่คิ้มเห็นใครก็ตามถือกล้อง พี่คิ้มจะหันมายิ้มให้ และทุกคนก็ตอบแทนด้วยการร้องเพลงทุกๆเพลงที่พี่คิ้มร้องซะดังลั่นเลย อีกอย่างที่เห็นจากพี่คิ้มก็คือ พี่คิ้มจะยกมือไหว้แฟนเพลงตลอด แล้วยังบอกอีกว่า "เสียงที่เพราะที่สุด คือ เสียง คนฟังเนี่ยหล่ะ"
สำหรับรูปคาดว่าจะเอามาลงให้พรุ่งนี้นะ เพราะเมื่อคืนเล่นเอาเรางอมไปเหมือนกัน กว่าจะถึงบ้านก็ตี 2 กว่าแล้ว ต้องขอบคุณพี่โก้ Mr Saxman ด้วยที่อำนวยความสะดวกหลายๆอย่างให้เรา ขอบคุณน้องๆหลายคนที่ไปด้วย ขอบคุณบูเก้ที่ให้ติดรถกลับมาด้วย
ขอบคุณพี่จิ๊บ มือเบสวง Takeshi ที่อัพเดตข้อมูลให้นะค่ะ ที่สำคัญที่สุด ขอบคุณพี่คิ้มที่ทำให้พวกเราทุกคน ประทับใจในอัธยาศัย น้ำใจ และเสียงเพลงที่มอบให้เมื่อคืนนี้ รักษาสุขภาพให้หายไวๆนะคะพี่คิ้ม ดูแลตัวเองด้วย น้องๆเป็นห่วงค่ะ ทุกคนก็เช่นกันนะ แล้วเจอกันอีก.... .................................................................................. จำได้ว่าใช้เวลาในการเขียนไม่นานเท่าไร เพราะยังจำความรู้สึกของคืนที่ผ่านมาได้ดี เหมือนพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในคืนนั้น ได้เจอพี่คิ้ม ได้ฟังพี่คิ้มร้องเพลง ได้ยืนใกล้ๆพี่คิ้ม ที่สำคัญได้พูดได้คุยกับพี่คิ้มเป็นครั้งแรก คิดดูว่าจากแค่นั่งดูผ่านหน้าจอทีวี อยู่ๆพี่คิ้มก็มายืนตรงหน้า อารามตื่นเต้นดีใจไหลมารวมกัน ช้างยิงคำถามใส่พี่คิ้มเป็นชุด พี่คิ้มในเวลานั้นคง งง เด็กพวกนี้เป็นใคร อยู่ๆก็มาพูด ฉอดๆใส่ฉัน
หลังจากนั้นพวกเราก็ตกอยู่ในห้วงของ มิติคิ้มพิศวง หมายถึง การตกอยู่ในภวังค์อะไรสักอย่าง คล้ายๆต้องมนต์สะกด ให้หลงใหลได้ปลื้ม ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะสามารถฟังเพลงใคร ดูรูปใคร ติดตามใครได้นานขนาดนี้ (วัดจากตัวเองเป็นมาตรฐาน) อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าหาว่าช้างกำลังเพ้อ แค่กำลังพยายามอธิบายความรู้สึกก็เท่านั้นเอง แน่นอนว่าช้างและหลายๆคนคงไม่สามารถร้องเพลงทุกเพลงของพี่คิ้มได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะจำเพลงเหล่านั้นไม่ได้ เพลงบางเพลงที่พี่คิ้มแค่เป็นคอรัสเราก็ไปตามหามาฟังกันจนได้ ถึงแม้ว่าเพลงๆนั้นเสียงที่เด่นจะเป็นของคนอื่น แต่สำหรับพวกเราเสียงเพลงที่เพราะที่สุด คือ เสียงพี่คิ้ม ... นั่นเอง
แล้วถ้าลองตั้งคำถามกลับกันดูบ้างล่ะว่า ทุกคนชอบพี่คิ้ม รักพี่คิ้ม เห็นพี่คิ้มเป็นไอดอล เพราะอะไร.....ติ๊ก ต๊อก...ติ๊ก..ต๊อก...หมดเวลา.. พี่คิ้มร้องเพลงเพราะ พี่คิ้มเป็นแรงบันดาลใจ อยากเข้มแข็งอย่างพี่คิ้ม อยากเก่งอย่างพี่คิ้ม นานาทัศนะคงไปกันคนละทิศคนละทาง แล้วถ้า คนที่ร้องเพลงเพราะ คนที่เป็นแรงบันดาลใจ คนที่เข้มแข็ง คนที่เก่ง ไม่ใช่พี่คิ้มล่ะ คุณยังจะชอบ ยังจะเห็นพี่คิ้มเป็นไอดอล อยู่อีกมั๊ย
ถ้าคำตอบ คือ ไม่ นั่นหมายถึงว่า คุณกำลังยึดติดกับตัวบุคคลอย่างชัดเจน แต่ถ้าคำตอบว่า ใช่ นั่นก็หมายความว่า คุณมองที่สิ่งที่เค้าคนนั้นทำ และอยากประพฤติ ปฏิบัติตาม และก็จะหมายถึงว่า ใครๆก็สามารถเป็นไอดอลของคุณได้ จริงมั๊ย ?
ครั้งนึงท่าน ว.วชิรเมธี มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ คืนพิเศษ คนพิเศษ ของกรีนเวฟ สัมภาษณ์โดยพี่ฉอด สายทิพย์ท่าน ว. สอนว่า การที่คนเราไม่เท่ากัน เป็นเพราะ เหตุผล 3 ข้อ 1.ไม่มี 2.ไม่เท่า 3.ไม่พอ
ไม่มี หมายถึง การที่คนเราไม่มีทรัพย์ ไม่มีความรู้ ไม่มีเหมือนคนอื่น อยากมีอยากเห็นและอยากเป็นแบบคนอื่น ไม่เท่า หมายถึง การที่คนเรามีทุกอย่างๆที่กล่าวมาข้างต้น เพียงแค่มีไม่เท่าคนอื่น เราจึงอยากมีให้มากกว่าหรือให้เท่ากับคนอื่น ไม่พอ หมายถึง การที่คนเรามีครบทุกอย่าง มากกว่าที่ควรจะมีเสียด้วยซ้ำ แต่เรากลับไม่รู้จักพอ
ท่าน ว. ยกตัวอย่าง ลูกศิษย์ของท่านให้ฟังว่า ศิษย์ท่านคนนี้อยู่ในฐานะ 1 ใน 10 ของมหาเศรษฐีของเมืองไทย มีเครื่องบินส่วนตัวที่สามารถบินได้นาน 4 ชั่วโมง เป็นคนเดียวที่มีในเมืองไทยก็ว่าได้ แต่แล้ววันนึงก็เดินทางไปต่างประเทศไปเจอเพื่อนต่างชาติ เพื่อนคนนี้มีเครื่องบินที่สามารถบินได้ 12 ชั่วโมง ทำให้เศรษฐีกลัดกลุ้มอยากมีเหมือนเพื่อน โดยมาปรึกษาท่าน ว.
ท่านจึงสอนเศรษฐีให้รู้จักเหตุผล 3 ข้อนั้น
ถามว่าช้างเอาเรื่องนี้มายกตัวอย่างทำไม คงเพราะพอช้างรู้จักพี่คิ้มจริงๆ ช้างถึงเข้าใจสิ่งที่พี่คิ้มพูด สิ่งที่พี่คิ้มเตือน พี่คิ้มสอนเสมอว่า พี่ก็แค่คนธรรมดาๆ คนนึง ไม่ได้วิเศษเลิศเลอ พี่แค่มีโอกาส พี่แค่เอาสิ่งที่พี่มีไปบวกกับโอกาสที่หลายคนมอบให้ แล้วทำมันออกมาให้ดีที่สุด
ประโยคข้างบนสอนอะไรคุณรู้มั๊ย จริงๆแล้ว ไอดอล ของคุณ อาจเป็นแค่สิ่งสมมุติก็ได้ แต่หากคุณยิ่งพบตัวเองเร็วเท่าไร คนที่เป็นไอดอลในใจคุณอาจจะไม่ใช่คนอื่น แต่อาจเป็นตัวของคุณเองก็เป็นได้ ฉะนั้นจำไว้เสมอว่า เราทุกคนสามารถประสบความสุข เหนือความสำเร็จใดๆได้ หากเรารู้จักคุณค่าของตัวเอง
ถามต่อไปว่า ตลอดเวลาช้างเขียนแต่ในส่วนดีๆของพี่คิ้ม แล้วส่วนที่ไม่ดีล่ะมีมั๊ย มีอย่างแน่นอน ในเมื่อพี่คิ้มยังคงเป็นสามัญชนคนธรรมดา ย่อมหนีไม่พ้น เรื่องรัก โลภ โกรธ หลง ไปได้ การที่พวกเรามีเจตนาดี พูดถึงเรื่องดีๆ ก็ย่อมดีกว่าไม่ใช่หรอ? แต่ไม่ได้หมายรวมถึง การปฏิเสธข้อเสียอย่างสิ้นเชิงซะหน่อย
พวกเรายอมรับ และ นับถือสิ่งที่พี่คิ้มผ่านมา เพราะทำให้พวกเราได้เรียนรู้โดยไม่ต้องปฏิบัติงานจริง อย่างที่พี่คิ้มเคยบอกไว้ในงานเปิดหนังสือ โปรดเอื้อเฟื้อ สตรีมีคัน ว่า การเรียนรู้จากชีวิตคนอื่น เป็นเหมือนการขึ้นทางด่วน โดยไม่ต้องเสียเวลาอยู่บนทางคดเคี้ยวข้างล่าง
พวกเราหลายคนชอบสิ่งที่พี่คิ้มเป็น สิ่งที่พี่คิ้มทำ แต่เราก็คงไม่อยากเป็นอย่างที่พี่คิ้มเป็น งง มั๊ย หมายความว่า ถ้าสลับกันได้หนึ่งวัน ให้พวกเราคนใดคนนึง หรือ หลายๆคน ไปเป็นอย่างที่พี่คิ้มเป็น เป็นนักร้อง เป็นพิธีกร เป็นเสาหลักของบ้าน ทำงานหนัก หามรุ่งหามค่ำ เราอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่พี่คิ้มทำก็ได้
ขณะเดียวกัน ให้พี่คิ้มมาทำงานแบบเราๆ เรียนสัตวแพทย์ เรียน IT เรียนเภสัช พี่คิ้มก็อาจไม่มีความสุขเท่ากับการยืนร้องเพลงให้ทุกคนฟังเช่นกัน ความสุข ความสามารถของแต่คนเลยถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่วันที่เราเกิด
พอพูดถึงเพลงแล้วพาลให้นึกถึง เพลงฮิตที่สุดในรอบปีที่พี่คิ้มใช้ร้องตามงานต่างๆ ซะแล้วซิ มาจัดอันดับกันหน่อยดีกว่าว่าเพลงไหนจะเข้าวิน ชนะใจ ผ่านเข้ารอบกันบ้าง
แต่ว่าคงต้องเป็นตอนหน้าแล้วล่ะ....เพราะตอนนี้ ต้อง บ๊าย บาย กันไปก่อน แล้วเจอกันใหม่... โปรดติดตามตอนต่อไป เร็วๆนี้
ปล.แรก ๆ จะเรียกกันคุณขวัญ คุณเปิ้ลงี้แหละ แต่ลองมาฟังตอนนี้ซิ มีฮา ขอบคุณรูปสวย ๆ จากน้องแจนด้วยนะคะ
ร้อยเรียงเรื่องราว โดย ช้างน้อย นำเสนอ โดย บูเก้ Apple & Bouquet Productions...
|
ช่วงนี้ยังไม่มีพี่เลย....แล้วเราไปอยู่ไหนเนี๊ยะ