การอนุโมทนาบุญ
โดย พรหมญาณี
วันนี้ ปอป้าเขียนเรื่องการอนุโมทนาบุญ ตามคำขอของคุณจ๊อก-คนชุมแสง นะคะ เรื่องของการอนุโมทนาบุญนั้น มีหลายคำที่มีความหมายเกี่ยวเนื่องกับการอนุโมทนา เริ่มต้นด้วยคำว่า
อนุโมทนา มีความหมายตามสารานุกรมแปลว่า ความยินดีตาม, ความพลอยยินดี หมายถึงการแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ ซึ่งอาจแสดงอนุโมทนาได้ด้วยการพูด การเขียนเป็นหนังสือ หรือการแสดงเป็นกิริยาอาการก็ได้ เช่น ยกมือประนมไหว้แล้วกล่าวคำว่า สาธุ หลังจากที่พระสงฆ์ได้ทำวัตรเช้าหรือวัตรเย็นจบ เป็นการกล่าวอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ หรือมีเพื่อนที่ไปทำบุญปฏิบัติธรรมเสร็จแล้วหรือกำลังทำอยู่แล้วมาบอกเล่าให้ทราบ เมื่อรับทราบแล้วยกมือขึ้นประนมไหว้พร้อมกล่าวคำ สาธุ เป็นการแสดงอนุโมทนาในการทำบุญของเขาด้วย
ส่วน อนุโมทนากถา หรือ สัมโมทนียกถา เป็นถ้อยคำอันเป็นที่บันเทิงใจ ใช้เรียกในการที่พระภิกษุพูดแสดงความขอบคุณ หรือกล่าวถึงประโยชน์และอานิสงส์ของความดีของบุญกุศลที่ญาติโยมได้ทำ เช่น การถวายอาหารแก่พระภิกษุ หรือการสร้างศาสนสถานต่าง ๆ ไว้ในพระพุทธศาสนา อันเป็นเหตุให้ผู้ที่ทำบุญนั้นเกิดความแช่มชื่นเบิกบาน อิ่มอกอิ่มใจในผลบุญที่ได้กระทำและทำให้เกิดความอยากทำบุญเช่นนั้นอีก การกล่าว สัมโมทนียกถา เป็นธรรมเนียมที่พระสงฆ์ปฏิบัติมาแต่ครั้งโบราณ โดยกล่าวเป็นภาษาไทยและปกติจะกล่าวก่อนที่จะมีการอนุโมทนาเป็นภาษาบาลี หรือที่รู้จักกันว่า ยถา-สัพพี
สำหรับ อนุโมทนาบัตร หรือ ใบอนุโมทนา นั้น เป็นหนังสือรับรองการรับบริจาคที่ทางวัดออกให้เป็นหลักฐานแก่ผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้แก่วัดนั้น ๆ
ทีนี้ก็มี ปัตตานุโมทนา อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแปลว่า การอนุโมทนาส่วนบุญ คือความพลอยชื่นชมยินดีในส่วนบุญที่คนอื่นทำแล้วมาบอกให้ทราบ หรือเขาไม่ได้มาบอกเป็นเรื่องเป็นราว แต่เรารู้ก็เกิดมุทิตาคือความยินดีกับเขาไปด้วย ในความมีมุทิตานั้น จะต้องไม่เจือปนด้วยกิเลสใด ๆ ปราศจากการอิจฉาริษยาในบุญหรือความดีที่เขาได้กระทำ และถ้ามีโอกาสก็อยากทำอย่างเขาบ้าง ปัตตานุโมทนา ถ้าถือเป็นบุญอย่างหนึ่งก็เรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย แปลว่า บุญที่สำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ หมายถึง บุญที่เกิดจากการอนุโมทนาในบุญในความดีที่คนอื่นได้กระทำ อันเป็นเหตุให้เกิดความสุขใจ ปราศจากความอิจฉาริษยา และเป็นเหตุให้ตัวเองปรารถนาอยากที่จะทำบุญหรือความดีอย่างเขาบ้าง และเมื่อตัวเองได้ทำแล้วก็จะยิ่งได้รับผลเป็นความสุขใจยิ่ง ๆ ขึ้น
อานิสงส์แห่งการโมทนาบุญนี้ พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสรรเสริญว่าเป็นความดีอย่างหนึ่ง
วิธีหรือหลักแห่งการทำบุญในพระพุทธศาสนากล่าวโดยย่อมีเพียง ๓ อย่างคือ ทาน ศีล ภาวนา แต่ถ้าขยายความออกไปก็จะได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ ซึ่งปอป้า ได้เคยเขียนไว้แล้วในหัวข้อ การทำบุญ โดยจะยกมากล่าวอย่างย่อ ๆ อีกครั้งหนึ่ง ได้แก่
1. ทานมัย บุญเกิดจากการให้ทาน 2. สีลมัย บุญเกิดากการรักษาศีล 3. ภาวนามัย บุญเกิดจากการเจริญภาวนา 4. อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ 5. เวยยาวัจจมัย บุญเกิดจากการขวนขวายในกิจที่ชอบ 6. ปัตติทานมัย บุญเกิดจากการให้ส่วนบุญ 7. ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ 8. ธัมมัสสวนมัย บุญเกิดจากการฟังธรรม 9. ธัมมเทศนามัย บุญเกิดจากการแสดงธรรม 10. ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรงกัน
การทำบุญในหลักพุทธศาสนาจริง ๆ นั้นมีอยู่แค่ ๑๐ ประการข้างต้นนี้เท่านั้น ถ้านอกเหนือไปจากนี้ก็ไม่ใช่ศาสนาพุทธแล้วล่ะ ส่วนอานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญนั้นตรงกับการทำบุญในข้อที่ ๗ คือ ปัตตานุโมทนามัย บุญเกิดจากการอนุโมทนาส่วนบุญ หรือการยินดีในส่วนบุญที่ผู้อื่นกระทำ ก็ถือเป็นบุญอย่างหนึ่ง
ในส่วนของผลบุญนั้น ในขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มีความย่อเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนของนางวิสาขาว่า ครั้งหนึ่ง พระอนุรุทธะเถระจาริกไปในดาวดึงส์เทวโลก เห็นทิพย์วิมานหลังใหญ่ กว้างยาวและสูง ๑๖ โยชน์ แวดล้อมด้วยอุทยานและสระโบกขรณี ล่องลอยอยู่ในอากาศ แผ่รัศมีไปไกลถึงร้อยโยชน์ เจ้าของวิมานนั้นเป็นเทพธิดาวรรณะงาม มีรัศมีสว่างไปทั่วทุกทิศ มีกลิ่นทิพย์หอมยวนใจฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ เมื่อยามเยื้องกรายหรือร่ายรำก็มีเสียงทิพย์อันไพเราะ น่าฟัง น่ารื่นรมย์ใจ เปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ พระอนุรุทธะเถระจึงถามเทพธิดานั้นว่าเธอทำบุญด้วยอะไร ทิพย์สมบัตินี้จึงเกิดขึ้นแก่เธอ นางเทพธิดาตอบพระเถระว่า ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ดิฉันเป็นเพื่อนของนางวิสาขามหาอุบาสิกา เมื่อเพื่อนของดิฉันสละทรัพย์ถึง ๒๗ โกฏิ สร้างบุพพารามมหาวิหาร เธอชวนดิฉันและสหายอีก ๕๐๐ คน ไปเที่ยวชมปราสาท ดิฉันได้เห็นสมบัติปราสาทที่เธอสร้างถวายพระภิกษุสงฆ์ที่ดิฉันเคารพ ดิฉันเลื่อมใส จึงอนุโมทนาบุญกับเธอว่า สาธุ สาธุ ด้วยอานิสงส์ของการอนุโมทนาบุญนี้ ทิพย์สมบัติทั้งหลายเหล่านี้จึงบังเกิดแก่ดิฉัน
จะเห็นว่าผลของบุญนั้นมีความมหัศจรรย์มาก เพราะคนบางคนไม่ได้สละทรัพย์เพื่อวัตถุทานหรือแม้แต่ไม่ได้ถวายทานนั้นด้วยมือของตนเอง แต่เป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสในการทำบุญของคนอื่น ด้วยใจที่ปราศจากกิเลสใด ๆ ครอบงำ ก็จะได้รับผลของบุญประหนึ่งเป็นเจ้าของวัตถุทานหรือเป็นผู้ถวายทานนั้นด้วยตัวเอง ดังเช่นเพื่อนของนางวิสาขา แต่แน่นอนว่าตัวเจ้าของวัตถุทานหรือผู้ที่ได้ถวายทานด้วยตนเอง ย่อมได้รับผลบุญมากกว่า หากกล่าวว่าได้เท่าเทียมกัน ทุกคนก็จะคิดแต่ว่า ไม่ต้องทำบุญด้วยตนเองก็ได้ อย่างน้อยที่เห็น ๆ ก็คือ ความอิ่มเอิบใจ สุขใจ ผู้อนุโมทนาบุญ กับผู้เสียสละทรัพย์ทำทานด้วยตัวเอง ย่อมซาบซึ้งในสิ่งที่ตนเองได้เสียสละมากกว่าผู้ที่เห็นแล้วได้แต่กล่าวคำอนุโมทนา อย่างไรก็ตาม การทำบุญไม่ว่าจะโดยทางใด ปอป้าไม่อยากให้ทำเพื่อหวังสิ่งตอบแทนไม่ว่าจะเป็นตอนนี้ ชาตินี้ หรือภายภาคหน้า ชาติหน้า
การอนุโมทนาบุญที่มีผู้แบ่งให้ คาถาธรรมบท พราหมณวรรค เรื่องพระโชติกะเถระ แสดงไว้ว่า กฎุมพีสองพี่น้อง ในกรุงพาราณาสี ทำไร่อ้อยไว้เป็นอันมาก วันหนึ่งกฎุมพีผู้น้องไปไร่อ้อย ถือเอาอ้อยมาสองลำคิดจะให้พี่ชายด้วย ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็มีจิตเลื่อมใสได้ถวายอ้อยในส่วนของตนลงในบาตร ตั้งความปรารถนาว่า "ด้วยผลแห่งรส (อ้อย) อันเลิศนี้ ข้าพเจ้าพึงได้เสวยสมบัติในเทวโลก และมนุษยโลก ในที่สุดพึงบรรลุธรรมที่ท่านบรรลุแล้วนั่นแล"
เมื่อท่านฉันแล้ว เขาจึงได้ถวายอ้อย ส่วนที่สอง อันเป็นส่วนของพี่ชายลงในบาตรอีก ด้วยคิดว่า เราจักให้มูลค่าหรือส่วนบุญแก่พี่ชาย พระปัจเจกพุทธเจ้าอนุโมทนาแล้ว เหาะไปสู่ภูเขาคันธมาทน์ ถวายน้ำอ้อยนั้นแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าอีก ๕๐๐ องค์ที่ภูเขานั้น กฎุมพีผู้น้องเห็นเหตุการณ์นั้นเกิดปีติ กลับไปเล่าให้พี่ชายฟัง ถึงเหตุนั้น ถามพี่ชายว่า "พี่จักรับเอามูลค่าอ้อยนั้น หรือจักรับเอาส่วนบุญ" พี่ชายมีจิตเลื่อมใส ไม่รับเอามูลค่า ขออนุโมทนาส่วนบุญจากกฎุมพีผู้น้องด้วยใจโสมนัส ตั้งความปรารถนาว่า "ขอเราพึงได้บรรลุธรรมที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเห็นนั้นเถิด" นี่คือตัวอย่างของการที่มีผู้แบ่งบุญให้ที่ชื่อว่า "ปัตตานุโมทนา"
อีกไม่กี่วันก็จะออกพรรษาแล้ว หลังจากออกพรรษาก็จะมีงานบุญอย่างหนึ่งที่ชาวพุทธถือปฏิบัติกันมาช้านาน นั่นคืองานทอดกฐิน ปอป้าเคยเห็นและได้ยินหลาย ๆ คนมักจะทำหน้าเบ้พร้อมกับบ่นว่าเบื่อซองกฐินจริง ๆ ว่าแล้วก็ควักเงินออกมา ๑๐ บาท ๒๐ บาท ยัดใส่ลงไปในซองกฐินที่ได้รับมาจากคนรู้จักหรือญาติมิตรบ้าง ใส่ลงไปอย่างเสียไม่ได้ เรื่องนี้อยากจะขอเตือนไว้ว่า หากไม่ยินดีทำบุญก็พยายามทำใจให้เป็นกลางวางเฉยไว้เสีย หรือบอกไปเลยว่ายังไม่พร้อมที่จะร่วมทำบุญด้วย อย่าได้ไปบ่นว่ากล่าวตำหนิติเตียนงานบุญแต่อย่างใด เพราะมันจะเป็นกรรมที่ติดตามตัวเองไปตลอด ถึงแม้ว่าจะไม่มีเจตนาดูหมิ่นงานบุญนั้น แค่รำคาญนิด ๆ ก็ตาม การทำบุญต้องทำด้วยใจศรัทธา จึงจะนำพาผลบุญมาให้ ผลบุญที่ได้รับทันตาเห็นก็คือความอิ่มเอิบใจ ความสุขใจที่ได้ทำบุญนั้น ๆ บางคนไม่มีทรัพย์สินเงินทองที่จะไปทำบุญหรือร่วมบุญกับใคร แต่ด้วยความมีศรัทธาในการบุญอย่างแรงกล้า ก็อาสาทำงานต่าง ๆ เพื่อให้งานบุญนั้น ๆ สำเร็จด้วยดี นี่ก็ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
ด้วยเหตุที่โลกของเราทุกวันนี้เป็นโลกยุคไอที ยุคจรวด การสื่อสารไร้พรมแดน ติดต่อกันง่ายดาย ก็เลยพลอยทำให้มนุษย์มีความร้อนมากขึ้น เช่นใจร้อน อยากได้อะไรก็จะเอาเดี๋ยวนั้น แม้กระทั่งการทำบุญก็โดนหางเลขเข้าไปด้วย โดยเฉพาะกับคนที่ทำบุญเพื่อหวังผลตอบแทน พอทำแล้วก็อยากจะเห็นผลบุญที่ตัวเองทำในทันทีทันใด ทำบุญแบบนี้จัดว่าเป็นการทำบุญแบบขาดสติ ไร้ปัญญา ก็เลยมักจะมองข้ามสิ่งสำคัญไป นั่นคือความสุขใจ อิ่มเอิบใจที่ได้จากการทำบุญ หารู้ไม่ว่า ความรู้สึกนั้นคือผลแห่งการทำบุญที่ส่งผลให้ในทันทีทันใดอย่างที่ใจต้องการ แต่กลับไปมองหรือรอคอยผลบุญที่หวังว่าจะได้รับในรูปธรรม อย่างนี้ถือว่าไม่ถูกหลักแล้ว เพราะคำว่า บุญ หรือ ปุญญ แปลว่า ชำระ หมายถึงการทำให้หมดจดจากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ โลภะ โทสะ และโมหะ ถ้าแปลตามพจนานุกรมก็แปลว่า การกระทำดีตามหลักคำสอนในศาสนา, ความดี, คุณงามความดี ถ้าเป็นคนก็ว่า คนใจบุญ ส่วนคนที่มีคุณงามความดีก็เรียกว่าคนมีบุญได้เช่นกัน
ขอบคุณไลน์สวย จาก ดอกฝิ่นในสายลมหนาว
ภาพประกอบเรื่อง จาก กูเกิ้ล
Music : You are the LOVE of my LIFE
Create Date : 24 กันยายน 2552 |
|
119 comments |
Last Update : 24 กันยายน 2552 14:39:25 น. |
Counter : 7121 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: หมึกสีดำ 24 กันยายน 2552 14:43:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: พธู 24 กันยายน 2552 15:18:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋แอน น้องพี่ดาว หานสาวปอป้า (cbreeze21 ) 24 กันยายน 2552 15:25:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 24 กันยายน 2552 15:36:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: be-oct4 24 กันยายน 2552 15:54:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 24 กันยายน 2552 17:08:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: be-oct4 24 กันยายน 2552 17:31:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 24 กันยายน 2552 18:24:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: Elbereth 24 กันยายน 2552 19:05:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายแจม 24 กันยายน 2552 22:02:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 24 กันยายน 2552 23:16:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 25 กันยายน 2552 0:45:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 25 กันยายน 2552 7:52:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 25 กันยายน 2552 7:58:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 25 กันยายน 2552 11:39:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: busabap 25 กันยายน 2552 15:47:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: mayday (savita29 ) 25 กันยายน 2552 16:13:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) 25 กันยายน 2552 16:26:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: mastana 25 กันยายน 2552 17:15:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปฐพีหอม 25 กันยายน 2552 18:56:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) 25 กันยายน 2552 20:56:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 25 กันยายน 2552 21:04:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 26 กันยายน 2552 6:27:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 26 กันยายน 2552 7:49:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 26 กันยายน 2552 10:52:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: LooKPat 26 กันยายน 2552 11:01:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) 26 กันยายน 2552 11:25:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 26 กันยายน 2552 14:34:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) 26 กันยายน 2552 19:47:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 26 กันยายน 2552 20:53:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 26 กันยายน 2552 23:07:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 27 กันยายน 2552 8:25:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) 27 กันยายน 2552 11:37:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: mayday (savita29 ) 27 กันยายน 2552 18:19:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายแจม 27 กันยายน 2552 19:17:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 27 กันยายน 2552 21:44:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้าแอ๊ด (addsiripun ) 28 กันยายน 2552 11:42:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.221.219 28 กันยายน 2552 13:29:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: maew_kk 28 กันยายน 2552 13:50:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 28 กันยายน 2552 19:01:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 28 กันยายน 2552 19:25:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: LooKPat 28 กันยายน 2552 19:25:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนชุมแสง 28 กันยายน 2552 19:38:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 28 กันยายน 2552 19:42:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 28 กันยายน 2552 20:24:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายแจม 28 กันยายน 2552 20:33:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 28 กันยายน 2552 23:27:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: หมูบ้าพลัง แต่ยังขอเป็น ติ๊ก เจษฎา ดีกว่า (วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ) 28 กันยายน 2552 23:29:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: naydin 29 กันยายน 2552 0:59:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: tanjira 29 กันยายน 2552 7:14:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 29 กันยายน 2552 8:54:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม้ว่าเป็นตือ แต่ยังคงอยากเป็น ติ๊ก เจษฎา อยู่ดี (วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ) 29 กันยายน 2552 10:39:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 29 กันยายน 2552 16:05:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปฐพีหอม 29 กันยายน 2552 16:51:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: นายแจม 29 กันยายน 2552 22:42:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: busabap 30 กันยายน 2552 8:13:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 30 กันยายน 2552 8:25:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
และขอมาเสิร์ฟ ชาร้อน ๆ ยามบ่ายนะครับ ปอป้า
รับซักถ้วยนะครับ
สุขสันต์วันสีส้มนะครับ