โพชฌงค์ ๗
ธรรมข้อต่อไปที่มีกล่าวในสติปัฏฐาน ๔ คือ โพชฌงค์
โพชฌงค์ แปลว่า ธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ หมายความว่าผู้ที่จะเข้าถึงการบรรลุมรรคผลจะต้องมีโพชฌงค์ ๗ ประการ ได้แก่
๑. สติ คือ ความระลึกได้ ถ้าแปลตามพจนานุกรมก็แปลว่า ความรู้สึก, ความรู้สึกตัว เช่น ได้สติ, ฟื้นคืนสติ, สิ้นสติ ความรู้สึกผิดชอบ เช่น มีสติ, ไร้สติ, ความระลึกได้ เช่น ตั้งสติ, กำหนดสติ ส่วนสัมปชัญญะที่ชอบนำมาใช้คู่กับคำว่าสตินั้นแปลว่า ความรู้ตัวอยู่เสมอ, ความไม่เผลอตัว ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม สติหรือความระลึกได้นั้น ท่านว่าให้รู้สึกตัวอยู่เสมอว่าทำอะไรอยู่ จิตของเราในขณะนั้นเป็นอย่างไร มีโลภะ โทสะ โมหะ อยู่หรือไม่, มี นิวรณ์อันเป็นเครื่องกั้นความดีทั้งหลายอยู่หรือเปล่า แล้ว ขันธ์ ๕ ที่มีสภาพเกิดขึ้นแล้วเสื่อมไปในที่สุดล่ะ เรากำลังเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ อยู่หรือเปล่า, แม้แต่การหายใจ ก็ต้องมีสติรู้อยู่ว่าหายใจเข้า-ออก สั้น-ยาว เป็นต้น
๒. ธรรมวิจยะ (อ่านว่า ทำ-มะ-วิ-จะ-ยะ) แปลว่า สอดส่องธรรม หรือวินิจฉัยธรรม วิจยะ-วิจัย-วินิจฉัย ก็คือการค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา ดังนั้น การที่เราจะวินิจฉัยข้อธรรมต้องประกอบด้วยสติหรือมีสติวินิจฉัยความคิดของเราว่ามันตรงกับหลักคำสอนของพระพุทธองค์หรือไม่ การศึกษาปฏิบัติของเราที่กำลังทำอยู่นี้มันเคร่งครัดเกินไปหรือย่อหย่อนเกินไปหรือเปล่า เมื่อได้ปฏิบัติตามนั้นแล้วเกิดผลเป็นอย่างไร เราได้รับสุขใจหรือไม่
๓. วิริยะ คือ ความเพียร ความบากบั่น การทำงานทุกอย่างย่อมต้องมีอุปสรรค แม้แต่การศึกษาปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน เราต้องมีสติในการต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีขึ้นเกิดขึ้น เรียกว่าไม่ท้อถอยกันเลยล่ะ บางคนแค่คิดจะหยิบหนังสือสวดมนต์มาหัดอ่านหัดสวดก็ขี้เกียจเสียแล้ว เรียกว่ามี นิวรณ์เต็มอัตรา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการสวดมนต์นั้นสามารถช่วยให้จิตใจสงบได้ถึงขั้นเกิดสมาธิขั้นต้นคือขณิกสมาธิได้ แต่ก็ไม่วายไปยึดมั่นถือมั่นอยู่กับเจ้านิวรณ์อันเป็นเครื่องกั้นไม่ให้เข้าสู่ความดี หากเรามีสติบวกกับวิริยะไม่ยอมแพ้ต่อความขี้เกียจนั้น ๆ เปิดหนังสือขึ้นแล้วก็หัดสวดไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราก็จะประสบกับความสำเร็จคือ ชนะความขี้เกียจ สวดอ่านไปบ่อย ๆ เกิดความจำได้ ต่อไปเวลาสวดมนต์ก็ไม่ต้องเปิดตำรา อย่างนี้เป็นต้น ความเพียรถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการศึกษาปฏิบัติธรรม
๔. ปีติ แปลว่า ความอิ่มใจ, ความปลาบปลื้มใจ ในการปฏิบัติธรรมนั้นปีติเราสร้างเองไม่ได้ ต้องปฏิบัติไปตามขั้นตอน เมื่อเราเห็นผลแห่งการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้วนั้น ความชุ่มชื่นจะปรากฏแก่จิต ความสุขของจิตก็จะมีขึ้นเกิดขึ้น อย่างเช่นการนั่งวิปัสสนากรรมฐานเมื่อสมาธิเข้าถึงจุด มีอาการทรงตัว ความอิ่มใจ-สุขใจจะเกิดขึ้น
๕. ปัสสัทธิ แปลว่า ความสงบ เรื่องความสงบนี้ไม่ใช่ว่าอยู่เฉย ๆ จะเกิดขึ้นมาได้เอง ความสงบในความหมายของพุทธศาสนาหมายถึงการทรงไว้ซึ่งสติ รักษาอารมณ์แห่งความมีสติสมาธิเอาไว้ตลอด ในชีวิตประจำวันหากเรามีสติดำรงอยู่เสมอไม่ได้ขาดหาย เมื่อเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ในชีวิตไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ก็จะไม่ตื่นตระหนกหรือดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น นี้ก็เรียกได้ว่าจิตมีความสงบ
๖. สมาธิ แปลว่า ความตั้งมั่นแห่งจิต, ความสำรวมใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบหรือเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง, การตั้งใจมั่น โดยที่ใจคุมอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ไม่สอดส่ายไปสู่อารมณ์อื่น อย่างเช่นเวลาที่เรานั่งวิปัสสนาโดยการพิจารณากรรมฐานกองใดกองหนึ่ง หรือข้อธรรมข้อใดข้อหนึ่ง ใจก็จดจ่ออยู่กับการพิจารณากรรมฐานหรือข้อธรรมนั้น ๆ โดยไม่สอดส่ายอารมณ์หรือใจไปคิดถึงเรื่องอื่น อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นสมาธิ มีคำกล่าวว่า ในขณะที่เราสวดมนต์อยู่นั้น หากใจเราจดจ่อแน่วแน่อยู่กับการสวดมนต์โดยที่จิตมิได้คิดไปถึงเรื่องอื่น ๆ ย่อมเกิดสมาธิขั้นต้นเรียกว่า ขณิกสมาธิ หรือสมาธิเบื้องต้น เป็นสมาธิสั้น ๆ เหมือนเราทำงานใจจดจ่ออยู่กับงานชิ้นนั้น ไม่ได้มีใจแวบไปคิดเรื่องอื่น ๆ อย่างนี้ก็เรียกว่าขณิกสมาธิได้เช่นกัน
๗. อุเบกขา แปลว่า ความเที่ยงธรรม, ความวางตัวเป็นกลาง, ความวางใจเฉยอยู่, ถ้าเป็นชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไป การวางเฉยต่อโลกธรรม ๘ ย่อมนำมาซึ่งความสุขในชีวิต แต่ในการปฏิบัติธรรม อุเบกขา คือ การวางเฉยใน ขันธ์ ๕ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ ตา หู จมูก กาย ใจ จะรับสิ่งใดเข้ามา เราวางเฉยได้ไม่ไปรับรู้ด้วย เห็นรูปก็สักแต่ว่าเห็น ได้ยินเสียงก็สักแต่ว่าเป็นเสียง ไม่ไปสอดส่ายอารมณ์ตาม อย่างนี้การปฏิบัติธรรมของเราก็มีแต่เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
(โลกธรรม ๘ คือ มียศ-เสื่อมยศ มีลาภ-เสื่อมลาภ สุข-ทุกข์ นินทา สรรเสริญ)
ข้อธรรมทั้งหลายที่มีกล่าวในพระพุทธศาสนา ล้วนเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีเหตุและผล สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมอันวุ่นวายอย่างทุกวันนี้ หากผู้ใดเข้าใจหลักธรรมต่าง ๆ และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ผู้นั้นย่อมมีแต่ความสงบสุข
ขอบคุณ
ภาพประกอบเรื่อง จาก คุณจ๊ะ-รัชชี่
เพลง ลาแล้วป่าซาง
หนังสือสวดมนต์แปล
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2553 9:47:42 น. |
|
91 comments
|
Counter : 2080 Pageviews. |
|
|
|
ขอให้มีความสุขกาย สุขใจ ตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์นี้และตลอดไป..นะคะ