การเจริญพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย ความจริงทริปบาหลี-บุโรพุทโธ จบลงไปแล้ว แต่คุณ biocellulose อยากทราบเรื่องการเจริญพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย วันนี้ ปอป้าก็เลยจัดให้...ค่ะ ไม่ทราบว่า ปอป้าพอจะเล่าเรื่องการเจริญของพุทธศาสนาของอินโดในอดีตได้มั้ยคับ...อยากรู้จังคับ ขอบพระคุณคับ โดย: biocellulose วันที่: 30 เมษายน 2555 เวลา:17:55:11 น.
พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ประเทศอินโดนีเซียในพุทธศตวรรษที่ ๓ คราวที่พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งพระโสณะ และพระอุตตระเดินทางมาเผยแผ่พุทธธรรม ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ได้เกิดรัฐมหาอำนาจทางทะเลชื่อว่า อาณาจักรศรีวิชัย ซึ่งมีอิทธิพลตั้งแต่อินโดนีเซีย จนถึงคาบสมุทรมลายู รวมไปถึงทางใต้ของประเทศไทย อาณาจักรศรีวิชัยนี้ ศาสนาพุทธที่เข้ามาในครั้งนั้นเกิดจากอิทธิพลจากราชวงศ์โจฬะ ของอินเดียตอนใต้ และ ราชวงศ์ปาละ ของเบงกอล ซึ่งทั้งสองสายล้วนเป็นพุทธศาสนา นิกายวัชระยาน หรือ ตันตระ อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองอยู่ประมาณ ๖๐๐ ปี จากปี พ.ศ. ๑๒๐๐ - ๑๘๐๐ หลังจากนั้นสิงหัสสาหรี และอาณาจักรมัชปาหิต ซึ่งนับถือศาสนาฮินดู และมีศูนย์กลางอยู่ที่เกาะชวาก็ขึ้นมามีอำนาจแทน จนถึง พ.ศ. ๑๙๓๐ พ่อค้าชาวอาหรับผู้หนึ่งได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาเผยแพร่ และพยายามชักจูงให้ พระเจ้าองควิชัย กษัตริย์ของมัชปาหิตเข้ารีต แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ จึงหันไปเกลี้ยกล่อม ระเด่นปาตา ราชโอรสของพระเจ้าองควิชัยแทน ต่อมาระเด่นปาตาได้ปลงพระชนม์พระเจ้าองควิชัย แล้วประกาศตนเป็นสุลต่าน กับให้ประชาชนในอาณาจักรของพระองค์นับถือศาสนาอิสลามแทนศาสนาฮินดู ซึ่งตรงนี้มีบางตำรากล่าวว่าระเด่นปาตามีชายาเป็นมุสลิม จึงได้เข้ารีตตาม เมื่อเปลี่ยนศาสนาแล้วได้บังคับให้เจ้านายและราษฎรนับถือศาสนาอิสลามด้วย แต่โอรสองค์หนึ่งซึ่งนับถือพุทธศาสนาไม่ยินยอม ได้เดินทางหนีออกจากอาณาจักร และประกาศว่าอีก ๕๐๐ ปี พุทธศาสนาจะกลับคืนมาใหม่
กลางพุทธศตวรรษที่ ๑๓ บนเกาะชวาทางภาคกลาง ได้เกิดราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่นามว่า ราชวงศ์ไศเลนทร์ ซึ่งในเวลาต่อมา ราชวงศ์ไศเลนทร์ก็มีอำนาจปกครองอาณาจักรศรีวิชัยในพุทธศตวรรษที่ ๑๕ และได้มีการติดต่อราชวงศ์ปาละ แห่งเบงกอล และได้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน โดยอาณาจักรศรีวิชัยได้ส่งพระภิกษุไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งกษัตริย์แห่งเบงกอลก็ให้การต้อนรับอย่างดี และทางเบงกอลก็ได้ส่งพระภิกษุ และช่างฝีมือดี มาเผยแผ่พุทธศาสนา และสอนศิลปะสมัยปาละ แก่ชาวศรีวิชัยด้วยพระพุทธศาสนาเสื่อมมาก ในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๙ เมื่ออาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมลง และทำให้อาณาจักรมัชปาหิตเข้ามามีอำนาจแทน ซึ่งอาณาจักรนี้เป็นฮินดู แต่ต่อมากษัตริย์มัชปาหิตพระองค์หนึ่ง นามว่า ระเด่นปาทา ทรงเกิดความเลื่อมใสในศาสนาอิสลาม ทรงยกย่องให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ และห้ามเผยแผ่พุทธศาสนา ชาวพุทธในอินโดนีเซียช่วงนี้ ไม่ได้มีบทบาทเด่นใด ๆ เลย และกลายเป็นชนกลุ่มน้อย ภายใต้ชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ และเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงยุคฮอลันดาปกครอง และได้รับเอกราช ชาวอินโดนีเซียพุทธนั้นส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกของเกาะชวา เกาะบาหลี เกาะบังกา เกาะเบลิตุง และบางส่วนของเกาะสุมาตรา
ชาวอินโดนีเซียที่นับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานอยู่นั้นจะมีอยู่บนเกาะชวาได้แก่ ชาวชวา (นับถือพุทธศาสนาร้อยละ ๑) และชาวซุนดา และจะมีชาวบาหลีบนเกาะบาหลี ซึ่งบางคนก็นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแบบพื้นเมืองควบคู่กันไป และมีชาวซาซะก์บางคนที่นับถือศาสนาพุทธ และลัทธิวตูตลู ซึ่งเป็นศาสนาอิสลาม ที่รวมกับความเชื่อแบบฮินดู-พุทธ อยู่บ้างบนเกาะลอมบอก รวมไปถึงชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยบนเกาะชวา ทุก ๆ ปี ศาสนิกชนเหล่านี้จะมาประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาที่บุโรพุทโธ เมืองมุนตีลาน ที่อินโดนีเซียนี้ได้จัดตั้งสมาคมเพื่อสอนพระพุทธศาสนาแก่เยาวชน มีการบรรยายธรรม ปฏิบัติสมาธิ ออกวารสาร เช่นวารสารวิปัสสนา และวารสารธรรมจารณีปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียมีวัดในพระพุทธศาสนาอยู่ประมาณ ๑๕๐ วัด ในจำนวนนี้ ๑๐๐ วัด เป็นวัดฝ่ายมหายาน อีก ๕๐ วัดเป็นวัดฝ่ายหีนยาน (เถรวาท) มีคัมภีร์ทางพุทธศาสนาแบบชวาที่สำคัญ ๒ เล่ม ได้แก่ คัมภีร์สังหยังกามาหานิกัน และคัมภีร์กามาหายานันมันตรานายา มีวัดไทย ๔ แห่ง ได้แก่ วัดพุทธเมตตา วัดวิปัสสนานาคราทะ วัดเมนดุตพุทธศาสนวงศ์ และวัดธรรมทีปาราม วัดเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของฝ่ายฆราวาส เพราะพระภิกษุมีจำนวนน้อย การปกครองดูแลพุทธศาสนิกชนขึ้นอยู่กับพุทธสมาคม ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองจาการ์ตา นครหลวงของอินโดนีเซีย และมีสาขา ๖ แห่ง ตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ รวมมีสมาชิกทั้งสิ้นประมาณ ๑๕๐,๐๐๐ คน ทั้งนี้องค์การวาลูบี ซึ่งเป็นองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์ของอินโดนีเซีย ประมาณว่ามีผู้ที่นับถือพุทธศาสนาในประเทศนี้ ประมาณ ๑๒ - ๑๕ ล้านคน
เกี่ยวกับการฟื้นฟูพระพุทธศาสนานั้น เนื่องจากศาสนาพุทธได้สูญหายไปจากอินโดนีเซียเป็นเวลานาน จนกระทั่งพุทธสถานบูโรพุทโธ อันเก่าแก่และใหญ่โตซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของอาณาจักรศรีวิชัย เหลือเพียงซากปรักหักพังที่จมอยู่ใต้ดินทราย จนถึง พ.ศ. ๒๔๙๗ จึงมีชาวอินโดนีเซียผู้หนึ่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุองค์แรก โดยมีพระพม่าเป็นอุปัชฌาย์ พระองค์นี้ได้รับฉายาว่า พระชินรักขิต ซึ่งในเวลาต่อมาท่านได้แต่งกายและไว้หนวดเคราแบบหลวงจีน ทำให้ได้รับความสนับสนุนจากกลุ่มชาวจีนในอินโดนีเซียในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ในปี ๒๕๑๑ พระชินรักขิตได้มีโอกาสเฝ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์เป็น พระสาสนโสภณ ซึ่งเดินทางไปดูกิจการพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย พระชินรักขิตจึงทูลขอให้คณะสงฆ์ไทยส่งพระธรรมทูตไปเผยแพร่ศาสนา ในปี ๒๕๑๒ สมเด็จพระญาณสังวร ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการฝึกอบรมพระธรรมทูตฯ มหาเถรสมาคม จึงได้จัดส่งพระธรรมทูต จำนวน ๔ รูป มี พระราชวราจารย์ (วิญญ์วิชาโน) ขณะนั้นเป็นพระครูปลัดอรรถจริยานุกิจ เป็นหัวหน้า เดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาและนำคณะสงฆ์สยามวงศ์ไปสู่อินโดนีเซีย พระราชวราจารย์ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับหมอบหมายจากสมเด็จพระญาณสังวรเป็นอย่างดียิ่ง โดยอุทิศตัวเพื่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศนั้นเป็นเวลานานถึง ๓๐ ปี จนได้รับความศรัทธาเลื่อมใสจากพุทธศาสนิกชนอินโดนีเซียเป็นอย่างมาก จนท่านมรณภาพ ในพ.ศ. ๒๕๔๙ ขณะอายุได้ ๘๓ ปี และร่างของท่านก็ได้รับพระราชทานเพลิงศพที่บริเวณบูโรพุทโธ เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซียเท่าที่จารึกไว้ก็มีแต่เพียงเท่านี้...ค่ะ
ขอบคุณ ข้อมูลจากวิกิพีเดีย และโอเคเนชั่น Music : Broken Hearted Me
ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย
ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขด้วยความไม่ประมาท ตลอดไป...นะคะ