บทสวดจะเป็นบทเดียวกับที่ใช้สวดบูชาพระราหู เนื่องจากโหราศาสตร์กล่าวว่า คนเกิดวันพุธกลางคืนต้องบูชาพระราหู ส่วนพระราหูมีประวัติความเป็นมาอย่างไรนั้น ว่ากันไว้หลายกระแสมาก ปอป้าขอยกตัวอย่างเรื่องความเป็นมาของพระราหูฉบับพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ซึงท่านทรงพระนิพนธ์ไว้ว่า....พระราหู ว่าเป็นโอรสพระพฤหัสบดีกับนางสิงหิกา ตามความนิยมกันว่าพระราหูอมพระอาทิตย์และพระจันทร์ในเวลาอุปราคานั้นมีเรื่องเล่ามาว่า เดิมพระราหูเป็นอสูร แต่เมื่อเวลากวนน้ำอมฤตนั้นได้แปลงรูปเป็นเทวดา พระอาทิตย์กับพระจันทร์ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันได้ท้วงแก่พระนารายณ์ว่า มีอสูรอีก 1 ตนได้กินน้ำอมฤตแล้ว พระนารายณ์จึงตัดเศียรอสูรนั้นเพื่อลงอาญา แต่อสูรนั้นได้น้ำอมฤตแล้ว เพราะฉะนั้นทั้งเศียรทั้งกายก็มิได้ตาย พระนารายณ์จึงตัดนามภาคเศียรว่า ราหู ให้อยู่ทางที่ลับแห่งจันทรโคจร ตั้งนามกายภาคว่า เกตุ ให้อยู่ทางที่แจ้งแห่งจันทรโคจร กับอนุญาตว่าเพื่อแก้แค้น ให้ราหูมีเวลาได้เข้าใกล้พระอาทิตย์ พระจันทร์ และกระทำให้มัวหม่น ร่างกายซูบผอมคล้ำไปบางแห่งก็เล่าว่า...พระราหูนั้นมีลักษณะเป็นเช่นยักษ์ดุร้าย มีฤทธิ์มาก ผิวดำเหมือนนิล สถิตอยู่ในอากาศแวดล้อมด้วยม่านสีดำ มีร่างกายเพียงครึ่งเดียวเพราะต้องจักรของพระนารายณ์ เนื่องจากในระหว่างที่ขโมยดื่มน้ำอมฤตอยู่นั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้มาเห็นเข้าจึงนำความไปทูลพระนารายณ์ ทำให้ทรงกริ้วและขว้างจักรไปบั่นกายพระราหูขาดครึ่ง แต่พระราหูนั้นไม่สิ้นชีพเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปครึ่งตัวจึงเป็นอมตะ จากนั้นพระราหูจึงมีความแค้นเคืองในพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ จึงคอยเฝ้าจับพระอาทิตย์ และพระจันทร์กินอยู่เสมอ หรือที่เรียกกันว่า สุริยคราส และจันทรคราส นั่นเอง พระราหูจึงเปรียบเช่นความเป็นอมตะเพราะไม่มีวันตายนั่นเองสำหรับบทสวดนั้น เป็นบทสั้น ๆ สวดง่าย จำง่าย ตามตำรานิยมท่านให้สวดวันละ ๑๒ จบ ดังนี้...ค่ะ
ธรรมที่ประพฤติดีแล้ว นำมาซึ่งความสุข
ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขด้วยธรรมอันดีงาม ตลอดไป...นะคะ