กรรม
สวัสดีค่ะ
ปอ ป้า หายหน้าไปจากบล๊อกเสียหลายวัน เหตุเพราะ หนึ่ง : งานยุ่งเหมือนยุงตีกัน สอง : หัวใจเหี่ยว ๆ ของ สอ วอ คนนี้ มันสุดแสนเศร้า เกิดมาจนอายุปูนนี้แล้ว ไม่เคยเห็นคนไทยรบราฆ่ากันฟันเองสักครั้ง น้ำตามันย้อนกลับเข้าไปภายใน ได้แต่ทอดถอนใจด้วยสุดปัญญา หากมีเวทมนต์ ก็อยากจะร้องตะโกนให้คนไทยทุกคนได้ยิน กรุงศรีอยุธยาต้องสิ้นในครั้งที่สอง เพราะอะไร มิใช่เพราะคนไทยแตกแยกดอกหรือ แล้ววันนี้คนไทยเอาหัวใจ เอาความเป็นไทย ไปทิ้งเสียที่ไหนหมด ฤาปรารถนาจะให้ผืนแผ่นดินไทยต้องสลาย ขอบารมีแห่งองค์พระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง ทรงเมือง โปรดจงเมตตาดลบันดาลให้แผ่นดินไทย รอดพ้นจากความหายนะในเร็ววันด้วย...เทอญ/
เรื่องของการทำงาน เมื่องานมันยุ่งก็ค่อย ๆ ทำไป ทำอย่างมีสมาธิ ประเดี๋ยวงานทั้งหลายก็เสร็จ แต่เรื่องหัวใจที่มันห่อเหี่ยวนี่ซิ ต้องอาศัยพระธรรมเข้ามาปลอบประโลม วันนี้ปอ ป้า จึงขอนำเสนอธรรมะเรื่อง " กรรม " อย่างน้อยการที่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เท่ากับเตือนใจตนเองด้วยว่า ทั้งหมดทั้งปวงล้วนก่อเกิดมาแต่กรรม.....
ค้นคว้า...หามาเขียนฉบับที่แล้ว ได้กล่าวถึงเรื่อง มนุษย์ เอาไว้ การที่จะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้นั้น พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า จะต้องประกอบด้วยเหตุ 3 อย่างด้วยกันซึ่งแปลเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ หนึ่งต้องมีสตรีที่มีไข่ตกพร้อมที่จะสืบพันธุ์กับเพศชาย สองมีการร่วมประเวณีกัน และ สามมีเรื่องของ กรรม ของผู้ที่จะมาปฏิสนธิในครรภ์ของหญิงนั้นร่วมอยู่ด้วย
กรรม แปลว่า การกระทำ ผู้ใดทำ ผู้นั้นต้องเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น ๆ ไม่ว่ากรรมนั้นจะเป็นกรรมดี หรือกรรมชั่ว ซึ่งการทำกรรมสามารถทำได้ 3 ทาง คือ
1) กระทำทางกาย เรียกว่า กายกรรม 2) กระทำทางวาจา เรียกว่า วจีกรรม 3) กระทำทางใจ เรียก มโนกรรม
ในขณะเดียวกัน กรรม ก็แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1) กุศลกรรม หรือ บุญกรรม เรียกง่าย ๆ ว่า กรรมดี 2) อกุศลกรรม หรือ บาปกรรม เรียกง่าย ๆ ว่า กรรมชั่ว 3) อัพยากตกรรม แปลว่า กรรมที่เป็นกลาง ๆ ซึ่งกรรมชนิดนี้ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้จัก หรือไม่เข้าใจว่าเป็นอย่างไร
ที่ว่า อัพยากตกรรม คือกรรมที่เป็นกลาง ๆ นั้น หมายถึง การกระทำที่ไม่อาจจัดได้ว่า ดี หรือ ชั่ว เป็นการกระทำที่เกิดจาก อัพยากตเจตนา หรือ เจตนาอย่างกลาง ๆ ที่ไม่จัดอยู่ในฝ่ายกุศล หรือ อกุศล ยกตัวอย่างเช่น การที่เราหยิบแจกันดอกไม้ที่ทำด้วยแก้วซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานไปวางอีกที่หนึ่ง เพื่อจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น อย่างนี้ในทางศีลธรรมไม่ถือว่าเป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม แต่ถ้าเห็นว่าแจกันนั้นวางอยู่ใกล้เด็กที่กำลังเล่นกันอยู่ เกรงว่าเด็กจะพลาดไปโดนแจกันนั้นตกลงมาแตก แล้วจะโดนเศษแก้วที่แตกได้รับบาดเจ็บได้ จึงหยิบแจกันนั้นไปวางไว้ในที่ที่ปลอดภัยกว่า การกระทำอย่างนี้จัดว่าเป็นกรรม หรือ การกระทำที่อยู่ในฝ่ายกุศลกรรม หรือ กรรมดี
เมื่อเรารู้แล้วว่า " กรรม " แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ทีนี้ก็มีการจำแนกย่อยลงไปอีกตามหน้าที่ของกรรมนั้น ๆ ซึ่งหากจะนำมากล่าวกันทั้งหมดก็จะเป็นการหนักสมองเกินไป เพราะเราไม่ได้มาร่ำเรียนปริยัติกันเป็นเรื่องเป็นราว แต่หากท่านใดอยากทราบรายละเอียด ผู้เขียนขอแนะนำให้หาอ่านได้ในอินเตอร์เน็ตซึ่ง วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี ก็มีกล่าวไว้เหมือนกัน หรือ ถ้าจะให้ละเอียดลึกลงไปอีกหน่อยก็ต้องเป็นพระไตรปิฎกแล้วล่ะค่ะ
ทีนี้มาคุยเรื่อง กรรม กันต่อ เมื่อ กรรม เกิดขึ้นแล้วจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดี ผู้กระทำกรรมนั้นก็ต้องเป็นผู้รับผลของการกระทำนั้น จึงเกิดคำว่า กฎแห่งกรรม ขึ้น หรือบางทีเราอาจจะเคยได้ยินคำพูดเปรียบเปรยว่า ปลูกถั่ว ก็ต้องได้ถั่ว จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แน่นอน เป็นต้น
" กฎแห่งกรรม " ก็คือกฎธรรมชาติข้อหนึ่งที่ว่าด้วยการกระทำ และ ผลของการกระทำ ซึ่งทั้งการกระทำและผลของการกระทำย่อมต้องสมเหตุสมผลกัน เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แต่ยุคสมัยนี้บางคนก็พูดไปเสียว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป ตรงนี้ผู้เขียนขอแย้งอย่างแข็งขันว่า ที่เราเห็นว่าคนชั่วได้ดีนั้น ก็เพราะเขายังมีกรรมดีหรือใครจะเรียกว่า บุญ ก็ตาม กรรมดีนั้นยังทำหน้าที่สนองเขาอยู่ มันยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น ต่อเมื่อใดที่กรรมดีหรือบุญที่เขาสะสมไว้หมดลง เมื่อนั้นแหละที่กรรมชั่วที่เขาได้กระทำไว้ ก็จะมาทำหน้าที่ส่งผลให้เขาต่อไป
ผู้เขียนเชื่อว่า ท่านผู้อ่านบางคนอาจจะเคยคิดว่า ชั่วชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยทำความชั่วใด ๆ เลย แต่ทำไมถึงมีชีวิตที่ลำบากลำบน ทำอะไรก็ไม่เคยสมหวังสำเร็จสวยงามเหมือนอย่างคนอื่นเขา บางทีก็ท้อแท้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตเสียเหลือเกิน ผู้เขียนในฐานะที่เป็นชาวพุทธ ผู้ที่เชื่อในวัฏสงสาร หรือการเวียนว่ายตายเกิด ขอฝากข้อคิดส่วนตัวไว้ว่า กว่าจะเกิดมาเป็นตัวตนของเราอย่างทุกวันนี้ เราต้องผ่านภพ ผ่านชาติ มาแล้วไม่รู้ว่ากี่แสนภพกี่แสนชาติ ไม่รู้ว่าเราได้ทำกรรมอะไรไว้บ้าง ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ดังนั้น ชีวิตของเราทุกวันนี้ที่มันลุ่ม ๆ ดอน ๆ ก็ขอให้คิดเสียว่ามันเป็นผลแห่งการกระทำของเราในอดีตชาติ จงก้มหน้ารับผลแห่งการกระทำนั้น และจงอย่าละทิ้งการทำความดีต่อไป เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผลกรรมทางฝ่ายไม่ดีหมดหน้าที่ลง เมื่อนั้นชีวิตของท่านก็จะดีขึ้นตามลำดับ นี้เป็นหลักแห่งพระสัทธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ ถึงแม้จะนานมากกว่า 2,500 ปีแล้ว แต่ก็ยังทันสมัย ใช้ได้อยู่เสมอ....
ก่อนจากกัน ผู้เขียนขอฝากข้อเขียนไว้เป็นคติเตือนใจ และขออวยพรให้ท่านทั้งหลายจงประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก และ ทางธรรม จนกว่าจะพบกันใหม่คราวหน้า...สวัสดีค่ะ
สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือ สัตว์ใหญ่น้อย ย่อมมีกรรมเป็นของตนเอง มีกรรมเป็นเครื่องชี้นำแห่งการเกิด มีกรรมเป็นเครื่องชี้นำแห่งการดำรงอยู่ มีกรรมเป็นเครื่องกำหนดบ่งบอกจำแนกสัตว์ว่าดีว่าเลว มีกรรมเป็นเครื่องชี้นำแห่งการเป็นอยู่ในภพต่อ ๆ ไป เป็นเช่นนี้วนเวียนอยู่ร่ำไป ตราบจนก้าวล่วงเข้าสู่นิพพาน เมื่อนั้นกรรมทั้งที่เป็นกรรมดี และ กรรมชั่ว จึงหมดหน้าที่ลง
กรรมใดใครก่อ ผู้ก่อเท่านั้น ที่จะได้รับผลของสิ่งที่กระทำลงไป กรรมในปัจจุบัน เป็นผลมาจากการกระทำในอดีต กรรมที่ก่อไว้ในปัจจุบัน เป็นเหตุที่จะส่งผลสืบเนื่องต่อไปยังอนาคต ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้ หรือ ชาติต่อไป กรรมดี และ กรรมชั่ว ไม่สามารถนำมาลบล้างกันได้ แต่มีส่วนช่วยให้ผลจากกรรมชั่วที่มีอยู่เดิมผ่อนลงได้บ้าง จงถามตัวเองเถิดว่า เวลาที่เหลืออยู่ในโลกนี้ สมควรแล้วหรือยังที่จะเริ่มสะสมบุญ เพื่อการเดินทางไปสู่ภพหน้า...
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551 |
|
60 comments |
Last Update : 19 มีนาคม 2558 12:42:49 น. |
Counter : 2510 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 28 พฤศจิกายน 2551 17:56:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนูดอกไม้ IP: 58.8.12.90 28 พฤศจิกายน 2551 18:05:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 28 พฤศจิกายน 2551 19:23:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 30 พฤศจิกายน 2551 0:33:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 30 พฤศจิกายน 2551 8:45:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: pooqatar 30 พฤศจิกายน 2551 11:44:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: อาลีอา 30 พฤศจิกายน 2551 22:42:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 30 พฤศจิกายน 2551 23:03:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 1 ธันวาคม 2551 19:23:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 1 ธันวาคม 2551 23:06:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 2 ธันวาคม 2551 12:20:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 2 ธันวาคม 2551 12:54:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: pooqatar 2 ธันวาคม 2551 22:22:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 2 ธันวาคม 2551 22:32:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 2 ธันวาคม 2551 22:39:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 3 ธันวาคม 2551 10:54:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนชุมแสง 3 ธันวาคม 2551 15:54:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนชุมแสง 3 ธันวาคม 2551 22:11:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 3 ธันวาคม 2551 23:00:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: พรหมญาณี 4 ธันวาคม 2551 10:11:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: maew_kk 4 ธันวาคม 2551 10:45:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: มัททะนะ (mastana ) 4 ธันวาคม 2551 11:49:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: I_sabai 4 ธันวาคม 2551 15:20:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 6 ธันวาคม 2551 0:16:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: พ่อระนาด 6 ธันวาคม 2551 18:00:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ญามี่ 8 ธันวาคม 2551 19:54:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
บ้านเมืองเครียดค่ะ..ปอ..ป้า...ต้องทำใจอย่างเดียวเลย...
อีกฝ่าย...ไม่เคยแพ้...อีกด้าน...แพ้ไม่เป็น...
มีความสุขนะคะ..ปอ..ป้า...