Apocalypto + Last Train to Freo .... ผลงานภาพยนตร์ระดับยอดเยี่ยมของคนทำหนังออสซี่
..................................Mel Gibson's Apocalpyto ( ปิดตำนานอารยชน ) 3 ดาวครึ่ง - ผมเช่าหนังเรื่องนี้มาโดยรู้แค่ว่ามันคือผลงานกำกับล่าสุดของ เมล กิ๊บสัน นักแสดง - ผู้กำกับฝีมือดีชาวออสซี่ และหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดชีวิตของคนป่าในยุคสมัยมายัน ใช้ภาษามายันพูดกันทั้งเรื่องโดยมีซับไตเติลเป็นภาษาอังกฤษ แต่กระนั้นหนังก็ยังขึ้นอันดับ 1 ที่อเมริกาถ้าจำไม่ผิด ( ทั้งๆที่คนอเมริกันไม่ชอบดูหนังที่ต้องมานั่งอ่านคำบรรยาย ) แม้ว่า กิ๊บสันจะกำกับหนังมาแล้วหลายเรื่องแถมได้รับการยอมรับขนาดได้ออสการ์ผู้กำกับยอดเยี่ยมมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมก็ยังไม่นับถือพี่แกอยู่ดีเพราะในสายตาผมยังไม่มีหนังเรื่องใหนเจ๋งจริงๆซักเรื่องจนกระทั่งผมได้ดูหนังเรื่อง Apocalypto นี่แหละครับ
..................................Apocalpyto นี่เป็นหนังที่ผมดูแล้วรู้สึกเหมือนไม่มีบทครับ คือถึงมีการร่างพล็อตและเหตุการณ์คร่าวๆไว้ก็จริงแต่สิ่งที่ผลักดันหนังให้เดินไปข้างหน้าทั้งหมดล้วนเกิดจากฝีมือการกำกับล้วนๆครับ คือถ้าให้สรุปสั้นๆมันก็คือหนัง " เรื่องราวของคนป่า " หรือไม่ก็ " ผู้ชายคนหนึ่งที่หันหน้ากลับมาสู้กับความกลัวในใจของตัวเอง " หรือไม่ก็ " วิบากกรรมของปัจเจกชนคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงรายล้อมตัว " ที่เหลือก็คือหน้าที่มหาโหดของผู้กำกับล่ะครับว่าจะเล่าเรื่องการเดินทางของผู้ชายคนนึงและเผ่าพันธ์ของเขาที่ต้องเจอวิบากกรรมอย่างไรถึงจะให้คนดูเกิดอินไปกับเรื่องราวด้วย งานนี้ต้องบอกว่าเมล กิ๊บสัน แกเก่งมากๆๆๆ ที่สามารถเล่นกับอารมณ์คนดูได้สำเร็จ แกบีบคนดูตั้งแต่ 15นาทีแรกและทำเช่นนั้นไปตลอดจนถึงนาทีสุดท้ายของภาพยนตร์เลยทีเดียว แม้ว่าเราจะพอเดาๆได้ว่าหนังจะจบแบบใหนแต่กว่าจะถึงนาทีนั้นเราก็อดที่จะลุ้นจนหายใจหายคอไม่ออก ( เหมือนตอนดู Cellular ) ขนาดว่าผมนั่งกินข้าวอยู่ยังต้องหยุดหม่ำข้าวเพื่อนั่งมองจอทีวีแบบไม่กระพริบตา
..................................ผมคิดว่าเฮียเมลแกคิดถูกที่เล่าหนังเรื่องนี้ออกมาเป็นภาษามายันเพราะมันทำให้คนดูเชื่อในภาพที่เห็นว่าเป็นของจริง ถ้าเกิดชาวป่าพวกนี้พูดอังกฤษกันผมว่าความสมจริงคงลดไปกว่าครึ่ง หนังเรื่องนี้แม้จะผ่านการปรุงแต่งมาอย่างพิถีพิถันแต่ก็คงความดิบ เถื่อน สมจริง สไตล์บ้านป่าเมืองเถื่อนได้อย่างดียิ่ง ฉากโหดๆถูกใส่กระหน่ำเข้ามาไม่ยั้งแต่ก็เพิ่มดีกรีและความน่าเชื่อถือให้กับตัวหนัง ไม่ได้ใส่เข้ามาเพื่อขายเน้นขายความโหด งานองค์ประกอบศิลป์ทุกอย่างของหนังไม่ว่าเครื่องแต่งกาย การแต่งหน้า พร็อพต่างๆ รวมถึงงานสร้างฉากใหญ่ๆต่างๆล้วนทำออกมาได้อย่างเนี๊ยบ เห็นฉากใหญ่ๆที่ใช้ตัวแสดงเยอะๆแล้วต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ลงทุนไปไม่ใช่ขี้ๆแน่นอน ผมไม่รู้ว่าหนังไปถ่ายที่ใหนแต่ต้องขอบอกว่าโลเกชั่นนี่สวยงามและสมจริงๆราวกับขึ้นไทม์แมชชีนไปถ่ายทำหนังสมัยโน้นมาเลยทีเดียว ดนตรีประกอบก็ช่วยเร้าอารมณ์ให้กับหนังได้เป็นอย่างดี เหนืออื่นใดก็คือหนังเรื่องนี้ไม่ได้ขับเน้นที่ความอลังการณ์ยิ่งใหญ่ของฉากหรือเอฟเฟคซ์ แต่หัวใจของหนังคือเรื่องราวของมนุษย์ตัวเล็กๆที่พยายามฟันฝ่ากระแสโลกหรือสังคมอันเต็มไปด้วยความอยุติธรรมเพื่อหาที่ทางของตัวเอง ( ฟังดูคุ้นใหมครับ พล็อตแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นสมัยใหนก็ยังเล่าได้ทุกยุคครับ ) เจ๋งขนาดนี้ไม่ซูฮกไม่ได้ครับ ขอเชียร์เลยครับว่าถ้าท่านไปซื้อหรือเช่ามาดู ไม่มีวันผิดหวังแน่ๆ !!

...................................Last train to Freo ( สามดาว ) หนังฟอร์มเล็กโนเนมจากแดนออสซี่ที่ผมเช่ามาดูเพียงเพราะว่าเห็นว่ามันเป็นเรื่องราวทีเกิดขึ้นบนรถไฟ และมีเครดิตว่าเข้าชิง 3 ตุ๊กตาทองของออสเตรเลียในสาขา นำชาย - สมทบชาย - บทยอดเยี่ยม ... หลายครั้งที่ผมผิดหวังเล็กๆกับหนังระดับตุ๊กตาทองของออสเตรเลียแต่คราวนี้ไม่ครับ หนังเรื่องนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจผมมาก มันเป็นหนังที่ผมไม่รู้จะจัดแนวใหนดีระหว่างตลกร้าย ดราม่า หรือเขย่าขวัญสั่นประสาท หนังเซ็ทเหตุการณ์อยู่บนรถไฟทั้งเรื่องครับ ตัวละคร 5 คนนั่งอยู่บนขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่กำลังวิ่งไปเมืองฟรีเมนเทล คุณๆว่าเวลาเรานั่งรถไฟขบวนดึกเนี่ยมันน่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นกับตัวคุณมั่งใหม ? มีหลายเหตุผลมากเลยที่ผมชอบหนังเรื่องนี้ประการแรกก็คือว่า ฉากท้องเรื่องของหนังก็คือ ขบวนรถไฟสายชานเมือง วิ่งผ่านเพิร์ธ ไปฟรีเมนเทลเนี่ย 10 ปีที่แล้วผมก็เคยไปนั่งมาครับ ตอนไปเที่ยวออสเตรเลียตะวันตก พอได้ไปเห็นอีกครั้งก็เหมือนเราได้รำลึกความหลังครับ แต่ตอนนั้นที่ไป ผมนั่งจากเพิร์ธไปฟรีเมนเทลตอนเย็นๆและกลับรถขบวนค่ำเที่ยวสุดท้ายจากฟรีเมนเทล มาเพิร์ท คนก็โหรงเหรงแบบในหนังแหละ แต่ไปกับเพื่อนหลายคนหน่อยก็เลยไม่รู้สึกว่าน่ากลัว
...................................หนังเริ่มต้นด้วยความเงียบสงบประดุจน้ำทะเลนิ่งๆที่ไม่มีคลื่น ก่อนจะค่อยๆเผยปมบางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกกดดันและค่อยๆปะทุขึ้นเรื่อยๆ หนังเรื่องนี้ตรงข้ามกับ Apocalypto เลยเพราะว่า Last Train จะเน้นบทล้วนๆเลยครับ หนังเขียนบทได้ดีอย่างเหลือแสน หนังเต็มไปด้วยลูกล่อลูกหลอก และการหักมุมแบบฉลาดๆครับ คือสิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ใช่เสมอไป ผมชอบมากเลยหนังที่เดาตอนจบไม่ได้แบบนี้ คือมันพลิกล็อกไปหมดแต่ไม่ใช่สักแต่ว่าจะหักนะครับ ทุกอย่างมีเหตุผลและที่มาที่ไปรองรับไว้อย่างดีว่าเพราะอะไรตัวละครถึงได้ทำแบบนั้น ใครจะนึกครับว่าสถานการณ์น่าเบื่อๆอย่างบนรถไฟเที่ยวดึกจะมีเซอร์ไพร๊ซ์และเรื่องราวระทึกใจ พลิกผันได้มากมายขนาดนั้น ! ต้องบอกว่าถึงจะเป็นหนังเล็กๆแต่ก็สนุกตั้งแต่ต้นจนจบและพาคนดูไปถึงที่หมายได้อย่างน่าดีใจครับ เป็นหนังอีกเรื่องที่แนะนำให้หามาดูทั้งเพื่อความบันเทิงและศึกษาแนวทางการเขียนบทครับ การแสดงของตัวละครหลักๆก็เล่นได้ดีทุกคนเลยครับแม้จะเป็นดาราออสซี่ที่ไม่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ตาม ไม่แปลกใจเลยที่บุคลากรของออสเตรเลียเขาได้โกอินเตอร์ ไปฮอลลีวู๊ดกันเป็นว่าเล่น ก็เพราะว่าฝีมือของเขาแต่ละคนนี่เด็ดดวงกันทั้งนั้นนั่นเอง.......

Create Date : 27 ตุลาคม 2550 |
|
14 comments |
Last Update : 27 ตุลาคม 2550 20:23:08 น. |
Counter : 3785 Pageviews. |
|
 |
|