Yes or No 2 - รักไม่รัก อย่ากั๊กเลย - ผิดที่เวลา เจ็บตรงที่เรา ( จี๊ดด )
Yes Or No 2 ( รักไม่รักอย่ากั๊กเลย ) ...................ภาคต่อสำหรับแฟนคลับขนานแท้ ยิ่งกว่า Twilight อีกนะครับเนี่ย ทั้งๆที่ภาคแรกก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จทางรายได้มากมายขนาดนั้น คือประมาณ 20 ล้านเศษๆเท่านั้นเอง แต่ก็ยังมีภาคต่อตามมาได้แสดงให้เห็นว่าหนังจะต้องผ่านจุดคุ้มทุน หรือสามารถมองไปยังรายได้ส่วนอื่นนอกจากการจัดจำหน่ายในโรง หรือไม่ก็ทุนต่ำ มองได้อยู่ไม่กี่ทาง ? จะว่าไปแล้วหนังเรื่องนี้จะถือเป็นหนังทางเลือก หนังเฉพาะกลุ่ม หนังอินดี้ หรือแม้แต่หนังนอกกระแสหลักก็ยังได้ แม้จะมีหน้าหนังเป็นโรแมนติก - คอมเมดี้ แต่ด้วยความที่ตัวละครหลักเป็นผู้หญิงด้วยกัน หรือจะพูดแรงกว่านั้นก็คือหนังรักร่วมเพศ แน่นอนล่ะว่า วิถีเช่นนี้มิใช่วิถีที่คนส่วนใหญ่ในสังคมให้การยอมรับ แต่เราก็ต้องเคารพว่านี่คืออีกทางเลือกหนึ่งของการดำรงชีวิต และหนทางชีวิตเช่นนี้ เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ร่วมกับเราในสังคม มิควรจะมีการกีดกันหรือรังเกียจ หรือแม้แต่แบ่งแยก ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกัน ควรจะมีการบัญญัติข้อกฏหมายเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมด้วยซ้ำ ที่สำคัญดูหนังแล้วเราต้องสอนใจและสร้างความเข้าใจให้คนส่วนใหญ่ในโลกได้รับรู้ถึงความเท่าเทียมตรงนี้ด้วย มนุษย์เราสมัยนี้มักจะเอาเสียงส่วนใหญ่ หรือพวกมากลากไปเข้าว่า โดยมักจะกดขี่ ข่มเหง สร้างความแตกแยกบนความแตกต่างไม่ว่าจะเรื่องใหนต่อเรื่องใหน แน่นอนว่าร่วมไปถึงเรื่องเพศด้วยเช่นกัน ? ถ้าคนเราพยายามหันหน้าเข้าหากัน ทำความเข้าใจในความแตกต่างทางด้านความคิด มุมมอง ฯลฯ ของคนอื่นที่คิดต่างรวมถึงเคารพและยอมรับในคนอื่นที่คิดต่างไปจากเรา ผมว่าบ้านเมืองเราคงไม่วุ่นวายอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ? ...................Yes or No 2 ถือเป็นหนังภาคต่อที่กล้าหาญมาก เพราะว่าภาคแรกของหนังเรื่องนี้ถูกสร้างไว้อย่างดีถึงดีมาก ดังนั้นการทำให้หนังเรื่องนี้ดีเทียบเท่าหรือมากกว่าเก่าคงเป็นเรื่องยากมากถึงยากที่สุด แล้วคนที่ดูควรดูภาคแรกมาก่อนเพราะไม่งั้นจะไม่เข้าใจตัวละครได้ หนังเข้าเรื่องอย่างเร็วและดำเนินไปข้างหน้าทันทีอย่างไม่รอช้า ? ย่อที่สุดก็คือ หนังเล่าเรื่องราวความรักของ คิมกับพาย คนนึงเป็นสาวมาดหล่อ อีกคนเป็นสาวหน้าหวาน หนังไม่ใช่เรื่องราวแบบเลสเบี้ยนหรือทอมดี้นะครับ แต่เป็นเรื่องของมนุษย์ 2 คนที่มีความรู้สึกดีๆต่อกัน ไม่ได้มีรสนิยมรักร่วมเพศ แต่จะทำให้ทำไง ก็เค้ารู้สึกพึงใจกัน อยากอยู่ด้วยกัน เหมือนอย่างคนเป็นคู่รักกัน เพียงแต่บังเอิญเป็นเพศเดียวกัน ไม่ใช่ว่าฝ่ายนึงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนผู้ชายหรืออีกฝ่ายรู้สึกว่าชอบแต่ผู้หญิงด้วยกัน ? การที่คนเราจะรักกัน จำเป็นด้วยหรือว่าต้องเป็นต่างเพศกัน ใครบัญญัติ ใครกำหนด ก็มีแต่คนโบราณ หรือคำสั่งสอนที่ตกทอดกันมาเท่านั้นแหละว่า รักกันต้องต่างเพศ ห้ามเพศเดียวกันรักกัน สอนมาเพื่อ ? สืบพันธ์ ? ดำรงวงษ์ตระกูล ? แทนที่จะสอนให้รักกันที่ความดี แต่กลับมาสอนให้รักกันเพื่อความเหมาะสม เพื่อทำลูก เพื่อสืบทอดทรัพย์สมบัติหรืออะไรที่มันไร้สาระ ~ เพราะงั้นดูหนังแล้วต้องคิดครับ ดูข่าว เรียนรู้ประวัติศาสตร์ หรือประสบการณ์ชีวิตต่างๆพวกนี้มันสอนเราทั้งหมดทั้งสิ้น ความรู้ไม่ได้มีแค่ในตำราเรียน หรือจากครูบาอาจารย์ ผู้เฒ่าผู้แก่ ภาพยนตร์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สอนใจและเตือนสติคนเราได้เช่นกันครับ อ้อ เปล่านะครับหนังไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น ตัวหนังรวมๆออกจะฮาและซึ้งมากด้วยซ้ำ ...................ทีมงานชุดเดิมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกลับมารวมตัวกันครบหน้า โดยเฉพาะตัวละครเด่นอีกตัวคือ แยม หรือ " มือที่ 3 " เข้ามาเสริมเพิ่มความสนุก ก็เมื่อคนเรารักกัน แต่ต้องอยู่ห่างกันไปไกล และมีอีกคนเข้ามาชิดใกล้ อะไรๆมันจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า เค้าก็ดี คนโน้นก็ใช่ แล้วอะไรล่ะที่จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชีวิตเรา ทางออกของปัญหารักสามเส้ามันควรจะจบอย่างไร ? ครึ่งแรกของหนังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มาแนวง๊องแง๊ง เด็กๆมากเลย ทั้งๆที่ภาคก่อนแทบจะเรียกได้ว่าตัวละครจบปริญญาชีวิตกันแล้วด้วยซ้ำ !! แต่ภาคนี้ไหงเปรี้ยวใส่กันจัง แต่โชคดีที่ตัวละครใหม่ที่เข้ามาถือว่าสร้างสีสันให้เรื่องราวได้ดี และหนังก็ทิ้งน้ำหนักระหว่างตัวละครหรือสร้างเหตุผลของความห่างไกลกันได้เข้าท่า จังหวะตัดสลับการโต้ตอบของตัวละครทำได้ดี คิมเด่นมากภาคนี้ ที่เสียดายอย่างเดียวคือ บทแยม สาวคนใหม่ที่เข้ามาในชีวิตคิม ผมว่าบทน้อยไปหน่อย น่าจะให้เวลาและจังหวะเค้ามากกว่านี้ ไม่แน่เผลอๆจะทำให้คนดูสงสารและเอาใจช่วยมากขึ้น หนังจะสนุกได้มากกว่านี้ สาวพายภาคนี้บทไม่ค่อยน่ารักเลย แต่เมื่อทุกอย่างถึงบทเฉลย ก็ทำให้ทุกอย่างดูดีขึ้นได้ทันตา ไดอาล๊อกเก๋ๆ รวมถึงบทพูดจี๊ดๆ ช็อตงามๆอยู่ครึ่งหลังเป็นส่วนใหญ่ บทน้าอิน ก็ขโมยซีนได้อย่างเนียนมาเลย รวมถึงตัวสมทบอย่าง พี่เพช็ร พี่อ๊อดก็มาแย๊บๆโชว์สเต็ปได้แบบเท่ห์ๆไม่น้อยหน้ากัน ? ทั้งหมดทั้งมวลคงมาจากทีมงานเบื้องหลังโดยเฉพาะส่วนงานเขียนบท และตัดต่อที่ช่วยกันเรียบเรียงเรื่องราวให้ออกมาดูดีแบบเป็นธรรมชาติ จากที่เรารู้สึกว่ามันเด็กๆก็ค่อยๆโตเป็นผู้ใหญ่ ค่อยๆตบๆเรื่องราวจนสุดท้ายมันเข้าที่ ...................โลเกชั่นภาคนี้ถือว่าทำได้เนี๊ยบกว่าของเก่าเพราะไปถ่ายกันถึงน่าน และ จันทบุรี หลายฉากในหนังถือว่าถ่ายภาพออกมาได้สวยงามดูดี น่าไปเที่ยวมาก ขนาดว่าผมไปสองจังหวัดนี้มาหลายหนแล้วยังไม่เคยเห็นฉากสวยๆเหมือนอย่างในหนังเลย แน่นอนว่าด้วยความน่ารักของนักแสดงด้วย ทำให้ทุกอย่างในหนังออกมาดูดีเป็นพิเศษ เพลงประกอบภาพยนตร์เพราะๆหลายเพลงก็มีส่วนช่วยให้หนังดูดีขึ้นมากด้วย หนังสอบผ่านทั้งแง่ของความบันเทิงและเทคนิคศิลปะภาพยนตร์ ด้วยโจทย์ที่ยากในระดับหนึ่ง แน่นอนล่ะว่าภาคต่อเป็นอะไรที่ยากอยู่แล้วสำหรับคนทำหนังทุกคน การเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวละครให้ต่อเนื่องจากเดิมและคืบหน้าไปข้างหน้า พร้อมจุดหักเห ก่อนสรุปตบท้ายถือว่าทำได้งดงามพอสมควรครับ จากตัวละครที่เพิ่งเข้าเรียนในภาคแรก บัดนี้มาถึงปีสุดท้าย ฝึกงาน และได้เริ่มเข้าสู่วัยทำงานแล้ว เรียกว่าเริ่มเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวหลังจากเง้างอน ง๊องแง๊ง เป็นเด็กๆในช่วงที่ผ่านมา ความรักก็ต้องใช้เวลา ความเข้าใจ ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ คนเราจะได้อยู่ด้วยกัน รักกัน และอยู่รอดตลอดฝั่งมันก็ต้องมีมากกว่าความรัก ความเข้าใจ หนึ่งในนั้นก็คงจะเป็นความอดทน และการตระหนักถึงข้อเสียของอีกฝ่าย และรวมถึงการให้อภัย ยกโทษให้กันเมื่อฝ่ายหนึ่งทำผิดพลาด อย่างที่เค้าบอก บางทีความรักอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน ไม่ใช่เรื่องของคนมาก่อนมาหลัง แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกใคร รักใคร อันนี้ต่างหากที่สำคัญ ? บ่อยนะที่เราเห็นว่าคู่นั้นคู่นี้ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ ทำไมเค้ายังรักกันได้ ? หนังเรื่องนี้พาเราไปศึกษาอีกรูปแบบของความรัก และการก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของใจ สิ่งที่เราว่าไม่ อาจจะใช่ และสิ่งที่คิดว่าชัวร์บางทีมันก็ไม่แน่ ยอมรับเหอะว่าหนังมันถูกเวลาและมันโดนใจ ฟังเพลงหนังเพราะๆ คลิกไล๊ค์ได้เลย https://www.facebook.com/pages/Sweet-Soundtrack-s-lover/259904340708159
Create Date : 17 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 16:15:36 น. |
|
4 comments
|
Counter : 8659 Pageviews. |
|
|