รักจับใจ ( สี่ดาว )

...................มากกว่าความมหัศจรรย์มันคือความงดงาม มากกว่าความบันเทิง นี่คือประสบการณ์อันสุดแสนจะรื่นรมย์ กับช่วงเวลาเกือบๆสองชั่วโมงในโรงภาพยนตร์มันช่างเป็นเวลาที่แสนวิเศษอะไรเช่นนี้ กับหนัง รักจับใจ จริงๆแล้วมันเป็นละครเวทีที่ประสบความสำเร็จมากเรื่องนึงและได้มีโอกาสนำมาฉายให้ชมจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ผ่านการปรุงแต่งในแบบฉบับของภาพยนตร์ ต้องขอบคุณทาง Scenerio / Exact และ ทีมงานเบื้องหลังทั้งละครเวทีและส่วนที่บันทึกภาพแล้วมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ พวกคุณสุดยอดมากๆ มันช่างเป็นโมเม้นท์ที่สุดยอด ถ้าไม่ได้เอามาลงโรงหนัง ผมก็คงไม่มีโอกาสได้ชมแน่ๆเพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าตั๋วไปชมละครเวทีหรอกครับมันแพงเกินไป ไม่ต่างจากดูคอนเสริทที่ ณ บัดนาว ผมคงมีความสามารถเต็มที่แค่หาแผ่นผีมาชม ? และผมไม่อยากให้รักจับใจ เป็นปรากฏการณ์ ละครเวทีขึ้นฉายจอโรงหนัง ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายเลยพับผ่า อยากชมเรื่องอื่นๆอีกบ้าง เท่าที่ทราบ หลังแสดงเสร็จ ละครเวทีพวกนี้มีโอกาสในการจัดจำหน่ายหรือเผยแพร่ให้คนที่ไม่ได้เข้าไปชมได้ดูกันน้อยมากๆๆ เท่าที่ทราบก็คือ ตัวเลขรายได้ของหนังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเอาซะเลย แม้จะมีแบ๊คอัพชั้นดีของหนุนหลังอยู่ก็ตาม ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนไทยไม่เปิดใจให้กับหนังในรูปแบบของละครเวทีคุณภาพคับแก้วเช่นนี้ งงจริงๆ

...................รักจับใจ ต้องบอกว่าเป็นละครเวทีแนวโรแมนติก มิวสิคอล เล่าอะไรง่ายๆไม่มีความซับซ้อน เรื่องราวของพระเอกซูเปอร์สตาร์ชื่อดังเจ้าชู้ ที่บังเอิญไปหลงรักสาวชาวบ้านตาบอด ทั้งคู่ดูจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่หนังก็ใช้ประโยชน์ความพ่อแง่แม่งอนและความต่างระหว่างกันมาเล่นพ้องในหลายรูปแบบ มีการเทียบเคียงให้เห็นตั้งแต่น้อยไปหามาก หนังดูสนุกแม้ว่าจะดูแบบผิวเผินหรือดูแบบคิดจริงจัง เค้าเปรียบเทียบเรื่องการมองเห็น กับความตาบอด / แสงสว่างกะเงามืด / การปิดใจกับการเปิดใจ / สายตากับความรู้สึก / ความหวังและหมดหวัง / ภาพสะท้อนและกระจก ? มีหลายเรื่องที่บทสนทนาของรักจับใจถ่ายทอดออกมาได้ฉลาดเฉลียว จริงจัง และกระทบจิตใจอย่างเหลือแสน ด้วยความที่เป็นศาสตร์ของละครเวที ทำให้นักแสดงต้องเล่นให้เยอะ ซึ่งมันกลายเป็นความเยอะที่เรารู้สึกสัมผัสมันได้แบบเต็มๆ เมโลดราม่าก็เต็มที่ รอบแรกดูกันทั้งครอบครัวอาจจะไม่อินมากนัก มาดูรอบสองนี่น้ำตาร่วงกราวๆ ลืมไป นี่คือหนังเรื่องแรกในรอบปีที่ทำให้ผมยอมไปเสียตังถึงสองรอบในโรงหนัง เรื่องก่อนหน้านี้ปีที่แล้วก็คือ 30 กำลังแจ๋ว !! และนักแสดงละครเวทีเรื่องนี้สอบผ่านระดับเกรด A+ ทุกคนทั้งนักแสดงนำและสมทบรวมถึงแดนเซอร์ บี้ สุกฤษณ์ ทั้งร้องเพลง เต้น แสดงได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อคิดดูว่าตอนออกคอนเสริทแรกเสียงเน่ามากๆ

...................หนูนา หนึ่งธิดา ไม่ต้องพูดถึง รายนี้แสดงเป็นธรรมชาติสุดๆ เค้าเล่นหนังได้ดีอยู่แล้ว ยิ่งมาแสดงสดๆแบบนี้ยิ่งทำให้เห็นว่าเค้ามีพรสวรรค์ในการแสดงมากขนาดใหน ทั้งหน้าตาก็สวย เคมีก็เข้ากับบี้มากอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญเสียงร้องของหนูนา อยู่ระดับดีเลิศ อีกคนที่ต้องชมก็คือ น้องพินต้า ที่แจ้งเกิดจากเวที The Trainer ปี 2 เสียงใสกิ๊ง แบบโอ้โฮ น่าตกใจ
หลังดูหนังจบผมเชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนผม ไม่มีใครลุกจนเครดิตสุดท้ายจบหนังมืดสนิท เพลงเพราะมากๆและหนังเดินเรื่องด้วยเพลง ร้องเพลง ฉากเพลง ฉากเต้นล้วนๆ ทุกเพลงมีเนื้อหาเป็นการขับเคลื่อนหนังโดยแท้ เรียกว่าแทนที่จะเล่าด้วยคำพูดก็มาเล่าด้วยการร้องเพลงแทน ซีนอารมณ์ของหนังแบบจับใจเยอะมาก และแต่ละช่วงละตอน มาด้วยคำพูดที่จับใจไปหมด ฉากน่าจดจำเยอะไปหมด ฉากที่แก้ม เดอะ สตาร์ ร้องคู่กะหนูนาที่บอกว่าเธอยังมีฉัน น้ำตาร่วงพรู อารมณ์ส่งกันได้หมด ละครเวทีเรื่องนี้เหมือนเค้าพูดคุยกะคนดูตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้เราเคว้งคว้างเศร้าเหงาไปคนเดียว มันสนุก เพลิดเพลิน เจริญตาเจริญใจ ทำให้คนดูอิ่มอกอิ่มใจ เราได้เห็นความงดงามของชีวิต มิตรภาพ ความผูกพัน และรวมถึงเพิ่มพูนความหวัง ความฝัน เชื่อว่าใครได้ชมเรื่องนี้ก็เหมือนได้ชาร์จไฟเติมพลังไว้สู้ชีวิต ผจญกับความเลวร้ายที่ต้องเจอในทุกวัน เหมือนยาชูกำลังให้คนที่กำลังอ่อนล้า มีอะไรไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละครับที่จะสามารถทำให้เรารู้สึกมีพลังได้อย่างหนังรักจับใจเรื่องนี้ ~

...................พนันว่าใครก็ตามที่ได้ดูละครเวทีเรื่องนี้หรือได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงหนังจะต้องรู้สึกมีอารมณ์ร่วมอย่างมากๆ ดูได้จากภาพคนในโรงละครต่างลุกขึ้นมาเต้นบ้างตบมือบ้าง ทำท่าตามท่ารักจับใจบ้าง เชื่อว่าถ้ามีเนื้อเพลงขึ้นให้ในโรงหนังต้องมีหลายคนซิงอะลองตามหนังไปด้วยแน่ๆ ผมก็คนนึงล่ะ มันเป็นหนังที่สามารถดูกี่รอบก็ได้ ไม่มีเบื่อ ผกก.ถกลเกียรติ วีรวรรณ เป็นเจ้าพ่อด้านละครเวทีที่ฝีมือฉมังหาตัวจับยากมากๆ เค้าเนรมิตทุกอย่างออกมาได้อย่างงดงามหมดจด การชมหนังเรื่องนี้ก็เหมือนดูหนังเต้นๆอย่างพวก Street Dance 3d หรือ Step up revolution ที่มาในองค์ประกอบหนังเพลงอลังๆอย่าง Moulin Rouge หรือว่า Chicago นั่นแหละครับ มันคือการผสมผสานที่ลงตัวสุดๆที่สำคัญมันคือหนังสัญชาติไทยที่เราสามารถภาคภูมิใจได้ว่า วงการละครเวทีของเราก็มีมาตรฐานและคุณภาพไม่แพ้ของต่างประเทศเลยเชียว
นอกจากจากคุณภาพคน คุณภาพทีมงานแล้ว ในส่วนของเบื้องหลังรวมถึงนักแต่งเพลงก็ต้องขอชมเชยอย่างมาก ทุกเพลงในหนังแค่ขึ้นท่อนเริ่มก็ฟังเพราะแล้ว เมโลดี้ง่ายๆ เนื้อเพลงจับใจ มันเพลินครับ ซึ่งดูเหมือนทำง่ายแต่จริงๆทำยากมาก อยากให้ทุกๆคนได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่แสนวิเศษเช่นนี้แบบผมกันเยอะๆจัง เพราะว่าการดูอะไรแบบนี้ในจอเล็กที่บ้านกับการได้ชมเต็มตาในจอใหญ่ยังไงมันก็ผิดกันอยู่แล้วล่ะครับ อย่างที่เค้าบอกไว้ในฉากนึงว่าเสียงมันจะมาจากรอบทิศ ลองฟังสิ ผมรักคุณ ( ซ้าย )  ผมรักคุณ (ขวา )  ผมรักคุณ ( หลัง ) ถ้าดูที่บ้านมันจะฟังได้ซึ้งแบบนี้หรือครับ ?

ฟังเพลงซาวน์แทรคหนังเพราะๆคลิกไล๊ค์มาเลย

https://www.facebook.com/pages/Sweet-Soundtrack-s-lover/259904340708159

Create Date : 04 ธันวาคม 2555
Last Update : 4 ธันวาคม 2555 16:44:21 น.		0 comments
Counter : 3444 Pageviews.
Share Tweet