หลังจากเหตุการณ์นั้นแล้ว ผมนำภาพที่ผมเห็นมาทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดเวลา แย่ยิ่งกว่านั้น ผมนำมาเล่าให้ผู้คนฟังอีกหลายครั้งหลายครา ผมสร้างบาปให้กับตัวเองอยู่นาน ต่อเมื่อผมเปลี่ยนแปลงตัวเองจากชาวพุทธที่แค่อยากรู้ข้อธรรมะแต่ไม่ค่อยปฏิบัติ แม้จะถือศีลห้าแต่ก็ยังเป็นศีลที่ไม่บริสุทธิ์ ยังด่างพร้อย แม้จะทำบุญทำทานบ้างตามกาลแต่จิตใจยังเศร้าหมองด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เรื่องของการฝึกจิต การทำสมาธิภาวนา วิปัสสนาภาวนานั้นไม่ต้องพูดถึงแทบจะไม่เคยทำเอาเลยก็ว่าได้ พูดง่ายๆว่าเป็นชาวพุทธตามประเพณีตามทะเบียน ยังห่างจากความเป็นพุทธะแท้ ทั้งๆที่เข้าวัดเกือบทุกเสาร์อาทิตย์ มีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่พร้อมจะสอนจะสั่ง ข้ออ้างประการเดียวที่มีคือ งาน ซึ่งเป็นข้ออ้างยอดฮิตของคนส่วนมาก ในยุคนี้
ผมถามตัวเองว่าทำไมเราไม่มองในแง่ดี เช่น ท่านอาจเป็นภิกษุต่างจังหวัด ท่านอาพาธจึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสงฆ์เสร็จแล้วก็เดินทางกลับ ท่านจำเป็นที่จะต้องกินยาตอนเย็นหลังอาหารจึงกระมิดกระเมี้ยนฉันไม่ให้น่าเกลียด หรือท่านออกเดินทางมาจากกรุงเทพโดยยังไม่ได้ฉันเช้าและเพลเลย ท่านจึงต้องฉันตอนเย็นเพื่อไม่ทำให้เกิดความลำบากทางกาย หรือว่ามีเหตุปัจจัยอื่นที่ทำให้ท่านต้องทำผิดพระธรรมวินัย อีกอย่างการฉันในเวลาวิกาลนั้นเป็นปาจิตตีย์** หรืออาบัติอย่างเบา ที่แสดงหรือเปิดเผยแล้วพ้นอาบัติได้
*มโนทุจริต มี ๓ อย่างคืออภิชฌา คือ เพ่งเล็งอยากได้ จ้องที่จะเอาสิ่งของของผู้อื่น พยาบาท คือ ขัดเคืองคิดปองร้ายผู้อื่น มิจฉาทิฐิ คือ เห็นผิดจากคลองธรรม เห็นไม่ตรงตามจริง **ปาจิตตีย์ ชื่ออาบัติจำพวก หนึ่ง จัดไว้ในจำพวกอาบัติเบา (ภิกษุใด เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี ในเวลาวิกาล เป็นปาจิตตีย์จาก //www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=02&A=10873&Z=10931พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ ๔. โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๗เรื่องพระสัตตรสวัคคีย์ )ปาจิตตีย์มี ๙๒ ข้อ หนึ่งใน๙๒ข้อนั้นก็คือห้ามพระภิกษุฉันอาหารในเวลาวิกาลจาก //www.salatham.com/ordane/donts.htm