ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

ลางร้ายปชป.พ่ายศึก อบจ. 7 จังหวัดหลัก

7จังหวัดภาคใต้-กลางพ่ายหมดรูป

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชุดแรก 26 จังหวัด เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ว่ามีหลายจังหวัดที่พรรคประชาธิปัตย์ให้การสนับสนุนผู้สมัคร แต่ต้องแพ้ให้กับคู่แข่ง โดยที่ จ.ภูเก็ต ฐานเสียงสำคัญของพรรค นางอัญชลี วานิช เทพบุตร กลุ่มประชาธิปัตย์ หมายเลข 1 ได้ 24,822 คะแนน นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ กลุ่มคนบ้านเรา หมายเลข 2 ได้ 32,896 คะแนน
ส่วนสมาชิกสภา อบจ.กลุ่มคนบ้านเรา 11 คน กลุ่มประชาธิปัตย์ 5 คน ผู้สมัครอิสระ 8 คน

จ.กระบี่ นายเสฎฐสิฎฐ สิทธิมนต์ อดีต ส.ส.กระบี่ 2 สมัย ทีมประชาธิปัตย์ หมายเลข 1 ซึ่งนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล และนายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ ให้การสนับสนุน ได้ 61,182 คะแนน แพ้นายสมศักดิ์ กิตติธรกุล อดีตนายก อบจ. หมายเลข 2 หัวหน้ากลุ่มรักกระบี่ ที่ได้ 96,779 คะแนนโดยมี นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ ปชป.ให้การสนับสนุน
และกลุ่มรักกระบี่ ยังได้ที่นั่ง สมาชิก อบจ.ได้ถึง 19 คน ส่วนผู้สมัครในนามกลุ่มประชาธิปัตย์ ได้เพียง 5 คน จากเดิม 16 คน

จ.พัทลุง ผู้สมัครหมายเลข 3 นายสานันท์ สุพรรณชนะบุรี กลุ่มรักพัทลุง คนสนิทของนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีต ส.ส.พัทลุง ได้คะแนน 82,381 คะแนน ทิ้งห่างจากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 2 นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร ที่ได้คะแนนเพียง 75,050 คะแนน ส่วนผู้สมัครหมายเลข 1 นางนาที รัชกิจประการ กลุ่มพัทลุงก้าวหน้า ได้ 68,796 คะแนน และหมายเลข 4 นางสาวพรรณฉวี สุภัทรพงศ์ ผู้สมัครอิสระ ได้ 3,659 คะแนน
ส่วนผู้สมัคร ส.อบจ.พัทลุง 105 คน จาก 30 เขตเลือกตั้ง ปรากฏว่า กลุ่มพัทลุงก้าวหน้า ชนะเข้ามา 7 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ 17 ที่นั่ง และ กลุ่มรักพัทลุง ได้ 6 ที่นั่ง

จ.นครศรีธรรมราช นายวิฑูรย์ เดชเดโช อดีตนายก อบจ. หัวหน้าทีมพลังเมืองนคร ญาติสนิทของนายชำนิ ศักดิเศรษฐ สส.สัดส่วน ปชป. ได้265,903คะแนน ชนะนายพิชัย บุณยเกียรติ หัวหน้าทีมประชาธิปไตย(น้องชายของนายชินวรณ์ บุญยเกียรติ สส.ปชป.คนปัจจุบัน) ที่ได้251,111คะแนน

จ.เพชรบุรี นายชัยยะ อังกินันทน์ อดีตนายก อบจ. บุตรชายนายปิยะ อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี หัวหน้ากลุ่มรวมใจเพชร หมายเลข 1 ได้ 125,597 คะแนน ชนะนายอิทธิพงษ์ พลบุตร อดีตสมาชิกสภา อบจ. ประชาธิปัตย์ น้องชายนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 2 ได้ 72,359 คะแนน
ซึ่ง นายชัยยะ พาลูกทีมเข้าสภาจังหวัดได้ถึง21คนจาก19เขตด้วย ในขณะที่กลุ่มประชาธิปัตย์ได้ 3 คน

จ.สมุทรสาคร นายเอนก ทับสุวรรณ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร ทีมประชาธิปัตย์ หมายเลข 1 ได้ 53,346 คะแนน (ญาติของครรชิต ทับสุวรรณ สส.สมุทรสาคร คนปัจจุบัน)แพ้นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ อดีตนายก อบจ. ทีมพลังประชาชน ที่ได้ 85,584 คะแนน(ญาติของนายมณฑล สส.พปช.)

จ.ตราด นายวิเชียร ทรัพย์เจริญ หัวหน้ากลุ่มลูกเมืองตราด อดีตนายก อบจ. หมายเลข 1 ได้ 40,576 คะแนน ชนะนายบุญส่ง ไข่เกษ อดีต ส.ส.และ ส.ว.ตราด ทีมประชาธิปัตย์ หมายเลข 2 ที่ได้ 37,421 คะแนน(นอมินี่ของนายธีระ สลักเพชร สส.ตราดคนปัจจุบัน)

จ.สมุทรสงคราม เสี่ยต๋อง นายโยธิน ตันประเสริฐ เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในสมุทรสงคราม อดีตนายกอบต.บางแก้ว2สมัย หัวหน้าทีมฅนทำงาน หมายเลข 2 ได้ 30,885 คะแนน ชนะนายอำนวย ลิขิตอำนวยชัย ทีมอาสาพัฒนาท้องถิ่น อดีตนายก อบจ. หมายเลข 1 ที่ได้ 26,985 คะแนน และนางกานต์ทิตา รอดรัศมี ทีมประชาธิปัตย์ น้องสาว น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 ที่ได้ 15,198 คะแนน

จ.กาญจนบุรี แชมป์เก่าต้องเสียแชมป์เช่นกัน โดยนายรังสรรค์ รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลวังกะ บุตรชายคนโตของนายสุนทร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ หรือ “เสี่ยฮุค” นักธุรกิจค้าไม้ชื่อดัง ได้ 107,684 คะแนน สามารถเอาชนะนางอุไรวรรณ พงษ์ศักดิ์ อดีตนายก อบจ.น้องสาวของนายสันทัด จีนาภักดิ์ สส.พปช.ที่ได้ 65,520 คะแนน

จ.ชุมพร นายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย(อดีตสส.ชุมพร ปชป.6สมัย บิดาของนายสราวุธ สส.คนปัจจุบัน) ได้ 75,626 คะแนน แพ้ให้กับนายอำนวย บัวเขียว(อดีตนายกอบจ.ในนามกลุ่มปชป.) ได้ 104,803 คะแนน

จ. สุราษฎร์ธานี นายธานี เทือกสุบรรณ อดีตนายก อบจ. น้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งด้วยคะแนน 111,145 คะแนน ทิ้งห่างคู่แข่ง คือนายมนตรี เพชรขุ้ม อดีต ส.ส.ร. และอดีตนายก อบต. ท่าเรือ ซึ่งเป็นอาของ ส.อ.วรพจน์ เพชรขุ้ม นักมวยเหรียญเงินโอลิมปิก อย่างไรก็ตาม ทีมประชาธิปัตย์ต้องเสียเก้าอี้ ส.อบจ.ให้กับผู้สมัครอิสระไปถึง 11 คน จากทั้งหมด 30 เขต

จ.สุพรรณบุรี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ อดีตนายก อบจ. เอาชนะไปด้วยคะแนนท่วมท้น 183,666 คะแนน ส่วน ส.อบจ.สุพรรณบุรี มีรายการพลิกล็อกเกิดขึ้นหลายเขต โดยเฉพาะเขต 1 อ.สามชุก นายศักดา จาละ อดีตนายก อบจ.หลายสมัย และเคยเป็นถึงนายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย มีอันต้องหลุดวงโคจร พ่ายแพ้ให้แก่นายสุพัฒน์ รบอุดงค์ คนหนุ่มรุ่นใหม่

องค์การบริหารส่วนจังหวัด.สตูล
นายนาวี พรหมทรัพย์
นายธานินทร์ ใจสมุทร (อดีตสส.สตูล ปชป.ที่ถูกใบแดงเมื่อปี48 ลงในนามปชป.เช่นเคย)
นายวิทูร หลังจิ (อดีตนายกอบจ.)
นายปัจจุบัน อังโชติพันธ์

จ.ปัตตานี ปรากฎว่า ผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการคือ นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี ผู้สมัครหมายเลข 3 และเป็นอดีตนายก อบจ.ปัตตานีมาแล้วถึง 2 สมัย คนสนิทกลุ่มวาดะห์ ได้คะแนน 98,854 คะแนน มากเป็นอันดับ 1 ทิ้งห่างคู่แข่งที่ได้อันดับ 2 ถึงกว่า 25,000 คะแนน คือนายอนุมัติ ซูสารอ ผู้สมัครหมายเลข 2 เด็กเพื่อแผ่นดิน ซึ่งได้คะแนน 73,781 คะแนน ขณะที่อันดับ 3 คือนายฟรีดี เบญฮิบรอน พรรคปชป. ผู้สมัครหมายเลข 1 ได้คะแนนเพียง 41,030 คะแนน
ขณะที่ยอดจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ. มีทั้งสิ้น 239,717 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 60.18 ซึ่งถือว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์ต่ำกว่าเป้าที่ทาง กกต.ปัตตานีวางไว้คือ 70 % ซึ่งสาเหตุสำคัญน่าจะมาจากปัญหาความไม่สงบ ในจำนวนนี้มีบัตรเสีย 6.29 % และผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 4.58 %

จ.ยะลา นายมุขตาร์ มะทา อดีตรองนายก อบจ.ยะลา และหัวหน้าทีมยะลาพัฒนา ผู้สมัครหมายเลข 2 เป็นนายกอบจ. โดยเอาชนะคู่แข่ง คือ “นายดาวุฒิ ซา”ผู้สมัครหมายเลข 1 จากทีมประชาธิปัตย์ ไป

จ.นราธิวาส นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน บิดาของกูเฮง ยาวอหะซัน สส.ยะลา พรรคชาติไทย ชนะไปด้วย 105,327 คะแนน และนายรำรี มามะ ได้ 87,973 คะแนน

จ .พิจิตร นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ อดีตนายก อบจ. มาเป็นอันดับ 1 ได้ 128,425 คะแนน ส่วนนายวิเชียร เธียรชัยพงษ์ เป็นลำดับ 2 ได้ 53,324 คะแนน

นสพ. ไทยรัฐ+มติชนรายวัน + โมเดิร์นไนน์และหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น 22 เม.ย.50




 

Create Date : 22 เมษายน 2551    
Last Update : 10 กันยายน 2551 5:08:16 น.
Counter : 998 Pageviews.  

ปชป ไร้อนาคตทางการเมือง

อนาคต จะ “ไม่ปราณี” ต่อ ปชป

คนไทยชอบหรือไม่ชอบทักษิณ ที่รู้เรื่องเผด็จการต่างๆที่ผ่านมา คงจะ “งง” กันเป็นไก่ตาแตก ที่ปชป ออกมาอัดสมัครเรื่อง 16 ตุลา ชนิดถ้าไม่รู้เรื่องจริง คงจะนึกว่า ปชป นั้นเป็น Champion ของ ประชาธิปไตยแน่นอน ไม่ต้องบอก อีก 20 ปี ตอนคนลืมเรื่องเผด็จการ คมช ปชป คงออกมาโจมตี ฝ่ายตรงกันข้าม แบบเชื่อสนิทใจ ว่า ตัวปชปเอง ต่อต้าน คมช ปัญหาของปชป คือจุดยืน “เข้าข้างเผด็จการมาตลอด” มันทำให้อนาคตของ ปชป ชักจะ “ไม่มีให้เห็น” เข้าไปทุกที นักวิเคราะห์การเมืองไทย ทั้งเขียนทั้งพูด สรุปกันมานานแล้ว ว่าพรรค ปชป นั้น “เนื้อแท้” คือเป็น Conservative หรือ “ขวาจัด” นั่นเอง



ปัญหาของขวาจัด คือมันต้องมีเรื่อง “ความมั่นคง” มาทำให้ปชช กลัว เมื่อคนกลัวภัย Cononservative ถึงจะเรื่องอำนาจได้ แต่มองอนาคตออกไป ในโลกของความจริงแล้ว ในไทย “ถ้าไม่มาหลอกตบตากัน” แบบพันธมิตรทำ “ที่เขียนเสือให้วัวกลัว” แบบให้กลัวกันไปว่า ชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ กำลังพังลง คือถ้าหลอกกันไม่ได้ แต่ต้องพึ่งความจริง ไทยนั้นมีอะไรนอกจาก ปัญหาการก่อการร้าย ที่จะทำให้ “คนทั้งชาติหันไปเลือกขวาจัด”



แต่นั่นยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น ของ ปัญหา ปชป เพราะ ในถึงในรากฐานลึกๆแล้ว จะขวาจัด และ เป็นส่วนหนึ่งของ ระบอบอำมาตร มาอย่างช้านาน ปชป นั้น ก็ “อิง” Populus Policies มาโดยตลอด คือ “มาตรการประชานิยม เป็นเปลือกห่อหุ้มอำนาจนิยมอยู่” เช่น ปชป จะปรับปรุงแต่งเติมนโยบายและปรัชญา “ในเปลือกนอก” ให้เข้ากับ”ความนิยม” ของทุกยุคทุกสมัย ทุกครั้ง



แต่ถ้าเรามามองกันว่า โลกในวันพรุ่งนี้ ในอนาคตจะเป็นเช่นไร แรกเลย ประชาธิปไตย กำลังเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ เผด็จการ อำนาจนิยม และ เอียงขวามากๆ กำลังได้รับการต่อต้าน และไม่เป็นที่นิยม ก็มีสาเหตุมากมาย เช่น Globalization ไปถึง Internet ไปถึง Information Explosion ไปถึง Cultural Export Industry ไปถึง Localization and Decentralization สิ่งพวกนี้ทั้งหมด กำลังทำให้เกิด “สังคมใหม่” คือสังคม ของการ “เรียนรู้” และ “ปลดเอก” สรุปตรงนี้ คือ ปชป จะมาขายอะไร ให้คนไทยส่วนมาก กับการมีแก่นสาร เป็น Conservative ที่อย่างเก่ง ก็คือ ปชป ต้องรอไปจนกว่า จะมีอะไรมากระทบ ความมั่นคงแรงๆ จนกระแสต้องการ หรือไม่ก็สร้างมันขึ้นมาเอง ด้วยการเขียนเสือให้วัวกลัว และ “หวังว่า” จะโหมโรง พอหลอก ปชช ให้ไปเลือก ปชป กัน



แต่การที่ ปชป มีอีกด้าน “คืออีแอบ” ชอบเปลี่ยนชุดให้เข้าทุกสมัย มันบ่งบอกถึง “ความไร้แก่นสาร” ของพรรค คือ “ประชานิยมแบบทักษิณก็ได้ เอียงขวาแบบหน้าด้านๆก็ได้ เอียงซ้ายหน่อยๆก็เคยมาแล้ว” คือสวมมันได้แทบทุกชุด ฟังดูก็อาจจะดี ที่มีการปรับเปลี่ยนปรับปรุงให้เข้ายุคเข้าสมัย แต่ปัญหาคือ “มันเข้ากับแก่นแกน” ของตัวเองได้หรือไม่ และ มันจะไปสู้กับพรรคที่เขา “เข้ากับยุคนั้นได้เต็ม 100%” ได้ยังไงกัน เช่นคือ ปชป จะมาแข่ง กับ ทรท ได้ยังไงกัน ในเรื่อง ประชานิยม



แต่การวิเคราะห์ ปชช จริงๆแล้ว ก็คือการวิเคราะห์ อนาคตของไทย ตรงนี้ก็แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะสรุปกันเอง แต่แนวโน้มคือ “หนีไม่พ้น” ไม่ว่าจะมองจาก Marxist หรือ Capitalist คือคนจน เกือบ 10 ล้านคนในไทยนั้น เป็นทรัพยากร “อันยิ่งใหญ่” ที่จะพัฒนาชาติ คือลองคิดดูว่า ถ้าคนจนพวกนี้ ขยับขึ้นมาเป็น “กลางล่าง” ได้ ตลาดและแรงงานไทย จะพัฒนาไปไกลอีกขนาดไหน ต่อมาเลยคือมองฐานเศรษฐกิจไทย ก็หนีไม่พ้นหันไปพึ่ง Service Industry มากขึ้น และอย่างที่รู้ๆกัน Service Industry นั้น พึ่ง “ความสงบและสมานฉันท์” ทางสังคมและการเมืองมาก คือจะออกมา “แฮ้วๆกันแบบพันธมิตร” แล้วทำให้ชาติปั่นป่วนไปหมด ในอนาคตมันจะ”หาคนตามยาก” เพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจ มันจะรุนแรงและกระจาย กว้างกว่าตอนนี้มาก แล้วในด้านการส่งออก ยิ่งไทยพัฒนาตัวเองขึ้นสูงขึ้นแค่ไหน มันก็ยิ่งจะเหมือนสิ่งที่ พี่พันศักดิ์ วิญญรัตน ประธานที่ปรึกษาทักษิณ ว่าไว้ คือมันจะกลายเป็น “High-Touch” กันไปหมด หรือสินค้าที่ “ใช้ฝีมือและมันสมองและต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมสูง” เช่น Flynow หรือ Computer Program ของไทยหลายเจ้าที่กำลังตีตลาดโลก แล้วไงหรือ ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากว่า พวก High-Touch พวกนี้ กับ Image มันมาด้วยกัน คืออย่าหวังว่า จะสร้าง Brand ให้สินค้าได้ ถ้า Brand ในระดับชาติ มันติดลบ จะเพราะอะไรก็ตาม



สรุปตรงนี้ คือ “กระแสหลักของชาติ” ในวันนี้ และ ใน อนาคต มันกำลัง “วิ่งหนี” พรรคแบบ ปชป คือ 10 ล้านคนก็ไปสู้เอามาเข้าข้างตัวเองก็ไม่ได้ แถม Service Industry ไม่ชอบพวกเก่ง “ทำลายล้างเอาแต่โจมตีด้วยฝีปาก” เพราะมันไม่ “ทำให้บ้านเมืองสงบ” สุดท้าย พวกสร้างสรรค์สุดๆ เขาก็ไม่ชอบ “พวกที่มีแก่นสารเป็นอำนาจเผด็จการนิยม” เพราะในที่สุดแล้ว ประชาธิปไตย เป็นกระแสหลักของโลก และ ปชป มีอะไร ก็คือทุนเก่า แบบธนาคาร เช่นธนาคารที่พึ่งประกาศมาว่า ดอกเบี้ยรายรับ เพิ่ม 3-4,000 ล้าน ส่วนดอกรายจ่ายเพิ่ม 300 ล้าน จนกำไร ในขณะที่คนย่อยยับกันไป ตอนนี้ ต้องมาทนฟังว่า กำไรขึ้นไป 15-20% คือนี่นะหรือ พรรคพวกของ ปชป คือแสวงหากำไร เอาเปรียบ ปชช ชนิด ทักษิณชิดซ้าย ตกขอบไปเลย



สิ่งสุดท้ายที่ต้องมองคือ “คนของปชป” ก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี แต่ก็เป็นที่รู้ๆกันว่า ปชป เป็นพรรคของทนายความ ปัญหามันก็คือ ในด้านทฤษฏีการบริหารแล้ว สมัยใหม่เขามองกันว่า “การกระทำ สำคัญกว่าการ วางแผน” คือการวางแผน ใช้เวลาและไม่มากก็น้อย ทำให้องค์กร แข็ง สมัยใหม่ต้อง “ลงมือทำเลย” และ เรียน ผิดเรียนถูกไปเรื่อยๆ คือเข้าตลาดก่อน แล้ว ปรับปรุง สินค้าตลอดเวลา คือเมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารโลกทำการวิจัย ทั่วโลก ทางด้านการเมือง และผลสรุปคือ ปชช ทั่วโลก เชื่อมือนักธุรกิจ ให้มาบริหารบ้านเมือง มากกว่า เชื่อมือ ทนายความ ซึ่งเป็น Background ของนักการเมืองส่วนมากของโลกมาอย่างช้านาน



ก็เหมือนเดิมนะครับ อย่ามาเชื่อผม แต่เชิญท่านใช้ข้อมูลและเหตุผลของผม ไปต่อยอดโดยตัวท่านเอง ให้ออกมาเป็นของตัวท่านเอง ว่า อนาคต ปชป ในไทย จะเป็นเช่นใด

ทวีวุฒิ จุลวัจจนะ
//www.thai-journalist-democratic-front.com




 

Create Date : 23 มีนาคม 2551    
Last Update : 23 มีนาคม 2551 11:56:21 น.
Counter : 522 Pageviews.  

ติดคุก...?

หม้อข้าวแกงเหลืองอร่อยเหาะขุมทรัพย์ล่าสุดขอบฟ้าของพรรคโบราณวัตถุข่าวใหญ่ข่าวโตที่เป็นหัวข้อ พูดถึงเรื่องสปิริตของนักการเมืองหล่อสร้างภาพเป็นหัวข่าวร้อนฉ่าร้อนซ่า ร้อนฉาวโฉ่ ลึกล้ำพันตูกว่านิทานหลอกเด็กๆเรื่องใหม่มาเป็นขวัญใจคนไทย วงการมายาจริตแห่งเกมการเมืองน้ำเน่า เอามาตราฐานที่ว่าระดับหัวหน้าแก๊งตายยกพรรค แต่ที่ไหนได้ ข่าวได้เสียแก๊งตกเงินตกทองสูบผลาญงบประมาณแผ่นดินเรื่องรถดับเพลิงอัปยศพ่วงท้ายเรือดับเพลิง อุปกรณ์ดับเพลิงฟัดงาบวงเงิน 6 พันกว่าล้านบาท ปริศนาข่าวชิ้นนี้มันจบไม่ลง เทือกเถาเหล่ากอลงลับกระเป๋าใครเอ๋ย

กะจะไม่วกวนเอาเรื่องเอาราวพรรควัตถุโบราณนี้แล้วเชียว เดี๋ยวชาวบ้านร้านตลาดหาว่ารังแกพรรครูปหล่อขวัญใจแม่ยกแม่หม้ายทำไมกัน ต้องฝากถามนักการเมืองส่งเสาไฟฟ้าไปลงแข่งขันก็ชนะหน่อยว่าที่จะพูดเรื่องน้ำมันเถื่อน เพื่อต่อติดกับเรื่องนายอภิรักษ์ โกษะโยธินผู้ว่าฯกทม.รูปงามหันเหหักมุมสวมหัวโขนยี่ห้อสปิริตเกลียวกราวขึ้นหม้อข่าวหน้าหนึ่งเกือบทุกฉบับ ก็ว่าได้ดังทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยการยุติบทบาทผู้ว่าฯกทม.ฉับพลัน มองชั้นเดียวน่าชื่นชมแต่สะดุดเรื่องราวของย่อหน้าบรรทัดฐานต่อๆไปมีแต่ความเสื่อม สงสัยเข้าครอบงำแทนที่จากขาวผุดผ่องตาลปัตรลับกลายเป็นดำแปรเปลี่ยนท่านั่งยางของนักสร้างภาพแหกตาคน แม้แต่ดุสิตโพลล์สุ่มถามตอบท่าทีเซ็นหนังลากิจ ลาป่วย ลาออก เพื่อยุติบทบาทผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้คอการเมืองเสียงข้างมากเทข้างเกมการเมืองแน่นอน หน้าแหกเย็บไม่ติด หากยึดสโลแกนประชาชนต้องมาก่อนจริง

ย้ำนะคำพูดจากนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พูดกับนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตส.ส.มหาสารคาม พรรคประชาธิปัตย์ หลังจากทราบข่าวว่าผู้ว่าฯอภิรักษ์ ตัดสินใจเปิด L/C น่าคิดว่า "ถ้ารู้ว่าแพงแล้วยังซื้อ วันหนึ่งจะติดคุก' อันนี้นายบัญญัติพูดไว้วันที่ 10 มกราคม 2549 ที่ห้องทำงานของท่านเองเนื้อผ้าที่หนึ่ง

ว่ากันเรื่องที่ติดค้างหัวข้อน้ำมันเถื่อนที่จับจัดฉากปล่อยๆ ตามฤดูกาลมีข้อสังเกต ยามใดที่พรรคภาคนิยมขึ้นครองอำนาจข่าวคราวจับน้ำมันเถื่อน เจ้าหน้าที่จะทำงานเฉื่อยลงไม่มีข่าวหน้าสื่อลงแต่อย่างใด พูดลอยๆไม่เห็นภาพมีของจริงประกอยคำบรรยาย สมัยพรรคพลังธรรมดาวรุ่งพุ่งแรงเข้าร่วมรัฐบาลจดจำได้ว่านายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ รมต.ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สังกัดพรรคพลังธรรม ลุกขึ้นเอาข้อมูลแฉตัวบงการเบื้องหลังขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนถลกเปิดก้นเห็นแสดงหนังสดกลางสภาว่ามีนักการเมืองครองฐานเสียงภาคใต้มาตลอดพัวพัน พูดไม่ทันจบห้องประชุมสภาแทบแตกวุ่นวายอลหม่ายไม่มีชิ้นดี อย่าปล่อยคนชั่วลอยนวลยังล่อยกับสายลมว่าระหว่างนายไชยวัฒน์กับพรรคการเมืองดึกดำบรรพ์...ใครกล่าวเท็จกล่าวจริง

ที่วุ่นวายเพราะ นายบางคนสั่งการลูกพรรคเบรกตบปากผู้ปูดข้อมูลเรื่องนี้ทันที ‘พวกเราไม่ห้ามเดี๋ยวตายหมู่กันแน่คราวนี้' ชนชั้นกลางหน้าโง่ พึงสังวรไว้ให้ดีเหรียญอย่ามองด้านเดียวเหลี่ยมอย่ามองมุมเดียวเด็ดขาดความชั่วร้ายมันแฝงยึดโยงทับจอมหลักการอยู่เช่นนี้

รวมหัวรวบหางกันปล้นชาติอย่างเป็นระบบพรรค (พวก) ทรัพย์สินปรส.ที่เสียค่าโง่ซื้อแพงขายถูกๆ โดนต้มตุ่นขายให้บริษัทที่ปรึกษาฝรั่งถูกๆ ย้อมแมวกลับมาขายรัฐแพงกว่าที่ซื้อตอนต้น ทั้งนักธุรกิจ นายทุนสนับสนุน รับอานิสงส์ถ้วนทั่ว สื่อหน้าโง่งดติดตามเงินงบประมาณแผ่นดินชนิดเกาะเอาเป็นเอาตาย ปล่อยลอยนวลดั่งไม่ใช่ความผิดที่พึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบอย่างเสียมิได้เจ็บแสบที่บริหารประเทศเสียหาย 2 แสนกว่าล้านบาท สื่อเลิกขุดความจริงมาขยายผลว่าพัวพันใครต้องรับผิดชอบ?

ที่มันน่าเจ็บกระดองใจคณะกรรมาการตั้งขึ้นมาสอบสวนที่น่าเชื่อถือทางสังคมกับถูกนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตรมช.คลัง ไม่ปล่อยเปิดเผยข้อมูลว่าใครเข้าข่ายต้องรับผิดชอบ กลับอ้างหน้าตาเฉยว่าเป็นชั้นความลับขอดูไม่ได้ ทั้งที่รัฐเสียหายกว่า 2 แสนกว่าล้านบาท มีนายธารินทร์ นิมานเหมินทร์ นี่คือความหมายที่แท้จริงของแสดงสปิริตอย่างสูงรับผิดชอบ ท้ายที่สุดขอลาออกเองจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

เข้าเรื่องคดีรถดับเพลิงตรวจสอบคนในพรรคที่สวมบทพระเอกของใครบางคนอย่างนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปปัตย์ กล่าวไว้ช่วงตอนหนึ่งว่า " ผมเรียนตรงๆว่านายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นั้นต้องยอมรับว่าท่านไปเกี่ยวข้องตอนเปิด L/C ดังนั้นท่านจะปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะ 2 ปีที่แล้วท่านเป็นผู้ว่าฯกทม.แต่ไม่มีบทบาทที่ตรวจสอบเรื่องทุจริตในโครงการนี้เลย ส่วนเก้าอี้ท่านขณะนี้ง่อนแง่นหรือยัง ผมไม่ทราบ แต่ผู้ใหญ่ในพรรคบอกว่าให้เดินหน้าเต็มที่ หากมีคนของพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะไม่ละเว้นเด็ดขาด'

จมูกมดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กลิ่นไม่ดีก็ส่งคนที่ไว้ใจไปตรวจสอบมอบหมายรองผู้ว่าฯ ท่านหนึ่งคอยเช็คความเคลื่อนไหวหลายโครงการทั้งรถไฟฟ้าเครือข่ายค่าผลประโยชน์ สัมปทานที่บริษัทเอกชนเสนอให้หรือเอาไม่เอาอีกบริษัท มีหรือที่นกรู้อย่างนายอภิรักษ์ จะเดี่ยวตัวเองจำเป็นต้องสร้างรองผู้ว่าฯเงาเป็นตัวตายตัวแทนนั่นคือนายวัลลภ สุวรรณดี มาคานอีกทอดหนึ่งกันเหนียว นี่ไม่นับรวมส่วนของขาใหญ่ระดับเลขาธิการพรรค ตั้งบัญชาสั่งการบงการจัดหาสรรผลประโยชน์ ฝังตัวนอมินีนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯฝ่ายโยธาฝ่ายจัดหารายได้ส่งหัวหน้าชุดอีกทอดหนึ่ง

ลูกพี่จมูกมดนายหัวชวน เงียบกริบกว่าเน้นส่งนายนิพันธ์ บุญญภัทโร อดีตผอ.ศอ.บต.นายประกันตรวจสอบกันพลาดอย่างไม่กระพริบรายงานสายตรงอีกชั้นว่าใครงาบล้ำเส้นกินข้ามสาย ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าที่ไม่มีใครอะเออะโวยวายใส่ใจเหมือนงบท้องถิ่นหน่วยอื่นที่มีนักการเมืองระดับชาติเกี้ยเซี้ยฮั้วงานเป็นนิจสิน สื่อสนใจเล่นงานเอาผิดบนหน้าข่าวหนึ่งของนสพ.แต่แปลกงบประมาณกทม.มูลค่าปีละหลายแสนล้านบาท กลับมองข้าม !

ตั้งแต่งบจัดซื้อจัดจ้างต้นไม้กระจอกๆ แทบไม่น่าเชื่อมันมีวิธีการโกงแบบสาธารณะบนเส้นทางพระรามเก้าตัดใหม่สองฝากถนนเส้นนี้ดูๆ ร่มรื่นด้วยต้นปาลม์ประดับประดาสวยงามดีออก เจาะลึกรายละเอียดผู้ว่าฯ กับรองผู้ว่าฯยุคนายพิจิตต รัตนกุล ฉาวโฉ่งาบแดกงบต้นปาลม์เหนาะๆหลายสิบล้านบาท เหตุเพราะเมื่อต้นปาล์มหมดอายุ ชาวสวนมักขุดรื้อทิ้งปลูกทดแทนใหม่ เจ้าของสวนอยากนักหนาที่หาคนช่วยขุดทิ้งเพื่อปรับพื้นที่ลงใหม่ต้องพูดละเอียดกลัวไม่เห็นภาพ ต้นตอการโกงโก่งราคาตั้งงบจัดซื้อต้นละ 1.2 หมื่นบาท ลองคูณจำนวนต้นที่ปลูกสองข้างทางมีกี่พันต้นคำนวณดูเล่นสูญเสียงบมากเท่าไหร่ ต้นปาล์มหมดอายุที่ว่าพูดแบบชาวบ้านมึงมีปัญญามาขุดเอาไปเลย...ฟรีครับ

เข้าเรื่องสปิริตเรื่องดังกล่าวว่าเกิดตั้งแต่ปีไหนและวันนี้พ.ศ.อะไรแล้วทำไมหุบปากเงียบเชียบใครเย็บปากระเบิดการเมืองที่คนในพรรคบีบไข่คนในพรรคจนหน้าเขียวเกิดอย่างไร ต่อไปนี้คือคำพูดที่ถ่ายทอดสัมภาษณ์สื่อในหลายฉบับหลายเวลาสถานที่...คำยืนยันซ้ำคงไม่เสียหายกล่าวคือ

โดยนายยุทธพงศ์ เปิดใจตอนหนึ่งว่านายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่ปรึกษาพรรค พูดกับตนหลังจากทราบข่าวว่าผู้ว่าฯอภิรักษ์ ตัดสินใจเปิดL/C น่าคิดว่า " ถ้ารู้ว่าแพงแล้วยังซื้อ วันหนึ่งจะติดคุก ' อันนี้นายบัญญัติพูดไว้วันที่ 10 มกราคม 2549 ที่ห้องทำงานของท่านเอง...ลองปูดข่าวสร้างคุกสร้างตารางโทษใครไม่ได้ แล้วอย่าร้องแรดกระเช่อ ฟังไม่ขึ้น ตกเป็นผู้ต้องหาเกิดขึ้นแล้ว...เข้าข่ายสุภาษิตของจีนบทที่ว่า ‘ ตาอย่าโตกว่าท้อง ' อย่าโลภมากลาภมักหาย

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม.ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนก่อนครบเทอม อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเข้าข่ายเตะถ่วง เสี้ยงไข้ เลี่ยงบาลี เรียนลัดหวังผลทางการเมือง เสี่ยงมันออกหัวหรือจะออกก้อย พรรคพังคนพังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่มันเปลือยกายล่อนจ้อน ว่าแผลเป็นตกสะเก็ดเกิดสนิมเนื้อในในใจคนคนกันเองมากกว่า ฉลองพิธีกรรมแห่ศพประจานเลี้ยงส่งท่านลงสมัครผู้ว่าอีกสมัยจริงหรือเปล่าหนอ???

อำนาจคนเหนือพรรค ‘พาอภิรักษ์ไปฆ่า'เหมือนยุคพฤษภาทมิฬข้อหา ‘จำลองพาคนไปตาย' สมมุติฐานของนักฆ่าลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลำพองลงมือกรีดใครไม่มีภูมิต้านที่ดีไม่ตายก็เสี้ยงไม่โต งานนี้ฆ่าตัดตอนคนกันเอง หวังต่อหน้าตาพรรคไว้ก่อนก็ต้องลงมือเชือดเสียเองแล้วกระมังครับ

โดยคืนรัง แห่งHi-Thaksin




 

Create Date : 18 มีนาคม 2551    
Last Update : 18 มีนาคม 2551 20:09:07 น.
Counter : 506 Pageviews.  

อินไซด์คตส.'เชือด! เหตุอภิรักษ์เปิดแอล/ซี แถมเป็นคนสั่งแก้ไขส่งเรือ-รถ'จากไทย'ได้

อินไซด์คตส.'เชือด! เหตุอภิรักษ์เปิดแอล/ซี แถมเป็นคนสั่งแก้ไข ส่งเรือ-รถ'จากไทย'ได้

เปิดปม “หล่อเล็ก” ติดร่างแหดับเพลิงฉาว เหตุแก้ไขแอล/ซีให้ส่งเรือ-รถจากไทยได้ ด้าน “นาม”เครื่องเพิ่งร้อน ร่อนหนังสือให้สิทธิ 6 ผู้ถูกกล่าวหาคัดค้านอนุไต่สวนได้ใน 7 วัน

วันที่ 13 มี.ค. 2551 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในช่วงบ่ายมีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการกระทำความผิดสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิง กทม. ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมได้หยิบยกมติของที่ประชุมคตส.ในการชี้มูลบุคคลเพิ่มเติมจำนวน 6 รายมาพิจารณา

แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการฯ เปิดเผยว่า นายนามได้หารือต่อที่ประชุมว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ได้ทำหนังสือมาถึงประธานคตส. เพื่อสอบถามถึงมติของคตส.ในการตั้งข้อกล่าวหาในคดีรถดับเพลิงว่ามีเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใด และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมีหนังสือตอบกลับไปถึงนายอภิรักษ์แต่อย่างใด เนื่องจากตามขั้นตอนแล้วคณะอนุกรรมการฯ จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาไปถึงผู้ถูกกล่าวหาทุกคนอยู่แล้ว

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติส่งรายชื่อคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ซึ่งเป็นชุดเดิมที่มีนาย นาม เป็นประธาน ไปให้ 6 ผู้ถูกกล่าวหาใช้สิทธิคัดค้านภายใน 7 วัน โดยได้ส่งหนังสือไปในวันเดียวกันนี้ จากนั้นคณะอนุกรรมการฯจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อเปิดให้ผู้ถูกกล่าวเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป

นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากที่ประชุมใหญ่คตส. เปิดเผยถึงบรรยากาศในการประชุมคตส.เพื่อพิจารณาชี้ มูลความผิดอีก 6 ผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมว่า หลังจากที่นายนามส่งเอกสารสรุปการชี้มูลของอนุกรรมการไต่สวนฯ ซึ่งไม่มีชื่อนายอภิรักษ์ให้ที่ประชุมคตส.อ่านแล้ว นายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมการคตส. หนึ่งในอนุกรรมการฯ ได้รายงานถึงความเป็นโมฆะของ A.O.U. และสัญญาซื้อขาย ปรากฏว่า กรรมการคตส.รายหนึ่งได้ทักท้วงขึ้นว่า ฟังจากที่นายบรรเจิดสรุป เห็นว่าน่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับนายอภิรักษ์ด้วย เนื่องจากมีข้อมูลชัดเจนว่านอกจากจะเป็นคนเปิดแอล/ซี ทำให้สัญญาเดินไปได้แล้ว ที่สำคัญยังเป็นคนแก้ไขแอล/ซี เรื่องสถานที่ส่งรถและเรือและอุปกรณ์ดับเพลิงต้องมาจากท่าอากาศยานหรือท่าเรือใด ๆ ในยุโรปเท่านั้น แต่นายอภิรักษ์ได้แก้เงื่อนไขในแอล/ซี โดยให้เพิ่มคำว่า “หรือส่งจากสถานที่อื่นใดในประเทศไทย”

แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า เมื่อถึงตรงนี้ นายนามได้ขออนุญาตต่อที่ประชุม เพื่อให้ตัวแทนอนุกรรมการฯ เข้ามาอธิบายในประเด็นนี้ แต่ปรากฏว่าที่ประชุมไม่เห็นด้วย และเห็นพ้องว่าควรแจ้งข้อกล่าวหานาย อภิรักษ์ เพิ่มเป็นรายที่ 6

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นประธาน ได้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม. เพิ่มอีก 6 รายนั้น ในผลสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า จากข้อเท็จจริงพบว่า พฤติการณ์ของผู้ลงนามฝ่ายไทยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง โดยปรากฎจากปากคำของร.ศ.อัจฉราพรรณ จรัสวัฒน์ ที่ปรึกษานายประชา มาลีนนท์ รมช.มหาดไทย ขณะนั้นว่า มีการตกลงสมรู้ร่วมคิดกันมาก่อน ระหว่างผู้แทนฝ่ายออสเตรียและฝ่ายไทย จึงเชื่อได้ว่าผู้ลงนามฝ่ายไทย “สมคบ” กันกับผู้ลงนามฝ่ายออสเตรียเพื่อทำข้อตกลง A.O.U. เข้าลักษณะเป็นการแสดงเจตนาลวงโดยคู่กรณีสมรู้ร่วมคิดกันมีผลให้ A.O.U. เป็นโมฆะ ตามมาตรา 155 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อ A.O.U. ตกเป็นโมฆะย่อมส่งผลให้สัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิง ซึ่งถือเป็นสัญญาอุปกรณ์ของ A.O.U. ย่อมตกเป็นโมฆะไปด้วย

ผลสรุปยังระบุว่า ข้อเสนอเรื่องการค้าต่างตอบแทน ซึ่งภายหลังปรากฏว่าไม่มีการทำการค้าต่างตอบแทนแต่อย่างใดนั้น ส่งผลให้การซื้อขายรถและเรือดับเพลิงของไทยมีราคาแพงขึ้น เพราะบริษัทสไตเออร์ฯต้องจ่ายค่าบริการสัญญาให้แก่บริษัท C.P.M ถึง 147 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าการกระทำของฝ่ายออสเตรียไม่สุจริต แต่เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของบริษัทสไตเออร์ฯ ดังนั้นสัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิง ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาอุปกรณ์ของข้อตกลง A.O.U เมื่อ A.O.U. ตกเป็นโมฆะย่อมส่งผลให้สัญญาซื้อขายรถและเรือดับเพลิงย่อมตกเป็นโมฆะไปด้วย

“จากข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าการลงนามในข้อตกลงซึ่งมีผลผูกพันในการทำสัญญาที่มีมูลค่าถึง 6,687ล้านบาทได้กระทำไปโดยขัดมติคณะรัฐมนตรีหลายมติ กระทำไปโดยขาดความรอบคอบโดยไม่ฟังข้อท้วงติงของฝ่ายต่างๆ หากแต่กระทำไปโดยอาศัยเงื่อนเวลาการอยู่ในตำแหน่งของผู้ว่าฯกทม.เป็นที่ตั้ง โดยหาได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ”ผลสรุปการไต่สวนระบุ




 

Create Date : 14 มีนาคม 2551    
Last Update : 14 มีนาคม 2551 0:33:29 น.
Counter : 499 Pageviews.  

6 ตุลา ประชาธิปัตย์ยืนดูตำรวจ-ทหารฆ่าประชาชน

ทนดูทนฟังมาหลายวันด้วยความสะอิดสะเอียนเหลือกำลังกับลีลาและอาการของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อกรณีเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองไทย ที่น่าเศร้าเสียใจและอภัยให้ไม่ได้ กับความโหดร้ายของฆาตรกรในเครื่องแบบตำรวจและทหาร ที่เข่นฆ่าล้างผลาญชีวิตนักศึกษาและประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างบ้าคลั่ง

นายสมัคร สุนทรเวช จะเห็นคนตายกี่ศพ ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับ ใครฆ่าประชาชน

ป่วยการที่จะมาไล่บี้ถามหาคาดคั้นกับคนเห็นเหตุการณ์ว่ามีคนตายกี่คนกันแน่ แต่ควรจะต้องไปไล่บี้ถามหาว่าใครฆ่าประชาชน ต่างหากเล่า

ที่สำคัญกว่าจำนวนคนตายว่ากี่ราย กี่ศพ และใครฆ่าประชาชน ก็คือ ทำไมรัฐบาล ผู้บริหารบ้านเมืองในขณะนั้นไม่ป้องกัน ไม่สกัดกั้น ไม่ยับยั้งการฆ่าประชาชน

จากบันทึกของคนเดือนตุลา ใน เวปไซต์ //www.2519.net ได้ลำดับเหตุการณ์ก่อนจะเกิดกรณี 6 ตุลาคม 2519 ว่าเค้าลางความเลวร้ายและรุนแรง สัญญาณแห่งหายนะ มีแนวโน้มให้เห็นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2519 ซึ่งมีการโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายขบวนการนักศึกษาที่กำลังเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว อย่างหนักหน่วง

นับจากเดือนมิถุนายน ถึง เดือนตุลาคม เป็นเวลา 4 เดือนเต็ม ที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เสมือนเป็นการยั่วยุให้เกิดการปะทะของนักศึกษา กับกลุ่มมวลชนที่ได้รับการฟูมฟักจากทหารบางกลุ่ม และใช้สื่อวิทยุยานเกราะ และสื่อหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และ บางกอกโพสต์ โฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่า ขบวนการนักศึกษาเป็นผู้มีเจตนาร้ายต่อประเทศชาติ และพระมหากษัตริย์ เนื่องจากเป็นผู้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่มีเป้าหมายโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์

หลายครั้งที่มีการเอ่ยอ้างถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มักจะมีตัวละครหลักอยู่เพียง 3 ตัว คือ นักศึกษา ตำรวจ-ทหาร และ สื่อ ไม่ทราบว่าเป็นความตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดินในห้วงเวลานั้น หรือเป็นเพราะไม่มีใครให้ค่า ให้ราคารัฐบาลในขณะนั้น ทั้งๆ ที่รัฐบาลเป็นผู้มีหน้าที่บริหารประเทศให้เกิดความสงบเรียบร้อย และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ให้ได้รับความปลอดภัย

เป็นไปได้อย่างไรที่รัฐบาลในขณะนั้น ปล่อยให้มีการใช้สื่อของรัฐและสื่อเอกชน ปลุกระดมมวลชน ให้เข้าใจผิดต่อขบวนการนักศึกษา ว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เป็นผู้มีแผนการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และ มีพฤติกรรมหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริงสักเรื่องเดียว

อีกทั้งรัฐบาลยังดำเนินการจับกุมแกนนำนักศึกษา ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามที่สื่อตั้งข้อกล่าวหา ไปคุมขัง แต่ปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้องของนักศึกษาที่ให้ขับจอมพลถนอม กิตติขจร ในคราบของเณร ออกจากประเทศไทย โดยอ้างว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญของจอมพลถนอม ที่จะอยู่ในประเทศไทยได้ ทั้งๆ ที่จอมพลถนอม เป็นผู้ทำลายระบบประชาธิปไตย และทำลายรัฐธรรมนูญ มาก่อน ท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาล จึงเท่ากับเป็นการจงใจยั่วยุให้ขบวนการนักศึกษาลุกฮือขึ้นมานั่นเอง

รัฐบาลที่ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน แต่ไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ และไม่สามารคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ในขณะนั้น ก็คือ รัฐบาลที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำ มีม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี หรือเรียกตามภาษาการเมืองทั่วไปว่า เป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ หรือ รัฐ บาลหม่อมเสนีย์ นั่นเอง

จากลำดับเหตุการณ์กรณี 6 ตุลาคม 2519 ที่ปรากฎอยู่ในเวปไซต์ //www.2519. net ระบุว่าเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 อย่างยิ่ง กล่าวคือ หลังจากที่ขบวนการนิสิตนักศึกษา ได้รับชัยชนะจากการประท้วงขับไล่จอมพลถนอม กิตติขจร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้สำเร็จ แม้จะมีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อของนักศึกษาและประชาชนผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับคือ การได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาสู่ประเทศไทย หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่าสิบปี ที่อำนาจอธิปไตย ไม่ได้เป็นของปวงชนชาวไทย แต่ไปตกอยู่ในมือทรราชนับเนื่องจากจอมพล สฤษฎิ์ ธนะรัชต์ จนถึงจอมพลถนอม กิตติขจร และ จอมพลประภาส จารุเสถียร

หลังจากที่พลังนักศึกษาและประชาชน ร่วมกันขับไล่ทรราชออกไปจากประเทศไทยได้แล้ว ขบวนการนักศึกษาหัวก้าวหน้า ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มพลังที่สำคัญในการคานอำนาจ เป็นดุลอำนาจใหม่ของสังคมไทย ที่ทำให้กลุ่มอำนาจเดิมซึ่งประกอบด้วยข้าราชการ ตำรวจ และทหาร ที่เคยได้ประโยชน์จากการที่มีอำนาจอยู่ในมือและทำอะไรได้ตามใจชอบ ต้องเสียประโยชน์ จากากรถูกขบวนการนักศึกษาตรวจสอบ และเปิดโปง

ความไม่พอใจและแผนการที่จะกำจัดขบวนการนักศึกษาก่อรูปก่อร่างขึ้นมา ในหมู่นาย ทหารและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่พ่ายแพ้เสียอำนาจไปในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ด้วยการจัดตั้งมวลชน อาทิ ลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มนวพล กลุ่มกระทิงแดง ซึ่งเป็นนักเรียนอาชีวะ นัก เรียนช่างกล ขึ้นมาเป็นกลุ่มพลัง ก่อกวนบ้านเมือง หาเรื่องทำร้ายนักศึกษา สร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นในประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ตำรวจและทหารได้ออกมาแสดงบทบาท และปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการเติบโตของขบวนการนักศึกษา ไปถึงขั้นทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง

เหตุการณ์ นิสิตนักศึกษาและประชาชนนับแสนเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 จบลงด้วยชัยชนะเป็นของประชาชน หลังจากที่จอมพลถนอม กิตติขจร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเดินทางออกนอกประเทศ

แต่เพียง 3 ปี ชัยชนะของนักศึกษาและประชาชน เมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ก็พลิกผันแปรเปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับเมื่อถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 โดยมีการใช้เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงไม่ให้จอมพลถนอม กิตติขจร เดินทางกลับประเทศไทย ของขบวนการนักศึกษา มาเป็นเงื่อนไข และกล่าวหาบิดเบือนว่านักศึกษาไม่ได้ต้องการประชาธิปไตย ไม่ได้คัดค้านจอมพลถนอม แต่ มีเป้าหมายโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

วันที่ 29 สิงหาคม 2519 บุตรสาวจอมพลถนอม เข้าพบม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บ้านพัก เพื่อเจรจาขอให้จอมพลถนอม กลับประเทศไทย เพื่อบวช

วันที่ 31 สิงหาคม 2519 คณะรัฐมนตรี มีมติไม่ให้จอมพลถนอม เดินทางกลับประเทศไทย

วันที่ 2 กันยายน 2519 แนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ติดใบปลิวต่อต้านการเดินทางกลับประเทศไทยของจอมพลถนอม โดยมีขบวนการนักศึกษาเข้าร่วม

วันที่ 3 กันยายน 2519 นายสมัคร สุนทรเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่ามีมือที่สามจะสวมรอยเอาการกลับมาของจอมพลถนอม เป็นเครื่องมือก่อเหตุร้าย

เป็นการปรากฎชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช ครั้งแรกในบันทึกลำดับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ในเวปไซต์ //www.2519.net ในฐานะผู้กล่าวเตือนให้ระมัดระวัง “มือที่สาม” จะก่อเหตุร้าย มิใช่ในฐานะผู้ก่อเหตุร้าย ทั้งก่อด้วยตนเอง หรือสนับสนุน และเป็นการปรากฎชื่อของนายสมัคร สุนทรเวช เพียงครั้งเดียวในบันทึกลำดับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

แม้รัฐบาลจะมีมติไม่เห็นด้วยกับการกลับประเทศไทยของจอมพลถนอม กิตติขจร แต่ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2519 จอมพลถนอม กิตติขจร ในคราบของสามเณร ก็อาศัยผ้าเหลืองห่มตัว เดินทางจากสิงคโปร์ มาถึงวัดบวรนิเวศ เมื่อเวลา 10.00 น. โดยมีนายทหารและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ไปรอต้อนรับ

พฤติการณ์ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่แตกต่างจากปากว่าตาขยิบ ทั้งๆ ที่มีมติคณะรัฐมนตรีว่าไม่ให้เข้าประเทศไทย แต่เมื่อจอมพลถนอม เดินทางมาถึง กลับมีทหารชั้นผู้ใหญ่ไปรอต้อนรับและให้ความคุ้มครอง อีกทั้งวิทยุยานเกราะของทหาร ยังโจมตีนักศึกษาที่ต่อต้านคัดค้าน ว่าเป็นผู้ทำลายศาสนา

โฆษกรัฐบาลแถลงว่าจอมพลถนอม เข้ามาบวชตามที่ได้ขอรัฐบาลไว้แล้ว และ น่าจะพิจารณาตัวเองได้หากเกิดความไม่สงบขึ้น

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะขับจอมพลถนอม ออกนอกประเทศ ตรงกันข้ามกลับเปิดโอกาสให้จอมพลถนอม พำนักอยู่ในประเทศไทย ได้ตามความพึงพอใจ และไม่มีมาตรการใดๆ กำกับดูแลเป็นพิเศษ แต่ปล่อยให้เป็นไปตามวินิจฉัยของจอมพลถนอม เอง

ท่าทีของรัฐบาลต่อการกลับมาเข้ามาของจอมพลถนอม ทำให้ขบวนการนักศึกษาไม่พอใจ เพราะจอมพลถนอม คือหัวหน้าทรราชที่ทำลายประชาธิปไตยของประเทศไทย ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน

วันที่ 21 กันยายน 2519 นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่ารัฐบาลมีมติจะให้จอมพลถนอม ออกไปนอกประเทศโดยเร็ว

วันที่ 23 กันยายน 2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในขณะที่ทหารเตรียมกำลังเต็มอัตราศึก และ สถานีวิทยุยานเกราะออกอากาศให้ตำรวจจับนักศึกษาที่ติดโปสเตอร์ต่อต้านจอมพลถนอม

วันที่ 24 กันยายน 2519 พนักงานการไฟฟ้านครปฐม 2 คน ที่เป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ถูกสังหารและแขวนคออย่างโหดเหี้ยม

วันที่ 25 กันยายน 2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่ขบวนการนักศึกษา และ แนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ เรียกร้องให้ขับจอมพลถนอม ออกนอกประเทศ และ เร่งจับฆาตรกรสังหารพนักงานการไฟฟ้า โดยเร็ว

วันที่ 30 กันยายน 2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าข้อเรียกร้องให้พระถนอม ออกนอกประเทศนั้น รัฐบาลทำไม่ได้ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ทั้งๆ ที่รัฐบาลมีมติไม่ให้จอมพลถนอม เข้าประเทศ แต่ก็ไม่ขัดขวาง และดำเนินคดี เมื่อจอมพลถนอม แอบเข้าประเทศ แล้วยังมาบอกว่าไม่สามารถขับออกไปได้ เพราะขัดรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ขบวนการนักศึกษา และญาติวีรชนที่เสียชีวิตเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 ประท้วงกันอย่างต่อเนื่อง

4 ตุลาคม 2519 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ามีตำรวจกลุ่มหนึ่ง เป็นผู้สังหารโหดพนักงานการไฟฟ้านครปฐม ที่ต่อต้านจอมพลถนอม ในขณะที่นักศึกษามหาวิทยา ลัยธรรมศาสตร์ แสดงละครล้อเลียนการสังหารโหดพนักงานไฟฟ้านครปฐม ที่ถูกฆ่าแขวนคอ

การแสดงละครของนักศึกษา ถูกสถานีวิทยุยานเกราะบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิดและหลงเชื่อว่านักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และมีแผนการโค่นล้มสถา บันพระมหากษัตริย์ โดยบอกว่า ผู้แสดงเป็นคนถูกแขวนคอมีหน้าคล้ายเจ้าฟ้าชาย

5 ตุลาคม 2519 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยไม่มีนายสมัคร สุนทรเวช ร่วมเป็นรัฐมนตรี

หนังสือพิมพ์ดาวสยาม และหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เผยแพร่ภาพการแสดงละครล้อการแขวนคอของนักศึกษา โดยพาดหัวข่าวเป็นเชิงว่าการแสดงดังกล่าวเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

สถานีวิทยุยานเกราะ โดยพ.อ.อุทาร สนิทวงศ์ ประกาศว่า “เดี๋ยวนี้การชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ไม่ใช่เป็นเรื่องต่อต้านพระถนอมแล้ว หากแต่เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” และ “ขอให้รัฐบบาลจัดการกับผู้ทรยศเหล่านี้โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการนองเลือดที่อาจจะเกิดขึ้น หากให้ประชาชนชุมนุมกันแล้ว อาจมีการนองเลือดขึ้นก็ได้”

เวลา 21.30 น. นายประยูร อัครบวร รองเลขาธิการฝ่ายการเมือง ของศนนท. ได้นำนักศึกษา 2 คนที่แสดงเป็นพนักงานการไฟฟ้าที่ถูกแขวนคอ มาแถลงข่าว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่า “ทางนักศึกษาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสถานีวิทยุยานเกราะและหนังสือพิมพ์ดาวสยาม จึงให้ร้ายป้ายสีบิดเบือนให้เป็นอย่างอื่น โดยดึงเอาสถาบันที่เคารพมาเกี่ยวข้อง”

ถัดมาอีกเพียง 10 นาที คือ เวลา 21.40 น. รัฐบาล ก็ออกแถลงการณ์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ว่า “ตามที่มีการแสดงละครที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ศกนี้ มีลักษณะเป็นการหมิ่นหรือการแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์รัชทายาท รัฐบาลได้สั่งการให้กรมตำรวจดำเนินการสอบสวนกรณีนี้โดยด่วนแล้ว”

หลังจากนั้น สถานีวิทยุยานเกราะ ก็ปลุกระดมมวลชนและลูกเสือชาวบ้านให้ไปรวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำการหมิ่นองค์สยามมกุฎราชกุมารมาลงโทษ และ กล่าวหานักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าวันที่ 6 ตุลาคม 2519

6 ตุลาคม 2519 เวลา 08.10 น. นาทีแห่งการเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก็อุบัติขึ้น โดย พล.ต.ต.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ บัญชาการให้ตำรวจตระเวณชายแดน หรือ ตชด. พร้อมอาวุธสงครามครบมือบุกเข้าในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีนักศึกษาชุมนุมกันอยู่ประมาณ 3,000 คน

การระดมยิงเข้าใส่ของตชด. ทำให้นักศึกษาเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ในขณะที่ส่วนใหญ่ยอมจำนน ถูกจับถอดเสื้อมัดมือไพล่หลัง นอนกลางสนามฟุตบอลที่ร้อนระอุ แต่อีกส่วนหนึ่งตกใจวิ่งหนีออกด้านหน้าประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวง ก็ถูกรุมประชา ทัณฑ์จนบาดเจ็บเสียชีวิต บางรายถูกจับแขวนคอ บางรายถูกเผาสด

3 ชั่วโมงที่ล้อมปราบและเข่นฆ่าอย่างอำมหิตผ่านพ้นไป มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ นักศึกษาที่รอดตายกว่าพันชีวิต ตกอยู่ในกรงเล็บของมัจจุราชที่เรียกว่า ตำรวจและทหาร โดยมีศพเพื่อนๆ ล้มตายอยู่หลายคนและหลายจุด เป็นพยานหลักฐานความโหดร้ายของผู้ฆ่าและผู้สั่งฆ่า

11.50 น. สำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่านายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้ตั้งกองบัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อยขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล

12.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์ว่า 1.เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพสยามมกุฎราชกุมารได้แล้ว 6 คน จะดำเนินการฟ้องศาลโดยเร็ว 2. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมสถานการณ์การปะทะกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้แล้ว 3. รัฐบาลได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด

เป็นแถลงการณ์ที่บ่งบอกถึงความเด็ดขาดของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เลือกข้างแล้วว่าจะยืนอยู่ตรงข้ามกับนิสิตนึกศึกษาประชาชน ที่ถูกเข่นฆ่าล้มตายในมหาวิท ยาลัยธรรมศาสตร์ และดำเนินการตามข้อเรียกร้องของสถานีวิทยุยานเกราะ และลูก เสือชาวบ้านที่ถูกปลุกระดมขึ้นมา ทุกประการ ทั้งยังกล่าวหาว่านักศึกษา ดำเนินการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งต่อมามีพยานหลักฐานปรากฎชัดว่านักศึกษา เป็นผู้ถูกใส่ร้าย โดยสถานีวิทยุยานเกราะของทหาร เป็นผู้บิดเบือนข้อมูลข่าวสารหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อด้วยความเข้าใจผิด

แต่อีกเพียง 6 ชั่วโมงต่อมา พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของรัฐบาลหม่อมเสนีย์ ก็ประกาศยึดอำนาจปกครองแผ่นดิน เป็นการสิ้นสุดวาระของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ และนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคสมัยของเผด็จการอีกครั้งหนึ่ง

จากลำดับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ของคนเดือนตุลา ในเวปไซต์ //www.2519.net ที่ได้นำมาบอกกล่าวข้างต้นนี้ มีข้อพึงสังเกตและตั้งคำถามหลายประการด้วยกัน ดังนี้

1. พึงสังเกตว่า มีการใช้สื่อมวลชน ได้แก่วิทยุ และหนังสือพิมพ์ เป็นเครื่องมือปลุกระดมมวลชน และเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ให้ประชาชนหลงผิด เข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อ ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมือง แบ่งแยกคนในชาติเป็นฝักฝ่าย และทำร้ายซึ่งกันและกัน โดยขาดสติ ไม่ยั้งคิด ซึ่งวิธีการเช่นนี้ ได้ถูกนำมาใช้โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล และสื่อเครือข่ายผู้จัดการ จนทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ อย่างรุนแรง และกลายเป็นเงื่อนไขให้ทหารก่อการรัฐประหาร เมื่อ 19 กันยายน 2549

2. พึงสังเกตว่า มีการแอบอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อประโยชน์ทางการเมือง และใส่ร้ายผู้อื่น ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่จงรักภักดี ในทุกครั้งที่มีการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองและยึดอำนาจปกครองแผ่นดิน

3. พึงตั้งคำถามแก่พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่บอกว่าแม้จะมีอายุเพียง 11 ปี ในขณะเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แต่ก็ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทย มาเป็นอย่างดี และ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม ในห้วงเวลาที่มีการปลุกระดมมวลชนสร้างความแตกแยกให้คนในชาติ และ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในห้วงเวลาที่มีการเข่นฆ่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า...

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่หาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น ทั้งๆ ที่มีเค้าลางมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2519 และมีความพยายามที่จะก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองมาโดยตลอด

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงปล่อยให้จอมพลถนอม เข้ามาในประเทศไทยได้ และไม่ดำเนินการกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ไปรอต้อนรับและคุ้มครองความปลอดภัยให้จอมพลถนอม ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดมติคณะรัฐมนตรี

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่เชื่อนายสมัคร สุนทรเวช ว่าจะมีการใช้การเดินทางกลับประเทศไทยของจอมพลถนอม เป็นเงื่อนไขสร้างความวุ่นวายขึ้นในประเทศ

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ขับจอมพลถนอม ออกนอกประเทศ ทั้งๆ ที่รู้ว่าจะเป็นชนวนให้นักศึกษาชุมนุมประท้วงและมีโอกาสที่จะเกิดการปะทะกันได้โดยง่าย เนื่องจากมี “มือที่สาม” รอสร้างสถานการณ์อยู่แล้ว

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงพูดจาภาษาเดียวกับสถานีวิทยุยานเกราะ กล่าวหาว่านักศึกษาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ดำเนินการกับสถานีวิทยุยานเกราะ ซึ่งดำเนิน การปลุกระดม สร้างความแตกแยกให้แก่คนในชาติ ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

เหตุใด รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยอม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของทหาร และตำรวจ จึงไม่ออกคำสั่งหยุดการเข่นฆ่านักศึกษา ของตำรวจและทหาร แต่กลับปล่อยให้มีการล้อมปราบและสังหารโหด ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้มีผู้ล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก

ต้องถามว่า พล.ต.ต.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ ได้รับคำสั่งจากใคร จึงสั่งการให้ตชด. บุกเข้าไปยิงนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ต้องถามว่า ในฐานะรมว.มหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลกรมตำรวจ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดำเนินการอย่างไรบ้าง เมื่อเห็นตำรวจฆ่านักศึกษา

ต้องถามว่า นายชวน หลีกภัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น แสดงบทบาท ท่าทีอย่างไรเมื่อเห็นการประหารโหดนักศึกษา ด้วยเหตุที่เชื่อว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ต้องถามว่า ในขณะที่นักศึกษาถูกล้อมปราบและเข่นฆ่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงบทบาทอย่างไรบ้าง ต่อการทำหน้าที่ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และรักษาความสงบเรียบร้อยของคนในชาติ

ต้องถามว่า นับแต่การสังหารโหดเริ่มต้นเมื่อเวลา 08.10 น. จนถึง 11.50 น. ที่รัฐบาลแถลงว่าได้ตั้งกองบัญชาการรักษาความสงบเรียบร้อยขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว เป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงที่ตำรวจและทหารใช้อาวุธสงครามสังหารโหดนักศึกษา รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกคำสั่งให้ตำรวจและทหารหยุดปฏิบัติการ บ้างหรือไม่ และมีรัฐมนตรีคนใด ไปดูเหตุการณ์ สถานการณ์ในพื้นที่หรือไม่

ต้องถามว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ศึกษาประวัติศาสตร์การบริหารราชการแผ่นดิน ในห้วงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปเป็นรัฐบาลทั้งก่อนเกิดเหตุและวันเกิดเหตุ 6 ตุลาคม 2519 บ้างหรือไม่ และมีความเห็นอย่างไรกับบทบาทท่าทีของพรรค และรัฐมนตรีของพรรค ที่คิดแต่หนีเพื่อเอาตัวรอด และปล่อยให้นักศึกษาประชาชน ถูกเข่นฆ่าล้มตายเป็นใบไม้ร่วง

ต้องถามว่า หลังการเข่นฆ่านักศึกษาผ่านพ้นไป ทำไมรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงออกแถลงการณ์ ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่ารัฐบาลเลือกที่จะยืนฝั่งตรงข้ามกับนักศึกษา ซึ่งเป็นผู้พ่ายแพ้ในวันนั้น ด้วยการจะดำเนินการส่งฟ้องผู้ถูกตำรวจจับกุมข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเร็ว ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าเป็นข้อหาที่เกิดขึ้นจากการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารของสื่อ มิใช่เกิดจากพฤติกรรมของนักศึกษา จริงๆ

ต้องถามว่า หลังจากเหตุการณ์นองเลือดผ่านพ้นไป เหตุใด พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ จึงก่อการรัฐประหาร ยึดอำนาจปกครองแผ่นดิน ล้มรัฐบาลที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปด้วย

คำถามข้อสุดท้ายนี้ พรรคประชาธิปัตย์ อาจจะตอบไม่ได้ในวันนั้น แต่วันนี้ พรรคประชา ธิปัตย์ น่าจะตอบได้แล้ว เพราะมีช่องทางที่จะค้นหาความจริงได้แล้ว เนื่องจากขณะนี้บุคคลในครอบครัวของพล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ คือ พล.อ.วินัย ภัทยิกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เลขาธิการคมช. เป็นนายทหารที่รู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนั้น ได้เข้ามามีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคประชา ธิปัตย์ ในฐานะพ่อของส.ส.สกลธี ภัทยิกุล ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคประชาธิปัตย์

ไม่น่าเชื่อว่า เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล และมีคำถามมากมายเกี่ยวกับบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ในเวลานั้น ที่ยังไม่มีคำตอบจวบจนวันนี้ จะหวนกลับมาอีกครั้งจากการขยายประเด็นของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อจะเล่นงาน นายสมัคร สุนทรเวช แต่ดูเหมือนว่า รายการนี้จะเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ

ในขณะที่ นายสมัคร สุนทรเวช ต้องตอบ 1 คำถามว่าเหตุใดจึงพูดว่าเห็นคนตาย 1 คน

แต่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องตอบให้ได้ว่าทำไมจึงไม่ป้องกัน และไม่สกัดกั้นการเข่นฆ่านักศึกษาประชาชน

อ่านประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 จบลงเที่ยวนี้ ผมเชื่อแล้วว่าพรรคประชาธิปัตย์ รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ

เพราะฉะนั้น หากใครอยากจะถาม อยากจะรู้อะไรเกี่ยวกับ 6 ตุลาคม 2519 ต้องถามพรรคประชาธิปัตย์ จะได้คำตอบดีที่สุด

แต่อย่าลืมตอบคำถามหลายข้อของผมด้วยนะครับ

โดยประดาบแห่งHi-Thaksin




 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 22:33:45 น.
Counter : 612 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.