โอ้มายก๊อด‘กษิต’สนุก!ยึดสนามบินแต่โบ้ยกลับว่าถูกตีความคำพูดผิด
23 ธ.ค. 2008 - 00:41:47 น.
* ทูตทั่วโลกอึ้ง “อาหารอร่อย-ดนตรีไพเราะ”
เป็นที่น่าตกใจและน่าอับอายไปทั่วโลก เมื่อคนที่เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศของไทย มีความชัดเจนว่าเป็นหนึ่งในแกนนำม็อบยึดสนามบินจนถูกประณาม และสร้างผลกระทบไปทั่วทั้งโลกอย่างมหาศาล แถมซ้ำร้ายยังกล้าหาญออกมากล่าวขอร้องทูตต่างประเทศให้มองเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องดีงาม และออกหน้าแก้ตัวให้ม็อบชั่ว โดยอ้างหน้าตาเฉยว่าการชุมนุมเป็นกระบวนการในการผลักดันประชาธิปไตย ให้ก้าวไปข้างหน้า
โอววว!ยึดสนามบินเป็นเรื่องสนุก สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา อ้างสำนักข่าว 'เดลี่ เทเลกราฟ'ในประเทศอังกฤษ ว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อบรรดาทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยและผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวัน ศุกร์ที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทูตเหล่านี้ ว่าการเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม พร้อมทั้งกล่าวปกป้องกลุ่มพันธมิตรฯว่า อยากขอให้เหล่าทูตมองกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นการผลักดันกระบวนการความเป็นประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า และควรจะมีความสุขเป็นครั้งแรก ที่มีประชาชนธรรมดาออกมาแสดงพลังอย่างเต็มที่เพื่อคัดค้านการคอร์รัปชั่น โดยหากสังคมยังคงต้องเปลี่ยนแปลง ก็จำเป็นจะต้องแลกกับการสูญเสียบ้าง
ซัดม็อบย่ำยีทัวริสต์3.5แสนคน สำนักข่าวเดลี่ เทเลกราฟ ระบุว่า เหตุการณ์ยึดสนามบินสุวรรณภูมิได้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต้องติดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างรุนแรง พร้อมประเมินว่าธุรกิจท่องเที่ยวจะทำให้คนตกงานกว่า 1,000,000 คน ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายกษิตที่จะต้องฟื้นภาพลักษณ์ของเมืองไทยต่อนานาชาติ เพราะเคยเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ และปัจจุบันก็ยังคงเป็นอยู่ นอกจากนี้ยังระบุอีกว่ามีผู้สังเกตการณ์เป็นจำนวนมากที่เชื่อว่ากลุ่ม พันธมิตรฯ จะได้รับการยกเว้นจากการลงโทษและเป็นส่วนหนึ่งในการโค่นล้มอำนาจที่มาจากการ เลือกตั้ง เพราะกองทัพได้ต่อต้านอำนาจของทักษิณที่กลับมาอีกครั้ง สื่อนอกย้ำนายกฯก็ยังเลือกข้าง ทางกองทัพเองมีหน้าที่ในการรับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยแต่ก็ไม่ได้ทำการ ขัดขวางผู้ประท้วงที่เข้ามาปิดล้อมสนามบินที่เป็นศูนย์กลางการบินของเอเชีย เลย ผู้สื่อข่าวจำนวนมากต่างตั้งข้อสังเกตว่า บุคคลที่มีความสำคัญในกองทัพมีบทบาทในการชักชวนให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตก เป็นเครื่องมือในการสลับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม ถามว่ากองทัพมีบทบาทอะไรในการทำให้พรรคของเขามีอำนาจ นายกษิต ตอบว่า “ไม่รู้”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่กล่าวว่า สัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมแก่กลุ่มพันธมิตรฯ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลือกข้างอยู่ ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็เคยเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในการ เป็นแกนนำสำคัญและสนับสนุนกลุ่มพันธมิตร พร้อมกันนี้ก็ยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งพรรคประชาธิปัตย์ของนาย อภิสิทธิ์ด้วย
ออกโรงแก้ต่าง-ปกป้องพันธมิตร ขณะเดียวกันยังอ้างถึง ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ตกเป็นเครื่องมือในการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นคิดว่า พวกเรากำลังผิดหวังกับรัฐบาลที่คอยเอาใจกลุ่มพันธมิตรที่ทำกิจกรรมมากมายโดย ใช้กำลังบังคับให้ปฏิบัติตามกฎหมาย นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้กล่าวตำหนิบรรดาทูต และผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ไม่แสดงความเห็นใจต่อเหตุผลของกลุ่มพันธมิตร โดยนายกษิต เองก็ควรที่จะมีมารยาทในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านกับชาวต่างชาติเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแนวโน้มความรุนแรงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้กลุ่มการ์ดรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตร ที่พกพาอาวุธปืนมีระเบิดและถูกนานาชาติเรียกว่ากองกำลังติดอาวุธ ก็ถูกนายกษิต แก้ต่างโดยตะแบงว่าแล้วภรรยาของเขาที่มาร่วมชุมนุมทุกเย็นโดยมีเฉพาะอาหาร กับยา เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังด้วยหรือเปล่า เอาเข้าไป!ถึงจะเป็นพธม.แต่เก่ง ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ รายงานเมื่อวันเดียวกันว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้แสดงความยินดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย พร้อมกล่าวชื่นชมต่อนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ ว่า เป็นบุคคลที่มีท่าทีที่เป็นมิตร และมีความประนีประนอมมากกว่ารมว.ต่างประเทศของไทยในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นสัญญาณที่ดีแห่งมิตรภาพระหว่างทั้ง 2 ประเทศในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งพรมแดน ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กล่าวว่า ไม่กังวลกับเสียงคัดค้านโจมตีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีที่ถูกมองว่าใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ เชื่อว่าประสบการณ์ด้านการต่างประเทศของนายกษิต จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และจะช่วยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องการต่างประเทศได้มาก
"กษิต"ยันท่าทีต้องเปลี่ยนไป ด้านนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์เรื่องท่าทีแข็งกร้าวระหว่างขึ้นเวทีพันธมิตรว่า ขอให้รอดูการทำงานในกระทรวงก่อน แต่ยืนยันว่าท่าทีจะต้องเปลี่ยนไปอยู่แล้ว เพราะขณะนี้สวมหมวกคนละใบ ส่วนกรณีที่นายกฯให้พิจารณาจับการประชุมอาเซียนซัมมิทที่จ.เชียงใหม่ นายกษิต กล่าวว่า ยังไม่ทราบ นายกษิตยังเปิดเผยว่า เตรียมเดินทางเข้ากระทรวงครั้งแรก ในวันที่ 24 ธันวาคมนี้ เวลา 09.00 น. เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนเข้าทำงานอย่างเป็นทางการ
ปชป.เอาอย่างไรกับเขาพระวิหาร ส่วนเรื่องของการแก้ปัญหาเขาพระวิหาร ที่นายกษิต เคยพูดจาเอาไว้มากมายบนเวทีพันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์ เคยดาหน้าถล่มรัฐบาลก่อนเอาไว้มากมายนั้น ได้กลายเป็นประเด็นคำถามว่าเมื่อวันนี้นายกษิต ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรี และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจะจัดการกับเรื่องดังกล่าวอย่างไร โดยที่หลายต่อหลายเสียงต่างแสดงความไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะสามารถแก้ปัญหา ได้ ด้านนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าเป็นที่ทราบดีว่านายกษิต เคยขึ้นเวทีพันธมิตรฯ กล่าวโจมตีรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยเฉพาะกรณีปราสาทเขาพระวิหารนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความบาดหมางและกระทบความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา เป็นที่ทราบดีว่าการปราศรัยด้วยถ้อยคำเหล่านั้นเป็นความพยายามดิสเครดิต รัฐบาล โดยเอาความรักชาติมาเป็นเครื่องมือต่อรอง
กษิตต้องตอบคำถาม2ข้อให้ได้ ในเมื่อนายกษิตได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใน รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอธิบายข้อสงสัย 2 ประการต่อสาธารณะคือ1. การกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯเพื่อโจมตีรัฐบาลเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร จนเป็นเหตุให้เกิดกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 2. ต้องอธิบายต่อชาวยุโรปถึงการสนับสนุนให้กลุ่มพันธมิตรฯยึดท่าอากาศยานนานา ชาติ หากจะมาดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ตามแกนนำนปช.ระบุถึงคุณลักษณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศ ว่า ต้องเป็นบุคคลที่สามารถเจรจากับนานาประเทศได้อย่างมีไมตรี และต้องมีความน่าเชื่อถือ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายกษิต เป็นบุคคลที่มีลักษณะใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งแบบสุดโต่ง และเคยกล่าวโจมตีรัฐบาลกัมพูชาจนเป็นเหตุให้เกิดความสั่นคลอนระหว่างกอง กำลังทหาร และประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ
ไม่เชื่อน้ำยาจะทวงคืนได้ ดังนั้นจึงไม่เห็นช่องทางที่นายกษิตจะทำการเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาได้อย่าง สนิทใจ และไม่เห็นทางที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการเจรจาเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนแต่ อย่างใด "ทำได้ไหมหล่ะที่ต้องเอาความจริงมาพูดในวันนี้ เราต้องยอมรับก่อนว่า ปราสาทเขาพระวิหารได้ตกเป็นของเขมรตามคำตัดสินของศาลโลก ตั้งแต่พ.ศ.2505 ไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช อย่างที่ต้องการโจมตีให้เกิดความเข้าใจผิด สิ่งแรกที่รัฐบาลต้องทำคืออธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องอธิบาย ตามหลักทางกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดยาวนาน อันที่จริงรมว.ต่างประเทศต้องทำหน้าที่เป็นมิตรกับทุกประเทศ เจรจาแบบสันติ แต่คุณกษิตมีปัญหาเพราะว่าเคยพูดปลุกระดมให้มวลชนเข้าใจผิด จนส่อที่จะเกิดสงครามระหว่าง2ประเทศ แล้ววันนี้จะมาตั้งโต๊ะเจรจาได้สนิทใจได้อย่างไรกัน" แกนนำนปช.กล่าว
นักก.ม.รอดูนโยบายทวงคืน ด้านนายนรินทร์พงษ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากที่ทราบกันดีทางประวัติศาสตร์ประเทศไทยได้เสียปราสาทเขาพระวิหารให้กับ ประเทศกัมพูชาตั้งแต่การตัดสินของศาลโลก พ.ศ.2505 ซึ่งนั่นเป็นในการพิจารณาทางข้อกฎหมายและเอกสารที่มีอยู่ จึงไม่ทราบว่าจะคิดค้นหาวิธีใดที่ให้ไทยได้ครองปราสาทเขาพระหารแต่เพียงผู้ เดียว ส่วนนายกษิตนั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งในเบื้องต้นตนยังไม่อยากที่จะตั้งคำถามกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง ประเทศในขณะนี้ คงต้องรอพิจารณารูปแบบของนโยบายของกระทรวงเสียก่อน ว่าจะมีแนวทางทวงคืนปราสาทเขาพระวิหารตามที่นายกษิตเคยได้อ้างไว้อย่างไร บ้าง แล้วจึงค่อยมาทำการวิเคราะห์กันว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน "เขาพูดโจมตีบนเวทีเรื่องเขาพระวิหาร แต่วันนี้คงไม่ได้เพราะจะยิ่งเป็นผลกระทบถึงความสัมพันธ์ คุณกษิตจะสามารถทำได้หรือไม่เพื่อให้เกิดการเจรจาที่อะลุ่มอล่วยมากที่สุด เพราะผลประโยชน์ระหว่าง 2ประเทศควรได้มาด้วยความประนีประนอม ตรงนี้จะทำได้หรือไม่ต้องรอวิเคราะห์แนวนโบายของพรรคประชาธิปัตย์ ของรัฐบาลเอง" นายกสมคมทนายความฯกล่าว
'กษิต'ทำสลดขอโทษปชช.โบ้ยถูกตีความคำพูดผิด
24 ธ.ค. 2008 - 09:10:03 น.
สื่อมวลชนต่างประเทศรายงานข่าว 'กษิต ภิรมย์' มีบทบาทบนเวทีพันธมิตร นักวิชาการ เรียกร้อง รมว.ต่างประเทศออกมาแสดงจุดยืน และ ดำเนินการกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ขณะที นายกฯมาร์ค โดดป้องสุดฤทธิ์ เจ้าตัวสลด ขอโทษประชาชน อ้างถูกตีความคำพูดผิด
สื่อมวลชนต่างประเทศได้รายงานข่าวการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุด ใหม่ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ 1 โดยสื่อต่าง ๆ ได้ระบุถึง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ คนใหม่ ซึ่ง เป็นผู้มีบทบาทในเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้สำนักข่าว "เดลี่เทเลกราฟ" ได้ระบุว่า นายกษิต ได้กล่าวต่อบรรดาทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยว่า การเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นเรื่องสนุกมาก เพราะอาหารก็อร่อย แถมดนตรีก็เยี่ยม พร้อมทั้งมีการกล่าวปกป้องกลุ่มพันธมิตรฯว่า การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นการผลักดันกระบวนการความเป็นประชาธิปไตยของไทยไปข้างหน้า อย่างไรก็ตามเหตุการณ์การยึดสนามบินสุวรรณภูิมิของกล่มพันธมิตรฯ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 350,000 คนต้องติดอยู่ในประเทศไทยและเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นอกจากนี้ นายโจนาทาน เฮด ผู้สื่อข่าวของบีบีซีประจำประเทศไทย ได้แสดงความกังวลว่า การแต่งตั้งนายกษิต เป็นรมว.ต่างประเทศจะทำให้กลุ่มพันธมิตรฯอาจจะมีอิทธิพลต่อการทำงานในฐานะรม ว.ต่างประเทศ ทั้งนี้ นายกษิตอาจจะประสบความยากลำบากในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา เพราะกลุ่มพันธมิตรฯ เคยกล่าวโจมตีกรณีปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อนอย่างรุนแรง
นักวิชาการรุมสับ 'กษิต'แสดงจุดยืนและดำเนินการ'เขาพระวิหาร'
นายปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ท่าทีของนายกษิต เป็นที่จับตามองของสื่อทั้งในและนอกประเทศ ดังนั้น นายกษิต ต้องรีบชี้แจงและแสดงจุดยืนที่มีต่อกลุ่มพันธมิตรฯให้ชัดเจน
ขณะที่ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า นายกษิต ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของรัฐบาลชุดนี้ ส่วนควรจะจี้ให้ออกหรือไม่ ตนเห็นว่าควรจะออกจากการเป็น รมว.ต่างประเทศ แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง การที่นายกษิตพูดต่อทูตต่างประเทศ จะทำให้บรรดาทูตและชาวต่างชาติได้เห็นถึงธาตุแท้ของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะนี้นายกษิตได้กระทำสิ่งที่ชัดเจนให้ทั่วโลกเห็นว่าการที่มีรัฐบาลชุดนี้ ขึ้นมาได้ เพราะส่วนหนึ่งได้รักการสนับสุนจากกลุ่มพันธมิตรฯ นอกจากนี้นายสุธาชัย ยังกล่าวอีกว่า อยากให้นายกษิตดำเนินการเกี่ยวกับกรณีปราสาทเขาพระวิหารเหมือนกับที่ได้ขึ้น ไปพูดบนเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรฯ
ด้านผศ.ดร.วิบูลย์พงษ์ พูนประสิทธิ์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ยอมรับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายกษิตกับกลุ่มพันธมิตรฯมีผลต่อความรู้สึกของประชาชน มาก เนื่องจาก การยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลทั้งระบบเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น
'มาร์ค'โดดป้อง 'กษิต'สุดชีวิต ชี้สิ่งที่พูดคนสื่อความหมายผิด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้จะมีความชัดเจนในเรื่องการแบ่งงานในคณะรัฐมนตรี ซึ่งตามหลักการไม่ได้ยุงยากอะไร อย่างในส่วนของ พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็มีงานที่เคยกำกับดูแลอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะมีงานอื่นเพิ่มเติมบ้าง ส่วนเรื่องปัญหาการเมืองต้องช่วยกันดูแลไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง เมื่อถามว่าเรื่องที่นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ พูดเกี่ยวกับเรื่องปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นการกระจายวงกว้างให้เกิดการวิจารย์จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เคยได้เรียนไปแล้วว่าได้ออกแนวทางการทำงาน 9 ข้อ ซึ่งคำพูดของนายกษิต เกิดก่อนที่จะมีแนวทางการทำงานของรัฐบาลทั้ง 9 ข้อ และก่อนแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ จึงยังไม่รับทราบถึงแนวทางทั้ง 9 ข้อ ซึ่งตนก็ยังไม่ได้รับทราบเรื่องที่นาย กษิตให้สัมภาษณ์กับสื่อของประเทศญี่ปุ่นเพิ่งได้อ่านในหน้าหนังสือพิมพ์
อีกทั้งจากที่ได้สอบถามไปยังนายกษิต ก็ได้รับคำชี้แจงว่าเจตนารมณ์ที่พูดกับสิ่งที่ถ่ายทอดออกไปไม่ตรงกัน แต่ยังไงส่วนตัวคิดว่านายกษิตต้องยึดแนวทางการทำงาน 9 ข้อที่ให้ไว้ อย่างไรก็ตามยืนยันเรื่องการปิดสนามบินรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ ละเมิดการกระทำความผิดโดยเท่าเทียมกัน
เมื่อถามว่าจะส่งผลต่อภาพความเป็นกลางของรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องเอาความจริงมาพูดไม่ต้องเอาภาพ ไม่ต้องพูดว่าจะเป็นเรื่องภาพหรือเรื่องอะไร ต้องเอาความจริงคือคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ เมื่อถามว่าความสัมพันธ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศกับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นแบบไหน เพราะดูเหมือนจะเป็นการโยงเข้าหากัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษ นอกจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯที่มีสิทธิ์ และเป็นสิ่งที่ตนติดตามทุกฝ่ายทุกกลุ่ม ซึ่งบางครั้งข้อเรียกร้องก็ตรงเจตนารมณ์และไม่ตรงเจตนารมณ์ของตน จึงไม่ได้อะไร ซึ่งตนมีสิทธิ์ปกป้องตามระบอบรัฐธรรมนูญของทุกคน ทั้งที่ผ่านมาก็ยืนยันมาตลอดว่าอะไรไม่ตรงจุดยืนและไม่ถูกต้อง ตนก็คัดค้านมาตลอด
ส่วนเรื่องที่นายกษิตขึ้นเวทีกับกลุ่มพันธมิตรฯจะกระทบต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศหรือไม่นั้น ไม่มีความจำเป็นว่าจะพูดกันเรื่องลบภาพไม่ลบภาพ แต่คนที่เข้ามาอยู่ในตำแหน่งต้องทำหน้าที่ตามนโยบายรัฐ หากทำอย่างนี้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์นายกษิตสามารถทำได้ ตนมีหน้าที่ชี้แจงแต่ยืนยันว่าใครทำอะไรไม่ถูก รัฐบาลก็ไม่ปกป้องและไม่เลือกว่าเป็นการกระทำของใคร
เมื่อถามว่าเรื่องปิดสนามบินจะให้ความมั่นใจกับต่างชาติและคน ไทยอย่างไรว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ได้ยืนยันชัดเจนแล้วว่าให้มั่นใจเรื่องนี้ และตนก็เข้าใจนายกษิต และตนบอกว่าการดูแลเป็นส่วนหนึ่งในมาตราการที่รัฐบาลต้องเร่งพิจารณาหลัง แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อถามว่าแล้วอย่างนี้จะถือนายกษิตเป็นสายล่อฟ้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐมนตรีทุกคนพร้อมถูกตรวจสอบ และมีหน้าที่ชี้แจงทุกท่าน หากชี้แจงไปแล้วไม่สร้างความเชื่อมั่นก็จะถูกวิพากษ์วิจารย์กันอีกครั้ง แต่ตอนนี้นายกษิตยังมีความมั่นใจว่าจะชี้แจงเรื่องนี้ได้ ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านจะนำเรื่องของนายกษิตมาเปิดเผยและตอบโต้ในวันแถลงนโยบาย นั้นก็ไม่มีปัญหาเพราะรัฐมนตรีทุกคนก็ถูกวักถามเช่นกัน ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของนายกษิตเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนเป็นรัฐมนตรี และต่อไปนี้นายกษิตต้องมีจุดยืนในการยึดหลักนโยบาย 9 ข้อ
เมื่อถามว่าไม่ว่าจะเกิดก่อนหรือหลังการเป็นรัฐมนตรีไม่สำคัญ เพราะเข้ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีไม่อยู่ในจิตสำนึกหรือ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมว่าสิ่งที่พูดนั้นพูดในบริบทใด พูดในมุมมองไหน ตามที่ตนอ่านก็พอเข้าใจว่าสิ่งที่นายกษิตพยายามจะตอบว่าการชุมนุมที่เกิด ขึ้นคนส่วนใหญ่มองว่าไม่เป็นปัญหาเรื่องความรุนแรง จุดประสงค์ก็คืออย่างนั้น แต่สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาสื่อความหมายผิดก็เป็นได้
'กษิต'ทำสลดขอโทษประชาชนโบ้ยถูกตีความคำพูดผิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระ เจ้าวรวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ โดยหลังจากนั้น นายกษิตได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีรายงานว่า นายกษิตได้กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็น สิ่งสวยงาม ว่า คงต้องแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตนเข้ามาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี การดำเนินงานและการปฏิตนก็อยู่ในกรอบของการที่มีนายกฯ อภิสิทธิ์เป็นผู้นำ โดยเมื่อวานก็ได้มีการมีการวางมาตรการ 9 ข้อ ว่าจะประพฤติตนอย่างไรใน ครม. ซึ่งตนจะปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้ และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
นายกษิต กล่าวอีกว่า สำหรับชีวิตก่อนวันที่ 22 ธ.ค.เป็นชีวิตช่วงหนึ่ง ซึ่งการพูดหรือทำอะไรไว้ก็คงไม่ไปลบล้างมัน แต่ได้มีการตีความแตกต่างกันไป และอาจมีการหยิบยกบางประโยคมาพูดต่อๆ กัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเจตนาของการพูดผิดไป แต่ทั้งหมดนี้ขอยืนยันว่า จะพูดหรือทำอะไรโดยตลอดมานั้นก็เพื่อความเป็นประชาธิปไตยของสังคมไทย เพื่อการเมืองที่มีคุณธรรมและจริยธรรม และผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้จรรโลงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสังคมที่โปร่งใส
“ต้องกราบขอประทานโทษประชาชนชาวไทยทั้งหมด หากผมพูดอะไรที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หรือมีการตีความไปต่างๆ แต่เจตนาที่จะมุ่งร้ายหรือทำความเสื่อมเสียให้แก่ประเทศไทยนั้นเป็นไปไม่ได้ เป็นอันขาด เพราะประวัติการทำงานหรือสิ่งที่ผมได้พูดในที่แจ้งตลอดมา ทุกคนก็ได้ฟังกันทั่วประเทศ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่า ไม่ได้พูดเช่นนั้น นายกษิตพยักหน้า เมื่อถามย้ำอีกครั้ง นายกษิตได้กล่าวว่า ถูกต้อง เมื่อถามที่ว่า คิดอย่างไรที่ฝ่ายค้านมุ่งเป้าที่อภิปรายโจมตี นายกษิตกล่าวว่า ไม่เป็นไรพร้อมรับทำหน้าที่ ต่อข้อถามที่ว่า คิดว่าคำพูดของตนจะส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นายกษิตกล่าวว่า มีคนพูดเยอะเยอะ
'เทือก'อุ้ม'กษิต'สุดฤทธิ์ ย้ำไม่ปลด-ไม่ผิด
ขณะเดียวกัน ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมการรับมือการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลว่า การที่ฝ่ายค้านบอกไว้ล่วงหน้าว่าจะอภิปรายใครบ้าง ถือเป็นความกรุณา ตนไม่ได้หนักใจ เพราะผู้ที่ถูกระบุชื่อว่าจะถูกอภิปราย ทั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะสามารถชี้แจงได้
ทั้งนี้ในกรณีของพล.อ.ประวิตร ได้ถูกตั้งอขอสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดตั้งรัฐบาล ตนขอเรียนว่าพล.อ.ประวิตรเป็นข้าราชการบำนาญ ไม่ได้มีอำนาจคุมกองทัพในขณะนั้น แต่การมีความคิดเห็นทางการเมือง ก็เป็นสิทธิเหมือนกับประชาชนทั่วไป แต่การที่เชิญพล.อ.ประวิตรมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พวกตนเห็นแล้วว่ามีความเหมาะสม เช่นเดียวกับกรณีของนายกษิต จำเป็นต้องแยกบทบาทว่าเคยพูดอะไรในช่วงไหนอย่างไร แต่ ณ วันนี้นายกษิตเป็นรมว.ต่างประเทศ คงไม่ไปพูดจาให้เกิดความเสียหาย ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ปลดนายกษิตให้ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ตนอยากถามว่า จะปลดในข้อหาอะไร นายกษิตทำอะไรผิดในประเทศนี้ การจะปลดได้ก็ต่อเมื่อมีการทำผิดต่อหน้าที่ ทุจริตคอรัปชั่น ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งตอนนี้ไม่มีอะไรเข้าข่ายเช่นนั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า นายกษิตเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนี้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทุกคนเป็นจุดอ่อนทั้งนั้น โดยทุกคนต้องยอมรับการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม นายกษิตเองก็ต้องระมัดระวังคำพูดมากกว่านี้ แต่นายกษิตไม่ใช่นักการเมืองอาชีพอย่างพวกเรา และการที่ระบุว่านายกษิตมีส่วนในการปิดสนามบินสุวรรณภูมินั้น ตนคิดว่านายกษิตไม่ใช่ผู้นำม็อบ ที่ไปปิดสนามบิน ส่วนจะไปขึ้นเวทีม็อบกี่หน ตนไม่ได้ติดตาม แต่การพูดจาคงจะเป็นการแสดงความคิดเห็น
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า ส่วนในเรื่องการแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น ทางรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการประชุมเพื่อซักซ้อมอะไร และมั่นใจว่าคนเหล่านี้โตพอ มีความรับผิดชอบ สามารถสู้ได้โดยยึดความจริงเป็นหลัก ซึ่งจะไม่มีการตั้งทีม องครักษ์พิทักษ์อย่างเด็ดขาด ส่วนที่มีการตั้งเป้าจะอภิปราบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องการหนีการเกณฑ์ทหารนั้น เป็นเรื่องที่เขาพูดนานกว่า 10 ปี ถ้านายกฯ ทำอะไรที่เป็นความผิดจริง ตอนที่พวกเขาเป็นรัฐบาล เขาคงจัดการเรียบร้อยเป็นผุยผงไปแล้ว ซึ่งถ้าหนีทหารจริง จะไปเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.ทำไม อย่างนี้ก็ชัดเจนแล้ว
จากหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์
"กษิต"เปิดศึกต่างชาติจวกสื่อนอกมั่ว
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวยืนยันไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ในทำนองว่า การบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรื่องสนุก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะพูดให้ประเทศชาติเสียหาย โดยตั้งข้อสังเกตว่าสื่อดังกล่าว โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์เดลี่ เทเลกราฟ ของประเทศอังกฤษ มีความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตนได้ให้สัมภาษณ์ไปตั้งแต่สับดาห์ที่แล้ว และให้สัมภาษณ์พร้อมกันหลายฉบับ เชื่อว่าสื่อต่างประเทศตีความหมายผิด และมีเจตนาที่ไม่หวังดี ส่วนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ตนไม่ทราบตนได้ชี้แจงเรื่องนี้กับนายก รัฐมนตรีแล้ว และไม่รู้สึกหวั่นไหวกรณีที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาโจมตี และเรียกร้องให้นายกฯปลดออกจากตำแหน่ง ซึ่งพร้อมชี้แจงหากมีนำประเด็นนี้ไปอภิปรายในวันแถลงนโยบายรัฐบาล
จากหนังสือพิมพ์มติชน
...ขนาดเป็นรมว.ต่างประเทศสำหรับกู้ภาพลักษณ์ประเทศในสายตาชาวต่างชาติยัง ปากพล่อยว่าสื่อมั่วงั้นสื่อไทยอย่างมติชนก็มั่วไปด้วยหรือปล่าว แค่รับตำแหน่งสด ๆร้อน ๆ ตดยังไม่หายเหม็น นายกษิต ก็เปิดศึกกับประเทศทั่วโลกที่รับไม่ได้กับกฏหมู่ที่ทำตัวอยู่เหนือกฏหมาย ด้วยการปิดสนามบินและ ทุกสื่อรายงานตรงกันหมดแล้ว นายกษิตพูดแบบนี้หวังผลทำลายประเทศและรัฐบาลหรือจะสร้างความสมานฉันท์กับ ต่างประเทศกันแน่ ทุกคนแอนตี้ การปิดสนามบินของพันธมิตรฯที่นายกษิต ไปขึ้นเวทีบอกว่า พันธมิตรไม่ใช่องค์กรโจร ไม่บาปถ้าขึ้นเวที แต่นายกษิต กลับปกป้องพันธมิตรราวกับว่าการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรเป็นสิ่งถูก กฏหมายยังงั้น ตัวเองขึ้นเวทีพันธมิตรแล้วจะชี้แจงต่างชาติให้เข้าใจได้อย่างไรเพื่อให้ ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาต่างชาติดีขึ้นไม่ใช่ไปเปิดศึกกับเค้า แล้วอย่างนี้จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปทำไมกัน ลาออกไปเถอะ หรือ รัฐบาลควรจะปลดออกไป อยู่ต่อไปมีหวังบ้านเมืองไม่รุ่งแหง๋ ๆ
จากคุณ : ไฟเขียวผ่านตลอด - [ 24 ธ.ค. 51 14:50:07 A:115.67.47.237 X: ]
Create Date : 24 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 1:22:22 น. |
|
2 comments
|
Counter : 417 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tempopo วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:3:33:23 น. |
|
|
|
โดย: leknoy IP: 125.24.167.226 วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:16:50:05 น. |
|
|
|
| |
|
|
iMf มายืนรอหน้าบ้านอีกแล้ว