ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

สุดยอดความด้าน อะไรคือ'มาตรฐาน'ของนายอภิสิทธิ์??

โดย วิหคเหินฟ้า
ที่มา เวบไซต์ มติชน
15 กรกฎาคม 2552


"รัฐมนตรีทุกคน ไม่มีสิทธิเหนือประชาชนคนอื่น ในแง่ของการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ความรับผิดชอบทางการเมืองนั้น จะต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย" เป็นกฎเหล็กข้อที่ 9 ที่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ประกาศกลางที่ประชุม ครม.


"วิฑูรย์ นามบุตร" คือรัฐมนตรีคนแรก ที่สังเวยกฎเหล็กข้อที่ 9 กับข้อครหาเรื่อง "ปลากระป๋องเน่า"


เขาลาออกจากตำแหน่งทั้งที่กระบวนการยุติธรรม และ ปปช. ยังไม่มีการตั้งข้อหา หรือออก"หมายเรียก" เลย......


ถามว่า "วิฑูรย์" มีสปิริตสูงส่ง ตัดสินใจ"ลาออก"เอง หรือถูกกดดันแบบเงียบๆ จาก"อภิสิทธิ์-สุเทพ"


คำตอบนี้ คนในพรรคประชาธิปัตย์รู้ดี ถ้าจำได้วันที่ "วิฑูรย์" แถลงข่าวลาออก คนที่นั่งขนาบซ้าย-ขวา คือ "กรณ์ จาติกวณิช" และ "สาทิตย์ วงศ์หนองเตย" ......


แต่กรณีของ "กษิต ภิรมย์" ท่าทีของ "อภิสิทธิ์" กลับเปลี่ยนไป ประกาศ "กฎเหล็ก" ข้อ 9.1 ผ่านรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยฯ" ว่าถ้ารัฐมนตรีแค่เจอ "หมายเรียก" จากตำรวจ แล้วต้องลาออก


"ผมคิดว่า จะเกินเลยมาตรฐานที่มีการปฏิบัติโดยทั่วไป"......


ไม่รู้ว่า "มาตรฐานทั่วไป" คือมาตรฐานของใคร แต่ถ้าเป็น "มาตรฐาน" ของคนชื่อ "อภิสิทธิ์" สมัยที่เป็น"ผู้นำฝ่ายค้าน" ที่ทำหนังสือถึง "สมัคร สุนทรเวช" กรณี "จักรภพ เพ็ญแข" ที่มี "ทัศนคติที่อันตราย"


เชื่อหรือไม่ว่า "กษิต" จะไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็น "รัฐมนตรี" ......


มาตรฐานของ "อภิสิทธิ์" เริ่มจากการให้สัมภาษณ์วันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ว่า จะทำหนังสือถึง "สมัคร" ให้พิจารณา กรณี "จักรภพ" เพราะ "บุคคลผู้นี้ ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะในตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบกับการนำเสนอข้อมูลข่าวสารกับประชาชน" ......


22 พฤษภาคม ในรายการวิทยุ "ตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์" ...อยากให้ "สมัคร" แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ด้วยการตัดสินใจทางการบริหารและการเมือง "เรื่องของคดี ก็ต้องดำเนินไป" แต่ไม่อยากให้ทุกอย่าง ไปผูกกับเรื่องของคดี......


25 พฤษภาคม เมื่อนักข่าวถามว่า "จักรภพ" ต้องลาออกหรือไม่ "อภิสิทธิ์" ตอบว่า ถ้านายจักรภพลาออกไป ก็จะช่วยให้ความขัดแย้งและความตึงเครียดลดลงไป จากนั้นก็ไปพิสูจน์ตัวในกระบวนการยุติธรรม......


27 พฤษภาคม เมื่อ "จักรภพ" อ้างว่า ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม "อภิสิทธิ์" โต้ว่า "ผมไม่เชื่อว่า นายจักรภพเรียนรัฐศาสตร์มา เพราะความรับผิดชอบทางกฎหมายและการเมือง มีความแตกต่างกัน" ......


ประเด็นสำคัญกรณี "จักรภพ" และ "กษิต" ก็คือ


1. ตำหนิ ที่ติดตัว "จักรภพ" กับ "กษิต" ล้วนเกิดขึ้นก่อนเป็นรัฐมนตรี คนหนึ่ง ไปพูดก่อนเป็นรัฐมนตรี 10 เดือน อีกคนหนึ่งไปร่วมยึดสนามบินสุวรรณภูมิก่อนเป็นรัฐมนตรี ประมาณ 1 เดือน......


2. กรณีของ "จักรภพ" นั้น "อภิสิทธิ์" เรียกร้องให้ "สมัคร" ปลดจากตำแหน่ง ทั้งที่แค่ถูกแจ้งความ และตำรวจยังไม่ออกหมายเรียก


แต่กรณีของ "กษิต" กลับเห็นว่า การเจอ "หมายเรียก" แล้ว ต้อง "ลาออก" ถือว่าเกิน "มาตรฐาน" ทั่วไป......และ


3. ถ้าทัศนคติของ "จักรภพ" เรื่อง "สถาบัน" เป็นเรื่องอันตรายของคนที่คุมเรื่องการประชาสัมพันธ์ของรัฐ แล้ว


การที่มี "รัฐมนตรีต่างประเทศ" เห็นด้วยกับการ "ยึดสนามบิน" ไม่รู้ว่า "อภิสิทธิ์" คิดว่า เป็น "ทัศนคติ" ที่อันตรายสำหรับตำแหน่งนี้หรือไม่??......


ตบท้ายด้วยคำคมของ "อภิสิทธิ์" ในรายการ "ตรงไปตรงมากับอภิสิทธิ์" วันที่ 15 พฤษภาคม 2551 "คุณธรรมที่สำคัญอย่างหนึ่ง ต้องพูดในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่พูด แล้วต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พูด"




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 22:04:46 น.
Counter : 718 Pageviews.  

อดีตเอกอัครราชฑูตที่ไร้ยางอายและสิ้นศักดิ์ศรี ออกเถอะ คุณไม่มีค่าให้เขาหลอกใช้อีกแล้ว!!

โดย คุณ เสรีชน
ที่มา เวบบอร์ด ประชาไท
5 กรกฎาคม 2552

มาร์ก เด็กเวรจากออกฟอร์ด ชอบนายกษิต เพราะกษิตทำท่าฟอร์มดี เป็นทูตทั้งเยอรมนี สหรัฐ ญี่ป่น รัสเซียมาแล้ว พูดจาฉาดฉานฟังง่าย

กษิตไม่ใช่คนเรียนเก่ง หรือไบร้ท์เหมือนจักรภพ เป็นเด็กเกเร จนพ่อทหารเรือศิลปินแห่งชาติเอาไม่ไหว ส่งไปเรียนอินเดีย ต่อมาไปจบปริญญาตรีที่ยอร์จทาวน์ ในสหรัฐฯ และได้ทุนกระทรวงต่างประเทศ ที่ให้ข้าราชการพัฒนาความรู้ ไปเรียนเนเธอร์แลนด์ จนจบโท

เขาเป็นคนทำงานดี ขยันกลับบ้านมืดค่ำ ใส่ใจเรียนรู้ แม้ไม่จบเศรษฐศาสตร์ ก็สนใจ จนพูดเรื่องเศรษฐศาสตร์ ระดับยากให้ฟังง่ายได้ แต่ไม่ลึกซึ้ง และจะเอาความลึกไม่ได้

พูดเรื่องกฎหมายก็ตื้นเขิน เขียนหนังสือเอามันอย่างเดียว ภาษาออกจะสับสน อย่างที่ท่านทักษิณกล่าวในตอนโฟนอินว่า เขาไม่อ่านงานนายกษิตหรอก เพราะไม่มีคุณค่า

เล่นเอานายกษิตโกรธ จะหาทางจับทักษิณมาลงโทษให้ได้

แต่คนเราจะเป็นใหญ่อย่างไร กำพืดไม่เคยเปลี่ยน สันดานไม่เคยแก้ นายกษิตเป็นคนชอบทะเลาะกับผู้คน คิดว่าตนฉลาดคนเดียว

ไปรัสเซีย ก็ไปทะเลาะถึงขั้นไล่ต่อยนักเรียน ไปเยอรมันก็ไล่ออกลูกจ้าง ส่งข้าราชการกลับเป็นว่าเล่น แล้วก็ไปทะเลาะกับทูตพาณิชย์ ทูตแรงงานในญี่ปุ่น

มาเล่นการเมือง เป็นปาร์ตี้ลิสต์ ปชป. ที่สอบตกล่วงชั้น เอาดีทางการขึ้นเวทีพันธมารผ้าอนามัย ด่าชาวบ้าน ด่าผู้นำเขมร ตอแหลเรื่องเขาพระวิหาร ชนิดที่ใครเห็นเป็นจริงเป็นจัง ทั้งที่เรื่องทั้งหลาย กษิตกุขึ้น แหกตาชาวบ้าน แล้วมันก็มารัดคอเขาเอง

พอบุญวาสนาหล่น ให้มาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เริ่มงานก็เป็นข่าว ให้ท้ายพันธมารผ้าอนามัย สนับสนุนการยึดสนามบินด้วยวลีเด็ดว่า อาหารดี ดนตรีเพราะ

ทำงานเจ้ากระทรวง แต่เจรจากับใครล้มเหลว เพราะบุคคลิกที่ก้าวร้าว จนผู้คนตั้งข้อสงสัยกระทรวงการต่างประเทศแดนนิทราว่า คัดคนมาเป็นทูตได้ไงหว่า เอาแม่ค้าไปเป็นทูต ยังจะสง่าเสียกว่า

มีข่าวผู้อพยพโรฮิงญา จากพม่าหนีเข้าไทย กษิตเดือดดาล ด่าทอสื่อต่างชาติว่า ไม่เข้าใจปัญหา ทั้งที่นายกษิตเอง ไม่เคยสัมผัสคนรากหญ้า

เหมือนที่กษิตคิดโง่ๆ แล้วพูดพล่อยๆ ว่า ม็อบเสื้อเหลืองมีคนชุมนุมมากกว่าเสื้อแดง วัดคนก็ได้ ทั้งที่บีบีซีเคยเขียนไว้แล้วว่า ม็อบเสื้อแดงมีคนมากกว่าเสื้อเหลือง ชุมนุมหลายครั้งก็ไม่เท่าเสื้อแดงหนเดียว

ความที่ไม่เก่งคำนวณ คาดการณ์อะไรผิดพลาด เขาไปเขมรแปดหน อวดแอ๊กว่า สนิทกับฮุนเซนแต่สมัยยังหนุ่ม แต่ผลคือ ..... กระทรวงต่างประเทศ ตกลงอะไรกะฮุนเซนไม่ได้เลยสักชิ้นเดียว โดนนายฮุนเซนที่ไม่ได้จบอเมริกา มาหลอกล่อเอาจนกษิตเสียฟอร์ม ต้องให้นายของกษิต สุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเจรจาเขมรแทนกษิต ทั้งที่คนที่ต้องดูแลงานส่วนนี้ รับผิดชอบโดยตรง ชื่อ กษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

นายสุเทพไปเจรจา ทำท่าดี ฮุนเซนหลอกชมว่า ปชป. เจ๋งกว่ารัฐบาลก่อน มิตรภาพไทยเขมรมีมาช้านาน สองฝ่ายจะแก้ปัญหาโดยสันติ

พอสุเทพกลับมา ฮุนเซนกลับประกาศท้าไทยรบ และเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดน เล่นเอานายอภิสิทธิ์หน้าแหก นายสุเทพที่เพิ่งกลับมา แถลงกับนักข่าวว่า สำเร็จ ถึงหน้าถอดสี บินกลับไปหาฮุนเซนใหม่

นี่มันการทูตประสาอะไร ประเทศใหญ่ต้องหงอประเทศเล็ก ไม่เห็นเขมรจะ give a damn !!! อะไรกับฝ่ายไทยเลย นอกจากเราต้องง้องอนพนมเปญตลอดเวลา

ถึงเวลานี้ คนลืมนายกษิตหมดแล้ว ลืมไปว่า เรายังมีรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่จบบทห้วนๆ ว่า เขาพระวิหารเป็นของเขมรไปนานแล้ว

อ้าว หะ ตอนจะล้มสมัคร ไม่ยักพูดแบบนี้ แล้วก็ตามมาด้วยการโกหกปา*****่ของนายสุวิทย์ คุณกิตติว่า ตนมีบทบาทค้าน จน UNESCO เลื่อนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

แต่ถูกแฉกลับจากหลักฐานรายงานการประชุมที่สเปนว่า ไทยไม่ได้พูดเรื่องนี้ และไม่ได้พบ ผอ. ยูเนสโก หรือหากพบ ก็ไม่ใช่เรื่องทางการ แค่ไปเจอตอนดื่มกาแฟช่วง coffee break แล้วเขาอือๆ อาๆ มา ก็มาออกข่าวเจรจาสำเร็จ ปัทธ่อเว้ย !!!!

ทั้งหมดทั้งปวง แสดงถึงความไม่มีเอกภาพของงานต่างประเทศ นโยบายที่ไม่สอดประสานกัน ความไม่เคารพ ไม่สนใจนายกษิต ในฐานะเจ้ากระทรวง

อาจเป็นเพราะกษิตไม่ใช่ สส. ไม่มีพรรคการเมือง และเงาหัวพันธมาร นายเก่าของกษิตหมดสิ้นแล้ว ถึงกับตำรวจออกหมายเรียก ดำเนินคดีกษิตและพวก ในข้อหาร่วมกันยึดสนามบิน และทำการก่อการร้ายสากล

นายมาร์ก จะเล่นปา*****่ หรืออย่างไร ก็ช่างเหอะ แต่พูดชัดว่า นายกษิต ต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย และไม่มีเอกสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนเขาไม่เคยแคร์ฝีมือเสนาบดีต่างประเทศของเขาแล้ว หรือเพราะเห็นแววแล้วว่า ใครๆ ก็ทำแทนนายกษิตได้

ตานี่ วันๆ เอาแต่พูดเรื่องตามล่าทักษิณ จนแรกๆ นายมาร์ก ก็พอเชื่อมือ แต่ข่าวที่ออกมาหลังๆ ทำให้มาร์กถึงกับลมจับ เพราะท่านทักษิณยังเข้าออกจีนเป็นว่าเล่น ฮ่องกงปฎิเสธทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับไทย เพราะเห็นแล้วว่า กษิตมีวาระการเมืองเรื่องทักษิณแฝงเร้น

ยูเออี และนิการากัว ไม่สนหนังสือทางการไทย ที่ให้จัดการท่านทักษิณ แถมตอบเป็นทางการกลับมาให้ช้ำใจว่า นายกทักษิณไม่ได้อยู่ดูไบ นิการากัวบอก ท่านไม่ได้หนังสือเดินทางทูตนิการากัว ทั้งที่ทักษิณอยู่ดูไบ และทุกคนรู้ว่ามี passport การทูตของนิการากัว

เรียกว่า เขาไม่แคร์นายกษิต หรือประเทศไทยในยุคพลเอกเปรมครองเมืองเลย ว่ากันอย่างงั้นดีกว่า

ส่วนผลงานนั้น ถ้าคนคิดจะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี แต่ยังติดบทบาทการทำงานอย่างข้าราชการประจำ เซ็นหนังสือ สั่งงานหนังสือ คิดตามราชการ ไม่มีเรื่องใหม่ บินไปนอกเพื่อเอาค่าเบี้ยเลี้ยง เบิกค่าเดินทางมาใช้

ผมว่า นายกษิต ลาออกเหอะ ไร้ศักดิ์ศรีเหลือเกิน ถึงตอนนี้ คุณไม่มีดี พอที่ใครเขาอยากจะปกป้องและชุบเลี้ยงแล้ว อยู่ไปก็ให้นายคุณลำบากใจเปล่า

เขาหลอกใช้คุณ และทดแทนให้พันธมารพอสมควรแล้ว อยู่ไปก็ไลฟ์บอย อย่าไปห่วงเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปนอกเลย ให้ราชการเขาทำก็ได้ งานพวกนี้

งานต่างประเทศ คุณเป็นเจ้ากระทรวงที่เขาไม่ให้งานทำต่อไปแล้ว แต่ให้คนอื่นทำแทน จนคนเขาต้องประกาศตามหาคุณ ในฐานะคนหาย

แล้วเวลานี้ ตำรวจดำเนินคดีคุณแล้ว สัจจะที่บอก ถ้าโดนดำเนินคดี จะลาออกทันที มันหายไปไหน???

ผมอายแทนจริงๆ กับอดีตเอกอัครราชทูตที่ไร้ยางอาย และสิ้นศักดิ์ศรีขนาดนี้

ถ้าคิดอะไรไม่ออก ไปหานายเทพไท โฆษกนายกก็ได้นะ เขาอาจจะแนะนำให้คุณกระโดดเขาตาย ตามอย่างที่เกาหลีใต้ก็ได้มั้ง !!!!




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2552 19:45:35 น.
Counter : 495 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่องคำพูดของกรณ์ จาติกวนิชในสภา

มิ่งขวัญถามว่า ทำไม ไม่เอาเงินกู้ 800,000 ล้านบาท มาออกเป็นพันธบัตร ให้ ปชช.ทั่วไปซื้อ แต่กลับจะไปกู้จากแบงค์ เกือบทั้งหมด

ฟังคำตอบจาก กรณ์ นะครับ (ตอนดึกเมื่อคืนแล้ว ประมาณ เที่ยงคืน)

เพราะ 1. จากจำนวนบัญชีเงินฝากของปชช.ทั้งหมด คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คนรวยฝากมากกว่าคนจน ถ้าไปออกพันธบัตร คนที่ได้ประโยชน์จะเป็นคนรวย

(........อ้าว แล้วที่กู้จากแบงค์ เท่ากับช่วยมหาเศรษฐีเจ้าของ บวกผู้ถือหุ้นแบงค์(ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนรวย) เพียงกลุ่มเดียวที่ได้ประโยชน์โดยตรง ไม่ใช่หรือ แล้วจะดีกว่า การให้ปชช.ทั่วไปซึ่งมีจำนวนมากกว่าได้ซื้อพันธบัตรที่ตรงไหนละ อย่างน้อย ปชช.ทั่วไปที่ไม่ได้ร่ำรวยก็ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ย ซึ่งแบงค์กดไว้ ไม่ดีกว่าหรือครับ
การที่ รบ.จะไม่ยอมออกพันธบัตร หรืออาจ จำต้องออก เพิ่มอีกบ้างในอนาคตเพื่อให้ดูดีขึ้นบ้างในสายตา ปชช. แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะต้องกู้จากแบงค์ ด้วยเม็ดเงินมหาศาล..........จึงขอถาม รบ. ปชป. ว่า
รบ.มีเจตนาที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนแบงค์ที่มีคนเข้าใจกันว่าเป็นแนว ร่วมในการล้มล้าง รบ. นายกทักษิณ ใช่หรือไม่ครับ )

2. ถ้าเอาเงินที่กู้ทั้งหมด 800000 ล้านบาท มาออกเป็นพันธบัตรทีเดียว ไม่มีใครทำ รบ.นี้ไม่ทำ เพราะไม่ได้ใช้เงินทั้งหมดทีเดียว ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยจำนวนมากตั้งแต่แรกเลย โดยที่ไม่ได้ใช้เงินทั้งหมดนั้น

( โถ ...มิ่งขวัญเขาก็ไม่ได้บอกให้ ออกพันธบัตรทั้งหมดทีเดียวซะกะหน่อย ก็รัฐ จะทยอยใช้เงินเมื่อไหร่ ที่จะกู้จากแบงค์นะ ก็ค่อยทยอย ออกพันธบัตร ก็ได้ แบบนี้ตอบเหมือนแกล้งโง่เลยนะนี่)

3. ที่น้ำมันแพง ก็เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกัน.........(.ตอบเท่านี้เองครับ)

(นี่ก็อีก เขาถามว่า ตอนนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลก ต่ำกว่าเมื่อก่อนเกือบครึ่ง แต่ทำไม ราคาน้ำมันบ้านเราตอนนี้ถึงได้มีราคา พอๆกับตอนนั้นละ
เขาแนะให้ไปดูค่าส่วนต่างการตลาด ถึงแม้ จะขึ้นภาษีน้ำมัน ก็ไม่น่าจะแพงอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ......)

4. รบ.กู้เงินมานะ ปชช.จะได้รับผลกระทบเล็กน้อย ไม่เดือดร้อน พูดคล้ายกับ มาร์ค ที่พูดในรายการวิทยุ ที่บอกว่า การกู้หนี้ ปชช.ไม่ต้องใช้หนี้ แต่รบ.จะเป็นผู้ใช้หนี้นี้เอง และก็คล้ายกับ ผว.กทม. ที่เข้ามาวันแรกก็บอกเลยว่า จะยกเลิกสัญญารถ-เรือดับเพลิง ถ้า บริษัทจะฟ้อง ตนเองขอรับผิดชอบยอมล้มละลายเอง แล้วก็กลับลำในวันต่อมา

(....ปชช. จะไม่เดือดร้อนได้ไงครับ ในเมื่อเงินที่ต้องจ่ายคืน ก็มาจากภาษีที่ปชช.จ่าย ถ้ารัฐไม่มีเงินจ่ายก็ต้องมารีดภาษี หรือไม่ก็ตัดสวัสดิการที่ปชช.ควรได้รับ การทำมาหากินก็จะต้องลำบากมากขึ้น.....ตอนที่ ไทยเป็นหนี้ ไอเอ็มเอฟ......ปชช.ไม่เดือดร้อนหรือครับ แล้วนี่หากมีปัญหา หาเงินคืนไม่ได้ ก็อาจต้องกู้ไอเอ็มเอฟ อีก)


ฟังคำชี้แจงแล้ว ทั้งกรณ์ และมาร์ค ปชช. เอา 2 มือ ก่ายหน้าผาก ได้เลยครับ

จากคุณ : กลาง. - [ 19 มิ.ย. 52 14:41:42 A:58.8.185.219 X: ]

เอาจริงๆนะครับ ผมเชื่อในทุนนิยมเสรี (liberal capitalism) ว่าเป็นวิถีเดียวที่โลกควรจะเป็น เป็น และเป็น วิถีเดียวที่โลกจะยั่งยืนในระยะยาว เพราะเป็นกระบวนการที่มี learning curve สูงสุด

เชื่อว่ารัฐควรมีหน้าที่เกื้อหนุนให้ระบบเศรษฐกิจใน ประเทศเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพ และกำหนด direction โดยรวม แล้วที่เหลือเอกชนจะเป็นฝ่ายขยับขยายด้วยกลไกตลาดเสรีเอง

แต่การ ที่ท่าน รมต คลัง หัวconservative ออกมาพูด concept ที่ liberal จ๋า แบบ ไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำไป คือการนำเอาประเทศไปสู่การเป็นหนี้อย่างมโหฬารอย่างนี้

รัฐมีหน้าที่แค่บริหารภาษี และกำหนด direction ไม่ใช่เอาภาษีไปจำนองแบบนี้

เห็นด้วยกับ concept แต่ตกใจกับการกระทำ

เหมือน ว่า "เอกชนเป็นผู้หาเงิน รัฐเป็นผู้ก่อหนี้ แล้วเอกชนมาจ่ายดอกเบี้ยด้วย opportunity cost ของภาษี" ยังไงก็ไม่รู้ แทนที่จะได้เอาเงินไปปรับปรุงระบบเพื่อสวัสดิภาพของส่วนรวมเป็นส่วนกลาง สำหรับการ maintenance ระบบ

พวก hypocrite อย่าง ประชาธิปัตย์และพวกที่สนับสนุนเขา จะได้เห้นความเสื่อมโทรมของประเทศไปอีกอย่างน้อยเป็นทศวรรศครับ แล้วเดี๋ยวพวกเขาก็จะออกมาบอกว่าเป็นเพราะว่า "คนไทยไม่สามัคคี" หรือไม่ก็ "ไม่พอเพียง" .........vague สิ้นดี

จากคุณ : talkshowhost - [ 19 มิ.ย. 52 16:31:38 A:203.152.19.194 X: ]

การประชุมสภาเพื่อพิจารณาพรบ.เงินกู้ที่ผ่านมา
นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง สส.กทม.เขตยานนาวา,สาทร,คลองเตย,บางคอแหลม กล่าวว่า
"รัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่หารายได้เข้าประเทศ หน้าที่หารายได้ต้องเป็นของเอกชน รัฐบาลจะไม่ไปแย่งหน้าที่หาเงินจากภาคเอกชน เหมือนสมัยรัฐบาลในระบอบทักษิณ"

ผมในฐานะBloggerผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง ไม่มีคำบรรยายใดๆทั้งสิ้น กับวาทะพรรค์นี้ครับ




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2552    
Last Update : 19 มิถุนายน 2552 19:27:18 น.
Counter : 420 Pageviews.  

8 แสนล้าน คนไทยได้อะไร?

ที่มา เวบไซต์ bangkok-today
17 มิถุนายน 2552

กู้เพื่อให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ...ฟังไม่ผิด.. .เพราะแคะขี้หูก่อนออกจากบ้าน กับ “แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555” ที่รัฐบาลออกมาชูโรง ยึดถือเป็น “นโยบายเร่งด่วน”

ทั้งพระราชกำหนดและพระราชบัญญัติ ฉบับละ 400,000ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ เป็นการกู้เงินสุทธิพอดิบพอดี 800,000ล้านบาท... รัฐมนตรีทั้งหลายต่าง “ฮือฮา” คิดเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ

ชาวบ้านฮือฮาด้วยหรือไม่... เข้าใจรายละเอียดหรือไม่... บรรดารัฐมนตรี บรรดานักการเมืองเคยสนใจหรือเปล่า

ถามหน่อยว่า การ “กู้เงิน 800,000 ล้านบาท” ครั้งนี้... หากการขออนุมัติกู้ผ่านรัฐสภาเสร็จสมอารมณ์หมายดังใจแล้ว

ประชาชนหรือชาวบ้านรู้หรือไม่ว่า ...รัฐบาลจะนำเงินเหล่านั้น ไปใช้จ่ายอย่างไร??

ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจน สรุป คือ ...การประชุม ครม.นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา “ประชาชน” ดูแล้วไม่รู้เรื่อง เพราะพูดกันถึงแต่เรื่อง“ตัวเลข” เงิน 800,000 ล้าน ...

นั่งดู นั่งฟัง หลายคนยัง “จินตภาพ” ไม่ออกว่า ...มันเยอะแยะมากมายขนาดไหน ...รู้เพียงว่า “กูเป็นหนี้แล้ว”

หากคำนวณด้วยเครื่องคิดเลข ...หนี้สินชาวบ้านทุกคน จาก 60,000 บาท จะกลายเป็นคนละ 100,000 บาท ในปี 2555 เป็นหนี้กันถ้วนหน้า ...60 ล้านคน 60 ล้านหนี้ กับโครงการอภิมหา “กู้ยืมเงิน” ของรัฐบาล... ซึ่งตอนนี้ เวลาเดินไปไหนมาไหน จะเหมือนกับว่า คนไทยมี “ใบกู้ยืม” แปะปะไว้บนใบหน้า

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง สองเกลอหัวแข็ง ในฐานะเพื่อนซี้ ที่เป็นเจ้าภาพดูแล ...ยังคงยึดเอา “เศรษฐกิจโลกตกต่ำ” ขึ้นมาเป็นเหตุผลหลักในการกล่าวอ้าง

ทำไม?? ความอุดมสมบูรณ์ ของประเทศไทย ทั้งเรื่องอาหารวัฒนธรรม รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว ไม่ได้ช่วยอะไรอย่างนั้นหรือ

ปัญหาที่เกิดขึ้น ...เป็นเพราะการขาดการ “บริหารจัดการ” ที่ดีหรือไม่??

เพราะไม่มีประเทศไหน ที่เขากู้แบบ “วินาศสันตะโร”แบบนี้ ...เมื่อเทียบกับการเป็นประเทศ “กำลังพัฒนา” ที่ยังต้องพึ่งพากิจกรรมทางด้าน “การเกษตร”

รัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา ...มุ่งแต่จะทำให้ผืนดินแห่งนี้ เป็น “ประเทศอุตสาหกรรม” ผลิตรถยนต์ ...ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมทุกประเภท

พยายาม “เอื้อมมือ” ไขว่คว้า ในสิ่งที่ตนไม่มี เพื่อให้ตัวเองมี ...โดยลืมนึกถึง “สิ่งมีค่า” ซึ่งมีอยู่ทุกหนแห่งบนผืนแผ่นดินไทย

แล้วเมื่อไหร่ “ประเทศไทย” จะสามารถยืนบนขาตัวเองได้!

ไม่ใช่ “บางกอกทูเดย์” พูดถึงการกู้เงินว่าเป็นเรื่องไม่ดี ...ไม่มีเงินก็จะไม่ให้กู้ แต่เมื่อกู้แล้ว นำเงินตรงนั้นมาทำอะไร ...เป็นสิ่งที่ต้องแจง “คนเป็นหนี้ตัวจริง” ซึ่งก็คือประชาชน ให้รับทราบ

ใครเป็นคนใช้เงินกู้ ...วิธีการใช้คืนเงินกู้ จะเอาตรงไหนไปใช้คืน คืนเมื่อไหร่ ...คืนอย่างไร

ที่สำคัญ สมมติว่าไม่มีเงินใช้หนี้ “รัฐบาล” จะใช้วิธีการและมาตรการอย่างไร

ที่สำคัญ นี่คือการสร้างภาระหนี้ให้ประชาชน สร้างภาระหนี้ให้ประเทศชาติ และสร้างภาระหนี้ให้กับรัฐบาลชุดต่อๆ ไป ใช่หรือไม่?

หรือว่านายกฯ อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาล จะ ประกาศสัญญาประชาคม เอาไว้ให้ชัดเจนว่า หนี้ 800,000 ล้านบาทในครั้งนี้ จะใช้ให้จบสิ้นให้ได้ภายในรัฐบาลชุดนี้ จะไม่มีการโยนบาป โยนเผือกร้อนไปให้รัฐบาลต่อไปเป็นอันขาด

ถ้ากล้าประกาศการันตีเยี่ยงนี้ ประชาชนคนไทยปรบมือเฮให้แน่ ขอให้ทำได้จริง

แต่ในเมื่อวันนี้ ทุกอย่างยังเป็นวิมานสวยหรูในอากาศ วาดความหวังให้กับคนทั้งประเทศว่า เมื่อกู้เงินมาแล้ว จะมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น จึงไม่แปลก ที่จะมีคำถามว่า จริงหรือ???

ดังนั้น ทุกคำถาม จึงเป็นเรื่องที่ “รัฐบาล” ต้องตอบให้กระจ่างชัด ...ไม่มีออกอาการอ้ำๆ อึ้งๆ

ไม่ใช่ถามไถ่ไปจนปากจะฉีกถึงรูหู ...ก็เงียบหาย “ไม่มีสัญญาณตอบรับจากรัฐมนตรีที่ท่านเรียก”

การกู้เงินไม่ใช่เรื่อง “เลวร้าย” ถ้ามีเหตุผลในการกู้ ...

แต่หากคิดอยู่เพียงว่า จะต้องกู้ “เพื่อสร้างงาน” สิ่งนี้ มันจะ“ยั่งยืน” ถึงขนาดทำให้ประเทศชาติ “ฟื้นคืนชีพ” จากหลุม ...เป็นเรื่องที่ “เป็นไปได้” เพียงใด

เพราะเงินที่กู้ยืมมา ...เวลาจ่ายคืน คือ เงินจากกระเป๋าของประชาชน

อาแป๊ะขายเต้าฮวยก็ต้องจ่าย ...เจ๊หมวยร้านตัดเสื้อก็ต้องจ่าย ...แม้แต่ตัว นายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรี ทุกคนที่เป็นคนไทย ก็ต้องควักกระเป๋าจ่าย

เพียงแต่ “โอกาส” ในการหารายได้ของบุคคลเหล่านี้ มีไม่เท่าเทียมกัน ...ซึ่งคนระดับท่านนายกฯ รวมถึงรัฐมนตรีที่มีรายได้เป็นหลักแสนหลักล้าน จ่ายได้ไม่สะเทือนน่ะ มีน้อยในสังคม

แต่คนอย่าง “อาแป๊ะ” กับ “เจ๊หมวย” ที่มีรายได้พอเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว กลับมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง

แต่สุดท้าย ...ต้องควักเงิน “จ่ายเท่ากัน” เพราะว่า เป็นหนี้ต่อหัวเท่ากัน! ไม่ได้สบายเฉกเช่นตามที่ “สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล” ส.ส.เพื่อไทย พูดถึง เรื่อง “ผลพลอยได้” หรือ By Product ที่ว่า ...การกู้เงิน ก็มี “เงินปากถุง” เนียนๆ

แล้ววันนี้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรีคิดออกหรือยังว่า ต้องทำอย่างไร ...แสดงความ “จริงใจ” พูดออกมาให้ประชาชนได้รับรู้ชนิดไม่ติดภาพสวยหรู ชูหลักการเช่นที่ผ่านมา เอาแบบเนื้อๆ ไม่เอาน้ำๆ

ถ้าหากบอกว่า “กู้เงิน” มาแล้ว ก็ใช้ ...แต่ไม่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับการกู้ “เงินมโหฬาร” ก้อนนี้มาใช้เลย

หากนี่เรียกว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ...แบบนี้ใครๆ คงเป็น“นายกรัฐมนตรี” ขึ้นมาบริหารประเทศแทนท่านได้

สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นหลังการ “กู้เงิน” มาแล้ว ...คือนโยบายการบริหารจัดการ คัดกลั่นนโยบายเด็ดๆ ที่สามารถดึงนักลงทุนได้อย่าง “เป็นกอบเป็นกำ”

เอาให้ชัดๆ ซัดกันไปเลยว่า ...รัฐบาลมีความสามารถที่จะ “ฟื้นคืน” เศรษฐกิจให้แก่ประเทศชาติได้

ปลุกมันขึ้นมา ...ทั้งกระแสเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การลดต้นทุนในการบริหารจัดการส่วนต่างๆ การสร้างประสิทธิภาพในระบบราชการและรัฐวิสาหกิจ

และสุดท้าย คือ “การกล้าตัดสินใจ”

ในฐานะผู้นำประชาชนคนหนึ่ง ได้ “ตั้งคำถาม” ขึ้นมาว่า ...หากท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ มีโอกาสได้เข้าไปบริหารงานในองค์กรใหญ่ๆ จะเป็น องค์กรเอกชน หรือ องค์กรรัฐวิสาหกิจ ขนาดใหญ่ ที่ไหนก็ตามแต่ ...ถามว่า ...บริษัทที่ประสบกับปัญหาภาวะการเงินเหล่านั้น จะกล้าจ้าง “คุณอภิสิทธิ์” ไปบริหารงานหรือไม่

สิ่งที่บริษัทเหล่านั้นพึงมอง คือ เรื่องประสบการณ์ เรื่องแนวคิดที่ท้าทาย รวมถึงผลงานที่เคยทำมา ...ประชาชนท่านนี้ จึงตั้งคำถามต่อไปว่า ...แล้วนี่กับ “ประเทศไทย” ซึ่งบริหารยากกว่าองค์กรทั่วไปมากมาย ในช่วงที่ต้องแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง จากทั่วโลก ถ้ายังมัวแต่ “ห่วงหน้าพะวงหลัง” โทษแต่ปัญหาว่า เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจ้าง ผู้บริหารแพงๆ ...ใครๆ ก็สามารถบริหารงานได้

แบบนี้แล้วคนไทยจะได้อะไร?




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2552    
Last Update : 18 มิถุนายน 2552 21:36:36 น.
Counter : 482 Pageviews.  

รัฐบาล'เด็กสองคน'กำลังนำพาชาติและคนไทยสู่มหาวิกฤตNPL!!!!

โดย คุณ ณัฐวุธ วัชรกุลดิลก
ที่มา เวบไซต์ โลกวันนี้
12 มิถุนายน 2552

เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2552 นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจว่า เป็นเรื่องน่ากลัว เนื่องจากรัฐบาลประเมินภาวะเศรษฐกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP จะเป็นบวก 5 แต่ต่อมากลับติดลบ โดยคิดให้เปลี่ยนเป็น -5% เท่ากับติดลบถึง 10% จากปีที่แล้ว GDP ของประเทศ คำนวณเป็นตัวเงินได้ประมาณ 10 ล้านล้านบาท ก็เท่ากับเงินหายไปถึง 1 ล้านล้านบาท

และ เมื่อเร็วๆ นี้นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี “เด็กหนุ่มสองคน” ซึ่งมักจะเถียงไป ถอยคำพูดไป เป็นระยะๆ ยังต้องยอมรับว่า แค่ไตรมาสแรกของปี 2552 เศรษฐกิจมี GDP ติดลบที่ 7.1% ซึ่งก็เท่ากับติดลบ 12.1% มีเงินหายไปจากระบบถึง 1.21 ล้านล้านบาท เหลือเพียงแค่อีก 1.9% เศรษฐกิจก็จะติดลบ 9% ตามที่สถาบันการเงินเรยองเนส์ของฝรั่งเศสได้ทำนายไว้ โดยตอนนั้น นายกฯหาว่าเขามั่ว?

และ อาจติดลบถึง 15% ตามที่สถาบันการเงินในสิงคโปร์ทำนายไว้ ซึ่งนั่นหมายถึง เงินในระบบจะหายไป 2 ล้านล้านบาท เป็นสองเท่าของที่นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ได้กล่าวไว้

นี่เท่ากับพิสูจน์ผีมือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล “เด็กทวิน” (Twins) ว่า “กระทำกันเสมือนเด็กเล่นขายของ”

มาตรการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะแรก ไม่ว่าแจกเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท แจกค่าหนังสือ เสื้อผ้า 500 บาท แก่เด็กนักเรียน งบต้นกล้าอาชีพหลายพันล้าน แจกงบทหาร 2,000 ล้านบาท แก่ กอ.รมน. เพื่อชี้แจงการสลายม็อบสงกรานต์เลือด เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เปะปะ ไร้ยุทธศาสตร์ ไร้น้ำหนักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

มี ดีแต่เสนอหน้าจัดประชุมอาเซียน และทัวร์ท่องเที่ยว สร้างภาพจับมือกับผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อต้านอดีตนายกฯทักษิณ และทำตามใบสั่งทางการเมืองจาก “ผู้มีบารมี” มากกว่าที่จะจริงจัง กับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

เงิน งบประมาณที่ใช้ไปจึงละลายแม่น้ำ ไม่ตรงเป้า หรืออาจไม่มีแม้กระทั่งเป้าหมายของการใช้เงิน ที่มีผลต่อการเพิ่มของ GDP ตามที่ได้คุยไว้แต่อย่างใด และสวนทางกับข้อเท็จจริงที่มี ซึ่งเท่ากับทอนกำลังปัจจัยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่นับวันมีแต่จะยิ่งจำกัด รัดตัวเข้ามาทุกที!

ใน ปี พ.ศ. 2552 GDP มีโอกาสติดลบ 9% ค่อนข้างแน่นอน รัฐบาลจะเก็บภาษีได้ไม่เกิน 1.4 ล้านล้านบาท (ปี 2551 เก็บภาษีได้ 1.5 ล้านล้านบาท) สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า ด้านหนึ่งจะมีคนตกงาน 3-4 ล้านคน อีกด้านหนึ่งการตั้งงบประมาณปี 2552 ที่ 1.95 ล้านล้านบาท และตั้งงบประมาณปี 2553 ที่ 1.7 ล้านล้านบาท รัฐบาลต้องออกพระราชกำหนดกู้เงิน เฉพาะโปะงบประมาณปรกติ สะสม 2 ปีของรัฐบาลชุดนี้ ก็รวมแล้วถึง 750,000 ล้านบาท ยังไม่รวมงบกู้เงินพิเศษ กระตุ้นเศรษฐกิจรอบสองอีก 1.5 ล้านล้านบาท

คิด หลงโจ้งเสร็จสรรพแล้ว รัฐบาลเด็กทวินจะต้องกู้เงินถึง 2.25 ล้านล้านบาท ธนาคารชาติมีเงินสำรอง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.5 ล้านล้านบาทเพื่อเป็นหลักประกันการเงินของประเทศ แต่รัฐบาลเด็กทวิน ได้ใช้เงินไปโดยไม่สามารถหารายได้มาเพิ่มขึ้น หรือไม่สามารถทำให้ GDP เพิ่มได้

จึง เท่ากับเงินสำรองประเทศ จะเหลืออยู่เพียง 35% หรือ 1.25 ล้านล้านบาท หรือ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งก็ยังไม่รู้ว่า จะพอสำหรับการพิมพ์ธนบัตรเพื่อใช้หมุนเวียนในประเทศหรือไม่!?

เมื่อ ถึงจุดนั้น ความเชื่อมั่นและเชื่อถือ (Trust and Confidence) ของประเทศ จะตกต่ำสุดขีด พันธบัตรรัฐบาล อาจกลายเป็นกระดาษขยะ และพันธบัตรรัฐบาล จะถึงเวลาถูกเรียกเงินสดคืน เมื่อครบกำหนดอายุ สภาพคล่องก็จะลดลงอีก GDP ย่อมจะลดลงตามไปด้วย ...สัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ที่เกิน 60% อยู่แล้ว ก็จะเพิ่มขึ้นอีก เป็นสัดส่วนผกผันกับค่า GDP ที่ลดลง!

ดอกเบี้ย เงินกู้ระหว่างประเทศ จะสูงขึ้น หนี้สินจะเพิ่มขึ้นอีก ต้นทุนการลงทุนในประเทศก็สูงขึ้น ศักยภาพการแข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยในโลก จะลดลง เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกถึง 70% จะไปสู้ใครที่ไหนได้!!??

ใน ภาวะที่โลกอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำร้ายแรงที่สุด โดยทุกประเทศ ต่างก็ต้องเอาตัวของตัวเองให้รอด? เช่นนี้แล้ว ประเทศไทยก็จะเห็นหลุมฝังศพวางเรียงอยู่ข้างหน้าเต็มไปหมด!!!???

มันน่ากลัวจริงๆ ครับ ท่านพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ท่านช่วยเตือนรัฐบาลเด็กรุ่นลูก 2 คนของพรรคท่านเถอะ

อย่าเอาประเทศไปเสี่ยงกับการล่าทักษิณสนอง “นาย” เป็นอย่างเดียว

ถึงเวลาสุดท้าย รัฐบาลเด็กของท่าน ก็จะมีชะตากรรมไม่ต่างกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เท่าใดหรอกครับ!?

รัฐบาลจะเป็นแพะบูชายัญไม่ว่า แต่ชาติทั้งชาติ ประชาชนทั้งหมดยับย่อย ตอนนั้นใครจะรับผิดชอบไหว?

หรือจะเอา Script นี้ให้เป็นบทจบของสงครามทิฐิและมานะ?




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2552    
Last Update : 12 มิถุนายน 2552 18:56:51 น.
Counter : 437 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.