ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
สงครามเงินตราและทางเลือกของไทย

โดย กานดา นาคน้อย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Purdue สหรัฐอเมริกา*

การอ่อนตัวของเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นประเด็นสำคัญในการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อต้นเดือนนี้

แม้รมต.คลังสหรัฐฯยืนยันว่า สนับสนุนให้ดอลลาร์แข็งตัว แต่คำยืนยันดังกล่าวไม่มีน้ำหนักเพราะธนาคารกลางสหรัฐฯไม่มีนโยบายพยุงค่าเงินและแสดงท่าทีว่า จะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำต่อไป

กล่าวได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯถือคติว่า “เงินตราของเรา ปัญหาของคุณ”(Our currency, your problem)

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีความสำคัญมากในยุคเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะนานาประเทศหวังพึ่งตลาดต่างประเทศเพื่อทดแทนการหดตัวของตลาดในประเทศ การบริหารอัตราแลกเปลี่ยนให้เงินอ่อนลงเพื่อส่งเสริมการแข่งขัน (Competitive devaluation) เป็นมาตรการที่ธนาคารกลางทั่วโลกใช้มานาน

ถ้าหลายประเทศใช้พร้อมกันก็เกิดสงครามเงินตรา (Currency war) กล่าวคือ ความพยายามทำให้เงินอ่อนตัวจนอาจลุกลามเป็นความขัดแย้งทางการเมือง

สงครามเงินตราเกิดขึ้นหลายครั้งในอดีต เช่น สงครามเงินตราในสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งจบลงด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศอุตสาหกรรมให้เงินเยนและเงินมาร์คแข็งตัวขึ้น

สงครามเงินตราที่มีผลกระทบมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินระหว่างประเทศคือสงครามเงินตราในสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศอุตสาหกรรมจนวิกฤตเศรษฐกิจลุกลามไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 วิกฤตดังกล่าวได้ลุกลามมาถึงไทยจนเกิดแรงกดดันให้เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475

ภาวะบาทแข็งในปัจจุบัน

โดยนิยามการอ่อนตัวของเงินดอลลาร์คือการแข็งตัวของเงินสกุลอื่น การประเมินภาวะบาทแข็งต้องคำนึงถึงโครงสร้างการค้าขายระหว่างประเทศเพราะเงินของประเทศคู่ค้าก็ปรับตัวด้วย

เราต้องดูค่าเฉลี่ยของการปรับตัวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับเงินของประเทศคู่ค้าต่างๆ นอกจากนี้ราคาสินค้าส่งออกขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อด้วย

ดังนั้นเราต้องปรับค่าเฉลี่ยดังกล่าวด้วยอัตราเงินเฟ้อของไทยและประเทศคู่ค้า สถิตินี้เรียกว่าดัชนีค่าเงินที่แท้จริง (Real effective exchange rate)

รูปข้างล่างแสดงดัชนีค่าเงินที่แท้จริงของไทยและประเทศคู่แข่งที่สำคัญระหว่าง ม.ค. 2550 และ ก.ย. 2553

ประเด็นคือการเปลี่ยนแปลงของดัชนีไม่ใช่ระดับของดัชนี การปรับตัวขึ้นของดัชนีบ่งบอกว่าเงินแข็งขึ้น รูปนี้สมมุติให้ดัชนีเดือน ม.ค. 2550 เป็น 100

ปี 2550 เป็นปีที่วิกฤตการเงินปะทุที่สหรัฐฯ ปัญหาหนี้เสียจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยทำให้แบร์สเติร์นส์ (Bear Stearns) ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจเก่าแก่ต้องปิดกิจการ

เห็นได้ชัดว่า เงินดอลลาร์สหรัฐฯเอ่อนลงเพียงสกุลเดียว เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. 2550 แล้วเงินดอลลาร์อ่อนลง 6% เงินเยนแข็งที่สุดคือแข็งขึ้น 23%

แต่ต้นปีที่แล้วเงินเยนญี่ปุ่นแข็งขึ้นถึง 30% รองลงมาคือเงินหยวนจีนซึ่งแข็งขึ้น 16% ต้นปีที่แล้วเงินหยวนแข็งขึ้นถึง 20% เงินสกุลอาเซียนทั้ง 4 สกุลได้แก่ดอลลาร์สิงคโปร์ เงินบาท เปโซฟิลิปปินส์ และริงกิตมาเลเซียแข็งขึ้นไล่เลี่ยกันด้วยอัตรา 11% 9% 8% และ 7% ตามลำดับ ยังไม่มีสถิติของเดือนนี้ซึ่งเป็นเดือนที่เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจนทะลุอัตรา 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามชัดเจนว่า สหรัฐฯชนะสงครามเงินตราครั้งนี้อย่างขาดลอย เงินดอลลาร์ไม่เพียงแต่อ่อนค่าลงแต่เงินสกุลอื่นๆยังแข็งขึ้นมากกว่าที่เงินดอลลาร์อ่อนลงเสียอีก




ใครได้ใครเสียจากภาวะบาทแข็ง?

กลุ่มที่เสียหายจากภาวะบาทแข็งคือผู้ส่งออก โดยเฉพาะผู้ส่งออกรายย่อยที่รายจ่ายตายตัว (Fixed cost) มีมูลค่าสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าการผลิต เมื่อผู้ส่งออกเสียหายแรงงานในภาคส่งออกก็ได้รับผลกระทบด้วย

งานวิจัยเชิงประจักษ์พบว่า การแข็งค่าของเงินมีผลกระทบเชิงลบต่อมูลค่าการส่งออกด้วยความเฉื่อยประมาณ 6-12 เดือน

ถ้าค่าเงินแข็งวันนี้มูลค่าส่งออกจะลดลงใน 6-12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากสัญญาซื้อขายสินค้ากำหนดราคาและปริมาณสินค้าก่อนค่าเงินจะเปลี่ยน และผู้ส่งออกมักยอมลด Profit margin(ส่วนต่างกำไร) ในระยะสั้น

ดังนั้นสถิติการส่งออกในระยะสั้นจะไม่แสดงผลกระทบจากจากค่าเงิน ผลกระทบต่อปริมาณการส่งออกขึ้นอยู่กับทั้งอัตราการแข็งค่าของเงินและความยืดหยุ่นของการทดแทน (Elasticity of substitution) ของสินค้า แม้ว่าเงินบาทแข็งขึ้นด้วยอัตราที่ต่ำกว่าดอลลาร์สิงคโปร์ 2% (ดูดัชนีค่าเงินที่แท้จริงในรูปข้างบน)

แต่สินค้าและบริการของไทยยังมีคุณภาพไม่สูงทำให้ประเทศคู่ค้าทดแทนด้วยสินค้าและบริการจากประเทศคู่แข่งได้ง่าย

ดังนั้นการหดตัวของปริมาณการส่งออกของไทยน่าจะมากกว่าการหดตัวของปริมาณสินค้าและบริการจากสิงคโปร์

กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาวะบาทแข็งมี 5 กลุ่ม

1.ผู้นำเข้าสินค้าบริโภค (Consumption goods) จากต่างประเทศและผู้บริโภค ในแง่ดีภาวะบาทแข็งทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสบริโภคสินค้าที่หลากหลายและได้ใช้สินค้าคุณภาพสูงในราคาที่ต่ำลง

ในแง่ไม่ดีทำให้สินค้าฟุ่มเฟือยราคาต่ำลง อาจทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มสร้างหนี้สินเพื่อบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย

2.ผู้นำเข้าสินค้าทุน (Capital goods) ที่จำเป็นต่อการผลิตสินค้าเพื่อบริโภคในประเทศ เช่น ผู้นำเข้าเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง ในแง่ดีผู้ประกอบการแบ่งกำไรให้แรงงานได้โดยการขึ้นค่าแรงและนำกำไรไปลงทุนเพื่อยกระดับเทคโนโลยีได้

ในแง่ไม่ดีผู้ประกอบการอาจผูกขาดทั้งตลาดแรงงานและตลาดสินค้า ในกรณีนี้กำไรจากภาวะบาทแข็งจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้มากขึ้น

3.นักลงทุนไทยในตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ ได้กำไรจากส่วนต่างของราคาทรัพย์สิน เพราะเม็ดเงินจากทุนต่างชาติเข้ามาหนุนแรงซื้อ แม้ว่ากฏหมายไทยในปัจจุบันยังไม่ยินยอมให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของห้องชุดคอนโดมิเนียมและสามารถจดทะเบียนร่วมทุนกับคนไทยเพื่อทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์

4.นักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้นและตลาดอสังหาฯ กำไรที่ชัดเจนที่สุดคือส่วนต่างดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ ส่วนการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยไม่ต้องเสียภาษีเหมือนในสหรัฐฯและอังกฤษ (และอีกหลายประเทศ) ทุนต่างชาติมีปริมาณสูงมากจึงสามารถดันราคาสินทรัพย์ในตลาดทุนให้ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในอนาคตเมื่อทุนต่างชาติไหลออกราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวลงอย่างรวดเร็วแต่ทุนต่างชาติเป็นผู้กำหนดราคา ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นจะรับภาระขาดทุนหลังทุนต่างชาติออกไปแล้ว

การลงทุนในตลาดอสังหาฯไทยก็ไม่มีภาษีทรัพย์สินแบบในสหรัฐฯหรือยุโรป ผลกำไรสุทธิจากตลาดอสังหาฯไทยจึงมากกว่าการลงทุนในต่างประเทศเมื่อเปรียบเทียบกับอสังหาฯที่ราคาเท่ากัน

5.กลุ่มทุนไทยที่นำทุนออกไปซื้อกิจการต่างประเทศ ในแง่ดีกลุ่มนี้สามารถซื้อเทคโนโลยีแล้วนำเข้ามาต่อยอดในประเทศเพื่อยกระดับเทคโนโลยีและช่วยสร้างงาน

ในแง่ไม่ดีคือการลงทุนซื้อกิจการต่างประเทศอาจเป็นเพียงการเก็งกำไรในระยะสั้น เมื่อเงินบาทอ่อนลงในอนาคตหลังจากที่ทุนต่างชาติไหลออกแล้ว กลุ่มนี้สามารถขายกิจการในต่างประเทศแล้วนำกำไรจากส่วนต่างกลับมาซื้อทรัพย์สินในไทย วิธีการทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวคล้ายคลึงกับการช้อนซื้อทรัพย์สินไทยโดยกลุ่มทุนต่างชาติด้วยราคาถูกหลังวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540

มาตรการแก้ไขปัญหาเงินดอลลาร์อ่อนตัว

ประเทศต่างๆรับมือกับภาวะดอลลาร์อ่อนตัวด้วยมาตรการดังต่อไปนี้

1.การแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศ เช่น การแทรกแซงของธนาคารกลางญี่ปุ่น จีนและสิงคโปร์ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงค์ชาติได้เปลี่ยนมาใช้ระบบแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่เสรีกว่าระบบตะกร้าเงินตั้งแต่ปี 2540

ระบบนี้เป็นผลโดยตรงจากการสูญเสียทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ถ้าตอนนี้ไทยหันกลับไปใช้ระบบเดิมแบงค์ชาติก็ต้องแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศด้วยการขายเงินบาทและซื้อเงินดอลลาร์ นโยบายนี้จะสร้างปัญหาเงินเฟ้อและเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่

ปัญหาเงินเฟ้อก็เป็นปัญหาสำหรับจีน แต่จีนถือว่า ซื้อเวลาเพื่อใช้ภาคส่งออกถ่ายเทแรงงานออกจากภาคเกษตร ที่สำคัญจีนต่อรองให้บรรษัทข้ามชาติขึ้นค่าแรงได้

ดังนั้นผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อต่อคุณภาพชีวิตของคนรายได้ต่ำในจีนน้อยกว่าในไทย

นอกจากนี้จีนมีอำนาจในตลาดสินค้าโลกจึงกำหนดราคาสินค้าส่งออกให้ชดเชยอัตราเงินเฟ้อได้ ส่วนญี่ปุ่นไม่มีปัญหาเงินเฟ้อและมีปัญหาประชากรลดลงซึ่งเป็นปัจจัยหนุนภาวะเงินฝืด ดังนั้นญี่ปุ่นจึงแทรกแซงตลาดเงินตราต่างประเทศโดยไม่ต้องกังวลปัญหาเงินเฟ้อ

ส่วนสิงคโปร์มีความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่ต่ำกว่าไทยเพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสิงคโปร์มีขนาดเล็กมาก

2.การสนับสนุนให้ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าทำสัญญาค้าขายระหว่างประเทศและชำระเงินด้วยเงินสกุลของตนแทนเงินดอลลาร์

นโยบายนี้ใช้ในสหภาพยุโรปและจีน นโยบายของจีนได้รับการตอบรับที่ดีจากธนาคารต่างชาติรวมทั้งธนาคารอเมริกัน วิธีบริหารความเสี่ยงแบบนี้ราคาถูกกว่าทำสัญญาซื้อขายเงินตราล่วงหน้าและเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาเงินเป็นเงินนานาชาติเพื่อแข่งขันกับเงินดอลลาร์ในอนาคต

ไทยมีอำนาจต่อรองในตลาดสินค้าและตลาดเงินตราต่างประเทศน้อยกว่าสหภาพยุโรปและจีน ไทยจึงไม่สามารถสนับสนุนให้ผู้ส่งออกทำสัญญาซื้อขายสินค้าด้วยเงินบาทได้ จึงสนับสนุนให้ผู้ส่งออกทำสัญญาซื้อขายเงินบาทล่วงหน้าแทน

การบริหารความเสี่ยงด้วยวิธีนี้มีข้อจำกัดตรงที่ว่าเงินบาทไม่ใช่เงินสกุลหลักที่มีปริมาณการซื้อขายล่วงหน้ามากแบบเงินเยน ในภาวะความเสี่ยงสูงมักหาคู่ค้าธุรกรรม (Counterparty) ยากและทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมสูงขึ้น

3.การลดดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐฯเพื่อลดส่วนต่างดอกเบี้ย เช่น นโยบายของธนาคารกลางที่ญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์ อังกฤษ สิงคโปร์ ฯลฯ

นโยบายนี้เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่ เพราะทำให้ทุนในประเทศไหลเข้าตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ และตลาดอสังหาฯแทนทุนต่างชาติ ประเทศที่ตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาสามารถใช้นโยบายนี้ได้

โปรดสังเกตุว่าการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือน ตค. 2551 เป็นการประสานนโยบายลดดอกเบี้ยพร้อมธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ และแคนาดา ความร่วมมือดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามเงินตราระหว่างประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก

4.นโยบายควบคุมการไหลเวียนของทุนต่างชาติ มีทั้งที่ใช้กฏเกณฑ์จำกัดธุรกรรมแบบจีนหรืออินเดีย และการเก็บภาษีจากเงินทุนต่างชาติแบบบราซิล

ในปีนี้บราซิลได้ประกาศขึ้นอัตราภาษีที่เก็บจากทุนต่างชาติถึง 2 ครั้ง ภาษีดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับทุนต่างชาติทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้น มีผลบังคับครอบคลุมถึงกองทุนรวม กองทุนบำนาญและเฮดจ์ฟันด์จากต่างประเทศ

การส่งเสริมให้ทุนไหลออกนอกประเทศไม่ใช่มาตรการโดยตรงที่ทำให้เงินอ่อนค่าลง จีนคือตัวอย่างที่ชัดเจน แม้จีนอนุญาตให้คนจีนไปลงทุนในต่างประเทศได้บ้างและให้สถาบันการเงินต่างชาติเริ่มซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลจีน นโยบายนี้เป็นยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาเงินหยวนให้เป็นเงินนานาชาติเพื่อแข่งขันกับเงินดอลลาร์ในอนาคต และใช้พร้อมกับการทำสัญญาค้าขายระหว่างประเทศด้วยเงินหยวน

ปัจจุบันกระทรวงการคลังของไทยได้เสนอให้จัดเก็บภาษีจากดอกเบี้ยจากการลงทุนในตราสารหนี้ของทุนต่างชาติด้วยอัตรา 15% แต่ยังไม่ปรากฏชัดเจนว่า รัฐสภาจะอนุมัติเมื่อไรและจะมีผลบังคับใช้เมื่อไร จึงกล่าวได้ว่า ไทยยังไม่มีมาตรการควบคุมการไหลเวียนของทุนต่างชาติ

ทางเลือกของไทย

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ไทยมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากกว่าญี่ปุ่น มีอำนาจต่อรองในตลาดสินค้าโลกน้อยกว่าจีน มีอำนาจต่อรองค่าแรงกับบรรษัทข้ามชาติน้อยกว่าจีน มีตลาดอสังหาฯขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์

ดังนั้นการเข้าร่วมสงครามเงินตราด้วยการแทรกแซงในตลาดเงินตราต่างประเทศไม่ใช่นโยบายที่ดีทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การลดดอกเบี้ยก็ทำได้เพียงเล็กน้อยเพราะตลาดหลักทรัพย์และตลาดอสังหาฯของไทยไม่ซบเซา

ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวที่ไม่ลดดอกเบี้ยให้ใกล้เคียงกับสหรัฐฯ บราซิลก็จำเป็นต้องใช้ดอกเบี้ยสูงกว่าสหรัฐฯเพื่อควบคุมเงินเฟ้อและความเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่

ทางเลือกอื่นคือการควบคุมการไหลเข้าของทุนต่างชาติควบคู่ไปกับการลดดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อยหรือคงดอกเบี้ยไว้

การควบคุมทุนต่างชาติมี 2 วิธี หนึ่งคือกระทรวงการคลังเก็บภาษีจากทุนต่างชาติเหมือนนโยบายในบราซิล

สองคือวิธีที่ชิลีใช้ในอดีต กล่าวคือ ธนาคารกลางกำหนดว่ากี่เปอร์เซ็นต์ของทุนต่างชาติที่ไหลเข้าตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นต้องกลายเป็นทุนสำรองในบัญชีที่ไม่ได้ดอกเบี้ยนานเท่าไร

ที่สำคัญคือต้องประกาศกฏเกณฑ์ให้นักลงทุนรู้ล่วงหน้าว่าจะมีผลบังคับใช้เมื่อไร ไม่ใช่ทำโดยไม่ประกาศล่วงหน้าแบบที่ไทยลองเมื่อ 3 ปีที่แล้ว การประกาศล่วงหน้าจะป้องกันภาวะตื่นตระหนกในตลาดทุน

ทุนต่างชาติไหลทะลักเข้าตลาดทุนไทยใน 3-4 ปีที่ผ่านมาเพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและดอกเบี้ยต่ำที่สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้สถาบันการเงินต่างชาติไม่ค่อยมีที่เก็งกำไร ด้วยเหตุนี้อำนาจต่อรองของไทยในตลาดทุนจึงสูงกว่าทศวรรษที่แล้วมากมาย

ขณะนี้ไทยสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเพื่อตั้งกฎเกณฑ์ควบคุมทุนต่างชาติให้มีแรงจูงใจลงทุนระยะยาว มิฉะนั้นทุนต่างชาติจะเก็งกำไรและดันให้เงินบาทแข็งจนอาจจะทำลายฐานส่งออก เมื่อทุนต่างชาติไหลออกในภายหลัง เงินบาทจะอ่อนตัวลง แต่ตอนนั้นฐานส่งออกอาจจะถูกทำลายแล้ว ผู้ส่งออกไม่สามารถปรับตัวในเวลาระยะสั้น เมื่อเทียบกับมูลค่าผลผลิตแล้วรายจ่ายตายตัว (Fixed cost) ของการผลิตเพื่อส่งออกสูงกว่าการรายจ่ายตายตัวของการลงทุนในตลาดทุน

แม้ว่าในระยะยาวทุกประเทศมีเป้าหมายลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ โครงสร้างเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังห่างไกลจากจุดนั้นเป็นทศวรรษ

ในด้านการผลิตไทยยังไม่ใช่เจ้าของเทคโนโลยีที่ผลิตสินค้าและบริการที่จำเป็นต่อการบริโภค อาทิ การรักษาพยาบาล อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องจักรกล ยานพาหนะ ฯลฯ

ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นตัวอย่างชัดเจนของประเทศที่ปรับค่าเงินหลังพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว การพัฒนาคุณภาพสินค้าส่งออกขึ้นอยู่กับทั้งภาคส่งออกและภาคธุรกิจอื่นเพราะคุณภาพวัตถุดิบและบริการที่เป็นปัจจัยการผลิตมีอิทธิพลกับคุณภาพสินค้าส่งออกเท่ากับเทคโนโลยีของผู้ส่งออก

ดังนั้นคุณภาพแรงงานในภาคธุรกิจอื่นมีผลกระทบต่อคุณภาพสินค้าส่งออกด้วย เป็นไปไม่ได้ที่ภาคส่งออกจะพัฒนาคุณภาพสินค้าได้ฉับไวในเวลาไม่กี่ปี

ในด้านการบริโภค กำลังซื้อในไทยยังไม่สูงพอที่จะยกระดับรายได้และฐานภาษีเพื่อสร้างสวัสดิการสังคม สวัสดิการสังคมในที่นี้คือการประกันความเสี่ยงขั้นพื้นฐานที่แม้แต่ประเทศทุนนิยมสุดขั้วอย่างสหรัฐฯยังมี เช่น ประกันการตกงาน (Unemployment insurance) ดังนั้นการส่งออกจะมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาไทยไปอีกหลายทศวรรษ

การแทรกแซงตลาดทุนเพื่อแก้ปัญหาบาทแข็งจึงเป็นนโยบายที่สำคัญมากต่ออนาคตของไทย

แม้ว่าสถาบันการเงินต่างชาติจะไม่ชื่นชอบนโยบายควบคุมทุนต่างชาติ ถ้าเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพสถาบันการเงินต่างชาติจะปรับตัวได้เอง เพราะการลงทุนในตลาดทุนมีรายจ่ายตายตัว (Fixed cost) ที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับมูลค่าการผลิต ไทยไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าทุนต่างชาติจะไม่ไหลกลับมา แม้แต่อาร์เจนตินาที่เคยชักดาบไม่จ่ายดอกเบี้ยตอนเศรษฐกิจตกต่ำก็ไม่มีปัญหาว่าเงินทุนนอกไม่ไหลกลับ เมื่อเศรษฐกิจในประเทศดีหรือเมื่อเศรษฐกิจต่างประเทศซบเซาทุนต่างชาติจะไหลกลับมาเอง

แม้ IMF จะคัดค้านการควบคุมทุนต่างชาติ นั่นไม่ได้หมายความว่าไทยจะเสียสิทธิการเป็นสมาชิกของ IMF ไทยไม่จำเป็นต้องตามนโยบายของ IMF ตราบใดที่ไม่กู้เงินจาก IMF

นอกจากนี้สมดุลอำนาจใน IMF ได้มาถึงยุคเปลี่ยนผ่านแล้ว อีกไม่นานประเทศในเอเชียตะวันออกและตะวันออกกลางจะมีอำนาจใน IMF สูสีกับสหรัฐฯและสหภาพยุโรปโดยการนำของจีน เกาหลีใต้ และซาอุดิอาระเบีย ส่วนประเทศในละตินอเมริกามีบราซิลเป็นหัวหอกต่อรองเพื่อเปลี่ยนแปลงสมดุลอำนาจใน IMF

ปรากฎการณ์ที่ทุนต่างชาติไหลทะลักเข้าตลาดทุนไทยเพราะภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและดอกเบี้ยต่ำที่สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น เหมือนการไหลทะลักของทุนต่างชาติเข้าตลาดทุนไทยก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540

ถ้าทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาดันราคาทรัพย์สินในตลาดทุนและตลาดอสังหาฯอย่างเสรีต่อไป เมื่อเศรษฐกิจประเทศอื่น(ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสหรัฐฯ ยุโรปหรือญี่ปุ่น)ดีขึ้นหรือเมื่อต่างประเทศปรับดอกเบี้ยขึ้น หรือเมื่อความเสี่ยงด้านการเมืองไทยเพิ่มขึ้น เงินทุนต่างชาติจะไหลออกแล้วตลาดทุนและตลาดอสังหาฯจะซบเซาเหมือนวิกฤตต้มยำกุ้งและนั่นจะยิ่งซ้ำเติมความเสียหายจากภาคส่งออกจนอาจก่อปัญหนี้เสียในสถาบันการเงินได้

นโยบายควบคุมทุนแบบชิลิน่าจะป้องกันการไหลออกของทุนอย่างกะทันหันและสร้างเสถียรภาพได้มากกว่าการเก็บภาษีจากทุนต่างชาติแบบบราซิล การไหลออกของทุนต่างชาติอย่างกะทันหันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินครั้งใหญ่เหมือนหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง


กล่าวคือ ทุนต่างชาติจะย้อนกลับมาซื้อทรัพย์สินไทยด้วยราคาถูกในภายหลังแต่คราวนี้จะมีกลุ่มทุนไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศกลับมาซื้อทรัพย์สินด้วย การเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหลังวิกฤตการเงินมักทำให้ปัญหาทุนผูกขาดย่ำแย่ลง ดังที่ไทยได้เรียนรู้มาแล้วจากวิกฤตต้มยำกุ้ง

บทสรุป

“สงครามคือธุรกิจ”ไม่ว่าจะเป็นสงครามเงินตราหรือสงครามระหว่างกองทัพ สงครามทุกครั้งทำกำไรให้คนบางกลุ่มในขณะที่คนบางกลุ่มขาดทุน ภาวะบาทแข็งทำกำไรให้ผู้นำเข้าสินค้าและบริการ กลุ่มทุนไทยที่ซื้อกิจการต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทยในตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้นและตลาดอสังหาฯ แต่ให้โทษแก่ผู้ส่งออกและแรงงานในภาคส่งออก

ภาคธุรกิจที่ได้กำไรจากภาวะบาทแข็งคือภาคที่มีค่าแรงสูงกว่า แต่จะซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำของรายได้ การเรียกร้องให้ภาคส่งออกพัฒนาคุณภาพสินค้าไม่ใช่วิธีการรับมือภาวะบาทแข็งที่ตั้งอยู่บนความเป็นจริง

การพัฒนาคุณภาพสินค้าส่งออกต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพวัตถุดิบ สินค้าและบริการในภาคธุรกิจอื่นซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตสินค้าส่งออก รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพคน

ในทางกลับกันกลุ่มที่ปรับตัวได้ง่ายกว่า คือผู้ลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นโดยเฉพาะผู้ลงทุนชาวต่างชาติที่ลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น

นโยบายควบคุมทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นจะช่วยบรรเทาพิษของสงครามเงินตราครั้งนี้
--------------------

หมายเหตุ- กานดา นาคน้อย จบปริญญาเอกเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาสแตนฟอร์ด ด้วยทุนของมหาวิทยาสแตนฟอร์ดและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ( IMF) จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Hitotsubashi ในญี่ปุ่น ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวโดยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เคยทำงานเป็นที่ปรึกษาช่วงสั้นๆให้กับธนาคารโลกและIMF ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Purdue ในสหรัฐอเมริกา

ที่มา มติชน


Create Date : 22 ตุลาคม 2553
Last Update : 22 ตุลาคม 2553 3:51:13 น. 0 comments
Counter : 599 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.