แชมป์รวยหุ้นไทยไม่ใช่อนันต์ อัศวโภคิน!?
1.จากข่าวนี้ครับ 'อนันต์ อัศวโภคิน'แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย 2007มูลค่า 13,230.23 ล้านบาท ทั้งนี้จากการจัดอันดับของนิตยสารการเงินการธนาคาร
//www.matichon.co.th/news_title.php?id=933
2.อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นนิตยสารบลูมเบิร์กรายงานข่าวว่า คนที่เป็นแชมป์นักลงทุนที่รวยหุ้นที่สุดในตลาดหุ้นไทยไม่ใช่คุณอนันต์หรอกครับ แต่เป็นอีกท่าน //www.bloomberg.com/apps/news?pid=20602005&sid=aZ0o4kBLphDs&refer=world_indices
3.เพื่อเป็นการนำเสนอข้อมูลที่แท้จริง จึงขอให้ทุกท่านได้ตรวจสอบข้อมูลที่แท้จริงซึ่งตลาดหลักทรัพย์รายงานไว้ดังนี้ครับ
1.SAMCO : บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) -xxxถือหุ้นอยู่ 197,414,850 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=samco&language=th&country=TH
2.TIC : บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) -xxxมี 3,526,567 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=tic&language=th&country=TH
3.MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) -xxx 42,583,274 หุ้น -xxx 17,300,800 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=mint&language=th&country=TH
4.SINGER : บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) -xxx 1,383,770 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=singer&language=th&country=TH
นับจากตรงนี้เป็นส่วนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
5.DVS : บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) -xxx 10,475,992 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=dvs&language=th&country=TH
6.SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) -xxx 360,000,000 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=scc&language=th&country=TH
7.SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) -xxx 100,265,685 หุ้น -xxx 50,000,000 หุ้น //www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=holder&symbol=SCB&language=th&country=TH
รวมมูลค่าตลาดที่ถือประมาณ150,000ล้านบาท มากกว่าที่นายอนันต์มีมูลค่าเพียง13,000ล้านบาท
จากคุณ : ป๋ามาแล้ว - [ 13 ธ.ค. 50 11:14:19 A:58.10.128.212 X: ]
ในหลวงของไทยครองตำแหน่งนักลงทุนอันดับ1ของประเทศ
โดยวิลเลียม เมลเลอร์ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (*บลูมเบิร์กเป็นสำนักข่าวด้านการเงินการลงทุนที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของโลก-ผู้แปล)
นักลงทุนเองต่างได้พบความน่าสนใจประการหนึ่งเกี่ยวกับในหลวงของไทย นั่นก็คือว่าการถือครองสิริราชย์สมบัติผ่านทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กว่า5,000ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเรืองนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความผันผวนใดๆในประเทศไทย
ในเดือนกันยายน2549 คณะทหารได้ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตร แบบไม่มีการนองเลือด,ตลาดหุ้นไทยซึ่งเคยบวกแรงไปกว่า136% ในปี2546 นับเป็นตลาดหุ้นที่ขึ้นได้แรงที่สุดในโลกในปีนั้น พอเกิดรัฐประหารได้ตกลง15% หรือมูลค่าการตลาดหายไป23พันล้านเหรียญภายในวันเดียว แต่เมื่อวันที่31กรกฎาคม2550 ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นมาอยู่ที่859.76 จุด เป็นการปรับตัวขึ้นมาราว27%นับแต่ต้นปีนี้ แต่ก็ยังมาได้แค่ครึ่งทาง จากที่เคยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ไว้ที่1,753จุด เมื่อปีพ.ศ.2537 ก่อนที่ไทยจะเจอปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ จนต้องลดค่าเงินบาทในปี2540 ส่งผลสะเทือนให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินทั่วภูมิภาคเอเชีย
นับแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศไทยซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ2ในบรรดา10ประเทศอาเซียน ก็ต้องมาเจอกับการต่อสู้เรียกร้องอิสระของกองโจรมุสลิมชายแดนภาคใต้ ในขณะที่คนไทยนับถือพุทธมากกว่า90% คณะทหารเมื่อเข้ามายึดอำนาจขับทักษิณออกไปแล้วก็มีการประกาศสวาะฉุกเฉินหลายพื้นที่ รวมทั้งปิดสภา แม้จะมีความยุ่งยากนานาประการ กระนั้นก็ดีหุ้นที่ในหลวงถืออยู่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าสภาวะของตลาด
"เพชร"
“ในหลวงทรงเป็นเพชรสำหรับสังคมไทย” จูดี้ เบนน์ กรรมการสภาหอการค้าอเมริกัน-ไทยกล่าวแสดงความห็น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดกว่า30%ในหุ้นเครือซิเมนต์ไทย ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีพนักงานในเครือกว่า24,000คน ผลิตสินค้านับตั้งแต่เคมีภัฑ์ ไปยันวัสดุก่อสร้างสารพัด ราคาหุ้นSCCหรือเครือซิเมนต์ไทยซื้อขายกันที่272บาท ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2550 นับจากที่เคยลงไปต่ำสุดที่17บาทในปี2541 หลังวิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี40 เมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่ดัชนีหุ้นไทยลงไปแย่สุดในปี2541 ส่วนหุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือSCB ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ3ของไทย และในหลวงทรงถือหุ้นอยู่21%ก็ปรับตัวเพิ่มมากถึง41%นับแต่ต้นปีถึงวันที่31กรกฎาคม2550 ส่วนเทเวศร์ประกันภัย ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินฯถืออยู่87% ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่า28%นับแต่ต้นปี และขึ้นมามากถึง500%นับจากปี2541
หากนับหุ้นที่ถือผ่านสำนักงานทรัพย์สินฯแล้ว ก็จะคิดเป็น7.5%ของมูลค่าตลาดรวมของตลาดหุ้นไทย
“ซื้อหุ้นไทย”
เมื่อพิจารณาจากภาพรวมแล้วตลาดหุ้นไทยยังตามหลังตลาดหุ้นส่วนใหญ่อยู่มาก ณ 31 กรกฎาคม2550 ตลาดหุ้นไทยนับว่ายังถูกที่สุดเมื่อพิจารณาจากค่าP/E(อัตราส่วนของราคาหารด้วยกำไรของบริษัทในตลาด)ของตลาดหุ้นย่านเอเชีย 14 ประเทศ โดยมีค่าP/Eที่12.6เท่า ยิ่งหากไปเทียบกับตลาดหุ้นเซินเจิ้น และตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ของจีนที่เทรดอยู่ ณ ระดับ38.5เท่า ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าหุ้นไทยถูกมาก
นักวิเคราะห์ในโบรกเกอร์HSBCที่มีฐานในลอนดอน และนักวิเคราะห์จากMcquarieที่มีฐานในซิดนีย์ได้พากันแนะนำให้ลูกค้าเข้ามาลงทุนในหุ้นไทย
“ตอนนี้เป็นเวลายอดเยี่ยมที่จะซื้อหุ้นไทย”ดั๊ก บาร์เน็ตต์ กรรมการผู้อำนวยการเควสต์แมเนจเมนต์ ซึ่งมีวงเงินลงทุน300ล้านเหรียญฯในกองทุนโฟกัสไทยอิควิตี้เผย ทำนองเดียวกับมหาเศรษฐีหุ้นฮูเลี่ยน โรเบิร์ตสัน และจอห์น เทมเพิลตัน ที่กล่าวว่า”หุ้นไทยถูกมาก ยังจะวิ่งได้อีกราว40% ถึงจะไปทันราคาเฉลี่ยของตลาดหุ้นอื่นๆในย่านเอเชีย”
ประชาธิปไตยจะกลับมา?
“ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นไปได้อีก50%”แกรี อีแวนส์ นักกลยุทธ์ของHSBCที่มีฐานในฮ่องกงกล่าว โดยเขาบอกว่ามีโอกาสมากกว่า70%ที่การฟื้นฟูประชาธิปไตยในไทยจะบรรลุผลสำเร็จ
การฟื้นฟูประชาธิปไตยดูมีความก้าวหน้าขึ้น โดยเมื่อวันที่6กรกฎาคม2550 สภาของระบอบปกครองเผด็จการได้สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหากผ่านการลงประชามติ การเลือกตั้งทั่วไปก็คาดว่าจะมีขึ้นภายในวันที่25พฤศจิกายนนี้เป็นอย่างเร็ว ทั้งนี้จากการเปิดเผยของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
นักลงทุนซึ่งตกใจกลัวจากเหตุการณ์รัฐประหารก็กำลังเฝ้าจังหวะที่จะกลับมาช้อนซื้อหุ้นไทยอยู่ แต่ระหว่างนั้นก็เข้าไปลงทุนในหุ้นที่ในหลวงทรงถือหุ้นใหญ่อยู่ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นว่าพระองค์ทรงอยู่ในพระราชบัลลังก์มาอย่างมั่นคงกว่า61ปีแล้ว ก็นับว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศไทย รวมทั้งเป็นประเทศเกษตรและอุตสาหกรรมที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเป็นทั้งประเทศที่ส่งออกข้าวใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นศูนย์หกลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน
“ตอนนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังต่ำกว่าจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อปี2537อยู่มากถึง60%”ดร.มาร์ค โมเบียส ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนมูลค่ากว่า320พันล้านเหรียญฯให้กับเทมเพิลตันแอสเซ็ทแมเนจเม้นต์ในสิงคโปร์กล่าว และเปฌ็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทย รวมทั้งหุ้นที่ในหลวงทรงถือหุ้นใหญ่ด้วยคือเครือซิเมนต์ไทย และธนาคารไทยพาณิชย์
“เป็นที่รู้กันดีว่าหุ้นของบริษัทที่ถือหุ้นใหญ่โดยพระราชวงศ์ของไทยที่ได้รับการสักการบูชาสูงยิ่งก็จะได้รับการเอื้ออำนวยในด้านต่างๆด้วย”โรเบิร์ต เพนนาลูซา ประธานบริหารของกองทุนอะเบอร์ดีน แมเนจเม้นต์ ที่มีฐานในกรุงเทพฯกล่าว
“เราได้พบคุณค่าที่น่าดึงดูดใจในหุ้นเหล่านี้”เพนนาซูลาซึ่งบริหารเงินลงทุนกว่า2.2พันล้านเหรียญฯ รวมทั้งหุ้นSCC SCBกล่าว
กษัตริย์ของไทยทรงอยู่ในราชบัลลังก์อย่างมั่นคง แม้ว่าจะ ผ่านการยึดอำนาจรัฐประหารมากว่า18ครั้ง และการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีมา26คน นับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ประชาธิปไตยเมื่อปี2475 แม้จะมีการออกกฎหมายจำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์ให้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญเหมือนประเทศอังกฤษ
ยุวกษัตริย์พระชนม์18
ในปี2476 พระปกเกล้าฯทรงสละราชสมบัติ และพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระเชษฐาของในหลวงองค์ปัจจุบันได้ทรงสืบราชบัลลังก์มาร่วม10ปี โดยเสด็จไปประทับในสวิตเซอร์แลนด์ระหว่างรับราชสมบัติ แต่ในปี2488ได้เสด็จนิวัติประเทศไทยเพื่อทำพิธีราชาภิเษก 6เดือนถัดมาพระองค์เสด็จสวรรคตบนเตียงในพระราชวังบรมพิมานที่กรุงเทพฯ โดยต้องกระสุนปืนที่วางอยู่ข้างพระวรกาย มีชาย3คนถูกจับกุมตัวและต้องหาว่ากระทำการลอบปลงพระชนม์ และถูกประหารชีวิตในเวลาต่อมา
เมื่อในหลวงภูมิพลทรงพระชนมายุ18พรรษานั้น ไทยเกือบจะไร้กษัตริย์ ทั้งนี้จากการเปิดเผยของมีชัย วีระไวทยะ อดีตประธานธนาคารกรุงไทย แบงก์ใหญ่ดันดับ2กล่าว
ในหลวงภูมิพลซึ่งศึกษาในวิชารัฐศาสตร์,รัฐประศาสนศาสตร์และกฎหมายในมหาวิทยาลัยโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องทรงพระราชอุตสาหะในการเสด็จกลับมาฟื้นฟูพระเกียรติแห่งราชบัลลังก์ ทรงเสด็จไปยังท้องถิ่นทุรกันดารของประเทศ จัดตั้งฟาร์ม สนับสนุนการชลประทานเพื่อการประมง และสนับสนุนฟื้นฟูชนบทซึ่งกว่าครึ่งอยู่ในสภาพยากจนข้นแค้น
สมาชิกในพระราชวงศ์ได้ผลักดันให้รัฐบาลคืนทรัพย์สินที่ดินและหลักทรัพย์ของระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่ถูกยึดไปนับแต่ปี2475 ด้วยความที่เป็นที่ชื่นชมพระบารมีอย่างสูงยิ่ง ทำให้พระราชบารมีเป็นที่แผ่ไพศาลมั่นคง ทั้งนี้จากการรายงานของพอล แฮนด์ลีย์ ผู้เขียนหนังสือ The King Never Smile
สิริราชย์สมบัติ
ในปัจจุบันพระเจ้าอยู่หัวทรงมีที่ดิน13,000เอเคอร์ ในนั้นกว่า3,000เอเคอร์อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไทย โดยพื้นที่บางแห่งมีมูลค่ากว่า30ล้านเหรียญต่อเอเคอร์ ทั้งนี้จากการประเมินของบริษัทซีพีริชาร์ดเอลลิส บริษัทโบรกเกอร์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
พื้นที่บางส่วนถูกนำไปพัฒนาเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์ใหญ่ที่สุดของประเทศ,สวนลุมไนต์บาร์ซ่า พื้นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ,พื้นที่ถนนราชดำเนินอันเต็มไปด้วยตึกสวยงามและสถานที่ตั้งสำนักงานทรัพย์สินฯ แลโรงแรงโฟร์ซีซั่น และโรงแรมดุสิตธานี
พระเจ้าอยู่หัวยังทรงถือหุ้น87%ในโรงแรมเคมเพนสกี้ ซึ่งมีฐานมาจากมิวนิคด้วย ผ่านทางบริษัทCPB EQUITY ทั้งนี้รายงานในปี2548ระบุว่าเคมเพนสกี้ในไทยมีมูลค่ากว่า716ล้านเหรียญฯ
ตีโต้ได้อย่างน่าทึ่ง
“พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลทรงรื้อฟื้นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง”คริส เบเกอร์ นักประวัติศาสตร์ผู้เขียนเรื่อง”ประวัติศาสตร์ไทย”ร่วมกับดร.สุก พงษ์ไพจิตร โดยชี้ว่า”สำนักงานทรัพย์สินฯคือองค์กรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย”
ด้วยพระราชสิริราชย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ พระเจ้าอยู่หัวกลับไม่มีพระราชประสงค์จะทำตัวเป็นดั่งมหาเศรษฐีทั่วไป พระองค์ท่านเสวยข้าวที่ไม่ด่านโรงสีไฟฟ้าเพื่อดำรงพระชนม์ชีพ ทั้งนี้จากหนังสือของแฮนด์ลีย์ หลังจากพระเชษฐาเสด็จสวรรคต พระองค์และสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นในได้ย้ายออกจากพระราชวังทองไปอยู่ในพื้นที่60เอเคอร์ซึ่งเล็กกว่าพระราชวังเดิม ต่อมาเรียกว่าพระราชวังสวนจิตรลดา ซึ่งอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ
พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปยังต่างประเทศเพียงหนเดียวเท่านั้นในรอบ40ปีที่ผ่านมา นั่นคือประเทศลาว ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ในทางตรงกันข้ามพระองค์ท่านได้พุ่งความสนพระราชหฤทัยไปยังสิ่งที่ได้สถาปนาขึ้นใหม่ และพระองค์เรียกว่า”เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งก็คือเศรษฐกิจที่เน้นความมั่นคงและพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าเน้นการเจริญเติบโตแบบมืดบอด และมีความเสี่ยงสูงมากกว่า
(รายงานข่าวถัดจากนี้เป็นเรื่องยั่วล้อว่าหากบางทีสำนักงานทรัพย์สินฯจะใส่ใจในทฤษฎีใหม่บ้างคงดีไม่น้อย และว่าเนื่องจากไทยอยู่ภายใต้ระบบทุนนิยมโลกเลยหนีไม่พ้นความเสี่ยงสารพัด รวมทั้งการที่ค่าเงินบาทแข็งก็ส่งลกระทบต่อกำไรของทั้งเครือซิเมนต์ไทย และแบงก์ไทยพาณิชย์ให้หดตัวลงมากในช่วงครึ่งแรกของปี2550ด้วย แต่ทว่าราคาหุ้นกลับขึ้น เพราะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุน)
สยามยามอดีต
สิริราชย์สมบัติทั้งปวงนั้นสืบทอดมานับแต่ไทยยังเป็นราชอาณาจักรสยาม และระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นเจ้าของทุกสิ่งอย่าง พระราชวงศ์จักรีนั้นสถาปนาโดยพระรามาธิบดีที่1ซึ่งเป็นพระราชบรรพบุรุษของในหลวงองค์ปัจจุบัน ที่คนในโลกตะวันตกรู้จักดีคือคิงมงกุฎ รัชกาลที่4 ซึ่งถูกนำไปสร้างเป็นละครเพลง”เดอะคิงแอนด์ไอ”และสร้างเป็นภาพยนตร์ในปีค.ศ.1956 โดยมียูล บรีนเนอร์รับบทเป็นคิงมงกุฎ แต่ก็ถูกห้ามฉายในประเทศไทย
กษัตรย์องค์ที่5ของพระราชวงศ์จักรี คือคิงจุฬาลงกรณ์นั้นทรงสถาปนาสำนักงานพระคลังข้างที่ขึ้นมาในปีค.ศ.1890 นักประวัติศาสตร์คือนายเบเกอร์อธิบายว่า เป็นสำนักงานการลงทุนแห่งแรกของกษัตริย์ และในปีค.ศ.1906หรือพ.ศ.2449กว่า100ปีที่แล้วสมาชิกในพระราชวงศ์ได้ก่อตั้งแบงก์สยามกัมมาจล หรือธนาคารไทยพาณิชย์ขึ้น
สละราชสมบัติ,สวรรคต พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่6 กษัตริย์วชิราวุธ และเป็นพระปิตุลาในหลวงองค์ปัจจุบันด้วย ก่อตั้งบริษัทปูนซิเมนต์สยามขึ้นในปี2453 โดยเมื่อแรกเริ่มดำเนินธุรกิจบรรทุกไม้และขนส่งตามแม่น้ำลำคลอง
การสละราชสมบัติของรัชกาลที่7 และการเสด็จสวรรคตของรัชกาลที่8 สร้างให้ในหลวงภูมิพลเป็นที่รู้จักในพระนามรัชกาลที่9 พระองค์เสกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิตติยากร บุตรีทูตไทยในฝรั่งเศส และทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดา4พระองค์
เช่นเดียวกับชายไทยทั่วไป พระองค์ได้ทรงออกผนวชเป็นพระภิกษุอยู่2สัปดาห์ ส่วนการผ่อนคลายพระราชอิริยาบถนั้นพระองค์ท่านทรงโปรดแซกโซโฟนในดนตรีแจซ
(มีความเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจไทยยุคฟองสบู่แตก,บทบาทของในหลวงเกี่ยวกับพระบารมีในการดับวิกฤตการณ์การเมือง รวมทั้งกรณีพฤษภาทมิฬ2535 และกรณีพระรัชทายาทอีกด้วย ท่านที่สนใจกรุณาแปลเองนะครับ)
บทความสรุปลงท้ายว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามด้วยพระบารมีของในหลวงก็ได้ทำให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศได้พบคุณค่าสำคัญประการหนึ่ง นั่นก็คือความมั่นคงในพระราชบัลลังก์อันยาวนาน สามารถ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆมาได้และเพิ่มพูนพระราชอำนาจพระราชบารมี ก็ทำให้นักลงทุนเหล่านั้นต่างเห็นว่าแม้บ้านเมืองของไทยจะเป็นอย่างไร แต่หุ้นที่ในหลวงทรงถืออยู่นั้นมั่นคงปลอดภัยสำหรับการลงทุนเสมอ (ความสุดท้ายนี้ท่าจะจริงครับ เมื่อวานตอนที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กออกรายงานข่าวนี้ และหุ้นไทยตกหนักกว่า30จุดนั้น หุ้นSCCไม่ตกซักบาท ส่วนหุ้นไทยพาณิชย์ ตกแต่พองาม2บาทต่อหุ้น โดยมีแรงซื้อหนุนอยู่ตลอดเวลาที่ข่าวนี้เผยแพร่ไปทั่วโลก)
จากคุณ : Semi - [ 2 มิ.ย. 51 12:15:45 ]
ทุกท่านอ่านประวัติความเป็นมาของสำนักงานทรัพย์สินฯก่อนก็จะดีนะครับ bloomberg เข้าใจอะไรผิดบางอย่าง เกี่ยวกับการดำเนินงานของสำนักงานทรัพย์สินฯ และอาจจะทำให้คนตีความได้หลายทาง เช่น เข้าใจผิดว่าในหลวงทรงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องหุ้น //www.crownproperty.or.th/history.php
ผมรักในหลวงเช่นกัน
จากคุณ : Crazy Rabbit - [ 2 มิ.ย. 51 16:54:13 ]
ผมเพิ่งจะรู้ว่าพ่อหลวงของเราก็ทรงเป็นนักลงทุนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างชาญฉลาดไม่แพ้นักลงทุนมหาเศรษฐีของโลกอย่างวอร์เรน บัฟเฟตจริงๆ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
Create Date : 13 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 18:31:20 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1453 Pageviews. |
|
|
|
โดย: โม โม IP: 223.206.72.216 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:16:50:36 น. |
|
|
|
| |