ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
ฐานะทางการคลัง : ดูไปข้างหน้าเหมือนจะตีบตันมากยิ่งขึ้น

โดย วีรพงษ์ รามางกูร
ที่มา เวบไซต์ ประชาชาติธุรกิจ
11 พฤษภาคม 2552

เกาะกระแสรัฐถังแตก ส่องฐานะทางการคลัง รบ.มาร์ค ผ่านสายตา′ดร.โกร่ง′ คนเดินตรอก ผลจากรัฐบาลจัดเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า กระทั่งเป็นที่มาของ"วิกฤตการณ์รายได้” ของรัฐบาลงวดนี้ ทำไม ดร.วีรพงษ์ถึงบอกว่า′ตกใจ′ และ′กังวลใจ′ !!


เมื่อเร็วๆ นี้รู้สึกตกใจและกังวลใจเมื่อได้อ่านหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับระบุว่า กรมบัญชีกลางออกมาเตือนว่า กระทรวงการคลังอาจจะต้องยืมเงินค่าลงทะเบียนของนักศึกษา และค่าธรรมเนียมวางศาลมาใช้ไปพลางก่อน คิดในใจว่าเอาอีกแล้ว

แม้ว่าคงจะเป็นคำพูดที่เปรียบเปรย ไม่ใช่ว่าจะทำจริงๆ ก็เท่ากับเป็นการให้สัญญาณที่ค่อนข้างแรง เพราะก่อนหน้านั้น กระทรวงการคลังก็ปล่อยข่าวออกมาว่า อาจจะต้องดึงเงินก่อสร้างโรงงานยาสูบ 6.8 พันล้านบาท มาใช้ก่อน เหตุเพราะโครงการล่าช้า พร้อมๆ กับจะเอาเงินหวยบนดินจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาทมาใช้ก่อน

ข่าว ดังกล่าวถ้าเป็นความจริง ก็เท่ากับว่า ทางกระทรวงการคลังกำลังวิตกว่ากระแสเงินสด หรือเงินคงคลัง น่าจะมีปัญหาอย่างหนัก เพราะรายรับจากภาษีอากรคงจะไม่เข้าเป้า และน่าจะเป็นปัญหารีบด่วนที่ต้องแก้ไข เพียงแต่ไม่บอกจำนวนตัวเลขว่า ปัญหาการขาดสภาพคล่องของกระทรวงการคลังนั้น มีมากน้อยเพียงใด

ข่าวอีกข่าวที่ทำให้กังวลใจก็คือ รัฐบาลประกาศว่า งบประมาณรายจ่ายในปี 2553 จะลดลงจากงบประมาณรายรับปี 2552 ประมาณ 2 แสนล้านบาท กล่าวคือ จะลดลงจาก 1.90 ล้านล้านบาท มาเป็นยอดงบประมาณรายจ่าย 1.70 ล้านบาท โดยยังมียอดขาดดุลงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 20 เปอร์เซ็นต์ของประมาณรายจ่าย

รายรับของรัฐบาล มีจำนวนเท่ากับรายจ่ายประจำของรัฐบาลพอดี ไม่มีเหลือใช้สำหรับการลงทุนเลย งบฯการลงทุนทั้งหมด มาจากเงินกู้ เงินกู้จากในประเทศนั้น มีจำนวนเต็มพิกัด คือเท่ากับร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่าย ส่วนที่เกินจากนี้ จะกู้จากต่างประเทศ เพราะงบประมาณรายจ่ายที่จ่ายจากการกู้ในบางประเทศ ไม่ต้องบรรจุไว้ใน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี

ถ้าข่าวนี้เป็นจริง ก็เท่ากับว่า ปีงบประมาณ 2553 ที่จะมาถึงนี้ เป็นปีแรกที่รัฐบาลจำต้องตั้งงบประมาณรายจ่าย ลดลงจากงบประมาณปีก่อน ซึ่งเราไม่เคยทำมาก่อน ในสมัยก่อนอย่างมาก เราก็มีแต่การตั้งงบประมาณรายจ่ายเท่าเดิม หรือ “zero growth budget” ไม่ยอมให้มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายลดลง หรือ “negative growth budget” โดยพยายามหารายได้ให้มากขึ้น เพื่อจะไม่ให้ต้องลดงบประมาณรายจ่ายลง ขณะเดียวกัน ก็พยายามรักษาเสถียรภาพทางการคลังไว้ ไม่ให้ยอดการขาดดุลงบประมาณที่จะต้องกู้เงินมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เกินกว่าร้อยละ 20 ของยอดงบประมาณรายจ่าย

รัฐใช้วิธีขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ บุหรี่ เพื่อชดเชยรายได้จากภาษีอากรที่ไม่ได้ตามเป้า

แต่ในขณะเดียวกัน เนื่องจากยอดหนี้ต่างประเทศของทั้งรัฐบาลและเอกชน ยังมีน้อยเมื่อเทียบกับทุนสำรองระหว่างประเทศ รัฐบาลจึงใช้วิธีกู้จากต่างประเทศมา เพื่อการใช้จ่ายเพิ่มเติม งบประมาณรายจ่ายที่ชดเชยจากการกู้เงินจากต่างประเทศมาใช้จ่ายนั้น ไม่อยู่ใน พ.ร.บ.งบประมาณแผ่นดิน ที่จะต้องอนุมัติจากรัฐสภา แต่เมื่อถึงคราวที่จะต้องตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินต้นและดอกเบี้ย จึงจะปรากฏในเอกสารงบประมาณที่จะต้องอนุมัติจากรัฐสภา

สมัยก่อนทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะยอดหนี้ต่างประเทศมีปริมาณสูงแล้ว หากกู้เงินในตลาดการเงินไม่ได้ ต้องกู้จากสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย และหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศเท่านั้น

จากการดำเนินการดังกล่าว ก็สามารถคาดการณ์ได้ว่า ที่รัฐบาลต้องทำเช่นนั้น ก็เพราะการจัดเก็บรายได้จากภาษีอากรของรัฐบาล คงจะหลุดเป้าการจัดเก็บเป็นอันมาก คาดการณ์กันว่า ในปีงบประมาณ 2552 นี้ รายรับของรัฐบาล คงจะต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 3 ถึง 3.5 แสนล้านบาท เงินคงคลังติดลบไปแล้วประมาณ 1 แสนล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็คาดการณ์ได้ว่า ในปีงบประมาณถัดไปคือปี 2553 รายรับของรัฐบาลก็คงจะหลุดจากเป้าอีก ในปริมาณที่เท่ากัน คือประมาณ 3.5-4.0 แสนล้านบาท

รัฐบาลจึงต้องตราพระราชกำหนดอย่างฉุกเฉิน 4 แสนล้านบาท

3 แสนล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าหมาย อีก 1 แสนล้านบาท เพื่อนำไปคืนเงินคงคลัง

กฎหมายอีกฉบับหนึ่งที่จะเสนอต่อรัฐสภา เพื่อขอกู้เงินฉุกเฉินพิเศษอีก 4 แสนล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนในโครงการพื้นฐานในปีงบประมาณ 2552 และปีงบประมาณ 2553

เหตุที่ต้องตรา พ.ร.บ.เป็นพิเศษ ก็คงจะเป็นเพราะรัฐบาลคงจะคาดการณ์ได้ว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณต่อไป ก็คงจะลดลงอีก หรือไม่ก็คงจะไม่กระเตื้องเพิ่มขึ้นจากปีนี้

การที่ รัฐบาลต้องออกพระราชกำหนด และพระราชบัญญัติฉุกเฉินพิเศษดังกล่าว ก็เพราะรัฐบาลต้องกู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ สูงกว่าเพดานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหมายถึงการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เป็น “วินัยทางการคลัง” ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงมาก

จากคำให้สัมภาษณ์ของท่านปลัดกระทรวงการคลัง ก็น่าจะพอประมาณได้ว่า ผลการจัดเก็บภาษีอากรของปีงบประมาณนี้ ก็คงจะมาจากภาวะเศรษฐกิจ จากการทำมาค้าขายของประชาชนในปีที่แล้ว ดังนั้นยอดการจัดเก็บภาษีอากรของรัฐบาลในปีต่อไป ก็จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของปีนี้ คือปี 2552 และเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของปีนี้ เป็นเรื่องที่ทำนายได้ว่า เศรษฐกิจจะหดตัวถึงประมาณร้อยละ 4-5 ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นอัตราการหดตัวที่รุนแรง คล้ายกับการหดตัวทางเศรษฐกิจในช่วงปี 2540-41

ถ้าเป็นอย่างนั้น รายรับของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2553 ก็คงจะลดต่ำลงกว่ารายรับของรัฐบาลในปีงบประมาณนี้อีก ยังนึกไม่ออกว่า ปีหน้ารัฐบาลจะสามารถตั้งงบประมาณรายจ่าย ให้อยู่ในกรอบตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้อย่างไร กล่าวคือ การขาดดุลไม่ควรจะเกินร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่าย หรือคิดว่า เมื่อสามารถออก พ.ร.บ.ให้อำนาจรัฐบาลกู้เงินฉุกเฉินได้อีก 4.0 แสนล้านบาทแล้วอาจจะพอ

แต่ในส่วนที่งบประมาณรายจ่ายประจำ จะไม่เกินรายรับของรัฐบาล อาจจะไม่สามารถรักษาหลักการอันนี้ไว้ได้อีกต่อไป

เหตุการณ์ทางด้านการคลังดังกล่าว น่าจะต้องถือว่า เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ร้ายแรง อย่างที่ท่านปลัดกระทรวงการคลังออกมาเตือนว่า ท่านมีความเป็นห่วงว่า ปีงบประมาณ 2553 นี้ ประเทศของเราอาจจะพบกับปัญหา “วิกฤตการณ์รายได้”

" วิกฤตการณ์รายได้” นอกจากจะเป็นเครื่องเตือนภัยว่า ภาวะเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่จะดิ่งหัวลงแล้ว ก็ยังจะทำให้การดำเนินนโยบายทางการเงิน ต้องมีข้อจำกัดมากขึ้น รัฐบาลคงต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ว่า จะทำอย่างไร

การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม หรือเศรษฐกิจมหภาค ตามแนวที่ไอเอ็มเอฟแนะนำ ตามการชี้นำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา โดยการใช้จ่ายจากงบประมาณแบบ “ลดแหลกแจกแถม” หรือนโยบายการโปรยเงิน ที่ไอเอ็มเอฟกับอเมริกาเรียกว่า “money helicopter” เช่น โครงการแจกเงิน 2,000 บาท หรือแจกเงิน 500 บาท สำหรับคนมีอายุเกิน 60 ปี ทุกคน ไม่ว่าคนจนคนรวย โดยไม่ได้คำนึงถึงรายได้จากภาษีอากรที่จะไม่ได้ตามเป้าหมาย

แม้ว่ารัฐบาลจะเตรียมออก พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท เพื่อเตรียมไว้สำหรับการขาดดุลในปี 2552 และการขาดดุลในปี 2553 ถ้าดูจากภาวะเศรษฐกิจในปี 2552 นี้ที่มีแนวโน้มว่า จะย่ำแย่กว่าปี 2551 รายรับของรัฐบาลจากการจัดเก็บภาษีอากรในปี 2553 ก็น่าจะมีจำนวนลดลงกว่าการจัดเก็บงบประมาณในปี 2552 เงิน 4 แสนล้านบาท ที่จะขอรัฐสภาเผื่อไว้ ก็น่าจะไม่เพียงพอ แม้ว่าในยามจำเป็น อาจจะเบิกใช้จากบัญชีเงินคงคลังที่มีอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย

เงินจำนวน 8 แสนล้านบาทนี้ รัฐบาลอธิบายว่า จะออกเป็นพันธบัตรขายให้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อดูดซับสภาพคล่องที่ธนาคารพาณิชย์มีอยู่ส่วนหนึ่ง และถ้าไม่พอ ก็จะขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย รับซื้อไว้ส่วนหนึ่ง

ในส่วนที่ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับซื้อไว้ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มปริมาณเงินในตลาดให้มากขึ้น ภาษาชาวบ้านถือว่า เป็นการพิมพ์ธนบัตร ในที่สุด ปริมาณเงินที่มากขึ้นนี้ ก็จะไหลกลับไปที่ระบบธนาคารพาณิชย์ ทำให้สภาพคล่องในระบบธนาคารมากขึ้นอยู่ดี ซึ่งสามารถคำนวณได้ เมื่อรัฐบาลแถลงรายละเอียดนั้นมาให้ ในขณะนี้ยังไม่ทราบ

เมื่อทางกระทรวงการคลังเปิดเผยข้อมูล และวิธีดำเนินนโยบายการคลังออกมาเช่นนี้ ก็พอสรุปได้ดังนี้

1. ฐานะการคลังของประเทศเข้าขั้นวิกฤตแล้ว เพราะรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนด กล่าวคือ การชดเชยงบประมาณขาดดุล ไม่ควรเกินร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่าย การที่รัฐบาลเลือกวิธีออกพระราชกำหนดขอกู้เงินเพิ่มเติม 4 แสนล้านบาท เพื่อนำมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 2552 3 แสนล้านบาท และนำไปคืนเงินคงคลัง 1 แสนล้านบาท แทนการตัดงบประมาณรายจ่ายและเพิ่มภาษี เพื่อให้การขาดดุลงบประมาณยังอยู่ในกรอบของวินัยทางการคลัง

ถ้า จะดูภาวะทางเศรษฐกิจในภายภาคหน้า ก็ยังไม่เห็นแสงสว่าง ภาวะเศรษฐกิจจะหยุดการชะลอตัวลงเมื่อใด การคาดหวังว่า เศรษฐกิจจะหยุดการชะลอตัวในปี 2554 ก็ดูเป็นความหวังที่เลื่อนลอย

2. การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาค จะมีความยากลำบากมากขึ้น ไม่ต้องพูดถึงว่า รัฐบาลจะตั้งงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แม้จะรักษางบประมาณรายจ่ายเท่าเดิม ก็ยังยาก หากจะทำ ก็ต้องหาทางขึ้นภาษี เพื่อโอนเงินจากประชาชนมาให้รัฐบาลมากขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ และการเมืองแบบนี้

3. รัฐบาลชี้แจงว่า เมื่อรัฐบาลกู้เพิ่มขึ้นอีก 8 แสนล้านบาทแล้ว ถ้าเศรษฐกิจหยุดหดตัวในปี 2554 ยอดหนี้ของรัฐบาลจะขึ้นไปเป็น 61 เปอร์เซ็นต์ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ พอๆ กับตอนปี 2542 เมื่อรัฐบาลโอนหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ มาเป็นหนี้ของรัฐบาล คราวก่อนนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยทำพัง เพราะไปต่อสู้กับกองทุนเก็งกำไรเพื่อพยุงค่าเงินบาท แต่คราวนี้ไม่รู้ใครทำ แต่ผลเหมือนกันคือ ประเทศชาติมีหนี้สินเมื่อเทียบกับจีดีพีพอๆ กัน การตั้งใจจะรักษายอดหนี้สาธารณะไว้ให้ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของจีดีพีทำไม่ได้แล้ว

4. ถ้าจะต้องลงทุนในโครงการพื้นฐาน ซึ่งคงต้องรีบเร่งก่อนจะมีการเลือกตั้ง ก็คงต้องกู้จากต่างประเทศทั้งหมด การกู้จากต่างประเทศ ก็คงยากขึ้น เพราะ “ความน่าเชื่อถือ” ของประเทศลดลง เพราะมีทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาฐานะการคลัง และปัญหาการเมือง ถ้าสามารถกู้ได้ ก็คงต้องเสียดอกเบี้ยแพงขึ้น เอกชนก็คงจะกู้จากต่างประเทศยากขึ้น ถ้าใครกู้ได้ตอนนี้ ก็เริ่มกู้เสีย ในภายภาคหน้า จะยิ่งกู้ยากขึ้น

ดูไปข้างหน้าก็ดูเหมือนจะตีบตันมากยิ่งขึ้น


Create Date : 12 พฤษภาคม 2552
Last Update : 13 พฤษภาคม 2552 18:19:24 น. 7 comments
Counter : 418 Pageviews.

 
แวะมาอ่านค่ะ


โดย: The Sphinx IP: 125.25.18.46 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:9:01:17 น.  

 
ขอบคุณครับบทความช่วยเตือนให้ต้องระวังมากขึ้น


โดย: maka IP: 58.8.87.93 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:20:58 น.  

 
ขอบคุณในข้อมูลข่าวสาร ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้น


โดย: chix IP: 58.9.171.135 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:59:12 น.  

 
แวะมาคับ


โดย: Ensign IP: 72.184.176.68 วันที่: 16 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:10:13 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: Adler IP: 125.24.3.47 วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:43:42 น.  

 
ปัจจัยลบรอบด้าน ตอนจบเป็นอย่างไร "political upheaval " ใช่เปล่า ??


โดย: น่าปวดจัง IP: 72.85.140.85 วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:56:03 น.  

 
แวะมาหาข้อสอบ ขอบคุณมากครับ


โดย: ต้อย รปม IP: 114.128.215.120 วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:22:29:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.