http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
ตะลุยเทศกาล 4th World Film Festival (PART 1)

โดย merveillesxx




เทศกาลหนัง 4th World Film Festival เริ่มขึ้นแล้วจ้า!!

งานจะจัดขึ้นช่วง 11-23 ต.ค. 2549 ที่ Grand EGV (สยามดิส), Paragon Cineplex (สยามพารากอน) และ Major Central World Plaza

ราคาบัตร 100 บาท และบัตรนักศึกษาลดเหลือ 50 บาท

ดูรายละเอียดของงานได้ที่
//www.worldfilmbkk.com/

รายละเอียดหนังที่น่าสนใจก็อ่านได้ใน bioscope เล่มล่าสุดจ้ะ





ข่าวแจ้งให้ทราบ

-- World Film ปีนี้เค้าปรับปรุงระบบให้ซื้อตั๋วออนไลน์ข้ามโรงได้ครับ ไม่ต้องวิ่งกันหูตูบแล้วนะ

-- มีหนังสือของงานขาย (เล่มสีเขียวๆ) ราคาเล่มละ 50 บาท

-- ที่หน้าโรงพารากอนที่นิทรรศการแสดงโปสเตอร์ของ Rafal Olbinski และถ่ายภาพของ เคียสลอฟสกี้ ด้วยครับ ผมไปดูมาแล้ว ชอบงานโปสเตอร์ของ Olbinski มากเลยครับ ผมคิดว่าถ้ามีเวลานานๆ เราสามารถจ้องงานชิ้นหนึ่งของเขาได้ไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายนาทีเลยล่ะ



12 Oct 2006

วันนี้เป็นวันแห่งความทรหด เพราะตอนเช้าผมก็มีสอบ แถมไม่ได้นอนด้วย แล้วยังต้องมาดูหนังอีก 3 เรื่อง สุดท้ายก็คือ ต้องกลับมาปั่นรายงาน post 9/11 film ต่อที่บ้านให้เสร็จภายในหกโมงเช้า

สำหรับวันแรกของเทศกาลผมก็รู้สึกดีครับ โดยเฉพาะตอนที่ staff (รู้สึกจะเป็นคุณดุสิต ศิลากอง) อุตส่าห์นั่งเขียนบัตร student discount card ให้ผมเกือบตั้ง 20 กว่าใบรวดเดียวจบเลย (เกรงใจมากๆ แต่สัญญาว่าจะไม่มารบกวนอีกแล้ว)

มีแต่คนเข้าใจว่าผมดู Paris, Je T’aime แต่ผมไม่ได้ดูฮะ (เสียดายมาก ฮือๆๆๆ) เพราะถ้าผมไม่ได้ดูหนังของเคียสลอฟสกี้วันนี้ผมก็จะอดดูไปเลย เนื่องจากวันเสาร์ผมติดเรียน TOEFL ก็เลยต้องได้อย่างเสียงอย่าง …คิดว่ารอบฉายของ Paris, Je T’aime ถือเป็น ‘งานรวมดาว’ และ ‘วันพบญาติ’ (ฮา)


หนังที่ได้ดูวันนี้




1. Konig’s Sphere (2002, Percy Adlon, Germany + USA, C+)

เลือกดูเรื่องนี้เพราะมันเกี่ยวกับ 9/11 (ซึ่งกำลังทำรายงานเรื่องนี้พอดี) แต่ก็เป็นสารคดีที่ค่อนข้างน่าเบื่อมากๆ ผลก็คือ หนังเรื่องนี้ทำให้ผมได้นอนเอาแรงไปโดยปริยาย





2. Anastasia (2005, Dimitris Apostolou, Greece, B)

รู้สึกว่าหนังสั้นเรื่องนี้มัน ‘ง่อย’ มากเลยครับ หนังเดาเนื้อเรื่องได้ตั้งแต่ 15 วินาทีแรก และพล็อตไม่ต่างอะไรจากละครของรายการ ‘ชั่วโมงพิศวง’ ที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ เลย แต่ผมชอบตอนจบของหนังเรื่องนี้ เกรดหนังเรื่องนี้ก็เลยไม่ได้ออกมาย่ำแย่เท่าไรนัก





3. Just Do It (2002, Francesco Apolloni, Italy, A-)

ช่วงแรกๆ รู้สึกไม่ชอบหนังเรื่องนี้เลย ตามอารมณ์ของหนังไม่ทัน เพราะตัวละครก็เอาแต่พูดๆๆๆ กัน ซับไตเติ้ลก็แปลเป็นภาษาแสลงหมดเลย แถมคนดูคู่ข้างหลังยังเป็นผู้ชายที่คอยนั่งแปลให้แฟนตัวเองฟังอีก (แต่แปลแต่ประโยคง่ายๆ ฮ่าๆๆๆ) แต่ช่วงกลางเรื่องที่หนังเริ่มมีเนื้อเรื่องให้จับต้องได้ ก็รู้สึกดีกับหนังขึ้นมา

Just Do It เป็นหนังแนว “หลายชีวิต หนึ่งเมือง หนึ่งวัน และความพัวพันกันของตัวละคร” หนังอาจจะไม่ได้ดูแปลกใหม่อะไรนัก แต่ก็ดูสนุกดี และให้อารมณ์ feel-good ที่ไม่ได้เลี่ยนเกินไป สิ่งที่ชอบมากอีก 2 อย่างก็คือ ตัวละครเด็กหญิง (ที่เล่นบทน่าหมั่นไส้ได้ดูน่ารักกว่า ดาโกต้า แฟนนิ่ง เยอะ) และเพลงประกอบในหนัง ซึ่งมีเพลงเพราะๆ เยอะมาก ถึงแม้จะดูทำให้อารมณ์ของหนังโดดไปบ้างก็ตาม

** Just Do It ฉายอีกที 14 ต.ค. 2549 รอบ 19.00 (พารากอน) **





4. First Love (1974, Krzysztof Kieslowski, Poland, A-)

ดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกว่า เคียสลอฟสกี้ เก่งกาจเรื่องการติดตามชีวิตมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หนังเรื่องนี้เล่าถึงหญิงสาวจนหนึ่งที่ตั้งท้องและแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 สิ่งที่ชอบก็คือ หนังไม่ได้โบยตีตัวละครด้วยการโหมใส่ชะตากรรมอันโหดร้ายใส่เธอ แต่หนังถ่ายทอดความทุกข์ของเธอด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของเรา จนเรารู้สึกว่าหนังดูสมจริง

สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ พระเอกของเรื่องนี้น่ารักดี (ใครก็ไม่รู้ หาข้อมูลไม่ได้เลย)





5. Underground Passage (1973, Krzysztof Kieslowski, Poland, A+)

หนังเรื่องนี้เหมือน 5x2 เวอร์ชั่น ‘เล่าไปข้างหน้า’

** First Love + Underground Passage ฉายอีกที 14 ต.ค. 2549 รอบ 13.00 (Grand EGV) **


นอกเรื่อง: วันนี้ได้ซีดีมือสองของ Garbage ชุด BLEED LIKE ME (2005) มา ฟังแล้วชอบมาก ถึงแม้จะเป็นอัลบั้มที่ธรรมดามาก และแทบไม่มีอะไรให้พูดถึงเลย แต่ก็ชอบกว่าชุด Beautiful Garbage (2001) ประมาณล้านเท่า และขอนิยามอัลบั้ม BLEED LIKE ME ว่าเป็นอัลบั้มของ “ผู้หญิงที่ถูกผัวทิ้ง แล้วมาออกเทป” (อย่างไรก็ตาม อัลบั้มที่ชอบที่สุดของ Garbage ก็ยังคงเป็น Version 2.0 (1998) อยู่ดี และนี่เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ชอบที่สุดในชีวิตจ้ะ)





13 OCT 2006

-- เพิ่งทราบจากคุณแมดเดอลีนว่า Olga Kurylenko นางเอกคนโปรดของผม ร่วมเล่นในหนังเรื่อง Paris, I Love You ด้วย ก็เลยยิ่งเสียดายเข้าไปใหญ่ที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรง (รู้สึกเธอเล่นเป็นแวมไพร์ในตอน Quartier de la Madeleine ของ Vincenzo Natali ที่เคยทำเรื่อง Cube)

Olga Kurylenko เป็นนางแบบชาวยูเครนผู้มีช่วงขาและเท้าสวยงามที่สุด เธอเป็นนางเอกหนังเรื่อง The Ring Finger (2005, Diane Bertrand, A+) หนังหลอน เพลงเพราะ ซึ่งน่าจะติดอันดับหนังท็อปเท็นปี 2006 ของผม

รู้สึกว่า Olga Kurylenko เธอเฮี้ยนดี และเห็นด้วยกับคุณแมดเดอลีนว่าเธอกำลังจะเป็น Yekaterina Golubeva คนต่อไป (นางเอกเรื่อง Pola x, Twenty Palms และ The Intruder เธอเป็นนางแบบชาวลิธัวเนีย)

-- วันนี้ช่วงบ่ายคอมพิวเตอร์ของเมเจอร์เซ็นทรัลเวิลด์เจ๊งครับ ผมก็เลยซื้อตั๋วหนังข้ามโรงไม่ได้ แต่พนักงานสาขานี้อธิบายได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และพูดจาน่ารักมากครับ ขอชมเชยจากใจจริง

หนังที่ได้ดูวันนี้




1. Arizona Sur (2005, Miguel Angel Rocca + Daniel Pensa, Argentina, A-)

ช่วงแรกดูหนังเรื่องนี้ไม่รู้เรื่องเลย เพราะหนังเรื่องนี้ชอบตัดเอา ‘เหตุการณ์ข้างหน้า’ มาให้เราดูอยู่เรื่อยๆ แต่พอดูไปแล้วเริ่มรู้เรื่องขึ้นมาบ้างก็รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้ ติดตรงที่ว่าช่วงท้ายของหนังดูอารมณ์หลุดๆ ไปหน่อยและตัวละครบางตัวก็ดูการ์ตูนมากๆ แต่คิดว่าถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้ซ้ำอีกรอบคงชอบหนังมากกว่าเดิม

ดูหนังเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงหนังบราซิลเรื่อง The House of Sand (2005, Andrucha Waddington, A+) หนังทั้งสองเรื่องนี้ถ่ายทอดบรรยากาศของทะเลทรายออกมาได้ดูหลอนๆ เหมือนกัน แต่ House of Sand นั้นพูดถึง ‘ความเป็นแม่’ ส่วน Arizona Sur พูดถึง ‘ความเป็นพ่อ’

Nazareno Casero พระเอกหนังเรื่องนี้ (ที่เวลาไว้เคราแล้วคล้ายๆ อั้ม-อติชาติ) น่าสนใจดี เขาเล่นในหนังเรื่อง Buenos Aires, 1977 (2006, Adrian Caetano) ที่ชิงปาล์มทองคำปีนี้ด้วย

Nazareno Casero
//www.cinenacional.com/personas/index.php?persona=11819

** Arizona Sur ฉายอีกที 17 ต.ค. รอบ 15.00 (Major Central World) **





2. Tale of Three Friends (2006, Abhijit Guha + Sudeshna Roy, India, B-)

จริงๆ ผมพยายามหลีกเลี่ยงหนังอินเดียอยู่แล้ว เพราะดูมากี่เรื่องๆ ก็ไม่เคยชอบเลย แต่วันนี้โปรแกรมมันบังคับให้ดู (เพราะ Heaven’s Meadow มี DVD ขาย ส่วน Grizzly Man ก็จะเข้าโรงเดือนหน้า) และก็เป็นตามคาดว่าไม่ชอบหนังนี้





3. Personnel (1975, Krzysztof Kieslowski, Poland, A)





4. The Calm (1976, Krzysztof Kieslowski, Poland, A)

ดูหนังเรื่อง Personnel แล้วก็ทำให้รู้ว่านักพากย์เมืองไทยนี่เจ๋งที่สุดแล้ว เพราะตอนที่ฉายหนังเรื่องนี้ มีเสียงพากย์อังกฤษออกมาอีก channel นึงด้วย ซึ่งเป็นเสียงผู้ชายคนเดิม ที่พูดด้วยระดับเสียงเท่าเดิมตลอด และเสียงพากย์นี้ก็ทำให้ดูหนังช่วงแรกไม่รู้เรื่องเลย (แยกประสาทไม่ออก)

รู้สึกว่าหนัง 2 เรื่องนี้สะท้อนตัวตนของเคียสลอฟสกี้ในช่วงแรกได้ดี ดูเหมือนเขาจะสนใจที่จะถ่ายทอดชีวิตของชนชั้นแรงงาน โดยถึงแม้พระเอกเรื่อง Personnel จะได้ทำงานด้านศิลปะ แต่เขาก็จัดเป็น ‘แรงงาน’ อยู่ดี (นิทรรศการภาพถ่ายของเขาที่แสดงอยู่ที่ Paragon ก็เป็นภาพของกลุ่มคนงานเป็นส่วนใหญ่) และตัวละครหลักทั้งสองเรื่องยังต้องเผชิญกับ ‘ทางเลือก’ อันยากลำบากในช่วงท้ายของเรื่องด้วย ในจุดนี้ก็ทำให้ชอบ Personnel กว่านิดนึง ตรงที่ปล่อยให้คนดูคิดต่อเอาเองว่า ตัวละครจะเลือกทางไหน และเขาจะได้รับผลอย่างไร ส่วน The Calm นั้นแสดง ‘ผลของการเลือก’ อย่างชัดเจน

ในเรื่อง The Calm นั้น ผมคิดว่าตัวละครที่น่าสงสารที่สุดก็คือ หญิงสาวเจ้าของบ้านที่พระเอกไปอยู่ ดูฉากที่เธอแต่งตัวให้พระเอกในวันแต่งงานแล้วเศร้ามาก โดยเฉพาะตอนที่เธอพูดว่า “บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของฉัน...” แล้วเธอก็เงียบไป


นอกเรื่อง: วันนี้ได้ซีดีเพลง The Four Seasons ของ Vivaldi มาครับ (ที่ใช้ในหนังเรื่อง Season Changes ไง) ไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่ามีขายด้วย (เป็นแผ่นลิขสิทธิ์ของ S.Stack ครับ 190 บาทเอง) ส่วนเรื่องของ Vivaldi ก็อ่านได้ใน Bioscope หน้าปก The Departed จ้า





วันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 14-15 ต.ค. นี้ ผมลาหยุดจากเทศกาลเวิลด์ฟิล์ม 2 วันนะครับ เนื่องจากวันเสาร์ติดเรียนโทเฟล ส่วนวันอาทิตย์ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบของวันจันทร์ (วิชาสุดท้ายแล้ว!) อย่างไรก็ตาม ยังรออ่านความเห็นของทุกคนด้วยใจระทึกครับ


อ่านต่อ PART 2



Create Date : 13 ตุลาคม 2549
Last Update : 17 ตุลาคม 2549 1:25:04 น. 21 comments
Counter : 2762 Pageviews.

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ทำรายงาน POST 9/11 FILM เสร็จแล้วค่า~~~

เพิ่งเสร็จสดๆ เมื่อกี้เลย ทั้งหมด 36 หน้า 60,153 อักขระ พิมพ์เองล้วนๆ ภูมิใจยิ่งกว่าได้เมีย เอ๊ย แฟน เป็นแตงโม

รออ่านเร็วๆ นี้ในบล็อกละกัน

ขอฉลองให้ตัวเองด้วยเพลงนี้

Pride - Ayumi Hamasaki
//www.youtube.com/watch?v=DZ93oDJL0Wk


ไปนอนละ เดี๋ยว 14.00 ดูเวิลด์ฟิล์มต่อ (โอ้ว ชีวิต!)


โดย: merveillesxx IP: 161.200.255.162 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:7:06:08 น.  

 
มาแล้วเหรอ 4th World Film Festival
มาอัพข้อมูลเรื่อยๆ นะ


โดย: grappa วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:9:04:58 น.  

 
เพื่อนผมก็ชวนไปอยู่ครับ กะว่าจะไปวันเสาร์นี้ครับผม


โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:9:27:39 น.  

 
เอ ซื้อบัตรล่วงหน้าได้ป่ะ อยากดู Glastonbury อ่ะ แล้วซื้อหน้าโรงปกติเหรอ หรือว่าซื้อที่ไหน


โดย: Together In 80s Dream วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:11:14:40 น.  

 
น้องรัก เช็คเมล์ด้วยนะ มี จม. ด่วนจากป้าๆ น่ะ


โดย: ฮาเลชั่น IP: 202.5.87.152 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:15:02:35 น.  

 
เป็นชีวิตที่เหนื่อยจัง 55555555

เดี๋ยวอาจารย์ขอรออ่านรายงานหน่อยน่ะ ตั้ง 36 หน้า สงสัยคนตรวจ

ป.ล. ไม่รู้จะดูเรื่องอะไร


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:16:37:43 น.  

 
อยากดู galston เหมือนกัน แต่คงไม่ได้ดูแน่ๆ เลย


โดย: strawberry machine gun วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:17:18:08 น.  

 
"อุตส่าห์นั่งเขียนบัตร student discount card ให้ผมเกือบตั้ง 20 กว่าใบรวดเดียวจบเลย (เกรงใจมากๆ แต่สัญญาว่าจะไม่มารบกวนอีกแล้ว) "

นั่นจิ เมื่อวานก็แอบเกรงใจสต๊าฟเหมือนกันครับ
ต้องมานั่งไล่เขียนชื่อหนังให้เราทีละใบๆ
กว่าจะเขียนเสร็จ ก็ปาไปเกือบสิบนาทีแน่ะ
(ขนาดของผมแค่สิบกว่าเรื่องเองอ่า ยังนานขนาดนี้เลย ขอโทษด้วยนะก๊าบ)

ป.ล. ขออนุญาตตอบคำถามของคุณ Together ฯ แทน จขบ. นะครับ

จองล่วงหน้าได้ครับ ซื้อที่พารากอน , อีจีวี ดิสคัฟเวอรี่ หรือ เมเจอร์ เซ็นทรัล เวิร์ลด์ก็ได้ครับ (อย่างที่น้องเมอร์ บอกอ่าครับ ปีนี้ ซื้อตั๋วออนไลน์ข้ามโรงได้ จะซื้อที่ไหนในสามที่นี้ก็ได้ครับ แล้วแต่สะดวก)

หนังที่ได้ดูเมื่อวาน
1. First Love (1974, Krzysztof Kieslowski, Poland, A+)

ดูเรื่องนี้จบ แล้วก็แอบรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกครับ เพราะแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดในเรื่องจะลุ่มๆ ดอนๆ มีปัญหาสารพัดสารพันไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งตำรวจค้นบ้าน ทั้งอาจารย์ปรับให้ตกชั้นเรียน และอีกหลากหลายปัญหาที่มองไม่เห็น แต่ตัวเอกทั้งสองก็ยังคงดูมีความสุขกับชีวิตกันอยู่ ไม่ยักเหมือนตัวผมเอง เพราะถ้าผมเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็คงจะบ่นๆๆๆๆ ทั้งวันแน่ๆ เหอๆ

แต่ก็นะครับ มันคงจะเป็นเพราะ First Love แหละ ที่ทำให้พวกเขายังคงดำเนินชีวิตต่อไปได้ ทั้ง First Love ที่ทั้งคู่มีต่อกัน และ First Love ที่ทั้งคู่มีต่อลูกของพวกเขาเอง (รู้สึกประทับใจตอนที่สามีทราบว่าได้ลูกสาวมากครับ สีหน้า แววตา และน้ำเสียงของคนที่เป็นสามี มันทำให้ผมอดที่จะรู้สึกตื้นตันไปกับพวกเขาไม่ได้จริงๆ)

อย่างไรก็ดี ก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดหลังจากนี้จะมีอะไรแย่ๆ อีกบ้าง? ไม่รู้ว่าทั้งสองจะอยู่กันยืดไหม? เพราะดูท่าทาง มันคงจะมีอีกหลายปัญหาตามมาอ่ะครับ ทั้งเรื่องการเลี้ยงลูกและอื่นๆ อีกมากมาย ก็ได้แต่หวังว่าทั้งคู่คงผ่านมันไปได้นะ - "Every Cloud Has a Silver Lining"อิอิ

2. Underground Passage (1973, Krzysztof Kieslowski, Poland, A)
ดูจบแล้วก็ได้แต่พูดคำว่า "เฮ่อ..."


โดย: it ซียู IP: 202.57.156.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:17:39:57 น.  

 
พิมพ์ตกครับ
*ดูจบแล้วก็ได้แต่พูดคำว่า "เฮ่อ... ชีวิต"


โดย: it ซียู IP: 202.57.156.205 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:17:40:28 น.  

 
จขบ. จัดตารางเวลาได้สุดยอดเจรงๆ ทั้งสอบ ทั้งรายงาน ทั้งดูหนัง


โดย: being's lover วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:18:01:50 น.  

 
แกยังสอบไม่เสร็จอีกเหรอ 'ไรฟะ ชาวบ้านเค้าสอบเสร็จปิดเทอมจนไปเมืองนอกกลับมาได้แล้วนะเนี่ย


โดย: เห็ดจ๊า.... IP: 58.9.45.224 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:21:32:56 น.  

 
ตอบ พี่ grappa

จ้า จะมาอัพข้อมูลรายวันเลย แต่ปีนี้อดดูไปประมาณ 3 วันแหละ

------------------------

ตอบ คุณคาดไม่ถึง (เข็ดขัดสั้น)

ส่วนวันเสาร์นี้ผมอดดูครับ เพราะติดเรียน TOEFL

-------------------------

ตอบ คุณ Together In 80s Dream

เทศกาลนี้จองบัตรล่วงหน้าได้ครับ แต่ต้องดูพนักงานดีๆ เพราะพนักงานที่สาขา Grand EGV ไม่ยอมให้ผมจองล่วงหน้าครับ (ตอนนั้นคิวก็ไม่ได้ยาวเลยนะ) ส่วนที่ Major Central World กับ Paragon Cineplex ให้ผมจองล่วงหน้าแต่โดยดี ไม่มีปัญหาอะไร (พนักงานสองสาขานี้น่ารักดี) และเวลาจองต้องดูดีๆ ให้เขาเลือกวัน เลือกรอบให้ถูกนะครับ

ส่วนหนังสารคดีเรื่อง Glastonbury ผมอดดูเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เสียดายจัง

--------------------

ตอบ ป้าฮาเลชั่น

สงสัยจะอดไป "งานรวมญาติ" ครั้งนี้ว่ะ ติดเทศกาลเวิลด์ฟิล์มง่ะเธอ

---------------------

ตอบ พี่ดอง

เออ จริงๆ แล้วตัวเนื้อรายงานมันก็ 26 หน้าอ่ะ (ที่เหลือเป็นพวก หน้าปก คำนำ สารบัญ ภาคผนวก ไรงี้) แต่เดี๋ยวจะส่งให้ไปคอมเมนต์แล้วกัน จริงๆ เราก็ว่ามันยังมีอะไรห่วยๆ อยู่เยอะ (ก็เล่นปั่นยันเช้า) ที่แน่ๆ คือพิมพ์ผิดเป็นร้อยที่

-----------------------

ตอบ คุณ it ซียู

รู้สึกว่าคนที่เขียนบัตรลดให้เราจะเป็นถึง Assistant Director ของเทศกาลเลยล่ะ ฮ่าๆๆๆ

-- First Love

(มีการเปิดเนื้อเรื่องเล็กน้อย)

นอกจากพระเอกหนังเรื่องนี้จะหล่อแล้ว ยังรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักมากๆ ถึงแม้เขาจะดูแหยๆ ดูไม่เป็นโล้เป็นพาย ดูเป็นที่พึ่งพาไม่ได้เลย และก็ดูไม่ค่อยจะมีความเป็นพ่อเท่าไร แต่ก็รู้สึกว่านางเอกโชคดี และก็นึกถึงฉากหนึ่งที่ชอบมากๆ คือตอนที่เพื่อนนางเอกถามเพื่อนอีกคนว่า "อิจฉาเธอหรือเปล่า" (หมายถึงอิจฉาที่นางเอกจะได้แต่งงาน) แล้วตัวละครนึงก็พูดว่า "ชั้นรู้สึกอิจฉาเธอนะ เวลาที่มองออกไปแล้วเห็นพวกเขาหยอกล้อกัน คลอเคลียกัน หรือถึงแม้บางทีเขาจะทะเลาะกัน แต่มันก็เป็น 'ของจริง'"

ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงเรื่อง The Child (2005, Dardenne Brothers, A+) ด้วย เพราะพระเอกทั้งสองเรื่องนี้ก็ดูคล้ายๆ กัน แต่ชีวิตคู่ของตัวละครใน The Child พังพินาศโดยสิ้นเชิง ส่วนตัวละครใน First Love เราก็เดาเลยว่าคู่นี้จะต้องเจอความยากลำบากและความชิบหายอีกมากมาย แต่พวกเขาก็น่าจะยังอยู่ด้วยกัน (อีกอย่างก็คือ นางเอกเรื่อง First Love เหมือนนางเอกเรื่อง The Child เวอร์ชันคลอดลูกมาแล้ว 3 รอบ ฮ่าๆๆๆ)

ตอนนี้รู้สึกชอบหนังเรื่อง First Love มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรู้สึกว่าหนังมันยังไม่จบ ตัวละครทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ต่อไป


-- Underground Passage

คิดเหมือนกับคุณ it ซียู เหมือนกันว่า หนังเรื่องนี้อาจมีชื่อภาษาไทยว่า "เฮ้อ...ชีวิต" เพราะชีวิตจริงของคนเราก็เป็นแบบตัวละครในหนังเรื่องนี้แหละ เหมือนกับหลายๆ คนที่พยายามสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอม เราให้โอกาสเขาเป็นเวลาหลายปี แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะหันกลับมามองเราเลย แต่พอเราคิดจะตัดเขาออกไปจากชีวิต เขาก็จะกลับมาหาเราทันที ...นี่แหละชีวิต

------------------------

ตอบ คุณ being's love

กว่าจะจัดได้ขนาดนี้ก็เล่นเอาหยังเขียดเลยแหละฮะ

-------------------------

ตอบ อีเห็ด

ชั้นสอบเสร็จวันที่ 16 ต.ค. ย่ะ แล้วปิดเทอมนี้ชั้นก็แทบจะไม่ได้หยุดเลย มีงานตลอด เซ็ง..เครียด..กินแตงโม!


โดย: merveillesxx IP: 161.200.130.164 วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:0:17:44 น.  

 

มาดูโปสเตอร์หนังเทศกาลกัน


Just Do It



Arizona Sur


โดย: merveillesxx วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:2:22:36 น.  

 
น่าอิจฉาคุณเมอร์สุด ๆ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:2:23:11 น.  

 
"เสียงพากย์นี้ก็ทำให้ดูหนังช่วงแรกไม่รู้เรื่องเลย (แยกประสาทไม่ออก)"

หึหึ
ดิฉันดู Personnel ไม่รู้เรื่องฮ่ะ
เพราะตัวเองดันฟังทั้งเสียงพากย์ + อ่านซับ + ฟังเสียงในฟิล์มในเวลาเดียวกัน
ทำให้งงไปหมดเลย
(แถมเสียงพากย์ กับ ซับไตเติ้ล ก็ยังแปลไม่ค่อยเหมือนกันอีก คือ ความหมายเดียวกัน แต่เลือกใช้คำไม่เหมือนกันน่ะครับ ตรูล่ะงง???)
สรุป ตอนดูเรื่องนี้เลยกึ่งหลับกึ่งตื่น
แต่ชอบตอนจบนะครับ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปกับเด็กหนุ่มคนนั้น?

เดี๋ยวมาเขียนต่อนะ เพราะตอนนี้เพิ่งตื่นฮ่ะ เหอๆๆ


โดย: it ซียู IP: 210.213.18.230 วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:10:45:48 น.  

 
มาอ่านเอาเรื่องค่ะ เพราะคงไม่มีโอกาสได้ไปดูเองแน่นอน


โดย: cottonbook วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:10:49:35 น.  

 
วันนี้ไปลุยเลยดีกว่า ไม่ต้องจองล่วงหน้ามันละ อิอิ ขอบคุณ จขบ. และคุณ it ซียู ที่ให้ข้อมูลค่า


โดย: Together In 80s Dream วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:11:00:36 น.  

 

เพลงที่ได้ช่วงนี้

1. Vivaldi: The Four Seasons (A+)

2. Garbage: BLEED LIKE ME (2005, A)
เป็นอัลบั้มเฟมินิสต์ของผู้หญิงเสียสติที่ฟังสนุกมาก

3. Monkey Pants: Uranus (2004, A)
ฟังแล้วนึกถึง Cocktail ชุดแรก

4. Paradox: X 10 YEARS AFTER (2006, B)
"ชั้นไม่ปลื้ม...จบ!"


โดย: merveillesxx IP: 161.200.130.207 วันที่: 15 ตุลาคม 2549 เวลา:3:48:03 น.  

 
ชาวจีเอ็มส่งข่าวมาว่า
จีเอ็ม ( เล่มสำคัญ 55)
จะวางแผงวันจันทร์-อังคารนี้จ้า


โดย: grappa IP: 58.9.187.116 วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:8:09:00 น.  

 
อ้าว! ชั้นไม่ปลื้ม... ง่ายๆ แค่นั้นเลย


โดย: Moonlight Mile วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:19:31:28 น.  

 
ตอบคุณ merveillesxx

- แหะๆ แต่ผมกลับคิดตรงข้ามกับน้อง mer ฯ นะครับ เพราะผมคิดว่า The Child อาจจะเป็นภาคต่อของ First Love ก็ได้ (ฮา)

- สำหรับเรื่องชีวิตคู่ มันก็เป็นอย่างงี้แหละครับ ว่าไปคงเป็นเหมือนที่ Mary Alice Young ในเรื่อง Desperate Housewives, Episode ล่าสุด ว่าไว้อ่าครับ “คุณเคยเจอคู่สามี ภรรยาที่สมบูรณ์แบบบ้างไหม? ถ้าไม่ ลองให้ฉันแนะนำดู ...พวกเค้ายืนอยู่บนยอดเค้กแต่งงานที่สวยสดนั่นไงล่ะ แล้วรู้รึเปล่า? ว่าพวกเค้ามีเคล็ดลับอะไร ...ง่ายนิดเดียว เพราะพวกเค้าไม่เคยมองหน้ากันเลย !” จบ!!!!!


ขอรวบยอดเล่าหนังที่ได้ดูศูกร์ - เสาร์ - อาทิตย์พร้อมกันเลยนะครับ

หนังที่ได้ดูวันศุกร์ที่ 13

1. Personnel

งดออกความเห็นครับ เพราะดูรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เหอๆ

2. The Calm (A)

อันที่จริง ประเด็นและเนื้อหาในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างธรรมดาและไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากนักครับ เป็นเรื่องของคนที่เคยทำความผิด และต้องการมีชีวิตปกติสุขเหมือนคนทั่วไป ...ก็เท่านั้นเอง! แต่เมื่อเป็นเคียสลอฟสกี้กำกับ หนังจึงมีบรรยากาศที่สมจริงมาก ผกก. สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างถึงเลือดถึงเนื้อจริงๆ โดยเฉพาะฉากสำคัญ ตอนที่ Antek จำเป็นต้องเลือกระหว่างเจ้านายกับเพื่อนร่วมงาน หนังแสดงอารมณ์ของ Antek ที่ระเบิดออกมาได้น่าขนลุกมากๆ ครับ ...แถมบทสรุปในตอนจบ นี่ก็สุดๆ เช่นกัน ยกนิ้วให้เลยครับ :)


หนังที่ได้ดูวันเสาร์ที่ 14

1. The Accord (B+)

รู้สึกว่า ช่วงนี้ตัวเองจะมีโอกาสได้ดูหนัง "ประมาณนี้" บ่อยมากกกกกก จนไปๆ มาๆ ชักเริ่มเบื่อแล้วครับ (ฮา) สารคดีเรื่องนี้เล่าถึงปัญหาระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล (อีกแล้ว!) โดยจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ก็มาจากข้อตกลงเจนีวาที่เป็นปัญหานั่นเอง อย่างไรก็ดี ใช่ว่าหนังจะซ้ำซาก น่าเบื่อ และไร้ซึ่งข้อดีเสียทีเดียว เพราะอันที่จริง หนังก็ยังมีความน่าสนใจอยู่หลายจุด โดยเฉพาะวิธีการนำเสนอ ที่หนังได้ตามติดชีวิตของชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอลฝ่ายละ 3 คน เพื่อสำรวจตรวจสอบว่า พวกเขามีความเห็นอย่างไรต่อสนธิสัญญาที่กำลังพยายามผลักดันให้เกิดนี้ และเพื่อค้นหาว่า พวกเขามีแนวคิดต่อคำว่า "สมานฉันท์" อย่างไร? ในหนังเราจะเห็นว่าแต่ละคนต่างก็มีชุดความคิดเกี่ยวกับคำว่า "สันติภาพ" และ "สมานฉันท์" ที่แตกต่างกัน บ้างก็เห็นด้วยกับสนธิสัญญาเจนีวา บ้างก็ไม่เห็นด้วย และคิดว่านี่ไม่ใช่หนทางสุดท้ายที่จะยุติปัญหา ...คิดๆ แล้วก็เหนื่อยใจแทนไม่ได้นะครับ เพราะจะว่าไป ปัญหาเหล่านี้มันเรื้อรังและยากที่จะเยียวยาจริงๆ ถ้าเทียบกับชีวิตคน สถานการณ์ปัจจุบันก็คงเทียบได้กับ คนไข้ที่ป่วยเรื้อรังอย่างหนัก และแต่ละแนวทางสมานฉันท์ ก็คงเปรียบเสมือนยา ที่แต่ละคนพยายามยัดเยียดให้คนไข้กิน ซึ่งมันก็คงมีทั้งยาชั้นดี ลากยาวไปจนถึงยาผีบอก ซึ่งทั้งหมด ทั้งมวล เมื่อกรอกใส่ปากให้คนไข้กินในเวลาเดียวกัน มันจึงทำให้ นับวันอาการก็จะยิ่งแย่ลง แย่ลง และอาจตายได้ในที่สุด !

หมายเหตุ : อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Geneva Initiative เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ //www.geneva-accord.org/



2. The Gold Tooth (B+)

"โลภมาก ลาภหาย" คือ นิยามสั้นๆ สำหรับหนังสั้นเรื่องนี้ครับ หนังเล่าเรื่องของชายจนๆ คนหนึ่ง ที่บังเอิญโชคร้ายทำรองเท้าตกออกนอกหน้าต่าง และในขณะที่เขากำลังเสียดายรองเท้าคู่เก่าอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ...พร้อมกับมีรองเท้าคู่ใหม่โผล่มาอย่างไม่คาดคิด!!! ซึ่งเรื่องราวที่จะเกิดต่อจากนี้ ก็ไม่ได้ยากต่อการคาดเดาแต่อย่างใดครับ แต่กระนั้น แม้จะพอเดาทางหนังและตอนจบของเรื่องราวออก ตัวหนังก็ยังสร้างความกดดันให้กับเราได้อยู่ดี เช่น ตอนที่ชายคนนั้นทำการ "ถอนฟัน" ตัวเอง! ดูแล้วก็อดลุ้นไม่ได้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้นอีกบ้าง? (ตอนดู กลัวว่าจะมีอะไรแปลกๆ เช่น หนอน แมลงสาบ งอกออกมาจากฟันแทน ฮ่าฮ่าฮ่า) แต่ที่ไม่ค่อยชอบ ก็คือ ตอนจบ มันดูจบง่ายๆ ไปหน่อย โดยส่วนตัว อยากให้มีอะไร "ลึกลับๆ" เกิดขึ้น แล้วทิ้งเป็นปริศนาค้างไว้ แล้วค่อยจบ... แต่คิดดูอีกที จบแบบที่เป็นอยู่นี่แหละ ดีแล้ว ฮา!



3. My Name is Eugen (B)

- หนังเรื่องนี้สร้างมาจากหนังสือเด็กน่ะครับ ฉะนั้นเรื่องราวและวิธีการเล่าก็เลย "เด็กๆ" ตาม คาดว่าถ้าตัวเองอายุน้อยกว่านี้ซักสิบปี คงให้เกรดหนังเรื่องนี้ A++++ ไปแล้ว (ฮา) อย่างไรก็ดี หนังก็ดูได้ "ขำๆ" ครับ จัดเป็นหนังแนว Coming-of-Age ที่ค่อนข้างโอเคเลย แถมยังมีลูกล่อลูกชนในการเล่าเรื่องที่หวือหวาอีกด้วย (แต่เสียอยู่อย่าง ตรงที่มันคล้ายๆเอมิลี่ไปหน่อย เหอๆ) โดยส่วนตัวชอบตัวละครอย่าง Baschteli มากครับ โดยเฉพาะตอนที่เขาทำท่าน้อยใจ เวลาไม่มีใครเรียกว่า Tarantula แล้ว ดูแล้วน่ารักดี อิอิ

- อีกฉากที่ชอบ คือ ตอนเด็กๆ ปั่นจักรยานไปตามที่ต่างๆ บรรยากาศมันดู "สวิส" มากๆ อ่ะครับ เห็นแล้วอยากไปเที่ยวมั่งจัง :)

- ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่ตอนฟังเด็กๆ ร้องเพลงบนรถไฟ แล้วนึกถึงบรรยากาศเรื่อง The Sound of Music แฮะ



4. Just Do It (A)

รู้สึกประทับใจหนังเรื่องนี้ค่อนข้างมากครับ เพราะแม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่หนังก็สะท้อน "แง่งาม" ของสังคมเมืองปัจจุบันออกมาได้อย่างน่าสนใจดี โดยหนังได้เล่าเรื่องราว "ดีๆ" ผ่านเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย วันๆ เอาแต่คิดเรื่องเซ็กซ์และผู้หญิง สองคน โดยคนหนึ่งชื่อ Bove เป็นคนที่มีอายุมากกว่า เขามักชอบคุยโวโอ้อวดเรื่องที่ตัวเองเคยมีอะไรๆ กับผู้หญิงให้อีกคนฟัง ซึ่งในเวลาต่อมา เค้าก็ได้พบกับเรื่องดีๆ ผ่านสาวใหญ่ (แต่ผัวทิ้ง) คนหนึ่ง ส่วนอีกคนชื่อ Pechino เป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างอ่อนหัด อีกทั้งยังเชื่อคนง่ายมากกว่าชายหนุ่มคนแรกมากๆ แถมตอนแรก ยังมีความคิดจะไปขโมยเงินจากคนแก่เพื่อไปเที่ยวอีกต่างหาก ! แต่ก็เป็นเพราะยายแก่คนนี้แหละครับ ที่ทำให้เค้าได้เจอกับประสบการณ์ดีๆ ที่แทบจะทำให้เรายิ้มไม่หุบเลยทีเดียว :) อ่านๆ ดู ดูเหมือนจะเป็นหนังที่มองโลกในแง่ดี๊ แง่ดี แถมยังไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยใช่ไหมครับ แต่กระนั้น ผมกลับชอบความเรียบง่าย และการเอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของหนังครับ เช่น ประโยคที่คุณยายพูดกับเจ้าของร้านกาแฟว่า "รู้ไหม ว่าทำไมคนแก่ๆ ถึงทำอะไรเชื่องช้า" ฟังแล้ว อดคิดไม่ได้เลยครับว่า เอ๊ะ จริงๆ เป็นเพราะคนแก่ทำอะไรชักช้า หรือเป็นเพราะเราทำอะไรเร็วเกินไปกันแน่นะ... (ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ข้าพเจ้า ที่วันๆ เดินยังกะวิ่งควาย ไม่รู้จะรีบไปหาสวรรค์วิมารอะไร ฮา!) หรือจะเป็นแก๊งอันธพาลในเรื่อง ที่หนังก็ไม่ได้ยัดเยียดความร้ายกาจเกินมนุษย์ให้เหมือนกับหนังทั่วๆ ไป (ที่มักชอบให้มาเฟียมาจากอิตาลี และมักเป็นพวกหักเหลี่ยมเฉือนคม ไม่มีสัจจะ) เพราะหนังเรื่องนี้ มาเฟียยังมีสัจจะอยู่นะจ๊ะ (ตอนแรกก็กลัวเหมือนกัน นึกว่าพอแพ้เด็กแล้วจะพาลเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ เหอๆ) และที่เหนืออื่นใด สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็คือ มันทำให้ผมกลับมาเชื่อในเรื่องของนางฟ้าอีกครั้งครับ อิอิ


หนังที่ได้ดูวันอาทิตย์ที่ 15

1. Glastonbury (A)

ในฐานะคนฟังเพลง แต่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารเรื่องเพลง ต้องยอมรับเลยครับ ว่าหนังเรื่องนี้สามารถทำให้ผมรู้สึกราวกับได้ไปอยู่ในเทศกาลดนตรีนี้จริงๆ หนังไล่เรียงเรื่องราวตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของ Glastonbury - ที่มาของเทศกาล - ปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น – ภาพบรรยากาศ ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่น / นักท่องเที่ยวที่มาเยือน – และที่สำคัญ เมื่อเป็นเทศกาลดนตรี ก็ต้องมีภาพบรรยากาศการแสดงคอนเสิร์ตของหลากหลายวงรวมอยู่ด้วย ทั้งคุณปู่ Morrissey, Blur , Faithless, Chemical Brothers, Bjork , Scissor Sisters (กรี๊ดดดด ผกก.เลือกเอาช็อตที่ร้องเพลง Laura มาใส่ในหนังด้วยอ่า ชอบๆๆๆ) และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเมื่อทุกอย่างถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกัน มันก็เลยทำให้เทศกาลดนตรีที่ดูยิ่งใหญ่และขลังอยู่แล้ว ดูยิ่งใหญ่และขลังมากกว่าเดิมอีกครับ ...ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ชาตินี้ข้าน้อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวเทศกาลนี้บ้างเถอะ สาธุ!



ป.ล. 1รู้สึกประทับใจ Staff ที่ Central World มากๆ ครับ เพราะเมื่อวาน ตอนที่กำลังนั่งเช็คดูตั่วหนังอยู่ ก็เผอิญเหลือบไปเห็นว่า "ข้าพเจ้าจอง My Name is Eugen ผิดวัน ! " จากที่จะดูวันเสาร์ รอบสี่โมง กลายเป็นตั๋วรอบห้าโมงครึ่ง ที่ฉายไปตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้วแทน !!! (จำได้ว่า ตอนที่ Staff เขียนชื่อหนังให้ ได้เช็คดูวัน และเวลาไปรอบนึงแล้ว แต่ตอนพนักงานขายตั๋ว ออกตั๋วให้ กลับลืมเช็คซะนี่)



พอไปถามพนักงานขายตั๋ว เค้าก็บอกว่า ถ้าจะเปลี่ยนตั๋ว ต้องกลับไปเปลี่ยนที่ Discovery นะคะ (ซึ่งเป็นที่ที่ซื้อตั๋วครั้งแรก) แต่ตอนนั้นมัน 12.45 แล้วอ่ะครับ ถ้าจะเดินกลับไปที่ดิสคัฟเวอรี่ แล้วเดินกลับมาที่เซ็นทรัลเวิร์ลอีกครั้ง ก็คงกลับมาดูเรื่อง The Accord รอบบ่ายโมงไม่ทันแน่ๆ เลยตัดสินใจ กลับไปบอกพี่สต๊าฟว่า "งั้นผมซื้อเรื่อง My Name Is Eugen ใหม่ละกันครับ" (เพราะจริงๆ ก็ต้องยอมรับว่าความผิดส่วนหนึ่งก็มาจากผม ที่ไม่รอบคอบเอง ) แต่พี่สต๊าฟคนนั้นก็ใจดีมาก บอกว่าไหนๆ น้องก็ซื้อตั๋วแล้ว พี่เขียนตั๋วฟรีให้ใหม่ละกัน



โอ... ได้ยินแบบนั้นก็อึ้งสิครับ เพราะปกติ เจอแต่พนักงานที่ .... ๆ (Censored) ไม่คิดว่าพี่ๆ Staff ที่นี่จะมี service mind ที่ดีมากๆ ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะคร้าบ :) (ตอนดู My Name Is Eugen สต๊าฟคนนี้ ก็มานั่งดูใกล้ๆ ผมอีก เหอๆ)


ป.ล.2 ขออภัยถ้าหากทุกท่านจะอ่านเรื่องที่ผมเขียนไม่รู้เรื่อง เพราะตอนนี้ ผมตกอยู่ในสภาพเดียวกับ แอนน์ แฮธธาเวย์ ในเรื่อง "นางมารสวมปราด้า" ครับ วันๆ มีแต่คำสั่ง คำสั่งและคำสั่งจากเจ้านาย เฮ้อ ทั้งเหนื่อยกาย เหนื่อยใจจนจะกลายสภาพเป็นคนบ้าแล้วเนี่ย อ้อ... แต่อาจไม่เหมือนอยู่อย่างนึง เพราะในเรื่องนางมารสวมปราด้า เจ๊แอนน์ แกมีความอดทนสูงครับ แต่สำหรับผม ถ้าเจ้านายขืนออกคำสั่งเพิ่มอีกคำสั่งเดียว ข้าพเจ้าจะวีนแตกให้ดู หึหึ ไม่เชื่อก็คอยดู ฮ่าฮ่าฮ่า

ป.ล. 3 ขอจบเท่านี้ก่อน เพราะตอนนี้ต้องรีบวิ่งควายไปดูหนังแล้ว ฮา


โดย: it ซียู IP: 210.213.18.230 วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:20:01:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.