http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
Still Walking : มหากาพย์ 24 ชั่วโมง

โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง




(ตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร I-SREET ฉบับที่ 6 / พฤษภาคม 2552)

ถ้าพูดชื่อของผู้กำกับ ฮิโรคาสุ โคริเอดะ (Hirokazu Kore-eda) อาจฟังไม่คุ้นหูเท่าไรนัก แต่ถ้าบอกว่าเขาคือเจ้าของหนังเรื่อง Nobody Knows ที่ว่าด้วยเด็ก 4 คนที่ถูกแม่ทอดทิ้งให้อยู่กันเองในอพาร์ตเมนต์ หลายคนคงจะร้องอ๋อทีเดียว

โคริเอดะเริ่มต้นอาชีพทางภาพยนตร์ด้วยหนังสารคดีก่อน จึงไม่แปลกที่หนังยาวของเขาจะมีรูปแบบของสารคดีอยู่สูง ในหนังเรื่องแรก Maborosi (1995) ติดตามชีวิตของหญิงสาวที่สามีฆ่าตัวตายอย่างไร้สาเหตุ หนังให้เราเห็นแม้แต่กิจวัตรเล็กน้อยของเธอแม้แต่การทำงานบ้านหรือนั่งเหม่อลอย

ใน After Life (1998) เล่าถึงกลุ่มคนที่จะไปสวรรค์และสามารถเลือกความทรงจำติดตัวไปได้หนึ่งเดียว โคริเอดะใช้วิธีสัมภาษณ์เรื่องความทรงจำจากคนทั่วไป แล้วนำมาใช้ในหนัง ส่วน Distance (2001) ว่าด้วยญาติของผู้เสียชีวิตจากลัทธิลึกลับที่ต้องมารวมตัวกัน เขาก็ใช้วิธีกล้องตั้งสัมภาษณ์ความรู้สึกของตัวละครเลยด้วยซ้ำ

โคริเอดะหันมาทำหนังเล่าเรื่อง (fiction) มากขึ้นใน Nobody Knows (2004) และ Hana (2006) แต่หลังจากสูญเสียทั้งพ่อและแม่ในช่วงสองปีให้หลัง เขาก็ตัดสินใจทำ Still Walking (2008) หนังว่าด้วยเรื่องครอบครัว และกลับมาใช้วิธีการแบบสารคดีอีกครั้ง

Still Walking เล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่เหล่าสมาชิกกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเนื่องในโอกาสครบรอบการตาย 15 ปีของลูกชายคนโต ความขัดแย้งหลักอยู่ที่พ่อกับเรียว (ฮิโรชิ อาเบะ) ลูกชายคนเล็กที่ไม่ลงรอยกันนัก เนื่องจากเรียวไม่สามารถสืบทอดกิจการคลินิกจากพ่อได้ และถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่ชายที่จากไปอยู่เสมอ

ฟังดูแล้วค่อนข้างเป็นพล็อตซ้ำซากทีเดียว แม้แต่ละครไทยก็มีเรื่องแบบนี้ แต่โคริเอดะก็สามารถทำให้หนังมีคุณค่าในตัวมันเองด้วยการถ่ายทอดอย่างสมจริง นั่นคือการเลือกเล่าถึง 24 ชั่วโมงในวันรวมญาติ โดยเขาให้เหตุผลว่า “เราสามารถเรียนรู้คนอื่นได้จากเรื่องเล็กๆ ในวันธรรมดาๆ”

สิ่งที่เราเห็นในหนังจึงเต็มไปด้วยกิจกรรมสามัญของการรวมญาติ ไล่ตั้งแต่การช่วยกันทำอาหาร, นั่งกินข้าวร่วมกัน, พูดคุย, ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ, ทะเลาะเบาะแว้ง, ไหว้หลุมศพ, อาบน้ำ, แปรงฟัน, เข้านอน ฯลฯ

หนังยังมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ถูกเล่าเหมือนไม่สลักสำคัญ เช่น แปรงสีฟันสามอันในห้องน้ำที่แม่เตรียมไว้ให้เรียวและลูกเมีย, สีหน้าของเรียวที่มองราวเกาะอ่างอาบน้ำอย่างกังวลเพราะมันถูกสร้างขึ้นให้พ่อผู้แก่ชรา หรือแผงยาขนาดมหึมาในห้องของพ่อที่แสดงว่าเขายังไม่อาจละคืนวันเก่าๆ ที่เคยประกอบอาชีพหมอได้

ความดีของหนังยังอยู่ที่การใส่ใจในทุกตัวละคร ไม่ใช่แค่พ่อและเรียวเท่านั้นที่มีความทุกข์ในใจ พี่สาวของเรียวกำลังลังเลเรื่องที่จะย้ายกลับมาดูแลพ่อแม่, ยูคาริ-ภรรยาของเรียว-รู้สึกว่าแม่สามีปฏิบัติต่อเธอและลูกเหมือนกับแขกมากกว่าจะเป็นครอบครัว

แม้แต่ตัวละครของแม่ (รับบทโดย คิกิ คิริน กับการแสดงอันน่าทึ่ง) ที่พยายามทำตัวให้ร่าเริง ยุ่งขิงอยู่กับเครื่องครัวตลอดเวลา แท้จริงแล้วเธอก็ยังไม่อาจลืมเรื่องการตายของลูกชายคนโตไปได้

สิ่งที่เราเห็นในหนังไม่ใช่ครอบครัวตัวอย่างอันแสนสุข พวกเขามีทั้งบาดแผล ความทุกข์ และความลับมากมายในใจ เปรียบเหมือนรอยกระเบื้องแตกในห้องน้ำที่หนังถ่ายให้เห็นบ่อยครั้ง ทุกคนพูดถึงมัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถซ่อมแซมมันได้

พวกเขาเห็นรอยแตกนั้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และต้องดำรงอยู่กับมันให้ได้



Create Date : 30 พฤษภาคม 2552
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 17:14:36 น. 17 comments
Counter : 4212 Pageviews.

 

THIRD CLASS TALK 001 : NO MERCY สนทนาว่าด้วยวัฒนธรรมการวิจารณ์ซึ่งๆหน้า‏

พูดคุยกับ ธีปนันท์ เพ็ชรศรี, ก้อง ฤทธิ์, มะเดี่ยว ชูเกียรติ, ก่อ ชาคร

วันศุกร์ที่ 5 มิ.ย. 52 เวลา 19.00 ณ ห้องสมุดวิลเลียม วอร์เรน บ้านจิม ทอมป์สัน (BTS สนามกีฬา)

รายละเอียด //thirdclasscitizen.exteen.com/




A Chronicle of Love and Pain

2009 / 21 mins / DV / fiction + experimental

Status : COMPLETED! + and waiting for screening

หนังเสร็จแล้วจ้า รอฉายลูกเดียว เจอกันในงานเทศกาลหนังสั้นมูลนิธิหนังไทย และฟิ้วแคมป์



ป.ล. เจ้าของบล็อกไม่อยู่ ไปสัญจรที่ จ.อุบล 5 วัน กลับอีกที วันที่ 3 มิ.ย. จ้ะ


โดย: merveillesxx วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:19:06 น.  

 
อ้าว ไปอุบล อย่าลืมไปกินส้มตำร้านเพื่อนพี่นะ


สงสัยจะบอกไม่ทันซะแล้ว...................


โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.113.107 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:20:16:45 น.  

 
^
^
อดได้เปอร์เซนต์เลยล่ะสิ 555

อยากดูจัง ยังไม่มีเลยเรื่องนี้ ชอบ Distance มากนะ มันเจ็บปวดหลอนหลอกดี
Nobody Knows ก็หลอนหลอกไปสามวันเจ็ดวันเหมือนกัน ชอบด้วย

ป.ล. have a safe trip


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.184.229 วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:19:24 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: baareeraa วันที่: 30 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:29:35 น.  

 
อยากดูมากๆๆๆๆๆ

ได้ดูหนังของโคริเอดะเกือบครบครับยกเว้นเสียแต่ Hana หลงในเสน่ห์ของความนิ่งแต่แฝงความเจ็บปวดครับ

เดินทางปลอดภัยครับ


โดย: Seam - C IP: 58.9.235.62 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:15:55 น.  

 
แวะมาเยี่ยม
แต่ยังไม่ได้อ่านนะคะ
กะ่ว่าจะไปหาหนังมาดูก่อนดีกว่า
แล้วค่อนย้อนกลับมา "เสพ" ความเห็นของคุณต่ออีกรอบ :)


โดย: tiktokthailand วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:17:15 น.  

 
เราชอบ after life มากๆ ตอนจบทำเอาสะเทือนไปทั้งหัวใจ ไม่น่าเชื่อว่าจะเราจะเคยดูหนังของพี่คนนี้ถึง 3 เรื่อง อยากดูเรื่องที่เขียนถึงนี้ด้วย


โดย: pick IP: 58.137.81.212 วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:6:36:11 น.  

 
ไปอุบลเดี๋ยวคงได้เจอกันนะครับ บทความข้างบนของ Lars Von Trier อ่านดูแล้วก็ประมาณว่า ช่างแม-แอ้ง ไม่ดีมั่งครับ น่าจะใช้อะไท่บวกๆหน่อย (ไม่เอาเอดส์นะ) จะได้สบายใจ (หรือผมโง่เอง)


โดย: Ghoeby วันที่: 2 มิถุนายน 2552 เวลา:19:01:53 น.  

 
^
^
อ่านไม่รู้เรื่อง!

(ใครช่วยแปลด้วย)


โดย: merveillesxx วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:13:15:59 น.  

 
แวะมาเยี่ยม แบบว่ายังขี้เกียจอ่านจ้ะ
อ้าว ใครพูดก็ให้คนนั้นแปลจิ



โดย: quin toki วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:16:57:41 น.  

 
กระซิบข้างหูแบบอายๆว่า "ไม่เคยดูหนังของ ฮิโรคาสุ โคริเอดะ เลย"

อ่านดูแล้วคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่จุดสตาร์ทที่เหมาะนัก คุณเมอร์ว่าระหว่าง Nobody Knows กับ Hana ผมควรเริ่มจากเรื่องไหนดี

ส่วนเม้นท์น้องคนนั้น... เค้าคงหมายความว่า "ลาส น่าจะพูดอะไรที่รักษาน้ำใจคนดูหน่อย" หรืออะไรประมาณนี้นะ (ถอดรหัสดาวินชี่ 55+)


โดย: BloodyMonday วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:19:06:12 น.  

 
ผมดองเรืองนี้ไว้ แต่คงไม่บูดมาก เพราะ After Life ผมดองไว้จนแผ่นมันไม่สามารถเล่นได้แล้ว


โดย: ต้องบอกด้วยเหรอ วันที่: 3 มิถุนายน 2552 เวลา:20:21:41 น.  

 
ห่างหายไปนาน แวะมาบอกว่าคิดถึงนะเพื่อนต่อ


โดย: เป้ IP: 58.9.1.36 วันที่: 4 มิถุนายน 2552 เวลา:1:33:01 น.  

 
+ อ่านจาก I-street มาแล้ว อยากดูอ่ะครับเรื่องนี้ (เพราะชอบ Nobody knows มากมาย เป็นหนังที่ทำเอาพี่ซึมเศร้าจุกอกไปเป็นอาทิตย์ๆ )


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 5 มิถุนายน 2552 เวลา:12:21:03 น.  

 
หนังน่าดูดีครับ ดูหนังของแกที่ไรร้องไห้ทุกที


โดย: hyperboyz9 วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:22:34:43 น.  

 
ดูหนังเรื่องนี้ยังไม่จบ
เหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ
ดูมา 2 วันแล้ว เพราะรู้สึกว่าพล็อตมันไม่มีอะไร เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เลยรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินไปหน่อย
ดูได้ครึ่งชั่วโมงก็ไปหาอะไรทำ
ไม่สามารถทนดูจบภายในไม่ถึง 2 ชั่วโมงอ่าค่ะ

ผิดกับเรื่อง Waiting in the dark นะคะ
ซึ่งเรื่องนั้นเราชอบมาก ทั้ง ๆ ที่มีบทพูดน้อยกว่าเรื่องนี้เยอะเลย
แต่พล็อตหนังมันทำให้ชวนติดตามมากกว่า
ทั้ง ๆ ที่นางเอกที่ตาบอดก็ไม่ได้ทำอะไรแตกต่างจากเรื่องนี้เลย
คืออยู่บ้าน ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ฟังทีวี ฯลฯ



โดย: ยัยลีลี วันที่: 4 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:05:02 น.  

 
ผมไม่ค่อยถูกใจ Nobody Knows ดู Air Doll ไม่รู้เรื่อง แต่มาตีตื้นด้วย After Life และมาถูกใจมากกับหนังเรื่องนี้ครับ
หนังซึมลึกและค่อยๆ โดนใจ
หนังบอกผมว่าอย่าผลัดวันประกันพรุ่งกับสิ่งที่จะทำให้พระอรหันต์ในบ้านของเราครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 17 มีนาคม 2555 เวลา:23:48:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.