Still Walking : มหากาพย์ 24 ชั่วโมง
โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง
(ตีพิมพ์ครั้งแรก : นิตยสาร I-SREET ฉบับที่ 6 / พฤษภาคม 2552)
ถ้าพูดชื่อของผู้กำกับ ฮิโรคาสุ โคริเอดะ (Hirokazu Kore-eda) อาจฟังไม่คุ้นหูเท่าไรนัก แต่ถ้าบอกว่าเขาคือเจ้าของหนังเรื่อง Nobody Knows ที่ว่าด้วยเด็ก 4 คนที่ถูกแม่ทอดทิ้งให้อยู่กันเองในอพาร์ตเมนต์ หลายคนคงจะร้องอ๋อทีเดียว
โคริเอดะเริ่มต้นอาชีพทางภาพยนตร์ด้วยหนังสารคดีก่อน จึงไม่แปลกที่หนังยาวของเขาจะมีรูปแบบของสารคดีอยู่สูง ในหนังเรื่องแรก Maborosi (1995) ติดตามชีวิตของหญิงสาวที่สามีฆ่าตัวตายอย่างไร้สาเหตุ หนังให้เราเห็นแม้แต่กิจวัตรเล็กน้อยของเธอแม้แต่การทำงานบ้านหรือนั่งเหม่อลอย
ใน After Life (1998) เล่าถึงกลุ่มคนที่จะไปสวรรค์และสามารถเลือกความทรงจำติดตัวไปได้หนึ่งเดียว โคริเอดะใช้วิธีสัมภาษณ์เรื่องความทรงจำจากคนทั่วไป แล้วนำมาใช้ในหนัง ส่วน Distance (2001) ว่าด้วยญาติของผู้เสียชีวิตจากลัทธิลึกลับที่ต้องมารวมตัวกัน เขาก็ใช้วิธีกล้องตั้งสัมภาษณ์ความรู้สึกของตัวละครเลยด้วยซ้ำ
โคริเอดะหันมาทำหนังเล่าเรื่อง (fiction) มากขึ้นใน Nobody Knows (2004) และ Hana (2006) แต่หลังจากสูญเสียทั้งพ่อและแม่ในช่วงสองปีให้หลัง เขาก็ตัดสินใจทำ Still Walking (2008) หนังว่าด้วยเรื่องครอบครัว และกลับมาใช้วิธีการแบบสารคดีอีกครั้ง
Still Walking เล่าถึงครอบครัวหนึ่งที่เหล่าสมาชิกกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเนื่องในโอกาสครบรอบการตาย 15 ปีของลูกชายคนโต ความขัดแย้งหลักอยู่ที่พ่อกับเรียว (ฮิโรชิ อาเบะ) ลูกชายคนเล็กที่ไม่ลงรอยกันนัก เนื่องจากเรียวไม่สามารถสืบทอดกิจการคลินิกจากพ่อได้ และถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่ชายที่จากไปอยู่เสมอ
ฟังดูแล้วค่อนข้างเป็นพล็อตซ้ำซากทีเดียว แม้แต่ละครไทยก็มีเรื่องแบบนี้ แต่โคริเอดะก็สามารถทำให้หนังมีคุณค่าในตัวมันเองด้วยการถ่ายทอดอย่างสมจริง นั่นคือการเลือกเล่าถึง 24 ชั่วโมงในวันรวมญาติ โดยเขาให้เหตุผลว่า “เราสามารถเรียนรู้คนอื่นได้จากเรื่องเล็กๆ ในวันธรรมดาๆ”
สิ่งที่เราเห็นในหนังจึงเต็มไปด้วยกิจกรรมสามัญของการรวมญาติ ไล่ตั้งแต่การช่วยกันทำอาหาร, นั่งกินข้าวร่วมกัน, พูดคุย, ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ, ทะเลาะเบาะแว้ง, ไหว้หลุมศพ, อาบน้ำ, แปรงฟัน, เข้านอน ฯลฯ
หนังยังมีรายละเอียดเล็กน้อยที่ถูกเล่าเหมือนไม่สลักสำคัญ เช่น แปรงสีฟันสามอันในห้องน้ำที่แม่เตรียมไว้ให้เรียวและลูกเมีย, สีหน้าของเรียวที่มองราวเกาะอ่างอาบน้ำอย่างกังวลเพราะมันถูกสร้างขึ้นให้พ่อผู้แก่ชรา หรือแผงยาขนาดมหึมาในห้องของพ่อที่แสดงว่าเขายังไม่อาจละคืนวันเก่าๆ ที่เคยประกอบอาชีพหมอได้
ความดีของหนังยังอยู่ที่การใส่ใจในทุกตัวละคร ไม่ใช่แค่พ่อและเรียวเท่านั้นที่มีความทุกข์ในใจ พี่สาวของเรียวกำลังลังเลเรื่องที่จะย้ายกลับมาดูแลพ่อแม่, ยูคาริ-ภรรยาของเรียว-รู้สึกว่าแม่สามีปฏิบัติต่อเธอและลูกเหมือนกับแขกมากกว่าจะเป็นครอบครัว
แม้แต่ตัวละครของแม่ (รับบทโดย คิกิ คิริน กับการแสดงอันน่าทึ่ง) ที่พยายามทำตัวให้ร่าเริง ยุ่งขิงอยู่กับเครื่องครัวตลอดเวลา แท้จริงแล้วเธอก็ยังไม่อาจลืมเรื่องการตายของลูกชายคนโตไปได้
สิ่งที่เราเห็นในหนังไม่ใช่ครอบครัวตัวอย่างอันแสนสุข พวกเขามีทั้งบาดแผล ความทุกข์ และความลับมากมายในใจ เปรียบเหมือนรอยกระเบื้องแตกในห้องน้ำที่หนังถ่ายให้เห็นบ่อยครั้ง ทุกคนพูดถึงมัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถซ่อมแซมมันได้
พวกเขาเห็นรอยแตกนั้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และต้องดำรงอยู่กับมันให้ได้
Create Date : 30 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2552 17:14:36 น. |
|
17 comments
|
Counter : 4212 Pageviews. |
|
|
|
THIRD CLASS TALK 001 : NO MERCY สนทนาว่าด้วยวัฒนธรรมการวิจารณ์ซึ่งๆหน้า
พูดคุยกับ ธีปนันท์ เพ็ชรศรี, ก้อง ฤทธิ์, มะเดี่ยว ชูเกียรติ, ก่อ ชาคร
วันศุกร์ที่ 5 มิ.ย. 52 เวลา 19.00 ณ ห้องสมุดวิลเลียม วอร์เรน บ้านจิม ทอมป์สัน (BTS สนามกีฬา)
รายละเอียด //thirdclasscitizen.exteen.com/
A Chronicle of Love and Pain
2009 / 21 mins / DV / fiction + experimental
Status : COMPLETED! + and waiting for screening
หนังเสร็จแล้วจ้า รอฉายลูกเดียว เจอกันในงานเทศกาลหนังสั้นมูลนิธิหนังไทย และฟิ้วแคมป์
ป.ล. เจ้าของบล็อกไม่อยู่ ไปสัญจรที่ จ.อุบล 5 วัน กลับอีกที วันที่ 3 มิ.ย. จ้ะ