http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
Theatre of the Year 2011 : สิบละครเวทีที่ชอบที่สุดของปี 2011

by merveillesxx

(หมายเหตุ: รูปต่างๆ มาจากการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต ขออภัยที่ไม่ได้ให้เครดิตอย่างเหมาะสม)



10. วันทอง The Return of Wanthong (กำกับโดย ประดิษฐ ประสาททอง)

ตอนแรกนึกว่าจะเป็นแนว traditional แต่ปรากฏว่ากลายเป็นงานที่ล้ำมาก การตีความใหม่เกี่ยวกับหมื่นไวยวรนาถที่ได้พบกับนางวันทอง มารดาผู้ล่วงลับ ชอบความสัมพันธ์แบบกึ่งๆ incest ของแม่/ลูกในครึ่งแรกอย่างมาก




9. อัสลาม...จากเจ้าหญิงเสียงเศร้าแห่งดวงดาวที่ 4 (กำกับโดย ฟารีดา จิราพันธุ์)

โลกจินตนาการของละครแบบนิทานเด็ก ที่แทรกซ้อนไว้ด้วยความเศร้าหดหู่เกี่ยวกับเรื่องภาคใต้ ดูแล้วรู้สึกเศร้าลึก แต่จำได้ว่าชอบฉบับที่เล่นในงาน 'อ่าน' ที่จริงจังและกระทบใจมากกว่า




8. นางร้ายในลงกา (กำกับโดย นิกร แซ่ตั้ง)

การข้ามผ่านไปมาระหว่างสองโลก โลกในวรรณคดีที่น่าสนใจ โลกแห่งความจริงที่อาจดูซ้ำซากไปนิด แต่ความซ้ำซากก็คือชีวิตจริง แต่ที่เป็นของจริงที่สุดคือ บรรดานักแสดงหญิงในเรื่อง




7. The White Phoenix (กำกับโดย Nyoba Kan)

สารภาพว่าไม่โดนใจกับงานบูโตปีนี้เท่าไรนัก แต่มีชิ้นนี้ที่ประทับใจอย่างมาก เต็มไปด้วยพลังแห่งความชั่วร้ายดำมืด แม้ตอนจบที่ว่าด้วย enlightenment จะทำให้ความชอบลดน้อยลงไปบ้าง




6. วิปริต (กำกับโดย นินาท บุญโพธิ์ทอง)

ดัดแปลงจากบทเรื่อง Apt Pupil มาเป็นประเด็นไทย-เขมรได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ตระหนักได้ว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่น่ากลัว โดยเฉพาะความเชื่อประเภทว่า มันคือสิ่งที่ถูกต้อง-มันคือสิ่งที่ดีงาม-มันคือสิ่งที่สมควรแล้ว




5. Hedwig and the Angry Inch (กำกับโดย พรรณศักดิ์ สุขี)

อาจเพราะ Hedwig ฉบับภาพยนตร์เป็นหนึ่งในหนังที่ชอบที่สุดในชีวิต ละครเวทีเรื่องนี้จึงติดอันดับโดยไม่ยาก นักแสดงนำแบกละครทั้งเรื่องไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมและทรงพลังยิ่ง




4. Kafka and I (กำกับโดย พรรณศักดิ์ สุขี)

ถือว่าเซอร์ไพรส์ เพราะไม่คิดว่าจะพูดเรื่องเสื้อแดงในมุมนี้ แม้ว่าบางประเด็นจะคลุมเครือและต้องขบคิดกันต่อไป และยังชอบโปรดักชันของงานชิ้นนี้เป็นพิเศษ




3. วันที่สหายพายุกลับบ้าน (กำกับโดย รัฐพงศ์ ภิญโญโสภณ)

เป็นละครที่ดูแล้วเศร้าที่สุดของปีนี้ มันบอกกับเราว่าความเชื่อใดๆ ก็ตามล้วนเปลี่ยนแปลงกันได้ และเมื่อเราเชื่อในสิ่งใดมากๆ ตัวเราเองก็จะเจ็บปวดที่สุดเมื่อสิ่งนั้นพังทลายลง





2. F_CK ทอง (กำกับโดย ดุจดาว วัฒนปกรณ์ บุญใหญ่) / Damage Joy (กำกับโดย นานา เดกิ้น)

เนื่องจากแสดงคู่กัน จึงขอให้อันดับควบกัน เรื่องแรกพูดถึงตำแหน่งแห่งที่ของผู้หญิงในพุทธศาสนาได้แสบสันต์ เส้นเรื่องเหมือแรงเหวี่ยงไร้การบันยะบันยัง เรื่องหลังว่าด้วยความสุขจากความเจ็บปวด และการทดสอบด้านมืดของผู้ชม




1. Flu-Fool (กำกับโดย ธีระวัฒน์ มุลวิไล)

แม้จะเกิดความสับสนอลหม่านในหัวสมองหลังดูจบ เพราะ Flu-Fool ให้ความรู้สึกเหมือนถูกปรมาณูถล่มพร้อมกันสัก 38 ลูก มีหลายฉากที่ติดตาและสะพรึงกับความหมาย (การควานหาหลอดไฟ, การถือต้นไม้ในฉากจบ) บางฉากที่ไม่แน่ใจในการถอดความ แต่ไม่อาจสลัดให้หลุด (การบดทำลายกระดาษ, การหามเสา) อาจไม่ใ่ช่งานที่ชอบมากที่สุดของปีหลังดูจบ แต่เป็นการแสดงติดอยู่ในใจมากที่สุด ณ ตอนที่เขียนนี้ เป็นงานที่กล้าหาญ ไม่ประนีประนอม และไปไกลเกินคาด




Drag Me to Hell of the Year

- แฟรงค์เกนสไตน์ (โดย คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ)

- ทวิภพ เดอะ มิวสิคัล (โดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ)





Create Date : 04 มกราคม 2555
Last Update : 4 มกราคม 2555 4:43:03 น. 0 comments
Counter : 4970 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.