http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
THE LOVE OF SIAM SAVED MY LIFE : เมื่อ “รักแห่งสยาม” ช่วยชีวิตผมไว้

โดย merveillesxx





หมายเหตุ: บล็อกนี้เพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ และยืดยาวมากๆ


* วันเสาร์ที่ 24 พ.ย. 2550 เป็นวันลอยกระทง สำหรับผมมันก็แค่วันธรรมดาๆ อีกหนึ่งวัน เกิดมาทั้งชีวิตผมไม่เคยอินกับเทศกาลลอยกระทง ไม่คิดจะไปลอยกระทง และส่วนใหญ่ผมนอนอยู่บ้าน เปิดเพลงดังๆ กลบเสียงพลุ

* ตื่นเช้ามา ผมตัดสินใจออกจากบ้าน ผมไม่อยากอยู่บ้าน ผมเบื่อเสียงพลุ เสียงหมาเห่า เบื่อที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนในครอบครัว (ช่วง 3 เดือนหลังมา ผมหนีปัญหาด้วยวิธีนี้เสมอ)

* ผมเลือกไปงาน fuse camp 6 ของนิตยสารไบโอสโคป ที่จัด ณ TK PARK ธีมของวันนี้คือ “การหยุดความรุนแรงในผู้หญิง” ที่จริงผมก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไร เพราะกลัวเจอพวกเฟมินิสต์หลุดโลก

* ตลอดการเดินทางจากบ้านไปยัง TK PARK ไม่ว่าจะอยู่บนรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือเดินบน sky walk สิ่งที่ผมทำคือ ส่ง sms หาทุกๆคนว่า “The Love of Siam is best thai film in year 2007. See it if u can.”

* ก่อนจะเข้าไปใน TK PARK ผมแวะ B2S ซื้อซาวด์แทร็ก “รักแห่งสยาม” ราคา 149 บาท

* บรรยากาศของ Fuse Camp สนุกกว่าที่คิด ถึงประเด็นจะหนักแต่ก็มีเรื่องสนุกๆ คุยกันมากมาย ตั้งแต่ หนัง AV, การทำแท้ง, ความอ้วน ไปจนถึง โฆษณาไวท์เทนนิ่ง (ถ้าจำไม่ผิดประโยคเด็ดของผมคือ “ผมรับไม่ได้เลยนะ ไอ้โฆษณาพอนด์อะไรสักอย่าง ที่ใช้แล้ว 7 วัน ทวงผัวคืนได้น่ะ ไม่ไหวจริงๆ ผมรับไม่ได้” )

* แต่ระหว่างนั้น เกิดเหตุไม่คาดฝันกับผม มันรุนแรง และกระทบใจผมมาก (ผมไม่สามารถบอกได้ตรงนี้ ผมไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียหาย แต่มันคือเรื่องรักๆใครๆ นั่นแหละ) แต่ ณ ตอนนั้น ผมเลือกจะไม่สนใจมัน และช่างมัน ผมคิดว่ามันไม่มีอะไรหรอก ผมคิดแบบนั้นจริงๆ

* จบงาน Fuse Camp ไปอย่างราบรื่น ผมไม่อยากกลับบ้าน แต่ผมก็ไม่มีที่ไป จะดู เจงกิสข่าน ก็ไม่อยากดูเท่าไร จะไปดู Lust, Caution ที่เฮ้าส์ก็ไกลไป จะดู “รักแห่งสยาม” รอบสองก็กลัวคนเยอะ สุดท้าย พี่แอน ไบโอ ก็ชวนผมไปกินข้าว

* ผมกับกองไบโอสโคปรวม 5 ชีวิต (ผม, พี่แอน, อ้วน, น้องแอ็ค, น้องไอซ์) เดินทางไปกิน MK ด้วยกัน ผมสนุกและมีความสุขมาก ปกติผมมักกินข้าวคนเดียวเสมอ ผมไม่เคยกินข้าวกับคนเยอะๆ แล้วมีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว ทั้งที่บางคน อย่าง อ้วน หรือ น้องไอซ์ (น้องฝึกงาน เป็นผู้ชายนะ) ผมไม่เคยคุยด้วยเลย แต่ผมก็พบว่า อ้วน นี่ฮามาก (ถึงแม้จะหน้าตาโหดประหนึ่งนักมวยปล้ำเฮฟวี่เวท) ส่วนน้องไอซ์ก็คุยดีนี่นา

* ประเด็นเม้าท์หลักก็คือ รักแห่งสยาม ว่าแล้วสงสารน้องไอซ์ เพราะเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้ดู แต่ก็ถูก spoil ไปหลายดอกเหมือนกัน (พี่ขอโทษ)

* สรุปแล้วกินถล่มกันไป 987 บาท เฉียดฉิวมาก เพราะงบกินข้าวไบโอ มีมาให้ 1000 บาท (นี่กูจะถูกพี่ธิดาด่าว่า ยักยอกเงินไบโอมั้ยวะเนี่ย)

* เวลาล่วงเลยมาถึง 18.30 พี่แอน อ้วน และน้องไอซ์ ต้องกลับไปปิดเล่มไบโอที่ออฟฟิศต่อ (ช่างน่าสงสาร) 3 คนนี้นั่งแท็กซี่กันไป จริงๆผมจะติดรถไปก็ได้ เพราะออฟฟิศไบโอ ห่างจากบ้านผมเพียง 3 ป้ายรถเมล์ แต่ผมก็ยังไม่อยากกลับบ้านอยู่ดี

* ส่วนน้องแอ็ค จะขึ้นรถไฟฟ้า ผมกับน้องแอ็ค เลยเดินจากเซ็นทรัลเวิลด์ ไปรถไฟฟ้าสยามด้วยกันสองคน ... (โปรดอย่าจินตนาการไปไกล ไม่มีอะไรจริงๆ 555)

* จริงๆ แล้ว ผมกับน้องแอ็คมีประเด็นคือ คือว่า มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง (สมมติว่าชื่อ น้องมินท์) มาปิ๊งๆ กับแอ็ค ผมเคยให้เบอร์แอ็คกับน้องมินท์ไป (ผมรู้สึกว่า ญ ควรจะเป็นฝ่ายเลือกว่า โทร/ไม่โทร) แต่น้องมินท์ดันไม่ยอมโทร แอ็คเลยบอกว่า ให้น้องมินท์มาเจอเค้าที่ fuse camp วันนี้ ...แต่สรุปน้องมินท์ก็ไม่มา

* ผมแยกกับแอ็คที่รถไฟฟ้า เดินเข้าห้างสยามพารากอน คนเยอะมาก เยอะจนผมมึนหัว

* เมื่ออยู่คนเดียว ไม่รู้ด้วยเหตุวิปริตอันใด ผมย้อนกลับไปคิดถึง “เรื่องนั้น” อีกครั้ง ผมรู้สึกแย่ แย่มากๆ ผมไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาในรอบสามปีที่ผ่านมา แต่ผมก็พยายามไม่ใส่ใจ พยายามจะไม่สนใจเรื่องนั้น

* ผมเดินเข้าร้านหนังสือ Kinokuniya แต่ก็พบว่า ผมเดินดูหนังสืออย่างเลื่อนลอย เหมือนคนไร้วิญญาณ

* ผมเดินออกจากร้าน ไปเกาะราวบันได มองดูไปรอบห้างๆ ผมพบว่า ผมเป็นคนเดียวในห้างที่อยู่ตัวคนเดียว ทุกๆคนดูมีความสุข ทุกคนหัวเราะ ทุกคนหน้าตาสดใส ผมเศร้า เศร้ามาก จนอยากจะโดลงไป แต่ผมก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นอะไร

* ผมยืนพิงเสา โทรหาเพื่อนทุกคนที่น่าจะเป็นเพื่อนคุยได้ แต่ทุกคนล้วนอยู่ข้างนอก บางคนอยู่จุฬา บางคนอยู่ภูเขาทอง พวกเขากำลังมีความสุข แล้วผมจะเลวทรามขนาดเอาความทุกข์ของตัวเองไปถล่มใส่พวกเขาได้อย่างไร ผมตัดสินใจวางโทรศัพท์แต่ละสายอย่างรวดเร็ว

* ผมโทรหา เต๋อ คลีโอ ความหวังสุดท้ายของผม ผมเชื่อว่าคนอินดี้อย่างไอ้เต๋อต้องอยู่บ้านแน่ๆ มันนี่แหละที่จะเป็นผู้รับฟังของผม แต่พอมันรับโทรศัพท์ เห็นได้ชัดเลยว่ามันอยู่ข้างนอก แวบหนึ่งผมดีใจ เพราะคิดว่ามันไปลอยกระทงกับแฟน (ผมคาดว่าเต๋อกับแฟนอาจมีปฏิสัมพันธ์กันครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 ปีที่แล้ว) แต่ปรากฏว่ามันอยู่กับแม่ ผมโกรธ จนด่ามันไปว่า “ไอ้ห่า มึงจะกตัญญูหาหอกอะไรวันนี้ ทำไมมึงไม่ไปอยู่กับแฟนวะ!!!” ผมระบายกับเต๋อพอประมาณ แต่ก็ยังไม่ได้พูด “เรื่องนั้น” ออกไป

* ผมลองโทรหาน้องมินท์ โทรไปแซวว่าทำไมวันนี้ไม่มา น้องมินท์บอกขอโทษผม แต่น้องมินท์บอกว่า เธอตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะโทรหาแอ็ค ผมบอกว่าน้องตัดสินใจถูกแล้ว น่าแปลกมากที่เสียงผมตอนที่พูดคุยน้องก็สดใสปกติดี แต่พอวางสาย ผมอาการหนักกว่าเดิม ผมควรจะดีใจกับน้องเค้า แต่ตอนนี้ผมแย่แล้ว แย่มากๆ ด้วย

* ผมไม่มีแรงยืน ตอนแรกผมจะเดินขึ้นไปดูร้านซีดี แต่ผมไม่มีความรู้สึกอยากทำอะไรแบบนั้นอีกต่อไป ผมเดินลงไปตัดสินใจหาที่นั่ง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนอายุ 60 ถึงตอนนี้ผมน้ำตาซึม ผมคิดว่าตัวเองเป็นบ้า ผมชอบด่าพวกเวิ่นเว้อ แต่ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้นเอง ผมเกลียด เกลียดตัวเอง ผมไม่อยากเป็นแบบนี้ ผมอยากออกไปจากตรงนี้

* ผมโทรหาพี่แอน ไบโอ พี่แอนบอกว่า “เออ เป็นไงบ้าง เรากำลังจะโทรหาพอดี’” (พี่แอนเป็นคนหนึ่งที่รู้ “เรื่องนั้น”) ณ ตอนนี้ ผมทนไม่ไหวแล้ว หลังจากที่พยายามปฏิเสธ ฝืนทำตัวเข้มแข็งมาตลอด ในที่สุดผมก็พูดมันออกมา “แอน เราไม่อยากอยู่คนเดียว เราทนไม่ไหวแล้ว วันนี้เราอยู่คนเดียวไม่ได้”

* แอน ชวนผมไปออฟฟิศไบโอ ผมเกรงใจไม่กล้าไป เพราะวันนี้ปิดเล่ม ไม่อยากไปกวน แต่แอนยืนยันให้มา (ผมว่าแอนคงคิดว่า ยอมให้ผมไปกวนที่ออฟฟิศ ดีกว่าไปให้ผมไปโดดตึกตาย)

* ผมตัดสินใจไป แต่ที่ฮาคือ แอนบอกว่าให้ซื้อข้าวไปฝาก พี่เต้ กับ เบย์ (ฝ่ายอาร์ต) ด้วย ผมก็ถามว่าแล้วเค้าจะกินอะไรกัน แอนตอบว่าเอาอะไรก็ได้ง่ายๆ อย่างข้าวไข่เจียว ผมเลยตะโกนลั่นว่า “เธอจะบ้าเหรอ ชั้นอยู่ในสยามพารากอนนะ แล้วชั้นจะไปหาข้าวไข่เจียวที่ไหน!”

* ผมต่อโทรศัพท์หาเต๋อ คลีโอ อีกรอบ ด้วยคำถามว่า “เฮ้ย มึงกูขอปรึกษาหน่อย กูจะหาข้าวไข่เจียวในสยามพารากอนได้ที่ไหนวะ” เต๋อให้คำตอบไม่ได้ แต่หลังจากนั้น ผมก็ตัดสินใจเล่าเรื่องนั้นให้เต๋อฟัง เต๋อรับรู้ เข้าใจ และเห็นด้วยกับการตัดสินใจของผม (หรือเปล่าววะ?)

* สรุปแล้ว ผมเดินลงไปซื้อ ข้าวมันไก่ + ข้าวมันไก่ทอด ที่ฟู้ดคอร์ทข้างล่าง แล้วก็เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า

* จริงๆ แล้วตอนที่โทรหาคนมากมาย ผมโทรหาคุณแยม (หนึ่งในคนอ่านบล็อกนี้) ด้วย คุณแยมอยู่ที่มาบุญครอง และรอเพื่อนอยู่ ด้วยความที่ไม่อยากอยู่คนเดียว ผมเลยถามว่า ให้เราไปรอเป็นเพื่อนมั้ย แยมบอกว่าขอกินข้าวก่อน ผมเลยเข้าใจว่าแยมคงไม่อยากเจอผม (เราสองคนเคยเจอกันครั้งเดียวที่งานรับปริญญา) หลังจากนั้นแยมโทรมาอีกประมาณ 5 รอบ ผมเลยไม่มีอารมณ์รับ แต่ครั้งที่ 6 ผมรับ สิ่งที่ผมรู้ก็คือ คุณแยมรีบกินข้าวอย่างรวดเร็ว และเดินมาหาผมที่พารากอนแล้วเรียบร้อย ผมรู้สึกผิด ผิดมาก จนอยากจะกระโดดให้รถชนตาย รู้สึกว่าตัวเองเลวและเห็นแก่ตัวมาก ผมขอขอโทษคุณแยมไว้ ณ ตรงนี้

* นั่งรถไฟฟ้าจากสยามมาอโศก เปลี่ยนไปต่อรถใต้ดิน

* ในความคิดตอนนั้นของผมคือ ผมเคยมีอาการแบบนี้เมื่อสมัย 3 ปีก่อน มันหายไปนานมาก ผมนึกว่ามันจะหายไปตลอดกาล ผมเคยชินแล้วกับการอยู่คนเดียว ดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว ดูคอนเสิร์ตคนเดียว ไปผับคนเดียว แต่ ณ วันนี้ ถึงมันจะงี่เง่า และดูเป็นความพ่ายแพ้ แต่ผมต้องยอมรับกับตัวเองว่า ผมไม่สามารถอยู่คนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว ผมไม่ได้ต้องการแฟน คนรัก แต่วันนี้ผมต้องการใครสักคน ใครก็ได้ที่จะช่วยทำให้ผมหลุดพ้นจากสภาพนี้

* อาจจะเพราะรถใต้ดินเงียบกว่ารถไฟฟ้า ผมเลยน้ำตาซึมอีกครั้ง

* ในที่สุดผมเดินทางถึง ออฟฟิศนิตยสารไบโอสโคป เวลา 20.30 เนื่องจากทุกคน (แอน เอ เบย์ พี่เต้ อ้วน น้องไอซ์) กำลังเร่งปิดเล่ม บรรยากาศจึงจริงจังมาก ห้องเงียบสงบ ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง พี่แอน เอาต้นฉบับมาให้ผมตรวจคำผิด แต่ที่ชิบหายมากคือ มันเป็นสกู๊ปเกี่ยวกับ “เพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงหนัง”

* เข้าใจว่าทุกคนในกองไบโอคงงงๆว่าผมมานั่งเจ๋ออะไร

* ต้องสารภาพว่าผมอ่านต้นฉบับไม่ค่อยรู้เรื่อง และอ่านช้ามาก

* อยู่ดีๆ แอน ส่ง sms มาหาผม ไอ้ผมก็งงว่า อยู่ห่างกันแค่สามโต๊ะ จะส่ง sms ทำบ้าอะไรวะ แต่เปิดมาแล้วซึ้งมาก แอนส่งมาว่า “This is very quiet, are you OK?” ผมซึ้งจนน้ำตาแทบไหล (พูดจริง ไม่ได้เว่อร์) เลยตอบไปทันทีว่า OK จริงๆ แล้วมันก็อึดอัดนิดหน่อย แต่ผมยอมอยู่ในนี้ ดีกว่ากลับบ้านครับ ถ้ากลับบ้านผมต้องตายแน่ๆ

* ระหว่างตรวจต้นฉบับไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่า เอ๊ะ ทำไมเสียงคุยมันชักดังขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศก็ผ่อนคลายลง เงี่ยหูฟังจึงได้รู้ว่า วันนี้ปิดเล่มไม่ทันแล้วแน่นอน (55555555555555)

* เพราะงั้น ไหนๆ ก็ปิดเล่มไม่ทันแล้ว ทุกคนมาเฮฮากันดีกว่า ...ว่าแล้วทุกคนก็เริ่มเม้าท์กันสนั่นลั่นห้อง (ให้ตายสิ ผมชอบออฟฟิศนี้จริงๆครับ)

* เต๋อ คลีโอ โทรมาเช็คว่าเราเป็นไงบ้าง ผมก็บอกว่าดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดว่ะ แค่อยากจะบอกว่า ขอบคุณ และขอโทษที่กูงี่เง่า (แต่รับรองว่าตราบใดที่ยังทนคบกันอยู่ มึงคงจะเจอความงี่เง่าของกูในอีกหลากหลายรูปแบบ)

* พี่นพ (แฟนพี่แอน) เดินทางกลับมายังออฟฟิศประมาณ 23.30 พร้อมกันขนมสังขยา จากนั้นอีแร้งก็ลง งานการหยุดเดินทันที ได้เวลาปาร์ตี้แล้ว (ลืมบอกไป วันนี้พี่ดากับพี่หมู (เจ้านาย) ไม่อยู่ครับ 5555)

* ทุกคนล้อมวงมานั่งเม้าท์กัน ประเด็นหลักที่หนึ่ง คือการนินทาคน (พิสูจน์แล้วว่าการนินทาคนเป็นการผูกมิตรภาพชั้นเลิศ) ส่วนประเด็นที่สองก็คือ หนังเรื่อง “รักแห่งสยาม” (สงสารน้องไอซ์มาก ถูก spoil ที่ร้าน MK แล้ว กลับมาออฟฟิศก็ยังโดนอีก นี่น้องเค้าต้องเกลียดขี้หน้ากูแน่ๆ)

* ว่าแล้ว เราก็เลยหยิบแผ่น OST รักแห่งสยาม ที่ซื้อเมื่อเช้าเปิดฟัง พี่นพก็จัดแจงแปลงไฟล์ลงเครื่อง...คาดว่าคงระบาดไปทั่วทั้งออฟฟิศภายใน 2 วันนี้ (โทษทีนะ มะเดี่ยว 5555)

* นั่งเม้าท์กันเป็นชั่วโมง เปิดเพลง OST รักแห่งสยาม วนไปมาประมาณ 10 รอบ

* มุก โต้งกับมิว ร่อนกระจาย (ส่วนผมจะเป็นโต้งหรือมิว เชิญเดาเอาเอง)

* ทุกคนช็อคมากเมื่อรู้ว่า มาริโอ้ เรียน ม.ราม (ลุคน้องเค้าแอแบ็คมากๆ)

* ผมมีความสุข มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกคิดถูกที่มาที่นี่ ในวันนี้ ผมมาออฟฟิศไบโอบ่อยๆ ก็จริง แต่ไม่เคยอยู่นานๆ หรือได้ใกล้ชิดพี่ๆทีมงานขนาดนี้มาก่อน (ปกติผมส่งงานทาง email) วันนี้ผมรู้สึกว่าได้เห็นอะไรของพวกเขามากขึ้น

* น้องมินท์โทรมารายงานว่า โทรไปหาแอ็คแล้ว สรุปเค้าคุยกันไปสองชั่วโมง คราวนี้ผมรู้สึกดีใจ แบบดีใจกับน้องเค้าจริงๆนะ (ไม่เหมือนตอนที่ยังอยู่พารากอน)

* น้องไอซ์ ควรได้รางวัลพนักงานดีเด่นแห่งปี ผมมาถึงออฟฟิศตั้งแต่ สองทุ่มครึ่ง นั่งจนถึงตีสอง น้องเค้าก็ยังตั้งใจทำงานต่อไป (ถึงแม้จะพิมพ์ได้แค่ 3 ย่อหน้าก็ตาม 555555)

* พี่แอน, พี่นพ, อ้วน กลับบ้าน ส่วน เอ กับ น้องไอซ์ ตัดสินใจค้างออฟฟิศ ผมเลยบอกว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย เผื่อน้องไอซ์มันคิดทำมิดีมิร้ายเอ (อ้อ ลืมบอก เอ นี่เป็น ญ นะ แล้วก็คนละคนกับ ป้าเอ ในงาน Fat Festival) แต่ทุกคนกลับพูดตรงกันว่า กลัวผมไปทำอะไรน้องไอซ์มากกว่า

* ผมอยู่คุยกับเอ (โดยมากเป็นการล้วงความลับบริษัท 555) จนถึง ตีสามครึ่ง ก่อนออกมาก็ไปช่วยตรวจงานให้น้องไอซ์ แล้วก็นั่งแท็กซี่กลับบ้าน

* ถึงบ้านเวลา 3.40 ผมรู้สึกเหนื่อย อยากนอน เพราะวันนี้มันแสนยาวนานเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกดีที่รอดชีวิตจากมันมาได้

* และเป็นอีกหนึ่งวันที่เรียนรู้อะไรมากมายเหลือเกิน






ข้อคิดที่ได้จากวันนี้

1. วันๆหนึ่ง ในโลกมนุษย์นี้ เกิดเหตุการณ์มากมายหลายอย่างเหลือเกิน มีทั้งคนที่มีความสุขที่สุดและคนที่เศร้าที่สุด มีทั้งความรักที่ล่มสลายและความรักที่เริ่มก่อกำเนิด ที่สำคัญคือ สิ่งที่เหล่านี้เกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน

2. เรื่องราววันนี้ทำให้ยิ่งคิดถึงประโยคที่มิวพูดกับโต้งใน “รักแห่งสยาม” ที่ประมาณว่า “เราเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป แต่เราจะอยู่โดยไม่มีใครได้จริงๆหรือ” (นี่เป็นหนึ่งในฉากที่ผมร้องไห้)

3. ตอนจะกลับบ้านพี่แอนพูดกับเราเบาๆ เรียบๆ ว่า “ต่อ เชื่อพี่เถอะ สักวัน จะมีคนอยู่กับต่อไปนานๆเอง” พอกลับบ้านก็คิดถึงในหนังที่มันบอกว่า “ถ้ามีความรักก็ยังมีความหวัง” คือตอนแรกไม่อินประโยคนี้เลยนะ คือไม่เชื่อมากๆ เกลียดเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้เชื่อแล้ว มันจำเป็นจริงๆ คิดได้เลยว่าของบางอย่างมันต้องมีประสบการณ์ก่อนนะ ถึงจะเข้าใจหรืออินกับมันได้

4. ชาคร ไชยปรีชา เคยตั้งชื่อ MSN ประมาณ The Love of Siam Saved My Life สารภาพเลยว่าตอนแรกผมหมั่นไส้ชื่อนี้มาก เพราะมันดูดัดจริต แต่วันนี้ผมขอถอนคำพูด และผมเห็นด้วยกับชาคร วันนี้หนังเรื่องนี่ช่วยชีวิตผมจริงๆ ไม่ว่าจะคำพูดหลายๆอย่างจากหนัง, เพลงจากหนัง และที่สำคัญคือ การพูดคุยต่อยอดประเด็นหนังเรื่องนี้กับเพื่อนๆพี่ๆ ไบโอสโคป ถึงแม้มันไม่ใช่ประเด็นจริงจังหรือวิชาการอะไรเลย แต่มันแสดงเห็นว่า หนังเรื่องนี้มันจะไม่ตายไปจากคนดูง่ายๆ นี่คือ หนังที่มีชีวิต

5. สุดท้าย มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล พูดประโยคนี้ไว้ในบทสัมภาษณ์ในนิตยสารไบโอสโคป วันนี้ผมได้รู้ซึ้งแล้วครับ

มะเดี่ยวพูดว่า

“วันนึงเราจะรู้ว่า เราเปราะบางเกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้”



ป.ล. ขอบคุณหนังเรื่อง “รักแห่งสยาม” / เต๋อ / พี่แอน และทีมงานไบโอสโคปทุกคน








ไปดูรอบสองแน่นอน!



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2550 6:27:58 น. 58 comments
Counter : 2378 Pageviews.

 
สู้ๆ


โดย: zoxmok IP: 58.164.46.136 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:18:30 น.  

 
แปลกดี ตอนที่อ่านบล็อคนี้ เพลง "คืนอันเป็นนิรันดร์ " ดังขึ้นมาพอดี ( ช่วงนี้ฟัง ost จากหนังเรื่องนี้ตลอด )

ตอนหกโมง พี่ก็อยู่ที่พารากอน พอดีต้องไปงานของนิตยสารจีเอ็ม เพื่อนๆ ชวนไปเที่ยวลอยกระทงต่อ แต่พี่กลับมากินข้าวกับแม่ ( เปล่าๆ ไม่ได้เป็นลูกกตัญญูอะไร แต่พี่กับแม่ นานๆ จะได้เจอกันน่ะ แม่เค้ามาจากบ้านที่ต่างจังหวัด ) คนที่พารากอนเยอะมากจริงๆ แต่ที่มีงานหนังสือชั้นบนตรงพารากอนฮอลล์ คนน้อยมาก สงสัยไปดูรักแห่งสยามกันหมด ( ฮา)

หลังจากที่คุยกับต่อใน msn ล่าสุด ถึงประโยคที่ต่อชอบ ประโยคนั้นน่ะ พี่ก็อึ้งไปเหมือนกัน มันจริง และทำร้ายจิตใจมาก

แต่ว่า ไม่มีความทุกข์ใดที่เป็นนิรันดร์ เช่นเดียวกับความสุข
ที่มันจะเข้ามาและผ่านไป

ขอเพียงยอมรับตัวเอง อย่างหมดใจ
แล้วเดินหน้าต่อไป

มันแค่คืนเดียวเอง
พรุ่งนี้ก็วันใหม่แล้ว



โดย: grappa IP: 58.9.191.227 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:57:45 น.  

 
อ่านตั้งกะต้นจนจบ เพราะขึ้นต้นและลงท้ายด้วยรักแห่งสยามนี่แหละ


โดย: coming soon (The Yearling ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:22:01 น.  

 
อรุณสวัสดิ์พี่ต่อ หรือจะราตรีสวัสดิ์ดี

ปกติปอก็ไม่เคยรู้สึกเหงานะ มาเมื่อคืนเนี่ย คือต้องอยู่บ้านคนเดียวไง เพราะต้องทำงาน อ่านหนังสือ ออนเอ็มไปด้วยแต่ก็ไม่เจอใคร คาดว่าคงไปเที่ยวกันหมดแล้ว

ลองเอาเบอร์เพื่อนๆ เก่าๆ มาโทรหา เพราะอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าคิดถึง แต่ปรากฎว่าไม่มีใครรับโทรศัพท์เลย สงสัยไปเที่ยวกันอยู่แน่เลย

แล้วที่บ้านเนี่ย จะได้ยินทั้งเสียงพลุ เสียงไมโครโฟน คือเป็นเสียงที่แสดงถึงงาน แสดงถึงคน คนจำนวนมากเขาไปรวมกลุ่มกันอยู่ตรงนั้น แต่เรากำลังนั่งอยู่คนเดียว

เท่านั้นแหละ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหงาขึ้นมา ไม่เคยเป็นเลย เริ่มทำอะไรไม่ได้ เดินไปเดินมาในบ้าน "ทำไมมันเหงาจังวะ 'รู้สึก' เหงาจริงๆ นะเนี่ย"

รู้สึก Down มากเลยตอนนั้น (สงสัยความรู้สึกเชื่อมกันได้ค่ะคุณพี่ต่อ)
แต่พอดีแฟนทัก MSN มา ราวกับพระเอกขี่ม้าขาว เลยหายเหงาได้ทันท่วงที


ปล. ก่อนหน้านี้โทรหาแฟนสายก็ไม่ว่าง เล่นเนตอยู่นี่เอง...


โดย: Tenjo_Utena IP: 161.246.1.33 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:57:49 น.  

 
รู้สึกดีที่ได้อ่าน blogนี้........เป็นกำลังใจให้ครับ


โดย: TONi IP: 124.121.3.74 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:03:21 น.  

 
นั่งอ่านแล้วก็รู้สึกดีคับ
อ่านจนจบแล้วอมยิ้ม
ไว้ว่าง ๆผมจะแวะเข้ามาอ่านอีกนะคับ


โดย: เด็กบ้านหมี่ IP: 58.8.170.90 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:10:31:29 น.  

 
บล็อกนี้เพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ และยืดยาวมากๆ
^
^
^
โคตรจริง

enjoy your day


โดย: Holden Caulfield วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:55:16 น.  

 
เป็นกำลังใจให้นะ
ตราบใดที่มีรัก ย่อมมีหวัง


โดย: beyond the wind IP: 203.156.140.65 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:03:05 น.  

 
แล้วทุกอย่างมันต้องผ่านไป... ผ่านไป... ผ่านไป


สู้ๆ นะ


โดย: เปราะบางแต่ก็อยู่คนเดียวว่ะ ฮ่ะๆ (แพนด้ามหาภัย ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:13:05 น.  

 
ช่วงอารมณ์หนึ่งของชีวิตน่ะ แล้วมันจะผ่านไป


โดย: blastnest IP: 124.120.169.98 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:32:42 น.  

 
ตอนแรกก็งงเหมือนกัน คุยเอ็มกับทั่นชาคร
แกบอกว่าหลังจากดูหนังรอบแรก เมื่อวันหนึ่งเกิดดาวน์มากๆ เขาตัดสินใจเข้าโรงไปดูรอบที่สอง
และเขาพบว่าเขามีความสุขมาก ทั้งที่คนข้างๆร้องไห้จนคอนแทคเลนส์หลุด...

แต่ผมดูทั้งสองรอบ... ทั้งที่ผมก็เหงาเหมือนกัน..
ผมอาจจะไม่อินมาก
แต่อย่างน้อยผมมีความสุขที่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้จักกับ "ความรัก" ที่ผมเคยเผชิญมา

ผมเคยหลอกตัวเองหลายครั้งหลายหนว่า "เฮ้ย.. กูไม่หวังอะไรมากมายหรอก เค้ามันดอกฟ้า กูมันหมาวัด"...
แต่หลังจากดูเรื่องนี้ถึงคิดได้ว่า "ถ้ากูไม่หวัง... แล้วตอนนั้นกูจะเป็นบ้าเป็นบออะไรอยู่คนเดียวได้ตั้งนาน..."

เราเข้าใจความรัก และเราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น...
หนังหม่นมืด มีกลิ่นความเศร้าตลบอบอวล แต่ดูจบแล้วมีความสุขอย่างน่าประหลาด.. จริงๆ..


ปล. ล่าสุดออนเอ็มเจอเพื่อน(ทอม)มันตั้งชื่อเอ็มว่า "พอเหอะ หมดมู้ดเลย รักแห่งสยาม" คุยไปคุยมาได้ความว่ามันไม่อยากดูเกย์จูบกันเลยไม่ชอบเรื่องนี้ แต่พอคุยอีก มันยก quote จากในหนังมาใส่ผมเป็นตัน ผมเลยด่ามันว่า "อีห่า ดัดจริต" (555+)


โดย: nanoguy วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:27:05 น.  

 
น้องต่อ
เชื่อไหม บล็อกนี้ไม่เพ้อเจ้อ เวิ่นเว้อ หรอก แต่ยืดยาวมากๆ น่ะใช่ (ฮ่าฮ่า)

คนเราทุกคนต้องเคยผ่านช่วงชีวิตแบบนี้

แปลกดี ตอนนี้เราก็เป็นอย่างนี้อยู่ เป็นมาได้สักพักหน่อยๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอากาศหนาว, ใกล้ปีใหม่, หรือเพราะเพิ่งดู "รักแห่งสยาม" กันแน่

ช่วงนี้ รู้สึกว่าไม่อยากใช้เวลาอยู่คนเดียวเหมือนกัน สมัยก่อน จะเกลียดมากเวลาตัวเองรู้สึกอย่างนี้ รู้สึกว่ามันอ่อนแอเกินไป ไม่อยากเป็นคนอ่อนแอ ก็เลยพยายามหาอะไรทำคนเดียวไป (เช่นดูหนัง) แต่ตอนนี้ อ่อนแอเมื่อไหร่ ไปหาเพื่อนเลย ไม่อายมันแล้ว เพราะรู้สึกว่าไม่อยากอยู่คนเดียวนี่

หรือเป็นเพราะว่า ยิ่งเราเติบโตขึ้น เราจะยิ่งรู้สึกเปราะบางหรือเปล่านะ?

สู้ๆ ค่ะ :)


โดย: tiktokthaialnd IP: 58.8.166.7 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:24:40 น.  

 

หากชาย เหนือชายใดสนใจก้อไปดู
เราเป็นชายปกติดีก่า
บาย

เสียวฟะ


โดย: ก๊อตน้อย IP: 124.121.27.220 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:31:20 น.  

 
โทษทีที่ไม่ได้ตอบ MSN พอดีไม่อยู่หน้าจอ

อ่านบล็อกนี้แล้วรู้สึกดีนะ ขนาดยังไม่ได้ดูหนังยังพอเดาฟีลได้เลย 5555


โดย: Ploffy วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:58:26 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องราว มันทำให้เราดีใจว่าตัวเองไม่ได้กำลังบ้าอยู่คนเดียว ดูหนังไปสามรอบแล้ว และไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย ไม่เคยรู้สึกเปราะบางกับการอยู่คนเดียวมานานมาก เกิดอะไรขึ้นกับกรู!


โดย: riverdale IP: 202.91.18.206 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:54:38 น.  

 
หวัดดีค่ะ เพิ่งเคยเข้ามาอ่านบลอกนี้ อาจจะไม่คุ้นเคยเพราะไม่ใช่เเฟนประจำบลอกของคุณต่อ

อ่านตั้งเเต่ต้นจนจบเลยค่ะ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่า "รักแห่งสยาม" ช่วยชีวิตคุณอย่างไรในสุดท้าย

อยากจะบอกว่า เราก็เป็นคนนึงที่ชอบอยู่คนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงเวลาชีวิตตอนนี้ เเละก็อินกับประโยคที่มิวพูดด้วยเหมือนกันว่า
“เราเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียคนที่รักไป แต่เราจะอยู่โดยไม่มีใครได้จริงๆหรือ”

เราอยู่คนเดียวได้จริงๆหรือ...นั่นสิ เราก็เคยตั้งคำถามเเบบนี้เหมือนกัน

เราบอกกับตัวเองวา เราสามารถเดินคนเดียวได้ เราดูหนังคนเดียวได้ เรากินคนเดียวได้ ไม่เห็นจะเป้นอะไรเลย

เเต่ใจนึงก็กลัวกับการอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต...เราเเกล้งทำเป็นอยู่ได้ เเต่จริงๆในใจมันไม่ใช่ ในวันที่เราอ่อนเเอ น้ำตามันไหลก็ออกมา เพราะเราเสเเสร้งทำเป็นว่าเราเข้มเเข็งพอ นั่นเเหละ...

ฉะนั้น เราต้องยอมรับเเละเข้าใจตัวเองค่ะ วันที่หัวใจเราอ่อนเเอลง หัวใจเราเปราะบางมาก เราต้องดูเเลรักษามันดีๆ

เเละเราเชื่ออย่างนึง เหมือนกับเพลง "คืนอันเป็นนิรันดร์"...ว่าความทุกข์ก็เหมือนกับคีนๆนึง ซึ่งสุดท้ายเเล้ว "มันก็จะผ่านไป เพราะไม่มีคืนใดที่เป็นนิรันดร์"

บอกตัวเองนะคะว่า "เเล้วสิ่งนี้ก็จะผ่านไปเช่นกัน " ไม่ว่าทุกข์หรือสุข มันก็จะผ่านเราไปทั้งนั้น

ดูเเลตัวเองเเละดูเเลหัวใจตัวเองด้วยค่ะ เพราะไม่มีใครอยู่ช่วยเราได้ดีที่สุดเท่าตัวเราเอง

สู้ๆค่ะ


โดย: This road is mine วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:08:20 น.  

 
เดี๋ยวต้องไปหาซื้อ ost แล้ว
บางทีอยู่คนเดียวมันก็ดีนะ แต่บางครั้งมันก็รู้สึกแย่ยังไงไม่รู้
เหมือนเวลาออนเอ็มแล้วไม่เจอใคร...แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกแย่แล้ว
คิดว่าคง "รอบสองแน่นอน!" เหมือนกัน 666


โดย: KjkGs IP: 58.136.57.5 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:39:24 น.  

 
ไม่เป็นไรหรอก5 5 5 ไม่ถือๆเข้าใจๆ คุณต่อไม่ต้องซีเรียสหรอก เชิ่ดหน้าเข้าไว้คุณแล้วมันจะดีเอง นึกอะไรไม่ออกก็นั่งหัวเราะเป็นคนบ้าไปเลยก็ได้ แล้วจะรู้ว่าไอ่การหัวเราะแบบบ้าๆบอๆมันช่วยปลดปล่อยตัวเองออกจากความคิดความกังวลความวิตก ทั้งหมดทั้งปวงได้

หัวเราะ+ยิ้มไว้ แค่นี้ก็ไม่ตายแล้วววววว


โดย: ^^ IP: 58.9.144.224 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:49:01 น.  

 
ยาวจัง สรุปว่าชอบหนังเรื่องนี้อะ ดูแล้วอิ่มเอม


โดย: Moonlight Mile วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:56:01 น.  

 
สมมุติว่าชื่อ ต่อ นามสมมุติ

ดีแล้วที่พี่เปนหยั่งงี้มั่งนะ มันหมายความว่าพี่ไม่ได้เย็นชาจนเกินไปน่ะ หนูยังเคยคิดเลยว่าพี่ชอบอยู่คนเดียวมากเกินไป


โดย: โทยะ อากิระ IP: 124.121.42.127 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:00:34 น.  

 
ผมเขียนถึงเรื่องนี้เหมือนกัน ลองอ่านดูที่บล็อกนะครับ


โดย: beerled วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:03:22 น.  

 
We cannot stay alone because we are very fragile.

I agree with you, my bro.


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:24:17 น.  

 
อ่านแล้วก็..ได้รู้จักกันมากขึ้น

มีความสุขมากๆนะคะ สู้สู้


โดย: renton_renton วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:28:25 น.  

 
ต่อ ไม่ว่าต่อจะเจออะไรร้ายแรงมา ขอให้มีสติไว้
ดีแล้วที่ตอนนั้นตัดสินใจไปออฟฟิส อยู่กับคนเยอะๆดีกว่า

เราจำได้ว่าตอนเราdownสุดๆ เราอยู่คอนโดคนเดียวจนคิดจะกระโดดตึดไม่รู้กี่รอบ เราตัดสินใจไปหาเพื่อน เล่าทุกอย่างให้มันฟัง

สุดท้ายเวลาเท่านั้น ที่ช่วยให้ชีวิตค่อยๆดีขึ้น

เราเป็นคนนึงที่ดูหนังคนเดียวตลอดมา คิดว่า4ปีหลังนี่แทบไม่เคยดูหนังกับเพื่อนเลย
แน่นอนที่สุดคือความว้าเหว่

ตอนดูรักแห่งสยามเราไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ
แต่พอกลับมาบ้านเจอปกไบโอที่เขียนไว้
น้ำตาซึมทันที

เราเปราะบางเกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้จริงๆ


โดย: 1812 IP: 58.8.1.183 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:41:47 น.  

 
ผมพยายามไม่ให้ตัวเองรู้สึกแบบเมอร์
เพราะรู้ว่าไม่มีใครทำให้เราดีขึ้นได้ นอกจากตัวเราเอง

สำหรับหนัง ผมค่อนไปทางเฉยๆ
ตัวละครเดียวที่ทำให้ผมเข้าถึงได้คือ...หญิง


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:07:52 น.  

 
พวกความมั่นคงทรัพยากรมนุษยประกาศเตือน
ส่องไฟตามโรงแรม
ทั้งวันลอยกระทง วาเลนไทน์
หวังว่าัวันที่มันประกาศเตือนคงไม่ทำให้แกเวิ่นเว้ออีกนะ

ชั้นเป็นพวกที่ปรึกษาที่แย่ แต่เป็นพวกทับถมซ้ำเติมที่ดีเลยแหละ
ยังไงก็เป็นห่วงนะ


โดย: ส้มโอ IP: 58.9.142.30 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:25:08 น.  

 
ไอ้ต่อ (ขออนุญาติหยาบคาย)

พวกเขากำลังมีความสุข แล้วผมจะเลวทรามขนาดเอาความทุกข์ของตัวเองไปถล่มใส่พวกเขาได้อย่างไร

>>ค้นพบด้วยตัวเองเเล้วว่า การกระทำอย่างที่มึงว่า เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างรุนเเรงพอๆ กับการฆ่าตัวตาย

ก็จริงอยู่ จะโยนความทุกข์ใส่คนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก เเต่มนุษย์อย่างเราย่อมมีวัน ตกต่ำ รู้สึกไร้ค่า ล้มเหลวอย่างถึงที่สุด เเต่ไม่ควรปล่อยให้อาการนี้อยู่กับเรานานๆ
บางครั้งถ้าคำนึงถึงคนอื่นมากไปจนลืมคิดถึงตัวเองก็ไม่ดีนักหรอก

คุยกับคนอื่นช่วยได้ อย่าคิดมากเเค่ระบายออกไป

ดีใจที่อย่างน้อยมึงก็มี บ้าน

บ้านที่ไม่ใช่อาคารที่อยู่อาศัย เเต่เป็นคนที่รู้ใจ สถานที่คุ้นเคย เป็นที่พักใจของเรา



เออ ถ้าไม่รังเกียจโทรหาเราได้ ไม่ต้องมีเหตุผล ไม่ต้องเป็นเรื่องงาน โทรมาได้เสมอ


โดย: เอี่ยว IP: 124.120.196.104 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:34:22 น.  

 
ทั้งที่แวดล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่กลับโดดเดี่ยว

รู้สึกเบื่ออาจารย์ที่ทำเป็นเข้าใจทุกอย่าง แต่ที่จริงแล้วกลับไม่เข้าใจอะไรเลย เพราะสุดท้ายก็บอกว่า ที่เราต้องโดดเดี่ยว เพราะไม่ยอมออกจากโลกของตัวเอง

แต่พอออกไป... กลับยิ่งเบื่อกว่าเดิม โดดเดี่ยวยิ่งกว่าเดิม

ชอบคุณพี่เมอร์ ที่แนะนำ "รักแห่งสยาม" ถ้าพี่ไม่บอกอย่างนั้น ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะไปดูหนังเลย คงอยู่ห้องเขียนโปรแกรม ไปทำงานพิเศษ เรียน วนเวียนอยู่อย่างนี้

บอกได้อย่างเดียว... รู้สึกดีจัง


โดย: Little Detective (Ra) (Little Detective ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:58:38 น.  

 
สรุปว่าหนีออกจากบ้าน แล้วไปกินนอนกับไบโอเลยดีกว่านะ ทำงานได้เงินอีกต่างหาก


โดย: strawberry machine gun วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:9:04:42 น.  

 
คนพูดมันต้องผ่านโลกมาพอสมควรเลยนะ
"วันนึงเราจะรู้ว่า เราเปราะบางเกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้"
แล้วก็ต้องเป็นคนที่ประณีตมากๆด้วย
คำพูดมันเพราะด้วยน่ะ



โดย: รถเล็ก IP: 124.121.106.32 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:55:52 น.  

 
............
ถ้าเบอร์ชั้นยังเหลืออยู่ในเครื่องแก แกจะโทรมาหาเพราะไม่มีคนคุยด้วย ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยนะว้อย เพราะชั้นก็ไม่มีพันธะให้ดูแลนอกจากตัวเองอยู่แล้ว
ถ้าจะคุยเล่นกับเด็กเซ็งชีวิตแก้บ้าก็ได้เสมอนะนั่น

ได้ข่าวว่าเอ็งลืมอะไรสักอย่างไปรึเปล่าวะน้องกรู

ถ้าเปิดใจมองคนรอบตัว จะรู้ว่าแกไม่เคยอยู่คนเดียว

นี่ชั้นก็เอามาจากรักแห่งสยามเหมือนกันนะ 5555+

หนังเรื่องนี้ เซฟความรู้สึกใครได้หลายต่อหลายคน ขอแค่คิดตาม

ไม่ว่าหนังจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน แต่แค่ทำได้แบบนี้ ผู้กำกับก็คงดีใจแล้วล่ะ



โดย: ayde IP: 125.24.244.175 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:58:04 น.  

 
ถึงพี่เมอร์

อยากจะบอกว่า หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังที่"โดนอะไรเข้าอย่างจัง" จะอธิบายอย่างไรเนี่ย ไม่รู้สิ แต่วันหลังจะเขียนบล็อกถึงหนังเรื่องนี้
รู้แต่เป็นหนังที่นำเสนอวัยรุ่น ได้จริงใจที่สุด

ปล.สินจัยยังเทพเสมอ


โดย: initial A IP: 161.200.255.162 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:40:13 น.  

 
เรามักอยู่คนเดียว ในโลกของเราเอง
เพราะคิดเสมอว่า โลกของเรามันซับซ้อนเกินกว่าจะเปิดให้ใครเข้ามาลึกนัก แล้วเราก็ขี้เกียจอธิบายเหตุผลในการกระทำของเรา ให้คนเหล่านั้นได้เข้าใจ

แต่ว่า ถึงจะมีความสุขในโลกของตัวเองในแบบนั้น
บางที "ความเหงา" ก็เข้ามาอย่างไม่รู้ตัวและไม่มีเหตุผล
บางที ถึงกับร้องไห้ออกมา
ทุกครั้ง เราต้องกลับมาปลุกปลอบตัวเอง
...เราเกิดมาคนเดียว และก็ต้องตายไปคนเดียว เราต้องเข้มแข็งและอยู่ให้ได้....
ก็เรื่องแบบนี้สำหรับเรา ถ้าไม่ทำด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว

มันเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน

เอาใจช่วยให้ผ่านมันไป "ด้วยดี" นะ ^^










โดย: aggressive red rabbit IP: 202.28.6.18 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:44:01 น.  

 
จริงๆแล้วผมก็รู้สึกคล้ายๆพี่นะวันนั้น
แต่ผมพยายามไม่คิดมาก เท่านั้นเอง
ยังไงก็ต้องขอบคุณพี่มากนะคับ ที่ทำให้ผมได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นอีก 1 คน
ขอบคุณมากครับพี่


โดย: Travis IP: 210.86.135.14 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:01:36 น.  

 
ได้รับข้อความแล้วน่ะ...กำลังจะไปดูรอบ 2 อยู่เร็วๆนี้
รู้สึกดีที่ยังมีคนอื่นรู้สึกเหมือนกับเรา


โดย: ennisdelmar IP: 125.24.25.161 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:50:53 น.  

 
to be free
Is often to be lonely;... W.H. (Wystan Hugh) Auden

สู้ต่อไปน่ะแก


โดย: ปุ้ย IP: 124.120.170.151 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:21:13 น.  

 
อืม...ผมไม่กล้าบอกหรอกนะว่าเข้าใจความรู้สึก หรืออารมณ์ของคุณในตอนนั้น (ถึงแม้ว่าจะเคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาบ้างก็เถอะ) แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกก็คือ

1. ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะรุนแรงร้ายกาจแค่ไหน ถ้ามันยังไม่ทำให้คุณตาย มันจะทำให้คุณแกร่งขึ้น แล้วก็จะเป็นแค่อีกเรื่องหนึ่งในชีวิต
2. ผมคงเศร้าใจมากถ้าผมจะไม่มีบล็อคสนุกๆอ่าน เพราะคุณโดดสยามพารากอนตาย (โธ่...น้องต่อ ตายให้มันเก๋กว่านี้หน่อยเถอะ)
3. ถ้าผมเป็นเพื่อนที่คุณมีเบอร์อยู่ ผมคงจะโกรธมากที่คุณไม่โทรฯหา เพียงเพราะสันดานนางเอกกำเริบ "พวกเขากำลังมีความสุข แล้วผมจะเลวทรามขนาดเอาความทุกข์ของตัวเองไปถล่มใส่พวกเขาได้อย่างไร" โห...คุณดูถูกเพื่อนคุณไปหน่อยรึเปล่า?
4. ผมดีใจที่สุดท้ายแล้ว คุณยังคงอยู่มาเขียนบล็อคดีๆให้ผมอ่าน โปรดเชื่อเถอะว่า นอกเหนือจากครอบครัวของคุณแล้ว การ "มีอยู่" ของคุณ สำคัญกับคนอีกหลายๆคนมากมายนัก

ขอให้เข้มแข็งเร็วๆนะครับ


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:36:21 น.  

 
+ พี่ดูจบเมื่อวันเสาร์เย็นๆ (ก็วันลอยกระทงอ่ะแหละ) ก็เป็นเหมือนกันครับน้องต่อ อาจไม่ถึงกับ 'ตายไปเลย' แบบอีกบางเรื่องที่เคยดูมา ... แต่มันค่อยๆ ซึมลึก กัดกร่อนเข้าไปในหัวใจ จนไม่สามารถอยู่คนเดียวได้อีกต่อไป รีบโทรหาเพื่อน แล้วไปกินข้าว + พูดถึงความรู้สึกของหนังเรื่องนี้กับเพื่อนเลยอ่า มันรู้สึกเหงาและเปราะบางเกินกว่าจะอยู่คนเดียวได้อีกต่อไปอ่ะครับ ณ เวลานั้นอ่ะ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:44:48 น.  

 
เมอร์ เราไม่ได้แมดเสดอ่ะ 555

สู้ๆนะ ยังไงยังเหลือเรา555
อย่าเพิ่งเฉาไปก่อน

อยาคตสดใสรอเราอยู่งิ


โดย: สุด IP: 58.10.64.150 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:02:21 น.  

 
สวัสดีคุณคันฉัตร

ขอบคุณนะที่แนะนำให้ไปดูหนังเรื่องนี้
ขอบคุณนะที่ทำให้เราได้รู้จักหนังเรื่อง The park
ขอบคุณนะที่ทำให้เรารู้จักหนังดีๆ อีกหลายๆ เรื่อง

ที่คุณคันฉัตรเคยกล่าวไว้ว่า "หนังมันให้ชีวิตกับเรา" นั้น เราก็คงต้องขอบคุณคุณคันฉัตรอีกที่มอบชีวิตเหล่านั้นให้แก่เรา

คุณมีคุณค่าเสมอ
เข้มแข็งเข้าไว้นะ





โดย: Nomorebrain IP: 124.120.22.214 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:59:11 น.  

 
ได้ sms แล้วนะ 555+
อาจจะไปดูวันพุธแก พรุ่งนี้จะพาพ่อ (ที่กำลังป่วยไข้) ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ต่างจังหวัดสักหน่อย

ส่วนเรื่องนั้น ไว้ชั้นจะสวยให้ได้สัก 1 ใน 8 ของแตงโมแล้วชั้นจะมาทำให้แกหายเหงาเอง

อย่าคิดมากนะเพื่อน ชีวิตยังมีอะไรอีกเยอะ ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอก
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป


โดย: เสจัง IP: 124.121.165.129 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:00:58 น.  

 

ไปดูรอบสองมาแล้ว

Esplanade 11.20

มีคนดู 15 คนเอง

คราวนี้ได้ดูแบบเงียบๆ มีสมาธิหน่อย

พบว่า

หนังมันดีจริงๆ แฮะ

ร้องไห้เยอะกว่าเดิมด้วย


โดย: merveillesxx วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:20:40 น.  

 
น้องกรูคะ ไปดูรอบ 2 มาแล้วเยี่ยงกันเค่อะ!
รอบแรกดูไปเมื่อวันศุกร์ ดูไปก็ลุ้นไป (เพราะเพื่อนมันโทรศัพท์เข้ามาตลอด เนื่องจากลงนครสวรรค์ไม่ถูก ไอ้ครั้นจะทิ้งเพื่อนก็ไม่ได้ จะให้ทิ้งหนังก็ไม่ได้ เลยแมคเสคให้มันลงสุดสายแล้วเดี๋ยวไปรับเองว่างั้น เซ็งมากกกกกกกก อีก 5 นาทีจะจบอยู่แล้วเมิงจะรีบมาทามม๊ายยยยยยย) คราวนี้เลยต้องไปดูอีกรอบเพื่อความชัวร์ในตัวเอง และก็มั่นใจว่า อีป้าเมย์จะเป็นหนึ่งรายที่พยายามกระตุ้นยอดหนังเรื่องนี้ เพราะจะไปดูทุกเย็นหลังเลิกงานเค่อะ 7 รอบก็ยังดี หนังน่ารัก ชอบ... และหวังว่าจะเจอคนที่หลงเข้ามาดูแบบไม่รู้อะไรเลยแต่เปิดใจตัวเองให้กว้าง นั่งเงียบๆ ดูเงียบๆ ไม่โวยวายอะไรให้ระคายเคืองหู

พล่ามอะไรเนี่ยชั้น ไปดีกว่า I love this movie too.
เมื่อไหร่บ๊อกซ์เซ็ทจะออกวะ จะเช่าห้องส่วนตัวยกพรรคพวกไปนั่งเปิดดูเฮฮากันให้สะใจไปเลย ย๊ากกกกกกก

ปัจฉิมลิขิต..... ลอยกระทงมันคือสงคราม เดินไปทางไหนก็ประหนึ่งอยู่ในสนามรบหลบระเบิดทางนั้นทีทางนี้ที เอาชีวิตรอดได้ถือเป็นบุญอย่างสูง

น้องพี่ ความรักยังมีความหวังเสมอ ฮ่าๆๆๆๆ


โดย: เมอี้ IP: 125.24.239.120 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:39:23 น.  

 
ได้ข้อความของน้องเมอร์ด้วย
ขอบคุณมากๆๆ แล้วจะไปดูค่ะ

เรื่องนั้นก็จะผ่านไปเหมือนเรื่องอื่นๆที่เคยผ่านมาค่ะ
ทำใจให้สบาย ว่างๆก็โทรมาคุยเล่น เม้าแตกกะพี่ได้

เดี๋ยวนัดเมอร์ไปกินหมูกะทะข้างบ้านพี่ นัดพี่แป๊ดไปด้วยกันไรเงี้ยเนอะ

บิ๊กฮักกกกก


โดย: พี่เอสเตรา IP: 58.64.102.154 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:04:19 น.  

 
อ่านเอนทรี่นี้อยู่ดีๆ จู่ๆก็คิดถึงลิลลี่ชูชูขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
แต่เป็นการคิดถึงแบบ หวานขม..ระคนกันไป คิดถึงทีไร สุขทั้งน้ำตา แบบนั้นเลย

หวังว่าเหตุการณ์ในวันนั้นจะเป็นแรงผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้อีกครั้ง และเชื่อว่าในครอบครัวที่คุณเคยบอกว่าแสดงความรักกันแบบไฉหมิงเลียง..ก็ต้องมีความรักประกอบอยู่ด้วยแน่ๆ

รัก เรียนรู้ และเข้าใจ
มีความหวังกับทุกสิ่งนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: RUBIS IP: 124.120.219.253 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:48:29 น.  

 
ไม่รู้มาให้กำลังใจช้าไปรึเปล่า
ตอนนี้คงดีขึ้นแล้วใช่ป่าว สู้ๆนะ

ถ้ามีโอกาส ไม่รังเกียจ ไว้มาร้องไห้ดวยกันได้นะ

หุหุ เจอกัน


โดย: noh IP: 125.25.201.56 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:10:44 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ ^_^


โดย: Beee (Beee_bu ) วันที่: 28 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:07:29 น.  

 
อ่านแล้วเห็นภาพ เข้าใจ จนน้ำตาล่วง


โดย: นัท IP: 58.9.26.194 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:41:36 น.  

 
I read this blog for the second time.

and feel ...

Much more than the first time ;')


โดย: piovere IP: 212.158.145.131 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:04:03 น.  

 
แปลกแฮะ ทำไม ผมไม่ค่อยชอบเรื่องนี้สักเท่าไหร่ จริงๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นหนังรัก หนังครอบครัว ไม่ถือเรื่องเกย์ด้วย แต่มันยังไงไม่รู้อะ


โดย: Owen IP: 58.9.1.240 วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:12:22:32 น.  

 
ไม่ใช่มึงคนเดียวในโลกที่เศร้า

ตอนที่มึงหัวเราะ โลกจะหัวเราะไปกับมึง
เพียงแต่ตอนที่มึงเศร้า โลกก็จะหัวเราะต่อเหมือนเดิม
แล้วมันจะเกิดคำถามว่า "ทำไมต้องเป็นกูด้วยวะ"

คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้
แต่คนที่อยู่ด้วย เป็นได้ทั้ง คนรัก แฟน เพื่อน
มึงมีนะ ถ้ามึงต้องการ


โดย: อ๋อง IP: 124.120.201.49 วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:3:24:05 น.  

 
รักแห่งสยาม ทำงั้นกับผมอาทิตย์ที่แล้ววันนึงเหมือนกันครับ หนังเรื่องนี้อะไรมันจะเยี่ยมได้ขนาดนั้น


โดย: dekchai IP: 58.8.70.21 วันที่: 5 ธันวาคม 2550 เวลา:18:16:58 น.  

 
เย้ผมอ่านบลอกคุณจบ


โดย: kennetto วันที่: 12 ธันวาคม 2550 เวลา:15:22:02 น.  

 
พี่merveillesxx เรื่องนี้ดูแล้ว กระตุ้นความเศร้าในตัวใช่ปะครับ

ผมดูมา3รอบ
เดือนกว่าๆ ก้ยังรู้สึกเศร้าอยู่เลย
พออ่านเรื่องของพี่แล้วก็รู้เลยว่าคนที่ได้รับอิทธิพลจากหนังเรื่องนี้แบบเดียวกันก็มี เฮ่อ

อยากรู้ความรู้สึกพี่คร้าบ เปนไงมั่งแล้วตอนนี้หลังจาก ที่เขียนเรื่องนี้ไปแล้ว


โดย: น้องม.6 IP: 125.24.102.31 วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:20:12:12 น.  

 
เซฟกระทู้นี้ไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะไม่มีเวลาอ่าน แต่รู้สึกว่าโดน ตอนนี้มาอ่านแล้ว อยากจะบอกว่า น้ำตาไหล เพราะเพลง "ระหว่างเรา" (ver. ที่ฟลัวซ์ร้อง ในอัลบั้ม pop life แต่จะใครๆร้อง เพลงนี้ก็เรียกน้ำตาทุกครั้ง)มันดังขึ้นมาเฉยเลย สารภาพว่า หลงรัก blog นี้ไปแล้ว จริงๆนะ ตามหาอะไรแบบนี้มานาน ไล่อ่านมันทุกblog เลย ...
ไปดูตั้งแต่วันแรกที่ รักแห่งสยามเข้า ชวนคนที่อยากดูด้วยที่สุดไปดู (กรรม คอมมันเล่นเพลง เรื่องโกหก ของ portrait เฉยเลย คงกะจะเอาให้ตายไปเลย ฮือๆๆ ) ระหว่างดู หรือดูจบ เราอึ้งและเงียบไปนาน ไม่มีคำพูดอะไรเลย แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง รู้สึกเลยว่า มนุษย์เราช่างอ่อนแอจริง และตัวเราเองก็อ่อนแอมากมาย การอยู่ตามลำพัง การสูญเสียตัวเองให้กับความโดดเดี่ยวเดียวดาย ช่างทรมานเว้นแต่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน...ดูจบ เราขอบคุณคนคนนั้น ที่ไปดูด้วย เค้ามองหน้า แล้วถามกลับว่า ขอบคุณทำไม..ที่จริงแล้ว เราขอบคุณที่ ความรักนำพาให้เราได้รู้จักกันมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตที่เราจะหวังจากความรัก แม้ในความเป็นจริงจะไม่ใช่อย่างที่เราฝัน บางที ถ้าเรารู้จักรักแห่งสยามเร็วกว่านี้ เราอาจจะไม่ต้องทำร้ายตัวเอง..แต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้ว..การอยู่คนเดียวมันโหดร้าย และ เจ็บลึก (โอ้!! เมื่อตะกี้ เพลง ฉันตะโกนดังพอรึยังจบไป ตอนนี้เพลง เก็บมันเอาไว้ ของสครับ หมดแล้วน้ำตา) ตราบใดที่มีรักย่อมมีหวัง..ไม่ใช่การหวังอะไรจากความรัก แต่คงเป็น การมีหวังในชีวิต ที่ความรักสอนให้เราได้รู้ว่า เราเป็นมนุษย์ เจ็บเป็น รักเป็น และต้องมีหวังกับชีวิตต่อไป..


โดย: นกไร้ขา IP: 203.113.60.75 วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:15:32:25 น.  

 
ไปดู I'm legend ร้องไห้เฉยเลย เป็นอีกเรื่องที่ดูแล้ว รู้สึกเหงาจริงๆๆ ใครจะวิจารณ์ยังไงก็ช่าง แต่เราชอบ เพราะ...เทียบกับธรรมชาติ มนุษย์เราก็แมร่ง ขี้ผงจริงๆ

"ผมเป็นผู้รอดชีวิตอยู่ในนิวยอร์ค ซิตี้ ถ้ามีใครอยู่ข้างนอกนั่น...ใครก็ตาม ได้โปรด คุณไม่ได้อยู่คนเดียว


โดย: นกไร้ขา IP: 203.113.60.75 วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:15:59:46 น.  

 
เป็นครั้งแรกที่เข้ามาอ่านบล็อกใครเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้

ไม่รู้ว่าอะไรทำให้น้องเหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายได้ขนาดนี้ แต่อ่านบันทึกวันนี้ แล้วน้ำตาเกือบไหลค่ะ

หวังว่าจะผ่านวันนี้ไปได้ด้วยดี

ตามมาอ่านบทวิจารณ์รักแห่งสยามค่ะ เป็นหนังที่รักมากที่สุดเรื่องนึงในชีวิต

ขอบคุณที่เขียนอะไรดี ๆ และขอบคุณที่รัก "รักแห่งสยาม" ค่ะ :)


โดย: ลมพัดผ่าน IP: 61.91.211.186 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:51:31 น.  

 
แต่ผมชอบรักแห่งสยาม คล้ายๆกับ ชอบ ซีซั่นเช้ง ตรงที่ มันทำให้ผม อยากเล่นดนตรีมากขึ้น พยายามจะจับกีต้าร์มาเล่น(ซื้อมาตั้งไว้ที่ห้องตั้งหลายปีแล้วยังเล่นไม่เป็นเลย)


โดย: fun_bar IP: 222.123.81.84 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:41:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.