http://twitter.com/merveillesxx
และ
http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
MOVIE PLAY
MUSIC
CONCERT REVIEW
สาระ+จับฉ่าย
BOOK
นิยาย-เรื่องสั้น
mer's BIOGRAPHY
คลังข้อสอบ
GALLERY
Teaching
Third Class Citizen
All Blogs
ตามรอยโลเคชั่น Solanin
The 10 Best Films of 2014
Bleak Night : ค่ำคืนอันโหดร้าย
Enemy : แมงมุมขยุ้มชีวิต
My fluid thought on UNDER THE SKIN
A Story of Yonosuke : เรื่องราวในชีวิตเราจะเป็นประวัติศาสตร์ในใจใครได้บ้างหรือเปล่า?
The Letter เกาหลี vs. ไทย
TOP10 FILM : 10 หนังที่ชอบที่สุดปี 2013
ตามรอยหว่องกาไว ฉบับปี 2013
คู่กรรม 2013 : พี่ชาย ชั้นไม่เข้าใจพี่เลย!
Dreams for Sale : ไม่ถึงฝั่งฝัน
The Kirishima Thing : คิริชิม่า(กู)อยู่ไหน!?
Desire (Yokubo) : สิ่งนั้นชื่อว่าแรงปรารถนา
Solanin : ร้องเพลงบอกลาเธอ
คิมจองอิลตายแล้ว : โลกหลังความตาย(ของท่านผู้นำ)
ตามรอยโลเคชั่น All About Lily Chou-Chou
TOP 10 : FILM 2012
TOP 10 : STAGE PLAY 2012
Caesar Must Die : ภาพยนตร์และระยะห่างกับผู้ชม
ตะลุย World Film Festival 2012
6 ตุลาปาร์ตี้ : ความลื่นไหลและไร้ตัวตนของ 6 ตุลา
แผ่นดินอื่น / The Other Land 2012 : กลับมาอีกครั้ง ผียังคงอยู่
Marina Abramovic: The Artist Is Present : ศิลปะแห่งขีดสุด
The Odd Couple (Queer Version) (รักนะ อีดอก) : สนุกมากค่ะ อีดอก!
กุหลาบสีเลือด : กุหลาบดอกเก่า
สยามมิสฉัน The Musical : ฉันผิดเองที่ไปดู
วงกฎ : มาถูกทางแล้ว...
Fat the Musical : ความตลกเรื่อยเปื่อยเกินเหตุ
The Dark Knight Rises : เมืองนี้ต้องการฮีโร่ แต่ไม่ต้องการประชาชน
หลังคาแดง เดอะ มิวสิคัล : ละครบำบัดคนปกติ...ให้เป็นบ้า
OXYGEN : เมื่ออากาศเป็นพิษ
Blood Brothers : นี่สิ...มิวสิคัล!
รักจับใจ เดอะ โรแมนติก มิวสิคัล : ไม่-จับ-ใจ
ทึนทึก 4 กลัวน้ำ (รู้สึกไปเอง) : คิดเองเออเอง
Michael : เมื่อ Pedophile เป็นมนุษย์
Never Let Me Go : โมงยามสู่ความตาย
ที่รัก + The Kid with a Bike : พ่อ...ที่หายไป
American Reunion : A Beautiful Reunion Party
Wheat Harvest : ตามติดชีวิตกะหรี่
บันทึก The 9th World Film Festival of Bangkok 2012
Film of the Year 2011 : สิบหนังปี 2011
Theatre of the Year 2011 : สิบละครเวทีที่ชอบที่สุดของปี 2011
We Have a Pope : เมื่อโป๊ปไม่อยากเป็นโป๊ป
Elena : เลือด(ชั่ว)ย่อมข้นกว่าน้ำ
Kimjongilia / North Korea's cinema of dreams : แด่ท่านผู้นำ คิมจองอิล
Martha Marcy May Marlene : ผู้หญิงสองโลก
เสวนา : ผู้หญิงโลกตะวันออก ตามทัศนะภาพยนตร์ฮอลลีวูด ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
A & A2 : แสงสว่างในความมืดของโอมชินริเกียว
Post Mortem : หลังความตายอันเยือกเย็น
Guilty of Romance : ปราสาทที่ไม่มีวันไปถึง
Kiseki (I Wish) : ปาฏิหาริย์(ไม่)มีจริง
Paradise Kiss : โจทย์โหดหินของการแปลงงานของ ไอ ยาซาว่า
Finisterrae : ผีคนเป็น
Bandage : ความวนเวียนของหนังวงดนตรี
Halfway : ครึ่งทางของความเข้าท่าและไม่เข้าท่า
Hi-So : ความทรงจำเก่าๆ
Zangief Kid : ไวรัลจากความรุนแรง
ผลงานคุณเมอร์ในเดือนตุลา 54 (aka โครงการระดมทุนช่วยคุณเมอร์เลี้ยงเมียเด็ก)
Kafka & I : คนกลายเป็นแมลง แต่แมลงจะไม่กลายเป็นคน
Scott Pilgrim เล่ม 4 : สก็อตต์ พิลกริม กับเธอและฉัน บนรอยแยกระหว่างกัน
Hedwig and the Angry Inch + วิปริต : ร็อค / คลั่ง
ทวิภพ เดอะ มิวสิคัล : ทวิลักษณ์ของความรัก
กางจอ 18+ : ปีนี้อุเบกขา
สก็อตต์ พิลกริม กับความเศร้าเขย่าดวงดาว + โอ้ละหนอ...ไทยแลนด์
วันที่สหายพายุกลับบ้าน : วันที่ความเชื่อพังทลาย
เดวิด โอไรลีย์ (David O'Reilly) : ป่วงป่วยอย่างสุดขีด
Frankenstein : เฟล-อะเกน-ตามสไตล์?
"FIN" : Fetishism Story เรื่องของความฟิน / เพศ / การเสพติด
Hedwig and the Angry Inch : กำแพงที่แบ่งกั้นตัวฉันอีกครึ่งหนึ่ง
สวรรค์บ้านนา + ภูเก็ต : เรื่องของ ‘พื้นที่’ และ ‘สถานที่’
The Farewell : หนึ่งวันกับชายชื่อ Bertolt Brecht
Akunin (Villain) : คนเลวที่เธอรัก
Attenberg : เรื่องน่าปวดหัวของเซ็กซ์และความตาย
Suck Seed ห่วยขั้นเทพ : ถึงไม่เทพ แต่ก็ไม่ห่วย
Blindness : เมื่อโลกมืดบอด
Scott Pilgrim : สก็อตต์ พิลกริม กับชีวิตกระจิ๊ดริดมหาศาล + สก็อตต์ พิลกริม กับศึกกิ๊กเก่าเขย่าโลก
บทวิจารณ์รางวัล มล. บุญเหลือปี 2553 + ความเห็นของคณะกรรมการ
ภูเขาำไฟพิโรธ : ควันแห่งความทรงจำ
รวมมิตรโฆษณา: เจเล่บิวตี้-ขาวอมชมพู-ซิซซ์เลอร์
10 หนังที่ชอบที่สุดของปี 2010
หนังโป๊สรรพสัตว์สุดสยิวของ อิซาเบลลา รอสเซลลินี
ศาสตร์และศิลป์ของคลิปยำหนัง
ผลการประกวดบทวิจารณ์และละครดีเด่น กองทุนหม่อมหลวงบุญเหลือ เทพยสุวรรณ ประจำปี 2553
"ลูกโลกทองคำ 2011" @ รายการศิลป์สโมสร
10 ละครเวทีที่ชอบที่สุดของปี 2010
"หนังแฉ" @ รายการศิลป์สโมสร
It Gets Better : โปรเจคต์รวมหมู่เพื่อให้กำลังใจวัยรุ่นเกย์ในอเมริกา
Attraction : หนังรณรงค์ไม่สูบบุหรี่...ก็เก๋ได้
ร่วมลงนามเรียกร้องให้มีการชี้แจงเรื่องการแบนหนัง Insects in The Backyard
Moon : ฤๅเลือดคน (โคลน) มันไร้ค่า?
THIRD CLASS CINEMA 020 : WELL DONE, MEDIUM & RARE พบกับหนังสั้นและเอ็มวีสุดพิเศษ
โฆษณา Oriental Princess : เป็นสิว = อาชญากรรม !!??
วิจารณ์ แอนิเมชั่น "เพลงพระอาทิตย์"
ดาลิต ผู้เป็นที่รัก : ชนชั้นของวรรณะและชั้นเชิงของละครเวทีนักศึกษา
ภาพยนตร์เหตุการณ์ 9/11 @ รายการศิลป์สโมสร
คลิป "คุณครูฟิวส์ขาดขว้างบีบี" กับเรื่องความจริง/ความลวง และอำนาจของครูในสังคมไทย
'The Social Network' Effect
Crime and Punishment บนจอภาพยนตร์
5 หนังโดดเด้งจาก กางจอสิบเจ็ด ลูกเป็ดขี้เหร่
The Road : ถนนของคู่ตรงข้าม
Sign : เราทุกคนล้วนต้องการ 'สัญลักษณ์'
เชงเม้ง + เด๊ดสะมอเร่ : Will you go to Qingming or Hell?
Apichatpong Weerasethakul and his Palm d'Or
ความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ต่อโรงหนังสยาม
ผู้กำกับอิหร่าน จาฟาร์ ปานาฮี ประท้วงอดข้าวแลกอิสรภาพ
M.I.A. : Born Free จะแรงไปเพื่อ...!
Afterschool : ความรุนแรงแบบไวรัล
BIOSCOPE #100
(500) Days of Summer : ห้าร้อยวันฉันรักเธอ
10 หนังแห่งปี 2009
10 ละครเวทีแห่งปี 2009
My 10 Best Films of the Decade (2000-2009)
เฉือน ฆาตกรรมรำลึก : อาจยังไม่คมพอ
รถไฟฟ้ามาหานะเธอ : รถไฟฟ้าแห่งวาทกรรมอันซ้ำซาก
หนีตามกาลิเลโอ : การเดินทางอันว่างเปล่า
Winter Love Movies : 5 หนังประจำฤดูหนาว
10 หนังหลอน-สยองไม่ควรพลาด
กิจกรรมทางเลือก นอกจากการดู AVATAR
2009 Year In Review by JibJab : ลาทีปี 2009!
Leave Me : ดูแล้วตายไปเลย
Keira Knightley in “The Cut”
Sony Bravia Paint Ad : โฆษณาในตำนาน
Zapping : รีโมตเจ้าปัญหา
Metamorphosis : พริ้วไหวอย่างบาดใจ
The Horribly Slow Murderer with the Extremely Inefficient Weapon
One Future : ดูหนังเขา แล้วย้อนดูบ้านเรา
รู้จักคลิป Viral มาแรงล่าสุด UCB's Noteworthy - Poker Face
Paranormal Activity : ผู้หญิงกับอาการผีเข้า/ผีหลอก
Stealth : คน ตัวตน เพศสภาพ และชาติพันธุ์
Silent Scream : ถึงจะกรีดร้องอย่างเงียบงัน แต่ฉันก็ได้ยิน
Seminar: The World of Apu, Woman in the Dunes, Casablanca
Versailles : คนไร้บ้านข้างแวร์ซายส์
Xavier Le Roy's Self Unfinished : ร่างกายใต้บงการ
I Killed My Mother : ศิลปะแห่งมาตุฆาต
Eccentricities of a Blond Hair Girl : สาวน้อยคนนั้น
Huacho : ทุกข์ชาวบ้าน x 4
Visitors : การเยี่ยมเยือนอันแสนเศร้า
All Around Us : การล่มสลายของสถาบันครอบครัวที่ความรักอาจเยียวยา
PREVIEW: Bangkok International Film Festival 2009
The Piano Teacher (excerpt from seminar @ BU)
นางไม้ : ความคลุมเครือของเป็นเอก
Star Trek 2009 : หนังตลาดก็ดีได้
R.I.P. Alexis Tioseco and Nika Bohinc
THIRD CLASS CITIZEN : HOMELESS (AGAIN) ANNOUNCEMENT
13th Short Film Festival Marathon (Week 4)
13th Short Film Festival Marathon (Week 3)
13th Short Film Festival Marathon (Week 2)
13th Short Film Festival Marathon (Week 1)
French Film Festival 2009
World Comedy Film Festival 2009
Italian Film Festival 2009
A Chronicle of Love and Pain : WORLD PREMIERE
All About Actresses
Still Walking : มหากาพย์ 24 ชั่วโมง
Dream : ความฝันของผู้กำกับวิกลจริต
Slumdog Millionaire : จากเรื่องในจอสู่เรื่องนอกจอ
High School Musical 3 : จากหนังเพลงลั้ลลาสู่เรื่องระบบการศึกษา
The Convert + Suddenly, Last Winter : ความรักหลากมิติ
A Chronicle of Love and Pain : SECOND LOOK
A Chronicle of Love and Pain : FIRST LOOK
NICOLE KIDMAN IN "BIRTH"
ภาพบรรยากาศ Once Upon a Time in Bangkok
'Wherever You Will Go' in Once Upon a Time in Bangkok
Secret Sunshine: หัตถ์พระเจ้าในแสงตะวัน
นารีสมรส : เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน?
10 หนังแห่งปี 2008
Finale Program for 2008
Third Class Citizen wanna say "THANK YOU!"
Sunflower : Everybody Hurts
REMAKE-ABLE : 8 ผู้กำกับบ้าจี้ รีเมคหนังกันเอง
พ็อคเก็ตบุ๊ค "คิมคีด็อค แกะดำของหนังเกาหลี"
PUT THE GUN DOWN! : เมื่อตำรวจวางปืน แล้วหันมาถือกล้อง
Bangkok International Film Festival 2008 (PART 2)
Bangkok International Film Festival 2008
Let's Talk About KIM KI DUK
La Maison de Himiko / A Blue Automobile : รักสามเพศ + รักสามเศร้า
เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 12 (รอบมาราธอน)
Serbis : Cinema Inferno
Winai Kitcharoen : The Man without the Movie Camera
I'm Fine, Thank You. And You? : สารคดีใหม่ พัฒนะ จิรวงศ์
The Mourning Forest : ป่าแห่งการร่ำไห้
UNDER THE BLANKET : โลกโต้ผ้าห่มของทศพล บุญสินสุข
The Happiest Days of Our Lives (สารคดีเรื่องแรกของน้องเมอร์!)
สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ (Man of La Mancha) : ฝันที่เป็นจริง (ของละครเวที)
คู่สัมพันธ์วินาศ: ภาพยนตร์ความขัดแย้งระหว่างประเทศเชิงทวิสัมพันธ์
กางจอ 15 หยกๆ สิบหกหย่อนๆ
The Mind Game : Waiting in the Dark
Neo-Realism in Modern Cinema
French New Wave: Weekend + Jules et Jim
Satyricon (Federico Fellini)
Neorealism: The Bicycle Thief + La Strada
Realism and Formalism in Citizen Kane
Wonderful Town : อดีตกาลและเคหะสถาน
ผ่าผิวน้ำ (Breaking the Surface) : If only I could turn back time
17 พฤษภา My Valentine : The Invisible Rose
เทศกาลละครสั้นหน้ากากเปลือย 2551
Children of Men : โลกาวินาศสันตะโร
อีกด้านหนึ่งของ หนังเปียโน
เรื่องเราเล่าย๊าวยาว : หนังมหากาพย์ว่าด้วยคนตัวเล็กๆ
Henris Hands : ด้วยมือเล็กๆของเราเอง
เกราะเพชรเจ็ดสี + The M Project
VIDEOTOP : มิวสิควิดีโอลูกทุ่งไทยเจิดจรัสเหนือจินตนาการ
The Orpheus Schemata : นรก 4 แพร่ง
Welcome to Nothing : Absurdity is all around
SUN/SCREEN : อาทิตย์ อัสสรัตน์ / เรโทรสเป็คทีฟ
Happiness : เศษสุขส่วนทุกข์
The Raspberry Reich + The Doom Generation : ตายเสียเถิด ความสัมพันธ์แบบชายหญิง!
ปิดเทอมใหญ่ชิบหายยกรุ่น
FUSE SHOWCASE VOL.2
The 5th Bangkok Experimental Film Festival
OFF RECORD + FUSE CAMP 10
Atonement : Sorry Seems to Be the Hardest Word
"Time Still Destroys Everything You Touch" again and again
Magnolia
10 อันดับหนังยอดเยี่ยมประจำปี 2007
"Time Still Destroys Everything You Touch" World Premiere
BIOSCOPE #74 : AMERICAN GANGSTER
คืนข้ามปี กับหนังที่คุณเลือก
The Cinematic Curse for the Actors
2008 : Very Short New Year Cine-bration
รักแห่งสยาม : The Power of Love
THE LOVE OF SIAM SAVED MY LIFE : เมื่อ รักแห่งสยาม ช่วยชีวิตผมไว้
รักแห่งสยาม (Love of Siam)
ด่วน! ร่างพรบ.ภาพยนตร์อันล่าสุด มีเรต "ห้ามผู้มีอายุต่ำกว่า 25 ปีดู"
5th World Film Festival (PART 4)
5th World Film Festival (PART 3)
5th World Film Festival (PART 2)
5th World Film Festival (PART 1)
Prime + Summer Palace : Best of Times / Changes of Life
"PENGUIN" World Premiere
The Descent : ถ้ำแดงเดือด
เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 11 (PART 3)
เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 11 (PART 2)
เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 11 (PART 1)
ME, MYSELF WITH THE SAME MOVIES IN DIFFERENT PLACE & TIME
Bangkok International Film Festival 2007 (PART 3)
Bangkok International Film Festival 2007 (PART 2)
Bangkok International Film Festival 2007 (PART 1)
ครอบครัวในฝันของฉัน (MY IDEAL FAMILY)
BIOSCOPE #68 : Harry Potter and the Order of the Phoenix
เขาวานให้หนูเป็น guest speaker !?
AOI MIYAZAKI : MY ANGEL HAS GONE
CANNES 2007 : ฅนค้นคานส์
The Host : ยื้อก็เหมือนเราจะยิ่งเหนื่อย รัฐไม่ช่วยอะไรเลย
นันทขว้าง สัมภาษณ์สด กองเซ็นเซอร์แสงศตวรรษ !
เมื่อกองเซ็นเซอร์ดับ แสงศตวรรษ
ประกาศ งดฉาย "แสงศตวรรษ"
Maborosi : แรงระเบิดของคำถาม
แฝด (alone)
Everyone's a critic
10 อันดับหนังยอดเยี่ยมประจำปี 2006
Lost In Translation : Cries and Whispers
Bashing : She doesnt live here anymore
Agnes Varda : ENDLESS LOVE
Birth of the Seanema : BEYOND THE VISIBILITY
Destricted : ก้าวข้ามเส้นแบ่งแห่งศิลปะกับอนาจาร
NANA 2 มาแว้วววววววววววววววว !!!
ตะลุยเทศกาล 4th World Film Festival (PART 4)
ตะลุยเทศกาล 4th World Film Festival (PART 3)
ตะลุยเทศกาล 4th World Film Festival (PART 2)
ตะลุยเทศกาล 4th World Film Festival (PART 1)
Blue + The Child : ชื่อหนังบอกอะไร?
Earthcore + 12 : Just My Imagination
A Day on the Planet + Josee, the Tiger and the Fish : หนุ่มหล่อกับสารพัดสัตว์
Me and You and Everyone We Know : หนังของเธอ หนังของฉัน หนังของเรา
DVD เด็กโต๋ : มาโต๋ถึงบ้านท่านแล้ว
ตอบจดหมายผู้อ่าน : ปริศนาห้วงรักของ In the Mood for Love
A Bittersweet Life หวานอมขมกลืน
FAT FILM 4 : เมื่อเพลงบันดาลใจ...ใครๆ ก็เลยทำหนัง
ก่อนจะกลับมากู้ภารกิจลับเป็นรอบที่ 3 ทอม ครูซเขาเคย
Fallen Angels คนตกสวรรค์ในวันฟ้าเปิด
A History of Violence ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์แห่งความรุนแรง
Course Outline : Adorable Woman & Literature through Modern Media
แฉชีวิตคนตะลุยเทศกาลหนัง
ตะลุยเทศกาลหนัง Bangkok International Film Festival 2006 (Part 2)
ตะลุยเทศกาล Bangkok International Film Festival 2006
10 หนังยอดเยี่ยมประจำปี 2005
April Snow ปลายทางของคนรักหลงฤดู
ตะลุยเทศกาลหนัง 3rd World Film Festival of Bangkok (PART 5)
ตะลุยเทศกาลหนัง 3rd World Film Festival of Bangkok (PART 4)
ตะลุยเทศกาลหนัง 3rd World Film Festival of Bangkok (PART 3)
ตะลุยเทศกาลหนัง 3rd World Film Festival of Bangkok (PART 2)
ตะลุยเทศกาลหนัง 3rd World Film Festival of Bangkok (PART 1)
3-Iron เทวดาตกสวรรค์ผู้นำความฝันมาบรรจบพบความจริง
The Scarlet Letter มนุษยอัปลักษณ์
About Love เรื่องรักโลกาภิวัตน์
[บล็อกเชียร์หนัง] Farewell, Kuro หนังสำหรับคนรักหมา หนังสำหรับคนรัก หนัง
FaT Film 3 ไม่ใช่แค่ หนังขำขำ
Millennium Mambo แสงไฟแห่งสหัสวรรษใหม่
A Snake of June วงกลมพิศวงในหน้าฝนสีน้ำเงิน
ตะลุยเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ (Bangkok International Film Festival 2005)
ตะลุยเทศกาลภาพยนตร์ฝรั่งเศส (French Film Festival 2005)
ตะลุยเทศกาลภาพยนตร์ยุโรป (EU Film Festival 2005)
มหาลัย เหมืองแร่ เกียรติที่ต้องขุด มิตรภาพที่ต้องถักทอ
เฉิ่ม คลื่นรักลอยอ้อยอิ่งในโลกที่วิ่งติดจรวด
21 Grams น้ำหนักจิ๊กซอว์ที่ปะต่อชีวิต
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ภาพแห่งความเจ็บปวด
Happy Berry มิตรภาพสีลูกกวาด
My First Boyfriend ความรักครั้งแรก กับความทรงจำตลอดกาล
Code 46 เมื่อสิ่งสุดท้ายที่รู้คือ ความจริง
House of Flying Daggers ความจริง ความลวง ตัวจริง ตัวปลอม ความรัก
The Last Samurai ซามูไร คนสุดท้าย หรือซามูไรที่จะคงอยู่ ชั่วนิรันดร์
Life is Beautiful ชีวิตที่สวยงามกับคำโกหกอันแสนหวาน
La Belle ความรักสีขาวอันว่างเปล่า
Formula 17 เกย์โทเปีย เป็นแดนสวรรค์หรือเพียงฝันจำแลง?
Hana & Alice ความรักหลังลิ้นชัก
แด่ ร้านพี่คนนั้น
All About Lily Chou-Chou – แด่เธอ…บทเพลงแห่งอีเธอร์ (2)
All About Lily Chou-Chou แด่เธอ บทเพลงแห่งอีเธอร์ (1)
Wong Kar Wais Anthology แด่...โลกของหว่องกาไว
2046 รถไฟสายอดีต
ระลึกถึงภาพยนตร์-ศิลปะบนแผ่นฟิล์ม-จากวงการ J-ROCK
Crying Out for Love, In the Center of the World กู่ก้องร้องบอกรัก จากใจกลางโลก
ชำแหละปีศาจ Monster ใครกันแน่ที่เป็น ปีศาจ?
กำเนิดแห่งรัก...จากหนัง Hedwig and the Angry Inch
LOVE & POP ขอรักอันวิเศษนั้นแก่ฉันอีกสักครั้ง
Swallowtail Butterfly จดหมายเหตุถึงโลกของชุนจิ อิวาอิ
I Not Stupid ผมไม่โง่ แต่ถึงผมจะโง่ผมก็มี จิตใจ
พระเอกหน้าตาย-หลายบุคลิก ซาโตชิ ทซึมาบูกิ (Satoshi Tsumabuki)
Jam Films 2 ขบวนการรวมฮิตผู้กำกับญี่ปุ่น มากลับมาอีกครั้ง
Vibrator แรงสะเทือน ถึงหัวใจ
Requiem for a Dream บทสวดศพแด่ฝันและวันที่สิ้นสลาย
2046 ความเปลี่ยวเหงาล้ำอนาคตกับการรอคอยชั่วนิรันดร์
'นิยามมนุษย์' จากโลกภาพยนตร์
Happy Berry มิตรภาพสีลูกกวาด
โดย merveillesxx
จนถึงวันนี้ชื่อของ
ธัญสก พันสิทธิวรกุล
(ชื่อของเขาอ่านว่า ทัน-สะ-กะ) คงเป็นที่คุ้นหูของเหล่านักดูหนังแล้วไม่มากก็น้อย คงมิเกินจริงไปนักหากเราจะกล่าวว่าเขาเป็นตัวแทนของ จิตวิญญาณอิสระ ของบรรดาคนทำหนังทางเลือกในเมืองไทยเทียบเคียงกับอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล (เจ้าของหนัง สุดเสน่หา และ สัตว์ประหลาด!) ในขณะที่อภิชาติพงศ์เลือกถ่ายทอดหนังของเขาด้วยลักษณะพื้นบ้านแบบไทยๆ (ตำนานเสือสมิงใน สัตว์ประหลาด, ขนบหนังไทยใน หัวใจทรนง ฯลฯ) ธัญสกก็เลือกจะถ่ายทอดด้วยหนังสารคดีไตรภาค!
ไตรภาคของเขามีชื่อว่า
Love & Life Trilogy
มันว่าด้วย ชีวิต และ ความรัก ของกลุ่มคนเล็กๆ ในสังคม-กรุงเทพ-ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จักเขา แต่ธัญสกก็สามารถถ่ายทอดชีวิตในแต่ละวันของ คนใกล้ตัว เหล่านั้นให้น่าสนใจได้โดยปราศจากการปรุงแต่งที่เกินจริง หนังของเขาแต่ละภาคจะขยาย ความสัมพันธ์ ในวงกว้างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจาก
Voodoo Girls: หัวใจต้องสาป (2002)
ว่าด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก ธัญสกจึงหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายช่วงเวลาสุดท้ายที่เธอและเพื่อนอีกสองคนจะได้อยู่กันพร้อมหน้า พวกเธอแก่น เปรี้ยวและชอบคุยเรื่องเซ็กส์ แต่พวกเธอก็เป็น 'เพื่อน' กัน
ถัดมาคือ
Happy Berry: สวรรค์สุดเอื้อม (2003)
ที่เล่าเรื่องของร้านเสื้อสุดเก๋ใจกลางเมือง และปิดท้ายด้วย
ราตรีสโมสร (2005)
หนังที่เจาะลึกเบื้องหน้าเบื้องหลังของวงดนตรีประหลาดโลกอย่าง FUTON (หนังมีกำหนดเสร็จในเดือนกรกฎาคม)
หนังที่ทำให้ชื่อของธัญสกเด่นชัดขึ้นมาน่าจะเป็น Happy Berry เพราะมันได้รับรางวัล Grand Prize Award จากเทศกาลสารคดีไต้หวัน แต่มันน่าน้อยใจไหมที่มีคนไทยเพียงน้อยนิดที่ได้ดูหนังรางวัลเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามโลกก็ยังไม่โหดร้ายเกินไปนัก เพราะในที่สุดพวกเราชาวไทยตาดำๆ ก็ได้ดูหนังเรื่องนี้จนได้ มันคือ Happy Berry เวอร์ชั่นตัดต่อใหม่ที่ไม่เคยมีใครชาติไหนเคยดู มันคือรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่องนี้ในเมืองไทย และมันคือรอบสุดท้ายของหนังเช่นกัน
Happy Berry คือใคร คืออะไร และทำไม?
ในชีวิตนี้คุณเดินผ่านร้านขายเสื้อสุดเปรี้ยวชื่อ Happy Berry ที่สยามมาแล้วกี่ครั้ง เคยเข้าไปหรือเปล่า หรือเคยซื้อเสื้อของร้านนี้มั้ย ...ว่าแต่คุณรู้จัก 'พวกเขา' -เจ้าของร้านสุดเปรี้ยวทั้งสี่- หรือเปล่า?
พวกเราอาจจะเดินผ่านหน้าร้านอย่างไม่คิดอะไร แต่ใครจะรู้บ้างว่า 'ข้างใน' มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ธัญสกสนใจที่จะถ่ายทอดมันออกมาเป็นหนัง และมันก็น่าสนใจ นี่คือเสน่ห์ของหนังสารคดี แต่ก่อนที่เขาจะถ่ายทำหนังเรื่องนี้ได้นั้น เขาต้องใช้เวลา 1 เดือนเต็มๆ เข้าไปคลุกคลีอยู่ในร้าน ให้เจ้าของร้านทั้งสี่คนคุ้นเคยกับการที่ต้องมีกล้องติดตามตัวตลอดเวลา และฟุตเทจที่ถ่ายไว้ในหนึ่งเดือนแรกนั้นเขาไม่ได้ใช้มันเลยแม้แต่นิดเดียว!
ช่วงต้นของหนังคือการแนะนำสมาชิกทั้ง 4 คน -โจ้ ก้อย เติ๊ด แก๊ก- มองจากภายนอกแล้ว พวกเขาแต่งตัวด้วยสีแสบสันต์ และดูบ้าหลุดโลกเหมือนมาจากดาวอังคาร พวกเขาพูดจากันด้วยประโยคชนิดที่มีสัตว์เลื้อยคลายและอวัยวะลับเฉพาะโผล่ออกมาตลอดเวลา บางทีพวกเขาก็แอบกรี๊ดผู้ชายหล่อๆ ในร้าน บางทีก็แอบด่าลูกค้าลับหลัง (ไม่รู้ลูกค้าคนนั้นจะได้ดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า-ฮา)
หนังพาเราไปดูกิจวัตรประจำวันของพวกเขา -การดำเนินธุรกิจร้านเสื้อผ้า- พวกเขาต้องไปโรงงานออกแบบเสื้อ สั่งตัดสั่งเย็บ หาซื้อของวัตถุดิบ หรือกิจกรรมหลังเลิกงานอย่างการจัดงานปาร์ตี้และการไปร้องคาราโอเกะ ฟังดูเหมือนว่าหนังเรื่องนี้จะน่าเบื่อ แต่แท้จริงแล้วหนังไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะพวกเขาทั้งสี่มีความสนุกสนานอยู่เปี่ยมล้นในตัว และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังนั้น ล้วนไม่ใช่เรื่องธรรมดา
เริ่มจากแฟนของก้อยจะออกอัลบั้มนู้ด หนังก็สำรวจความรู้สึกของก้อยว่าเธอคิดอย่างไร รวมถึงมุมมองจากเพื่อนๆ ต่อความสันพันธ์ของคนคู่นี้ ถัดมาสามในสี่ของกลุ่ม (โจ้ ก้อย เติ๊ด) ได้รับการติดต่อให้ออกเทป พวกเขาไปเข้าคอร์สฝึกร้องฝึกเต้น ได้ไปเป็นวงเปิดให้กับนักร้องชื่อดังตามทัวร์ต่างจังหวัด ได้ถ่ายมิวสิกวิดีโอ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเข้ารูปเข้าทางและใกล้จะเป็นจริง แต่แล้ววันหนึ่งความฝันนั้นก็พังทลายเพราะค่ายเทปสั่งพักโปรเจกต์นี้ไว้!
พวกเขามาถึงทางเลือกของชีวิตว่าจะทำอะไรต่อไป อะไรคือสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
และสุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจกลับไปทำร้าน Happy Berry ต่อ ร้านที่ทั้งสี่สร้างขึ้นมาด้วยมือของพวกเขาเอง หากขาดมือคู่ใดคู่หนึ่งไปร้านนี้คงไม่เหมือนเดิม หนังสำรวจถึงความรู้สึกที่เขาและเธอไม่ได้ออกเทปและเหตุผลที่กลับมาทำร้านต่อ เจ้าของคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าลูกค้าบ่นว่าร้านแย่ลงในช่วงที่พวกเขาไปเตรียมตัวออกเทป ส่วนอีกคนหนึ่งบอกว่าไม่อยากทิ้งเพื่อนไป และอีกคนก็บอกว่าที่ทำทุกวันนี้เขาไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว แต่ทำด้วยใจและความเป็นเพื่อน
หนังในส่วนแรกปิดจบด้วยภาพทั้งสี่เดินเคียงคู่ไปด้วยกัน และใช้เพลง มายา ของโจอี้ บอย (ที่มีเสียงของ ริค วชิรปิลันธ์ ประกอบด้วย) เป็นเพลงจบ เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาได้ยาก แต่ผมรู้สึกว่าเพลงกับภาพในฉากนี้ซ้อนทับกันได้ดีเหลือเกิน เพลงมายานั้นดั่งจะเป็นสารบอกกับเราว่าช่วงชีวิตของพวกเขาและเธอบางช่วงมันก็เป็นเพียงแค่ภาพที่ผันผ่านเข้ามาในชีวิต (เช่น การที่เกือบได้ออกเทป) แต่ ณ เวลานั้นการกลับมารวมกันของทั้งสี่คนทำให้พวกเขารู้แล้วว่าสิ่งที่คงอยู่จริงคือ ความเป็นเพื่อน
แต่มันคงใจร้ายน่าดู ถ้าตัวหนังจะตัดจบแต่เพียงเท่านี้ เพราะพวกเราทุกคนย่อมอยากรู้ว่า ชีวิตทั้งสี่นั้นจะดำเนินต่อไปอย่างไร (เพราะตัวหนังส่วนแรกถ่ายทำตั้งแต่ปี 2003) ดังนั้นธัญสกจึงตัดสินใจถ่ายทำ Happy Berry 2005 เพิ่มเติมขึ้นมา
หนังพาเราไปพบกับภาพปัจจุบันของ Happy Berry และพวกเขาทั้งสี่คน สิ่งที่ไม่คาดคิดและไม่น่าเชื่อมากมายปรากฏขึ้น ใครจะไปนึกว่าสาวเฮ้วอย่างแก๊ก (ที่ดูสวยน้อยสุดในกลุ่ม-ฮา) ได้แฟนเป็นฝรั่ง!, ใครจะไปนึกว่าในที่สุดโจ้ก็มีคนรู้ใจกับเขาเสียที และที่สำคัญใครจะไปนึกว่าก้อยกับแฟนจะยังคบกันอยู่ (ทุกคนพร้อมใจกันคิดว่าทั้งคู่ต้องเลิกกันแล้วแน่นอน)
เหนือสิ่งอื่นใดร้าน Happy Berry เติบโตขึ้นมาก ลูกค้ายังคงพลุกพล่านเหมือนเดิม และพวกเขายังไม่หยุดแค่นั้น เขาตัดสินใจย้ายร้านไปสู่ที่ใหม่ ดินแดนแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม (โจ้บอกว่าร้านใหม่จะมีร้านตัดผมด้วย) ธัญสกเลือกวันถ่ายเพิ่มส่วนที่สองนี้ได้ดีเหลือเกิน เพราะมันคือวันสุดท้ายที่จะใช้ร้านเดิม ค่ำคืนนั้นพวกเขาช่วยกันเก็บของ ขนของ และเดินไปดูร้านใหม่ด้วยกัน
ภาพตอนจบนี้ยังคงเหมือนตอนจบในส่วนแรก พวกเขาโบกมือให้กับกล้องแล้วเดินจากไป สิ่งที่น่าประทับใจคือ พวกเขาทุกคนยังอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครคนใดขาดหายไป
หลังจากระเบิดเสียงหัวเราะกับหนังไปจนถึงที่สุดแล้ว ความประทับใจกลับวิ่งเข้าไปแทนที่ในใจผมแทบจะทันใด เมื่อหนังจบแล้วผมก็คิดว่าชีวิตที่ไร้สาระดูไร้แก่นสารของพวกเขาเป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขามีความคิดเป็นของตัวเอง มีหนทางดำเนินชีวิตที่แน่วแน่ หลุดพ้นจากคำว่า ไร้สาระ อย่างสิ้นเชิง เราจะบ้าแค่ไหนก็ได้ ตราบใดที่เราไม่ทำให้ใครเดือดร้อนและดูแลตัวเองได้ ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่อธิบายตัวตนของพวกเขาได้ดีที่สุด
ทุกสิ่งทุกอย่างในหนังถูกแสดงอย่างตรงไปตรงมา ความบ้า ความเพี้ยน เซ็กส์ แต่นั่นก็รวมถึงความรัก และความเป็นเพื่อน นี่คือชีวิตในแบบของพวกเขา มันคือมิตรภาพ แต่เป็นมิตรภาพสีลูกกวาดเช่นเดียวกับลายเสื้อผ้าในร้านของเธอและเขา
และเพลงในตอบจบส่วนที่สอง นั่นคือ คนเดียวจริงๆ ของโหน่ง พิมพ์ลักษณ์ ก็อธิบายความหมายของมิตรภาพของพวกเขาได้ดีเหลือเกิน
นั่นคือ เธอคนเดียวจริงๆที่ยังอยู่
และอยู่คอยดูแลไม่ว่าจะหันไปเมื่อไรก็เจอ
ต่อให้ร้ายสักเท่าไร ไม่เคยโกรธกัน
ฉันจึงอยากให้เธอรู้
หนังเรื่องนี้เคยถามผู้ชมไว้ว่า "ความสุขของคุณคืออะไร" (What is your happiness?) ผมตอบไม่ได้หรอก แต่ผมรู้เพียงว่าหลังจากดูหลังเรื่องนี้จบแล้ว นอกจากจะคิดถึงเพื่อนๆ มากแล้ว ผมมี 'ความสุข' เหลือเกิน
หมายเหตุ
- อ่านบทสัมภาษณ์ของธัญสก พันสิทธิวรกุลได้ใน Bioscope ฉบับที่ 38 / a day ฉบับที่ 53
-
//www.geocities.com/happyberrymovie/
เวบทางการของหนัง Happy Berry
-
//www.thaiindie.com/
เวบสำหรับคนทำหนังอิสระ (จัดทำโดยธัญสก)
Create Date : 16 เมษายน 2548
Last Update : 16 เมษายน 2548 18:08:37 น.
23 comments
Counter : 4055 Pageviews.
Share
Tweet
หนังเรื่องนี้เป็นเซอร์ไพร๊ซ์ฟิล์ม วันที่6ใช่ป่ะ ผมโคตรเสียดายเลย จริงๆกะไปดูแล้ว เพราะเล็งทาเนชั่นไว้ ผมพลาดตอนหนังเข้าเฮ๊าส์ แต่ด้วยความเหนื่อยจากการไปเยี่ยมเพื่อนคลอดลูกที่พัทยามาวันนั้น ก็เลยไม่สามารถไปดูได้ ยังเสียดายจนถึงวันนี้เลย
โดย: joblovenuk IP: 203.170.164.130 วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:18:10:52 น.
ใช่แล้วครับ เป็น SURPRISE FILM ในงาน DOC DAY EVENINGS ...เรื่องนี้เซอร์ไพรส์ผมจริงจังเลยล่ะ เพราะในหนังมีเพื่อนของผมอยู่ด้วย (โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนว่าจะมีมันอยู่ในนั้น)
เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดูจริงๆครับ เพราะคงหาโอกาสชมได้ยากแล้ว ยังไงคราวหน้าหนังเรื่องใหม่ของเขาก็อย่าพลาดกันเน้อ...
โดย:
merveillesxx
วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:18:18:25 น.
อ่า.. ไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิงครับ
โดย:
Mint@da{-"-}
วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:18:22:39 น.
อยากรู้ว่าชื่อร้าน HAPPY BERRY นี่
เค้าได้แรงบันดาลใจมาจากไหนพอจะทราบไหมคะ
ไม่รู้ว่าใช่การ์ตูนเรื่องโปรดของเรารึเปล่า
พวกเค้าก็มีร้านเหมือนกันค่ะ
ชื่อ HAPPY BERRY เนี่ยแหละค่ะ
**paradise kiss**
โดย:
เมื่อไหร่จะมีชื่อที่ใครพอใจ
วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:20:57:01 น.
เสียดายเหมือนกัน
วันนั้นไม่ได้เข้าไปดูหนังพอดีติดงาน...โถ่รู้งี้โดดงานไปดีกว่า
แล้วตอนนี้ยังพอหาดูได้ที่ไหนบ้างค่ะ
โดย:
นางสาวแสนดี..sandy
วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:22:19:09 น.
อืม ได้อ่านแล้วอยากดูจังเลยครับ ชอบและสนใจจริงๆครับหนังแนวๆแบบนี้ ดูเหมือนหนัง coming of age นะครับ ไม่รู้ว่าหลังจากงานนี้แล้ว ยังจะมีเอามาฉายอีกหรือเปล่า แต่น่าจะยังเอามาฉายอีกนะครับ เดี๋ยวเดือนหน้าผมก็จะกลับไปเมืองไทย ถ้าทราบข่าว ช่วยส่งข่าวบอกกันบ้างนะครับผม ^ ^
โดย:
Tempting Heart
วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:22:48:24 น.
เสียดายจังที่ไม่ได้ไปดูเรื่องนี้ สังหรณ์แล้วเชียวว่า SURPRISE FILM ต้องเป็น Happy Berry แน่ๆเลย เข้ามาอิจฉาครับ
โดย:
das Kino
วันที่: 16 เมษายน 2548 เวลา:23:26:36 น.
คือมาบอกว่า
อ่านบทวิจารณ์คุณแล้วอยากทำร้ายร่างกายคุณจัง
โรคจิตไปไมอ่ะคับ
โดย: ปู๋ IP: 203.121.149.43 วันที่: 17 เมษายน 2548 เวลา:8:12:52 น.
>อ่านบทวิจารณ์คุณแล้ว
>อยากทำร้ายร่างกายคุณจัง
ยังไงเหรอครับ ช่วยขยายความหน่อย งงครับ
โดย:
merveillesxx
วันที่: 17 เมษายน 2548 เวลา:18:14:01 น.
อยากดูเรื่องหัวใจต้องสาปอ่ะค่ะ 555
ส่วนร้านนี้
เรามันเชยอ่ะ อยากบอกว่าไม่เคยเข้าไปซื้อเลย
เดินผ่านยังไม่เคยเลยมั้ง
เชยขนาดดดดด
โดย:
ปลาทองแก้มยุ้ย
วันที่: 17 เมษายน 2548 เวลา:19:35:28 น.
คงอยากทำร้ายร่างกายคุณmerveillesxx
เพราะรีวิวหนังหาดูยากได้น่าดูมาก
แต่..มันหาดูไม่ได้
ทำไมเราไม่รู้จักหนังอย่างนี้ตั้งแต่ก่อนฉายฟะ
(ทำนองเนี้ย) ^^"
โดย: คนดู IP: 203.151.140.114 วันที่: 18 เมษายน 2548 เวลา:1:55:27 น.
ถึงรู้จักก่อน แต่ผมก็ยังไม่ได้ดูครับ จะไปฉายที่ไหนอีกมั้ยเนี่ย คราวหน้าจะต้องไปดูให้ได้
โดย:
das Kino
วันที่: 18 เมษายน 2548 เวลา:13:40:47 น.
ความเห็นจาก //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3416748/A3416748.html
----------------------------
ความคิดเห็นที่ 1
อืมเราเรียนมหาลัยรุ่นเดียวกับเจ้าของร้านนี้ด้วยแหละ แต่คนล่ะสาขา เค้าเรียนสาขาศิลปะ อ่านแล้วเหมือนรับรู้ข่าวเพื่อนๆจัง ดีใจที่เค้าประสบความสำเร็จในชีวิต สมัยเรียนกลุ่มนี้เค้าแต่งตัวแปลกๆมานานแล้ว แต่นิสัยน่ารักมาก
จากคุณ : KiLoHan - [ 16 เม.ย. 48 18:08:41 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ชอบ happy berry มากๆ อยากทราบว่า เพลงที่เค้าร้องตอนคาราโอเกะ ซึ่งเป็นเพลง end credit ด้วย ชื่อเพลงอะไรครับ ผมพยายามจะฮัมถามคนอื่นก็ไม่มีใครรู้ (คงฮัมไม่เหมือน) ถามนิคกี้ เจ้าตัวก็บอกว่าจำไม่ได้ ช่วยด้วยครับ อยากทราบมาก จะไปร้อง
จากคุณ : บรรดาเรา - [ 16 เม.ย. 48 18:14:24 ]
ความคิดเห็นที่ 3
ตอบเรื่องชื่อเพลงนะครับ
Title: คนเดียวจริงๆ Only You
Artist: โหน่ง พิมพ์ลักษณ์
Album: Inspired
Label: Bakery Music
ถือเป็นเพลงที่ดังที่สุดของโหน่ง พิมพ์ลักษณ์แล้วครับ (จะจัดเข้าเป็นพวก ONE HIT WONDER ก็ได้) ส่วนตัวแล้วผมชอบอัลบั้มชุดแรกของเขามากกว่าครับ (Possible) ตอนนี้โหน่งตั้งวงสี่สาวล้วนชื่อ Venus Butterfly ครับ มีเพลงอยู่ในอัลบั้ม Love is... ด้วยครับ
//www.cityblue.net/lyric/viewlyr.php?cat=n&artist=nong&song=onlyyou
Words : วิลาวรรณ เกิดสุทธิ
Music : เศกสิทธิ์ ฟูเกียรติสุทธิ
ตอนที่เจอกันบอกตรงๆ
ว่าฉันไม่เคย คิดจะชอบเธอ
เป็นเพียงคนนึงที่ยังพอคบหาไว้พูดคุย
เวลาไม่มีใคร
อาจจะเหมือนว่าฉันดูใจร้ายและเลือดเย็น
ที่ไม่คิดไม่เห็นตัวเธอนั้นในสายตา
เคยมีบางคนเข้ามาทำให้ฉันเชื่อใจ
ว่ารักฉันเหลือเกิน
พอจะจริงจังก็เปลี่ยนไปทุกครั้งไม่เหลือใคร
รักฉันจริงสักคน
เจอแต่ความผิดหวังจนตัวฉันก็ท้อใจ
คงไม่เหลืออะไร ถ้าไม่มีคนคนนี้
นั่นคือ เธอคนเดียวจริงๆที่ยังอยู่
และอยู่คอยดูแลไม่ว่าจะหันไปเมื่อไรก็เจอ
ต่อให้ร้ายสักเท่าไร ไม่เคยโกรธกัน
ฉันจึงอยากให้เธอรู้
ได้มีวันเวลาดีๆ เพระมีเธอ
ที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขหัวใจ
แค่มีเธอคอยห่วงใย รักตลอดไป
ไม่ต้องการใครอีกเลย
จากคุณ : merveillesxx - [ 16 เม.ย. 48 18:21:27 ]
ความคิดเห็นที่ 4
เฮ้อ..ขอบคุณครับ นี่อุตส่าห์จะไปถามที่ร้านเค้าแล้ว แต่เค้าหยุดสงกรานต์ 3 วัน พอดีวันนี้นิคกี้มาที่ทำงานไปถาม เจ้าตัวบอกว่าจำไม่ได้
จากคุณ : บรรดาเรา - [ 16 เม.ย. 48 18:28:32 ]
ความคิดเห็นที่ 5
จะหาดูได้จากที่ไหนครับ ??
จากคุณ : algonquins - [ 16 เม.ย. 48 19:04:41 ]
ความคิดเห็นที่ 6
ขอถามหน่อยนะคะ ร้าน Happy Berry นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการ์ตูนของอ.ยาซาว่า ไอ ใช่มั้ยคะ แค่ชื่อเหมือนกันเฉยๆหรอคะ คือสงสัยมานานแล้วน่ะค่ะ
จากคุณ : Snow falling up - [ 16 เม.ย. 48 19:15:42 ]
ความคิดเห็นที่ 7
สมัยก่อนคุณธัญสก เคยเล่นเฉลิมไทยที่นี่ประจำใช้ชื่อ ธัญสก นี่แหละมาชวนดูหนังนอกกระแสที่จัดฉายที่จุฬาอยู่บ่อย ๆ จำได้ว่าเป็นเซียนหนังเกาหลีด้วย ครั้งนึงเคยจัดฉาย The Letter ฉบับเกาหลีสร้างความฮือฮากับคนไทย จนในที่สุดได้สร้างเป็นหนังไทยขึ้นมาเลย.
เป็นเรื่องที่น่ายินดีในความสำเร็จของสมาชิกเก่าแก่ของพันทิพคนนี้.
จากคุณ : LittleTiger - [ 16 เม.ย. 48 19:16:35 ]
ความคิดเห็นที่ 8
สงสัยมานานแล้วว่าร้านหายไปไหน
เพราะไปดูที่เดิมแล้วไม่มี
ว่าแต่ตอนนี้ย้ายไปอยู่ตรงไหนอ่ะคะ
ยังอยู่ในสยามอยู่หรือเปล่า
จากคุณ : กี๊ซ - [ 16 เม.ย. 48 19:17:04 ]
ความคิดเห็นที่ 9
คิดเหมือนคห.ที่ 5 เลยค่ะ
ว่าจะหาดูได้จากที่ไหนคะ
ตอบคห.ที่ 6 นะคะ
คิดว่าเจ้าของร้านน่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่องนั้นค่ะ
เพราะว่าโลโก้ของร้านก็คล้ายๆกับโลโก้ของมิคาโกะเลยค่ะ
จากคุณ : กี๊ซ - [ 16 เม.ย. 48 19:21:20 ]
ความคิดเห็นที่ 10
....ขอบคุณครับที่พาเข้าไปรู้จักโลกของหนังใหม่ๆอีกเรื่อง ผมรู้จักแค่ร้านHappy Berry ถ้าจำไม่ผิดเคยเพื่อนเข้าไปซื้อแล้วเข้าไปเป็นเพื่อนไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ถูกเม้าธ์ด้วยหรือเปล่า
จากคุณ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" - [ 16 เม.ย. 48 20:58:27 ]
ความคิดเห็นที่ 11
ตอบคห 5
เคยอ่านหนังสือพิมพ์อ่ะว่าเค้าอ่านการ์ตูนของ ไอ แล้วชอบก็เลยมาเปิดร้านบ้าง
แต่แบบนี้จะโดนเรื่องลิขสิทธิ์หรือเปล่าหนอ
โลโก้น่ะเหมือนกันเรยยยย รูปนี้เอามาจากการ์ตูน
ความคิดเห็นที่ 16
ร้านอยู่ใกล้เวทีสยามแสควร์เลยคับ
จากคุณ : กาปู๋ - [ 16 เม.ย. 48 23:13:06 ]
ความคิดเห็นที่ 17
คงได้แรงบันดาลใจมากเลยนะ ถึงได้ชื่อเหมือนซะขนาดดดดดดดดด
จากคุณ : ชอบเรื่องนี้เหมือนกัน - [ 17 เม.ย. 48 00:09:32 A:161.200.255.161 X: TicketID:001798 ]
ความคิดเห็นที่ 18
สรุปแล้วไปหาดูได้ที่ไหนเหรอคะ
จากคุณ : yoshiyuki - [ 17 เม.ย. 48 00:09:37 ]
ความคิดเห็นที่ 19
อ่า ได้ดูเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง ที่ House ในงาน Doc Day โดยส่วนตัวแล้วผมชอบเรื่องนี้นะ และฉากที่ผมชอบมากที่สุดคือฉากที่ ทั้ง 4 คน ไปที่วัด ในวันวิสาขบูชา(มั๊ง) แล้วเวียนเทียนรอบโบสถ์กัน คือฉากนี้มันทำให้คิดว่า เออ...เด็กพวกนี้ ที่ดูวัยรุ่น แต่งตัวกันเปรี้ยว แสบสีสันกันสุดฤทธ์ แต่ก็ไม่ลืมที่จะไปเวียนเทียนกันในวันสำคัญทางศาสนา เออ ฉากนี้ ได้ใจผมไปเลย (จริงๆ)
จากคุณ : อ่า (D-2) - [ 17 เม.ย. 48 00:46:04 ]
ความคิดเห็นที่ 20
ชอบพวกเจ้าของร้านอ่ะ แต่งตัวกันแรงดี
........................
แต่เขาว่าของในร้านพวกเค้า ก็อปเยอะอ่ะ
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 03:02:11
จากคุณ : ไอซ์_เป็นคน - [ 17 เม.ย. 48 03:01:51 ]
ความคิดเห็นที่ 21
-- หนังเรื่องนี้คงมีโอกาสจะได้ดูอีกยากแล้วล่ะครับ เพราะผู้กำกับเค้าบอกไว้ว่าจะไม่ฉายอีกแล้ว
-- ตอนนี้ร้าน Happy Berry อยู่บริเวณ Center Point ครับ
จากคุณ : merveillesxx - [ 17 เม.ย. 48 03:25:44 ]
ความคิดเห็นที่ 22
เคยแค่เดินเฉียดๆหน้าร้าน
แต่ไม่เคยแวะเข้าไปข้างในร้านซักที
พอมาอ่านดู ชีวิตของเจ้าของร้านน่าสนใจดีจังเลย
เสียดาย ที่ไม่ได้ไปดู
ป.ล. 1 เคยอ่านสัมภาษณ์ของคุณธัญสก เห็นว่าความจริงตอนแรกที่เรียนที่คณะ ก็ไม่เคยพูดกับเพื่อนทั้งสี่คนนี้เลย ประมาณว่าทั้งเค้าและเธอต่างก็มีโลกและชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน (อีกฝ่ายดูเป็นไฮโซประจำคณะอะไรประมาณนั้น) พอจะต้องมาถ่ายทำเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเค้าทั้งสี่ ก็เลยต้องปรับตัวกันน่าดู
ป.ล.2 ทำหนังวัยรุ่น หนังเกี่ยวกับเพื่อนๆ มาก็เยอะแล้ว ว่าแต่ว่าคุณธัญสกไม่สนใจทำสารคดีเรื่องป้าแก่ๆ ที่เปิดร้านซีดีตรงทางขึ้น BTS ที่มีความสามารถพิเศษใช้เรดาร์หาซีดีบ้างเหรอครับ ผมว่าน่าสนใจดีออก 555
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 07:09:21
จากคุณ : it ซียู - [ 17 เม.ย. 48 07:02:42 ]
ความคิดเห็นที่ 23
เคยอ่านบทสัมภาษณ์ผู้กำกับ (ชื่ออ่านยากคนนั้น) ในไบโอสโคป ยังคิดว่าชีวิตแกมันส์ดี ชัดเจนมาก เช่นบอกว่า สอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะผู้ชาย ชีวิตอยู่ได้เพราะความรัก (หรืออะไรทำนองนี้ ) ชอบจริงๆๆๆๆๆ กรี๊ด ๆๆๆๆ
(เพราะตัวเอง ไม่กล้าหาญอย่างนี้ แหะแหะ )
ตอนอ่านบทสัมภาษณ์นั้น อยากดูหนังเธอมาก แต่ขี้เกียจไปเฮ้าส์ซะงั้น
เห็นด้วยกับ ป.ล. 2 ของคุณ it ซียู ชอบป้าโดฯ มากๆ
จากคุณ : grappa - [ 17 เม.ย. 48 08:35:47 ]
ความคิดเห็นที่ 24
ไปดูเรื่องนี้ด้วยการโปรโมทของพิธีกรในงานหลังจากดู My First Boyfriend ว่าเป็นเรื่องฉาวโฉ่น่าดูมาก 555
ก็เลยไปดูซะ
ดูแล้วก็โอ้... 4คนนี้อะไรจะขนาดนี้ แรงมากๆ
ตอนแรกนึกว่าเป็นสารคดีเกี่ยวกับคนทำเสื้อผ้า
แต่ดูไป กลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ซึ่งผมชอบมาก เพราะชอบเรื่องที่พูดถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนในช่วงเวลาที่ค่อนข้างยาวพอที่จะพิสูจน์ความสัมพันธ์แบบนี้ (ในหนังจะมีเพื่อนบางคนที่เข้ามาแล้วก็แยกตัวไป แต่4คนนี้จะผูกพันกันเหนียวแน่น)
เรื่องนี้ทำออกมาดีทีเดียวเลยครับ ดูสนุก เพลิน ทั้งที่พูดถึงเรื่องคนธรรมดาๆ (สำหรับผมกลุ่มนี้ถือว่าคนธรรมดาๆนะ ถ้าเทียบกับคนรู้จักหลายๆคนในชีวิตผม แต่กลุ่มนี้ค่อนข้างแรงเป็นพิเศษในแง่การพูด การแต่งตัว และการใช้ชีวิต) มีครบทุกรสชาติ
แต่มันกึ่งๆเหมือนจะเป็นหนังเกย์ชอบกล (ได้ดูหนังในงานนี้ 4 เรื่อง เป็นหนังเกย์ซะ 3 นึกว่าเป็นGAY DOC DAY)
เพิ่งรู้ที่นี่แหละ ว่า 4 คนนี้เรียนจุฬา (ในหนังมีแก๊กคนเดียวที่พูดถึงว่าเรียนจุฬามา ดูบุคลิกแล้วยังนึกว่าเรียนคณะศิลปกรรมเลย)
ชอบน้องเติ๊ดเป็นพิเศษครับ น่ารักดี (เอ๊ะ ถ้าเป็นเพื่อนผู้กำกับ จะเรียกว่าน้องได้ป่ะเนี่ย???) ชอบผู้หญิงบุคลิกแบบนี้ หน้าตาก็น่ารักคล้ายๆมินท์ อาทิตยา แอบไปดูตัวจริงที่ร้านมาแล้ว แต่ไม่เจอ
แล้วก็ชอบภาค3 ตอนจะย้ายร้าน มันทำให้เรื่องมีความสมบูรณ์ขึ้นในแง่การติดตามชีวิต แต่สงสัยว่าไอ้คนหน้าเข้มๆแฟนเติ๊ดหรือเปล่า โธ่ๆๆ..
แล้วก้อย่างที่คุณmerveillesxx บอก มีเซอร์ไพรส์หลายอย่าง แก๊กผู้มีaffair เป้นหนุ่มหน้าตี๋สนิท มีแฟนเป็นฝรั่งรูปหล่อ ก้อยกับแฟนยังคบกัน(แต่ช่างมันเหอะคู่นี้ อิอิ) โจ้ก็มีแฟน(ตกลงเป็นแฟนกันเหรอ ดูๆแล้วน่าจะขั้วเดียวกันนะ)
ใครที่ไม่ได้ดูก็เสียใจด้วยนะครับ ได้ยินในงานผู้กำกับบอกว่าจะไม่ฉายทั่วไป ไม่มีการกีอปปี้ ใครมาซื้อก็ไม่ขาย (ถ้าฉายอีกก็คงไม่โปรโมทว่าเป็นเรื่องนี้ เพราะคราวนี้ก็ไม่โปรโมทว่าเป็นหนังเรื่องอะไร แต่แปลก คนมาดูเยอะมาก)
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 16:06:56
จากคุณ : หมาเนย - [ 17 เม.ย. 48 16:02:58 ]
ความคิดเห็นที่ 25
ฝันไปเหอะว่าพี่เรแกจะยอมให้ใครมาถ่ายทำสารคดีชีวิตแกน่ะ ขนาดลูกค้าสนิทๆโคตรซี้ซื้อเทปกันมาตั้งแต่ยี่สิบปีก่อนสมัยพีค็อคครองเมืองมาขอสัมภาษณ์ไปลงหนังสือแกยังไม่ยอมเลย แกหวงโลกส่วนตัวสุดๆ
จากคุณ : ... - [ 17 เม.ย. 48 16:17:05 A:203.113.35.7 X:203.151.140.117 TicketID:004422 ]
ความคิดเห็นที่ 26
-- ป้าโดเรมีนี่แกหาซีดีในร้านด้วยเรดาห์กระแสสำนึกครับ คาดว่าร้านแกเชื่อมกับมิติที่ 4 อาจจะเครือเดียวกับร้านจีฉ่อยก็ได้
-- ชอบการ์ตูนที่แซวป้าโดใน MTV TRAX กัดแรงมาก แต่ฮาดี ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่มั้ย
จากคุณ : merveillesxx - [ 17 เม.ย. 48 18:03:24 ]
ความคิดเห็นที่ 27
ว่าแต่ว่าคุณธัญสกไม่สนใจทำสารคดีเรื่องป้าแก่ๆ ที่เปิดร้านซีดีตรงทางขึ้น BTS ที่มีความสามารถพิเศษใช้เรดาร์หาซีดีบ้างเหรอครับ ผมว่าน่าสนใจดีออก 555
ฮ่าๆๆๆ จริงด้วย น่าสนใจๆ
เคยไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนไปฮัมเพลงให้ป้าฟัง ป้าบอก "นี่หนูร้องเพี้ยนนะ" ว่าแล้วก็หยิบซีดีให้ถูกแผ่นอีกตะหาก เอากะป้าแกสิ
จากคุณ : RUBIS - [ 17 เม.ย. 48 19:06:12 ]
ความคิดเห็นที่ 28
อ้อ วันนั้นเข้าไปในร้านเห็นแกบอกว่าจะต้องย้ายร้านแหละ แต่ยืนยันว่ายังอยู่ในสยามจ้า
จากคุณ : merveillesxx - [ 17 เม.ย. 48 19:44:16 ]
ความคิดเห็นที่ 29
การ์ตูนใน MTV trax มันส์สสสสสสส มาก
กัดเขาไปทั่ว รวมทั้งกัดตัวคนวาดเอง
หนุกมาก เล่มล่าสุด หน้าปกปีเตอร์ คอป ยังไม่เห็น(การ์ตูน) แฮะ
จากคุณ : grappa - [ 17 เม.ย. 48 19:53:50 ]
ความคิดเห็นที่ 30
กรี๊ดดดดดด................
พี่แก๊กพี่ก้อย.................
จากคุณ : สมเมี้ยว - [ 17 เม.ย. 48 21:12:51 ]
ความคิดเห็นที่ 31
อ่านแล้วขำดีจังครับ เรื่องร้านคุณป้าโดเรมี ประทับใจคุณป้าเจ้าของร้าน ร้านนี้เหมือนกันครับ
อ้าว จะย้ายร้านแล้วเหรอครับเนี่ย ต้องเดินหาร้านอีกล่ะสิครับ ^ ^
จากคุณ : Tempting Heart - [ 18 เม.ย. 48 13:03:24 ]
ความคิดเห็นที่ 32
สี่คนนี้ เก่ง และรวมกันอย่าง perfect มากๆ แต่งตัวแรง
แต่จิตใจดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ นิสัยดีทุกคน การแต่งตัวแรงอย่างนั้นไม่ได้หมายความว่า จะเป็นคน วีนๆ หรอก
เป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยเห็นวัยรุ่นขนาดนี้มา
ขอให้ร้านขายดี โกอินเตอร์ไปเลยนะน้อง
จากคุณ : สาวก happy berry - [ 19 เม.ย. 48 16:30:31 A:61.91.254.49 X: TicketID:095404 ]
โดย:
merveillesxx
วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:19:25:10 น.
ใช่ค่ะ การ์ตูนเรื่องนั้นแหละ สไตล์นั้นด้วย
ไม่ได้ชื่อเหมือนกันค่ะ...ชื่อเดียวกันต่างหาก^^
โดย:
ชมทะเล
วันที่: 19 เมษายน 2548 เวลา:19:59:23 น.
นอกเรื่องนิดนะคะ
แล้วถ้าอย่างนั้นเค้าผิดมั้ยคะ
....คือได้แรงบันดาลใจ
มันไม่เกี่ยวกับการเอามาใช้ในชีวิตจริงนี่นา
โห เล่นก็อปทั้งดีไซน์ โลโก้ ชื่อร้านเลย
เป็นเรา เราไม่กล้านะคะเนี่ย -_-''
ปล.บล็อกเราก็มีเรื่องเกี่ยวกับการ์ตูนของ อ.ไอ ค่ะ เพราะว่าชื่นชมมานาน และเป็นแรงบันดาลใจให้เราเหมือนกัน
โดย:
เมื่อไหร่จะมีชื่อที่ใครพอใจ
วันที่: 22 เมษายน 2548 เวลา:1:34:10 น.
เรื่องนี้อ่ะอยากดูมาก ๆ เลย ตั้งแต่ตอนลงใน bioscope แล้ว แต่ก็อดดูอยู่ดี T^T โซ แซดมาก
โดย: Zweet_Daddy IP: 202.176.123.182 วันที่: 23 เมษายน 2548 เวลา:20:50:28 น.
ชอบมากๆ
เราคิดว่าน่าจะได้แนวมาจากไอ นะ แต่กระเดียดไปทาง paradise kiss
อยากให้เค้าเอามาฉายอีกจัง
โดย: โทยะ อากิระ IP: 61.91.81.218 วันที่: 25 เมษายน 2548 เวลา:18:16:25 น.
ชอบมากคะน่ารักเก๋ดูดีมีสตายสวย
โดย: ออมสิน IP: 222.123.29.246 วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:15:27:46 น.
คนขายที่เปนผุชายอ่า มีคนนึง กวนส้นตีนมาก
โดย: ....อยากเหมาตายห่า IP: 125.24.30.254 วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:19:11:46 น.
โอ้ย..เราชอบ Happy berry มากๆๆๆ อย่าเม้นส์ไม่สร้างสรรค์ได้ป่ะ..Happy berry คือดวงใจของเราเลย รักมาก.. รักน้องๆทั้ง 3 คน..และทีมงานร้านทุกๆคน..ทุกวันนี้การซื้อของที่ร้านได้รับความสดวก สบาย ทุกๆอย่าง..ทันสมัย น่ารัก ไม่รู้แหละ Happy berry คือ โล้โก้การแต่งตัวของฉ้นไปแล้ว..เรารักความเป็น Happy berry และจะรัก ตลอดไป..เป็นกำลังใจให้นะค่ะ Happy berry สู้ๆๆ
โดย: yoko IP: 202.149.25.241 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:59:53 น.
ชอบร้านนี้โดยเฉพาะโจ้น่ารักดีนิสัยดีด้วยเก่งวะ
โดย: guy IP: 58.9.216.9 วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:05:37 น.
ไม่ครีเอทเลย ก้อปเอาดื้อๆทั้งชื่อทั้งโลโก้
ขอถามแทนความเห็นบนๆที่ยังไม่ได้คำตอบด้วย
ทำไมถึงก้อปมาอย่างงั้นหละคะ จะตอบโจทย์ข้อนี้ยังไงดี
จะรอคำตอบนะ
โดย: สงสัยมาตั้งแต่สมัยคอซอง IP: 112.143.6.92 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:1:45:15 น.
ปล. ไม่ได้รังเกียดที่จะได้แรงบันดาลใจ แต่รังเกียดที่บอกว่าออกแบบกันเอง
โดย: สงสัยมาตั้งแต่สมัยคอซอง IP: 112.143.6.92 วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:2:01:23 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [
?
]
สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Mint@da{-"-}
grappa
I will see U in the next life.
cottonbook
strawberry machine gun
fonkoon
แพนด้ามหาภัย
renton_renton
DropAtearInMyWineGlass
พรเก้าประการ
แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
วัชเจียเหว่ย
KiSs MoRe
ต้องบอกด้วยเหรอ
แฟนผมตัวดำ
BlueWhiteRed
Evil is Live
ปลาทองแก้มยุ้ย
ฟ้าดิน
ยิ่งยง นั่งยองยอง
BloodyMonday
Webmaster - BlogGang
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
BioScope
House
Apex Siamsquare
วินทร์ เลียววาริณ
สำนักหนังสือไต้ฝุ่น
THAIWRITER.NET
Madeliene du Scudery
มูลนิธิหนังไทย
thaishortfilm.com
เจ้าชายน้อย
โอเพ่นออนไลน์
Riverdale
Nomorebrain
visuallyyours2
Boat@CalArts
ทศพล บุญสินสุข
MurderCase & Mystery
BLACK FOREST
danaya
lolay
nanoguy
THIRD CLASS CITIZEN
Bioscope blog
Fuse blog
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.