http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
Stealth : คน ตัวตน เพศสภาพ และชาติพันธุ์

โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง



ภาพยนตร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์เรื่อง Stealth (2006) หรือชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า Comme des voleurs เป็นหนังที่ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ตลกเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อันที่จริงแล้ว Stealth ไม่ใช่หนังตลกโปกฮาอะไรมากมาย ออกไปหนังดราม่าด้วยซ้ำ แต่หนังมีความน่าสนใจมากในการสำรวจมนุษย์ในหลายแง่มุม

ก่อนจะลงลึกไปถึงหนัง ก็ขอเล่าถึงเจ้าของผลงานเสียก่อน หนังเป็นฝีมือของ ไลโอเนล ไบเยอร์ (Lionel Baier) ผู้กำกับไฟแรงชาวสวิตเซอร์แลนด์ ไบเยอร์สร้างชื่อจากหนังเรื่อง Stupid Boy (2004) ที่เล่าถึงเกย์หนุ่มที่กำลังค้นหาความหมายของชีวิต (ไบเยอร์ไม่ปิดบังว่าตัวเองเป็นเกย์) หรือหนังเรื่องล่าสุดอย่าง Another Man (2008) ว่าด้วยนักวิจารณ์หนุ่มไม่เอาไหนที่ไปตกหลุมรักเพื่อนร่วมงานสาว

นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่าหนังของไบเยอร์มักสำรวจถึงประเด็นร่วมสมัย ด้วยลีลาท่าทางแบบเสียดสีแดกดัน อย่างใน Stupid Boy คือการพูดถึงความสัมพันธ์ของเกย์ในยุคสมัยใหม่ ส่วน Another Man เป็นการล้อเลียนวิกฤตของวัฒนธรรมการวิจารณ์ในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าวิธีการแบบนี้ก็ปรากฏใน Stealth เช่นกัน

Stealth เล่าถึงชายหนุ่มที่ชื่อ ไลโอเนล (ไบเยอร์รับบทนี้เอง) นักเขียนเกย์ที่ประสบความสำเร็จ มีแฟนหนุ่มหล่อหน้าตาดี ชีวิตของไลโอเนลดูจะมีความสุขสมดี จนวันหนึ่งเขาค้นพบว่าตัวเองอาจมีเชื้อสายมาจากชาวโปแลนด์ ไลโอเนลจึงลงมือสืบสอบถึงชาติพันธุ์ของตัวเองด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา

ไลโอเนลเริ่มเสพติดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับโปแลนด์ เขาซื้อหนังสือของนักเขียนชาวโปแลนด์มาอ่าน หัดพูดภาษาโปลิช ย้อมผมตัวเองจากสีทองเป็นดำ หรือกระทั่งให้แฟนหนุ่มช่วยพิจารณาว่าโครงหน้าของเขาดูเหมือนคนโปแลนด์หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวชาวโปแลนด์ชื่ออีวา และรู้ว่าเธอหนีเข้าประเทศมาอย่างผิดกฎหมาย ไลโอเนลก็พาเธอมาอยู่ที่บ้านทันที



เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ความสัมพันธ์ของไลโอเนลกับแฟนหนุ่มเริ่มสั่นคลอน จากนั้นหนังก็พาเราไปรู้จักตัวละครอีกตัว นั่นคือ ลูซี (นาตาชา โคตโชวมอฟ – ดาราสาวคู่บุญของไบเยอร์ เธอเล่นหนังของเขาเกือบทุกเรื่อง) พี่สาวของไลโอเนล ดูเหมือนว่าลูซีจะทำงานกับหน่วยงานที่มีเส้นสายพอสมควร ไลโอเนลจึงขอร้องให้เธอช่วยอีวา แต่ลูซีปฏิเสธอย่างไม่ลังเล พร้อมกับคิดว่าน้องชายของเธอคงเพี้ยนไปแล้ว

ไลโอเนลยังไม่หยุดกับการตามหาต้นตอของตัวเอง เขาไปคาดคั้นถามหาประวัติโคตรเหง้าตระกูลจากพ่อแม่ ซึ่งทั้งสองก็ยอมรับว่ารุ่นปู่ของเขามีเชื้อสายโปแลนด์จริงๆ และไลโอเนลยังทำให้เรื่องราววุ่นวายขึ้นไปเมื่อเขาเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์กับอีวา จนในที่สุดไลโอเนลจึงประกาศว่าแต่งงานกับเธอ ทั้งที่เขาเป็นเกย์มาทั้งชีวิต!

ทั้งหมดที่ว่าเป็นเพียงครึ่งแรกของหนังเรื่องนี้ แต่เราก็สังเกตถึงความคมคายบางอย่างของ Stealth ได้ นั่นคือ การเปรียบเปรยถึงความสับสนในเรื่อง ‘ชาติพันธุ์’ และ ‘เพศสภาพ’ คู่กันไป ผ่านทางตัวละครของไลโอเนล กล่าวคือ นอกจากไลโอเนลจะพยายามเปลี่ยนตัวเองจากชาวสวิตเซอร์แลนด์เป็นโปแลนด์แล้ว เขายังเปลี่ยนเพศสภาพของตัวเองจากเกย์ไปเป็นผู้ชายที่ชอบกับผู้หญิงด้วย

สองประเด็นนี้ทำให้ Stealth น่าสนใจและแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ ปกติแล้วในเรื่องของชาติพันธุ์หนังส่วนใหญ่มักพูดถึงความขัดแย้งที่มีมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็น อิสราเอล-ปาเลสไตน์, เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ หรือ ไทย-พม่า แต่ไม่ค่อยพบหนังที่พูดถึงเรื่องเช่นนี้ในการค้นหาระดับปัจเจก (แต่ก็มีความสากลไปพร้อมกัน) เท่าไรนัก ส่วนในเรื่องของเพศสภาพ ถ้าพูดเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ก็มักจะเป็นการเปลี่ยนจากผู้ชายเป็นเกย์ (หรือการ come out) การเปลี่ยนแปลงทางเพศสภาพของไลโอเนลจึงเป็นการสวนทางกับหนังส่วนใหญ่

Stealth ยังแสดงทัศนคติสมัยใหม่เรื่องเพศสภาพ โดยพ่อแม่ของไลโอเนลนั้นไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ ทั้งสิ้นที่ลูกชายของตนเป็นเกย์ (ภาพยนตร์ไทยเรื่อง A Moment in June หรือ ‘ณ ขณะรัก’ มีตัวละครพ่อในลักษณะนี้เช่นกัน ซึ่งนับเป็น ‘เรื่องใหม่’ สำหรับวงการหนังไทย) แถมพวกเขาไม่ว่าอะไรด้วยซ้ำที่ลูกชายจะเปลี่ยนมาชอบผู้หญิง หรือจะตามล่าหาชาติพันธุ์โปแลนด์ของตัวเอง มีเพียงพี่สาวอย่างลูซีเท่านั้นที่คอยคัดค้านทุกสิ่งที่ไลโอเนลทำ

อย่างไรก็ดี คำถามสำคัญที่ต้องขบคิดคือ ไลโอเนลช่วยเหลืออีวาอย่างจริงใจ หรือแท้จริงแล้วเธอเป็นเพียงหนึ่งใน ‘ความลุ่มหลง’ ที่เขามีต่อโปแลนด์เท่านั้น เพราะในฉากที่ไลโอเนลประกาศจะแต่งงานกับอีวา พี่สาวของเขาก็สุดจะทนและสติแตกในที่สุด ลูซีพยายามคาดคั้นให้ไลโอเนลพูดคำว่ารักต่อหน้าอีวา แต่เขาได้แต่อ้ำอึ้ง และถึงแม้ไลโอเนลจะอ้างความชอบธรรมว่าจะแต่งงานกับอีวาเพื่อช่วยให้เธออยู่ในสวิตเซอร์แลนด์อย่างถูกกฎหมาย แต่มันก็คล้ายกับว่าไลโอเนลต้องการครอบครองเธอในฐานะ ‘วัตถุจากโปแลนด์’



ครึ่งหลังของ Stealth พลิกผันแบบเหนือความคาดเดาเล็กน้อย เมื่อลูซีเข้าไปสงบสติอารมณ์ในรถ ไลโอเนลเข้าไปปลอบเธอ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ลูซีก็ตัดสินใจบึ่งรถออกไปทันที และที่ประสาทแตกเข้าไปอีกก็คือ เธอตัดสินใจขับรถไปโปแลนด์! ราวกับจะประชดน้องของตัวเองว่าไหนๆ ก็อยากรู้นักใช่มั้ยว่ามีโคตรเหง้าอยู่ที่โปแลนด์หรือเปล่า ว่าแล้วจะพาไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาเสียเลย

จากนั้นหนังมีพล็อตเพิ่มขึ้นมาอีกส่วนคือ การสำรวจความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างพี่สาว-น้องชายอย่างลูซีและไลโอเนล หนังบอกกับเรากลายๆ ว่าแม้ลูซีจะมีงานการที่มั่นคง มีสามีที่ดี แต่เธอกลับดูไม่มีความสุขในชีวิต อนุมานได้ไม่ยากว่าที่เธอกระฟัดกระเฟียดใส่น้องชายอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะอิจฉาในวิถีชีวิตอิสระชนิด ‘อยากทำอะไรก็ทำ’ ของไลโอเนลนั่นเอง

เมื่อตัวละครหลักทั้งสองขับรถไปถึงโปแลนด์ บรรยากาศของหนังก็เปลี่ยนไปทันที จากภาพสีสันสวยนวลตาในช่วงแรก กลับกลายเป็นเมืองที่เย็นชา รกร้าง เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบยุโรปตะวันออกและซากปรักหักพังของยุคหลังคอมมิวนิสต์ หนังยังเพิ่มความตึงเครียดไปอีกเมื่อลูซีและไลโอเนลพยายามช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกชายฉกรรจ์ทำร้าย แต่กลายเป็นว่าคนแปลกหน้าทั้งสองหันมาตบตีสองพี่น้องเสียแทน ไลโอเนลพูดกับพี่สาวอย่างหน้าตาเฉยว่า “นี่อาจจะเป็นวัฒนธรรมของพวกเขา” แต่นี่แหละคือการตบหน้าไลโอเนลอย่างจังว่า “เอ็งน่ะไม่รู้จักโปแลนด์เอาเสียเลย”

กระนั้นหนังก็ไม่ได้ให้ภาพโปแลนด์เลวร้ายเกินไปนัก ถัดมาไลโอเนลและลูซีได้พบกับ แสตน (มิคาล รูดนิคกี) นักศึกษาชาวโปแลนด์ที่พูดฝรั่งเศสได้ แสตนพาทั้งสองไปพักที่บ้าน และพาพวกเขาไปรู้จักกับวัฒนธรรมที่แท้จริงของโปแลนด์ ทั้งอาหารการกิน เหล้า หรือกระทั่งผับบาร์สไตล์โปแลนด์

ไลโอเนลหยุดเรื่องการตามหาบรรพบุรุษชาวโปแลนด์ไว้ชั่วคราว พร้อมกับที่หนังกลับมาใส่ใจเรื่องเพศสภาพอีกครั้ง โดยไลโอเนลกับแสตนตกหลุมรักกันและมีเซ็กส์กันในที่สุด ดังนั้นข้อสรุปในเรื่องเพศสภาพจึงได้ความว่าไลโอเนลไม่อาจก้าวข้ามไปสู่การเป็นไบเซ็กชวลได้ สุดท้ายแล้วเขากลับสู่รากเหง้าทางเพศสภาพของตนเองคือความเป็นเกย์เต็มรูปแบบ ในฉากนี้เราจะเห็นไลโอเนล แสตน และลูซี นอนอยู่บนเตียงเดียวกันโดยไม่ขัดเขิน ลูซีดูจะพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่มาก จึงอาจมองได้ว่าการที่เธอพยายามขัดขวางการแต่งงานของไลโอเนลกับสาวชาวโปแลนด์ ก็เพราะเธอรู้ถึง ‘เนื้อแท้’ ของน้องชาย



ถึงตรงนี้เราสามารถสังเกตได้ว่า Stealth มีลักษณะความเป็นโลกาภิวัตน์อยู่สูงทีเดียว ทั้งในแง่ของประเทศ/เชื้อชาติ ดังเช่น ชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่มีเชื้อสายโปแลนด์, คนโปแลนด์ที่หนีเข้าไปในสวิต หรือหนุ่มโปแลนด์ที่ดันพูดฝรั่งเศสได้ และในแง่ของความโลกาภิวัตน์ทางเพศที่เล่าผ่านไลโอเนล ผู้ซึ่งแปรผันไปมาระหว่างการเป็นเกย์, ผู้ชายที่ชอบพอผู้หญิง, ไบเซ็กชวล และการกลับมาเป็นเกย์อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับโลกปัจจุบันอย่างมากที่แนวโน้มของผู้ถือสัญชาติหรือเพศสภาพที่ ‘มากกว่าหนึ่ง’ จะมีมากขึ้น

หนังกลับมาที่เรื่องของชาติพันธุ์อีกครั้ง เมื่อสองพี่น้องตัดสินใจลาจากแสตน และมุ่งหน้าไปค้นหาประวัติที่หอจดหมายเหตุประจำเมือง ความสัมพันธ์ของลูซีและไลโอเนลกำลังดีขึ้นแท้ๆ แต่ก็เกิดเหตุเลวร้ายขึ้น เมื่อรถของทั้งสองถูกขโมยไป (สิ่งที่เสียดเย้ยมากคือ คนที่ขโมยรถไปเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์) ลูซีสติแตกอีกครั้ง เธอถึงกับเอาดินยัดใส่ปากไลโอเนล พร้อมกับตะโกนไปว่า “กินเข้าไปสิ นี่ไงดินของโปแลนด์ อยากเป็นคนโปแลนด์นักไม่ใช่เหรอ”

หลังจากที่ออกผจญภัยมานาน ลูซีก็อยากกลับบ้านแทบขาดใจ เดาได้ว่าเธอเริ่มคิดถึงความปลอดภัยมั่นคงที่เคยอยู่จนเคยชิน (ครอบครัว งาน และคนรัก) แต่ไลโอเนลยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขายังคงมุ่งมั่นในภารกิจของเขาต่อไป จนในที่สุดไลโอเนลจึงขอร้องให้พี่สาวร่วมเดินทางกับเขาต่อ โดยให้สัญญาว่านี่จะเป็นความพยายามครั้งสุดท้าย

ผลออกมาเหนือความคาดหมายทีเดียว เพราะนอกจากลูซีจะตกลงแล้ว เธอยังจัดการเดินเข้าตลาดมืดไปปลอมแปลงเอกสารสำคัญให้ไลโอเนลชนิดเสร็จสรรพ ลูซีบอกว่าเธอเห็นวิธีการพวกนี้จากที่ทำงานจนชินชา นี่อาจเป็นมุกแดกดันอีกมุกหนึ่งของหนัง เพราะดูเหมือนลูซีจะทำงานในหน่วยงานของรัฐ

ทั้งสองกลับเข้าไปที่หอจดหมายเหตุอีกครั้ง และคราวนี้โชคก็เข้าข้างพวกเขา ไลโอเนลได้พบกับญาติของเขาโดยบังเอิญที่นั่น (ทั้งคู่สังเกตกันและกันจากนามสกุลที่มีร่วมกัน) สองพี่น้องไปพักอาศัยที่บ้านของชายผู้นั้น รับฟังเรื่องราวของครอบครัวในฝั่งของโปแลนด์ หยิบกระดาษขึ้นมาวาดแผนผังวงศาคณาญาติ และในที่สุดจิ๊กซอว์ที่เขาต่อกันมานานก็เสร็จสมบูรณ์

จากเรื่องเล่าของญาติ ไลโอเนลได้รับรู้ว่าบรรพบุรุษชาวโปแลนด์ของเขาตายในสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากม้าของเขาถูกระเบิดของพวกนาซีและพลัดตกน้ำไป โชคร้ายที่ขาของเขาติดพันกับบังเหียนม้า ชายผู้นั้นจึงพลอยจมน้ำตายไปด้วย (ภาพม้าจมน้ำเป็นฉากเปิดของหนัง และปรากฏขึ้นมาเป็นระยะ) เรื่องเล่าชุดนี้มีความน่าสนใจเพราะมันซ้อนการเสียดสีไว้ถึงสองชั้นด้วยกัน กล่าวคือ หนึ่ง-ความตายของบรรพบุรุษไม่ใช่การตายแบบวีรบุรุษเอาเสียเลย และสอง-มันเป็นการหลอกด่านาซีและความเลวร้ายของสงครามอย่างแนบเนียน เพราะด้วยสงครามนี่เองที่ทำให้ตระกูลของไลโอเนลส่วนหนึ่งต้องหนีไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ และทำให้เขาต้องพลัดพรากจากญาติอีกฝั่งหนึ่ง



การคลี่คลายในประเด็นของชาติพันธุ์ ทำให้หนังมีความน่าสนใจในเชิงอุดมการณ์ (ideology) ที่เหมือนจะขัดแย้งกันในตัว โดยในขณะที่ประเด็นเพศสภาพในหนังมีความเป็น ‘ซ้าย’ หรือเสรีนิยมสุดขั้ว แต่ลักษณะของการยึดติดในชาติพันธุ์ของตัวเองกลับเอนเอียงไปทางแนวคิดแบบ ‘ขวา’ หรืออนุรักษ์นิยม

อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจบอกว่าการกระทำของไลโอเนลเป็นขวาอย่างเต็มปาก เพราะเขาหลงใหลในชาติพันธุ์ดั้งเดิมของตัวเองด้วยมุมมองแบบตื่นตาตื่นใจ (exotic) มิใช่ความภูมิใจใน ‘ชาติ’ ที่หล่อหลอมอุดมการณ์สำเร็จรูปมาแล้ว หรือพูดอีกแบบหนึ่งคือ ถึงไลโอเนลจะรู้ว่าตัวเองมีเชื้อโปแลนด์อย่างแท้จริง แต่เขาก็อาจไม่ใด้ภูมิใจในสิ่งนั้นแม้แต่นิดเดียว หากแต่เป็นการเอาชนะความสงสัยใคร่รู้ของตัวเอง

หนังยังดูเหมือนจะเชิดชูแนวคิดแบบเก่าอีกรูปแบบหนึ่งคือเรื่องของ ‘คุณค่าของความเป็นครอบครัว’ (Family Value) โดยเฉพาะในฉากที่ไลโอเนล ลูซี และญาติช่วยกันต่อเติมแผนผังต้นไม้ของครอบครัว ที่หนังถ่ายทอดออกมาราวกับพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์

แต่ความคิดที่ว่าก็ถูกค้านในฉากสุดท้าย หนังเกิดการหักมุมอีกครั้ง เมื่อไลโอเนลตัดสินใจกลับไปยังสวิตเซอร์แลนด์ แต่ลูซีกลับเลือกที่จะอยู่โปแลนด์ต่อ ทั้งที่อุตส่าห์ตามหาครอบครัวที่โปแลนด์จนเจอ แต่ท้ายสุดแล้วไลโอเนลก็เลือกจะลาจากพวกเขา และกลับไปสู่โลกเดิมของตนเองอีกครั้ง มีความเป็นไปได้ว่าไลโอเนลจะไม่ได้กลับไปเพื่อพ่อแม่ของเขา เพราะตลอดทั้งเรื่องเราเห็นว่าเขาอยู่กับแฟนหนุ่มตลอดเวลา ไลโอเนลเป็นลูกประเภทที่จะกลับไปหาพ่อแม่เฉพาะวันคริสต์มาสเท่านั้น (ซึ่งนี่ก็คือลักษณะของครอบครัวมสมัยใหม่)

หนังยังซ้อนเรื่องการค้านคุณค่าทางครอบครัวผ่านตัวละครของลูซี ในฉากที่เธอบอกกับน้องชายว่ากำลังตั้งท้องด้วยน้ำเสียงประหวั่นพรั่นพรึง นั่นคือ ลูซีไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับการใช้กำเนิดชีวิตนัก นอกจากจะไม่กลับไปหาครอบครัวที่สวิตเซอร์แลนด์แล้ว ลูซียังปฏิเสธการสร้างครอบครัวกับสามีด้วย (หนังบอกเป็นนัยกับเราว่าเธออาจไม่ได้รักเขาเลย) ส่วนการเลือกอยู่กับญาติที่โปแลนด์นั้นก็นำมาซึ่งคำถามสำคัญว่าเธอมองพวกเขาในฐานะครอบครัว ที่พักพิงใจ หรือจุดเริ่มต้นแห่งใหม่กันแน่

นอกจากจะนำเสนอเรื่องของความสับสนเป็นหลักแล้ว Stealth ยังมีความสับสนของแนวคิดและอุดมการณ์อยู่ในตัวของมันเอง พร้อมกับการทิ้งท้ายคำถามไว้มากมาย เหล่านี้เองที่เป็นเสน่ห์สำคัญของหนังเรื่องนี้ เพราะนี่คือหนังที่เหมาะสมกับยุคสมัยแห่งความวุ่นวายอย่างปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง

และยุคสมัยประเภทนี้เอง ที่เราต้องการหนังที่ตั้งคำถามกับเรา ถึงแม้ว่าเราอาจจะตอบมันไม่ได้ทันที หรือไม่มีวันตอบมันได้ก็ตาม





ตีพิมพ์ครั้งแรก: คอลัมน์ Reel World/Real World นิตยสาร "ละครยามเช้า" ฉบับที่ 1 สิงหาคม-กันยายน 2552 (เป็นนิตยสารเกี่ยวกับละครเวทีแจกฟรี หากสนใจรับนิตยสาร อีเมลติดต่อไปได้ที่ yamchao_editor@hotmail.com)




Create Date : 01 ธันวาคม 2552
Last Update : 1 ธันวาคม 2552 2:54:49 น. 15 comments
Counter : 2956 Pageviews.

 

อัพเดทชีวิต (ใครจะไปอยากรู้??)

- ช่วงนี้เวลาส่วนใหญ่หมดกับการสอนหนังสือ (เทอมนี้ จขบ. เป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชาภาพยนตร์เบื้องต้น ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง)

- การสอนหนังสือทำให้เหนื่อย ปลง และเซ็กซ์เสื่อม

- แต่ก็มีเรื่องดีๆ อยู่เรื่อยๆ สมมติว่าสอนเด็ก 90 คน มีเด็กตั้งใจเรียนสัก 5 คน เราก็ปลื้มแล้ว (คือไม่ควรคาดหวังอะไรมาก)

- ยังมีงานเขียนที่นู่นที่นี่อยู่เรื่อยๆ หากเขายังจ้าง และหนังสือเขายังไม่เจ๊ง

- THIRD CLASS CITIZEN ก็ยังทำอยู่ ยังไม่ได้แยกวงกัน 555

- ดูหนังน้อยลง อ่านหนังสือน้อยมาก ฟังเพลงเยอะขึ้น และเล่น facebook เยอะโคตร (กรรม)

- 2-3-4 ธันวา ไปเที่ยวเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ นะจ๊ะ



โดย: merveillesxx วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:3:06:09 น.  

 
^
^
พี่ว่าไอ้อาการเซ็กส์เสื่อมนี่น้องต่อเป็นอยู่เรื่อยๆนะ หากยังละเลยไม่รีบรักษาอาจจะกลายเป็นกามตายด้านถาวรได้

ว่าแต่สัดส่วนของเด็กที่ตั้งใจเรียนมันน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ? โอ วิชาภาพยนต์นะเนี่ย... มันน่าจะสนุกไม่ใช่เรอะ

ส่วนเรื่องหนัง ยังคงเขียนได้ดี และวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งเหมือนเคย (มองในมุมของคนที่ไม่ได้ดู ยังรู้สึกว่าเพลิดเพลินและน่าสนใจ) แต่เท่าที่อ่าน เหมือนหลังๆบทของอีวามันจะหายไปเลยนะ


โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:12:56:53 น.  

 
วิชาภาพยนตร์เบื้ยงต้น ^ ^"

ฟังดูน่าสนุกชะม๊า มันสนุกจริงๆครับคุณเอ่อ.."แฟนผมฯ"

มีดูหนงดูหนัง แต่ว่ามันทำให้ผมรู้ศึกตัวว่า ผมมองหนังยังไม่ขาด

ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่เด็กบางคนไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์กำลังสอน มากกว่าครับ ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเรียนรู้ตรงจุดไหนอยู่ เลยไม่ตั้งใจ

อีกผลนึง อาจารย์สอนชิวมาก อิอิ เด็กเลยคงจะได้ใจ คุยเล่นกันใหญ่เลย เหอๆ

ผมไม่เคยเห็นกลุ่มอื่นๆเรียนนะ แต่ดีจากบางอย่างเลยเดาได้ว่าเป็นเด็กจาก สาขา วิทยุและโทรทัศน์ พอจะนึกภาพออกว่าการเรียนเค้าน่าจะต่างจากเรามากพอควร

เพราะส่วนตัวผมรู้สึกเหมือนกำลังเรียน เรื่องของสาขาตัวเอง เลยตั้งใจเป็นพิเศษ

แต่ยอมรับว่าบางทีมองหนังไม่ขาดแล้ว งึ๊ดตัวเองจัง
(มันแปลว่าอะไร?)

ผมชอบที่จารย์ต่อสอนมากนะครับ (อิ!ชม) เสียอย่างเดียวใครเป็นคนจัดเวลาเรียนกันนะ (เช้าจัง)
-*** ผมว่าผมตื่นเช้าแล้วนะยังมาสายเลย แล้วอาจารย์ล่ะ (*0* ขยันจัง

เรื่องการวิเคราะห์หนังของจารย์ (เห็นด้วยครับ ลึกซึ้งขั้นเทพ)ผมเพิ่งเคยอ่านเป็นครั้งแรก รู้สึกได้ว่า ถ้าเราดูเองก็มองได้ไม่หมดอ่ะ ผมไม่รู้อาจารย์ดูรอบเดียวหรือกี่รอบ แต่สำหรับผมนะ ถ้าวันนี้ไม่ได้อ่าน แล้วไปดูเองยอมรับว่าถึงดู 3 รอบก็มองไม่เห็น

(T_T เศร้าจัง

ปล.เรียกจารย์ว่าน้องด้วย(ตกใจเล็กน้อย) *0* อายุเยอะแน่เลย อ๊าาาา



โดย: 081FdDpuG02_Tueday IP: 125.25.38.108 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:22:38:12 น.  

 
อาจารย์ผมมีหนังหลายเรื่องที่ดูแล้วเกิดสังสย บางทีไม่เข้าใจว่า เอ๊ะยังไง อยากให้จารย์ลองวิเคราะห์ให้ฟังหน่อย เอาคร่าวๆก็พองับ ไม่รู้จารย์เคยวิจารย์ไว้มั้ย?

เรื่อง TEETH กลีบเขมือบ

อ่ะครับ

มีบางอย่างมันนิดหน่อยนิดหน่อย แปลกๆ


โดย: 081FdDpuG02_Tueday IP: 125.25.38.108 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:22:59:42 น.  

 
มีอีกหลายเรื่องเลยครับ นึกไม่ออก __ __"

ถ้ามีเวลาจะพยายามมาไล่อ่านบทความจารย์ครับ

ดีจัง?


โดย: 081FdDpuG02_Tueday IP: 125.25.38.108 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:23:02:04 น.  

 
การมีลูกศิษย์มาคอมเม้นท์ในบล็อคถือเป็นการก้าวผ่าน ใช่ป่าวครับพี่ต่อ


Coming Of Age กันสุดๆ อิอิ

สู้ๆึีครับพี่ เขียนได้สนุกเหมือนเ้ดิม น่าหามาดูอีกแล้ว


โดย: NiGht pRincE IP: 58.64.68.75 วันที่: 1 ธันวาคม 2552 เวลา:23:46:53 น.  

 
ตอบ แฟนผมฯ

ฮ่าๆ ขอบคุณที่เป็นห่วงสุขภาพทางเพศของผมครับ

"ว่าแต่สัดส่วนของเด็กที่ตั้งใจเรียนมันน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ?" << ตอนแรกอ่านเป็น "สัดส่วนของเด็กมันน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ" ก็แอบตกใจ 555 คือ เด็ก 40 คน จะตั้งใจเรียนสัก 5-10 คน นี่มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว สมัยผมเรียนก็เป็นแบบนี้แหละ ตัวผมเองก็เคยไม่ตั้งใจเรียนมาก่อน อีกอย่างคือ วิชานี้มันเป็นวิชาที่มหาลัยบังคับให้เด็กคณะนิเทศเรียนน่ะครับ บางคนอาจจะไม่ได้อยากเรียนตัวนี้ก็ได้ ผมก็พอเข้าใจ

ส่วนเรื่อง Stealth ตัวละครอีวานี่จะหายไปจริงๆ เลยครับ ตั้งแต่ตอนที่สองพี่น้องขับรถไปโปแลนด์ ตัวละครที่อยู่ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ (อีวา, คู่ขาพระเอก, ผัวนางเอก, พ่อแม่) จะไม่ถูกกล่าวถึงอีกเลย ซึ่งนี่ก็เป็นโครงสร้างที่สวยงามอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้



ตอบ 081FdDpuG02_Tueday

ขอบคุณมากสำหรับคำตอบทั้งหมด อาจารย์อ่านแล้วมีกำลังใจในชีวิตขึ้นมาก 555

เรื่องการ "มองหนัง" มันก็ต้องฝึกไปเรื่อยๆ อ่ะนะ อย่างที่ อจ. บอกอ่ะ ดูหนังเยอะๆๆๆ จริงๆ คือ ต้องเยอะทุกอย่าง ดูหนัง ดุละครเวที ดูงานศิลปะ ฟังเพลง อ่านหนังสือ (อันหลังนี่สำคัญมาก) ฯลฯ นศ. เพิ่งอยู่ปี 1 ปี 2 กันยังมีเวลาอีกประมาณนึง สมัย อจ. อยู่ปี 1 ก็ง้องแง้งๆ ไม่ต่างจาก นศ. เท่าไรหรอก

ส่วนเรื่องสอนชิวนี่ก็แบบว่าขี้เกียจดุอ่ะ คือเวลาดุมันก็จะทำให้ อจ. เสียสุขภาพจิตไปด้วย บรรยากาศในห้องมันก็เสีย แต่ก็มีเหมือนกันที่ อจ. ทนไม่ไหว และดุไปบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบางอย่างมันก็เป็นความผิดของ อจ. ด้วยแหละ เช่น บางทีหนังที่เอามาสอนอาจดูยากเกินไป น่าเบื่อเกินไป เด็กก็เลยทนไม่ไหว แล้วก็เรื่องที่ อจ. พูดเร็วด้วย อันนี้กำลังพยายามแก้ไขอย่างมาก T_T

เรื่อง TEETH นี่ อจ. ยังไม่ได้ดูเลยครับ แต่มีเพื่อน อจ. ชื่อคุณ Filmsick เขียนวิจารณ์ไว้ ลองเข้าไปอ่านดูได้ที่นี่ครับ //filmsick.exteen.com/20080604/teeth-mitchell-lichenstein-2007



ตอบ NiGht pRincE

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน และติดตามกันอยู่เสมอจ้ะ ช่วงนี้ไม่ได้คุยกันเลยเนาะ (พี่ไม่ค่อยออน MSN แล้วน่ะ)


โดย: merveillesxx วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:6:52:36 น.  

 
้เราวิเคราะห์หนังไ่ม่ค่อยเป็นแล้วเหมือนกัน


โดย: พี่ดอง IP: 58.9.169.52 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:7:35:15 น.  

 
ตอนแรกที่ได้ยินว่าเขียนเรื่องนี้ยังงงแทนเลย คือหนังมันฉายไปนานมากกกกกแล้ว ไม่ทราบว่าระลึกความทรงจำยังไงครับ 55+ (ตอนนี้นั่งเขียน Vinyan อยู่ เหนื่อยโฮก)


โดย: nanoguy IP: 125.24.137.182 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:14:17:09 น.  

 
เลิศมากบทความนี้ พี่แทบจะลืมไปหมดแล้ว
เป็นหนังที่น่าจะดีที่สุดมั้งเท่าที่ได้ดูจากเทศกาลหนังตลกเนี่ย


โดย: เอกเช้า IP: 124.122.80.171 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:22:54:46 น.  

 
ก๊าก...เจอคนติดเฟสบุ๊คอีกคนนึงแล้ว

เชื่อชวนให้เข้ามาจัดสุดยอดเพลงแห่ง ทศวรรษที่ 20 กัน
(โฆษณาบล็อก)


โดย: ShadowServant วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:5:46:25 น.  

 
จำได้ละเอียดละออซ้า...

หนังถ้าดูนานมาแล้ว จะให้เขียนรีวิวมักจะเบลอๆ...

อืม..แสดงว่า นศ.มีส่วนทำให้เซ็กซ์เสื่อม 555 (แต่เขาบอกว่าวิธีแก้ไม่ยาก แค่ Practice บ่อยๆ มันจะเวิร์คเอง อุๆ)

เคยไปสอนหนนึง ขนาดว่าเด็กนิเทศจุฬาออกจะเอาใจใส่พอสมควร แล้วคลาสก็ประสบความสำเร็จใช้ได้ ยังเครียดเรย ไม่นึกอยากไปสอนอีก (ไม่ใช่เพราะกัวเซ็กซ์เสื่อมนา) คงไม่ได้เกิดมาเป็นครูมั้ง


โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:19:10:30 น.  

 
ตอบ Nanoguy

จริงๆ อันนี้พี่เขียนไว้นานแล้วอ่ะ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. / ก.ค. กระมัง แต่หนังสือมันเพิ่งออก ส่วน Vinyan พี่ดูไม่ทัน


โดย: merveillesxx วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:12:19:55 น.  

 
มาอ่านหนังแทนการดู โฮะๆ ชอบๆ

(ไม่ได้ชอบหนังนะ แต่ชอบอ่านที่คนอื่นไปดูมา)

"ดูหนังน้อยลง อ่านหนังสือน้อยมาก ฟังเพลงเยอะขึ้น และเล่น facebook เยอะโคตร (กรรม)"

คล้ายๆกันเลยจ้ะ ตอนนี้ติดเกมใน facebook มากๆ เหอ เหอ



โดย: cottonbook วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:22:13:08 น.  

 
(ตอบที่ไปถามในบล็อก)

ไม่กระจ่างว่ะพี่ เพราะพอมันลอยๆออกมา ล้างลงไปเสร็จ ก็ได้เวลากลับเข้าเมืองเตรียมขึ้นรถทัวร์กรุงเทพละ


โดย: nanoguy IP: 118.173.102.21 วันที่: 7 ธันวาคม 2552 เวลา:20:15:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.