http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
13th Short Film Festival Marathon (Week 1)

by merveillesxx




โปรแกรมหนังสั้นมาราธอน
7 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2552
ณ ห้องประชุม ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร




7 July 2009

(Remark: My grade doesn't mean how good the film is but it just indicates my own preference)


เวลา 15.00 โปรแกรมที่ 3


1. 403/ภาวิส เสาร์ศรีอ่อน/18.00 (B+)

คิด เหมือนพี่ MdS คือ ดูหนังเรื่องนี้แล้วนึกถึงหนังของ พี่วีระศักดิ์ สุยะลา ในแง่การตัดต่อที่ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรกันอีกแล้ว แต่ก็ดูเพลินมากๆ ดูน้องๆ เขาตั้งใจทำกันดี ก็อยากให้ทำหนังต่อไปจ้ะ



2. 76795/กฤษฎา ทิพย์ชัยเมธา/20.00 (B+)

หนัง เรื่องนี้อาจมองได้ว่า "เล่ามาทั้งเรื่องเพื่อบอกกูแค่นี้นะ" แต่ก้รู้สึกว่ากล้าดีที่นำเสนอในรูปแบบนี้ แล้วก็แสดงถึงวิถีชีวิตอะไรได้หลายๆ อย่าง



3. 9>>>11/ชาลี จันผกา / ปริญญา เกตุศรี/36.00 (B)

- เป็นหนังที่สับสนซับซ้อนเสียจริงๆ เพราะคุยกับแต่ละคน ก็จะเข้าใจไม่เหมือนกัน ซึ่งก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นความตั้งใจของหนัง หรือการเล่าเรื่องที่งงเกินไป

- คิดว่าหนังสามารถสั้นเหลือ 15 นาทีได้

- มีความรู้สึกระวังระไวลึกๆ ต่อการปฏิบัตอต่อคนตาบอดในหนังเรื่องนี้ (อาจคิดมากไปเอง)





เวลา 19.00 โปรแกรมที่ 5


1. Bedroom/ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ/8.00 (B+)

ดู เพลินๆ ดี (เป็นเรื่องตลกที่เพลงในอัลบั้ม Love Me Love My Life ของ moderndog มักถูกมาประกอบหนังทดลองเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยก็ดีที่ไม่ใช่ Happiness is อีกต่อไปแล้ว)



2. Believe/สิทธิศักดิ์ แก้วเจริญรุ่งเรือง/9.00 (-)

งดแสดงความเห็น เพราะมัวแต่ส่ง SMS หาเพื่อน เลยดูไม่รู้เรื่อง



3. Bikeway/ศุภกิติ์ เสกสุวรรณ/4.00 (B+)

ดู มีเสน่หืของหนังทดลองดี แต่รู้สึกว่าสั้นไปหน่อย และสารในหนังยังไม่แรงพอ (แต่สังเกตว่าหนังของน้องเฟิร์สก็มักจะมาแนว เบาๆ บางๆ แบบนี้ - มั้ง)



4. black diary/กฤษณะ กิ่งแก้ว/20.00 (B-)

- ใช้เพลงเยอะเกินไป (จนน่ารำคาญ)

- น้อง ญ ตั้งใจเล่นมากๆ (ขอโทษที่ขำ)

- ตอนจบดราม๊า ดราม่า



5. Censorshit Part III : Father and Son/ณัฏฐา หอมทรัพย์, ธัญ เปลวเทียนยิ่งทวี/14.00 (A+)

ดูเป็นรอบที่สามแล้ว แต่ก็ยังขำมากๆ



6. Cerebrum Recut/อัลวา ริตศิลา/30.00 (A-)

รู้สึกว่าเวอร์ชันปีที่แล้วสนุกกว่า (แต่ก็จำไม่ได้จริงๆ ว่ามันต่างกันตรงไหนบ้าง)



7. connect/ฐิติมา ชาลีกุล/11.00 (B)

เคยดูไปแล้วในงาน ลองดี 2


Video for 7 July : //killpid.multiply.com/video/item/30/30





8 July 2009


เวลา 13.00 โปรแกรมที่ 7

1. Gone/ปริญญา พรสุขสวัสดิ์/30.00 (B)

- นี่เป็นหนังในแนวที่เน้นเรื่อง sentimental ซึ่งจริงๆ การที่ทำให้คนดูรู้สึกไปกับมัน อาจต้องใช้การประดิดประดอยทางภาพมากกว่านี้ (Wonderland ของ ไมเคิล วินเทอร์บอตทอม เป็นตัวอย่างที่ดี) การใช้ภาพดิบๆ กระชากซูมเข้าออกแบบนี้ ทำให้ไม่รู้สึกไปอะไรกับมันนัก

- อนึ่ง เนื่องจากเข้าสายไปประมาณ 5-10 นาที เลยไม่ค่อยแน่ใจนักว่า เหตุจูงใจในการ 'เดิน' ของพระเอกคืออะไร



2. GRAY/พณิช จิระวัฒนานันท์/25.00 (B-)

- หนังเรื่องนี้มีปัญหาเหมือนที่หนังสั้นหลายๆ เรื่องมีในรอบปีสองปีนี้ คือการเอานางเอกสวยๆ มาเล่นในหนัง แต่ไม่ได้ช่วยส่งเสริมอะไรในหนังนัก อย่างเช่นในหนังเรื่องนี้ฉากบนดาดฟ้าระหว่างนางเอก (สวย) กับพระเอก (ไม่หล่อ) นอกจากทั้งคู่จะไม่มีเคมีอะไรกันทั้งสิ้นแล้ว ฝ่ายหญิงเองดูจะไม่สื่อความรู้สึกในฐานะเพื่อนมนุษย์ใดๆ ทั้งสิ้นเลย มันดูเห้นได้ชัดว่านี่คือการพยายามแสดง มันเหมือนมีกำแพงมากั้นระหว่างคนสองคนนี้ (บางทีเราก็อยากจะเห็นเรื่องราวของมนุษย์จริงๆ มากกว่านักแสดงสวยๆ หล่อๆ นะ)

- มุขน้ำเปล่า้ น้ำใส อะไรของนางเอกก็เก๋ดี ...แต่มันก็มิได้นำพา

- การหักมุมช่วงท้ายๆ ทำให้หนังยืดยาวเกินไป และก็ไม่เห็นเข้าใจว่าทำไมชายแก่จะต้องปกป้องพระเอกขนาดนั้น (ชวนให้คิดไปทางโฮโมอีโรติกเสียอีก)

- หนังใช้ซา่วด์แทร็กของ The Fountain เกือบทั้งหมด ซึ่งเรารู้สึกว่าเพลงใน The Fountain มันมีลักษณะทาง spiritual มากๆ ไม่เข้าค่อยกับการประกอบหนังแอ็คชั่นเสียเท่าไร (ยกเว้น เพลงเปียโน ตอนสุดท้าย นี่ใช้ในของตอนจบของหนังเรื่องไหนก็คงเพราะทั้งนั้น เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในตอนจบจริงๆ)




3. Grow/อรวรรณ ดิษฐ์เจริญ,ณัฏฐา แย้มบุปผา,กมลวรรณ ชุ่มอิ่ม/6.00 (B)

- นี่ก็มีปัญหาเรื่องซาวด์แทร็กเหมือนกัน รู้สึกว่าหนังจะใช้เพลงของ 28 Weeks Later ซึ่งมีความรุนแรงมาก แต่โทนของหนังออกมาชิวเหลือเกิน

- การขึ้นคำว่า Global Warming ในตอนท้ายยิ่งทำให้ชอบน้อยลงไป



4. Guilty Pleasure/ชาคร ไชยปรีชา/6.00 (-)

งดแสดงความคิดเห็น เนื่องจากเป็นหนังในโครงการ Once Upon A Time in Bangkok ที่ตัวเองมีส่วนร่วม



5. Hard Candy/ปัญจพล ทรงวิศวะ/15.00 (B)

- ชอบบุคลิกของนางเอกในช่วงแรกมากๆ เธอดูไร้ความบันยะบันยังดี

- จริงๆ ชอบพล็อตของช่วงหลังเหมือนกัน ที่เป็นการเปิดเผยถึงด้านมืดของนางเอก แต่รู้สึกว่าหนังขับเน้นตรงนี้ไม่โดนใจเรามากพอ บรรยากาศในตอนท้ายมันดูโมโนโทนไปหน่อย หากนางเอกสามารถแผ่ 'รัศมีอาฆาต' หรือ 'รังสีอำมหิต' ได้รุนแรงกว่านี้ เราคงชอบหนังมากๆ





เวลา 15.00 โปรแกรมที่ 8

1. Happy swamp/วรวุฒิ หลักชัย/10.00 (B)

- โดยส่วนตัวเบื่อหนังแบบนี้แล้ว แต่ก็เข้าใจว่าผู้กำกับมีความตั้งใจที่ดี ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องน่าชื่นชม



2. HELLO/ไพรชยนต์ ปันดา/18.00 (B+)

- หนังน่ารักดี รู้สึกเชื่อในเคมีของพระเอก และนางเอก

- เข้าใจว่าผู้กำกับตั้งใจไม่ขึ้นซับไตเติ้ลตอนที่นางเอกพูด/บรรยายความในใจ เป็นญี่ปุ่น แต่ช่วงท้ายของหนังก็ดูมีความส่วนตัวของนางเอกเกินไป จนกันคนดูออกจากหนัง ทั้งที่มันสามารถเพิ่มความเ้ข้มข้นทางอารมณ์ คือในแง่หนึ่งก็ชอบที่หนังไม่จบอย่างฟูมฟาย (ex. พระเอกนางเอกกอดร่ำล่ากัน บลาๆๆๆ) แต่ก็เสียดายว่าน่าสร้างอารมณ์อะไรได้มากกว่านี้



3. Hidden/สัภยา วาตานาเบ้/32.00 (B+)

- ชอบน้องสก๊อย 4 คนในหนังมาก (ขอโทษที่เรียกว่าสก๊อย แต่นี่คือคำชมจริงๆ ครับ) ผู้กำกับ cast มาได้เหมาะกับบทจริงๆ คือทำให้เราเชื่อว่าคนเหล่านี้แหละที่จะหลงไปเล่นแคมฟร็อกได้ 555

- แม้หนังจะมีอะไรขาดๆ เกินๆ บ้าง เช่น เรื่องการตัดต่อ หรือการใส่เสียงประกอบ แต่เราก็ค่อนข้างชอบมากทีเดียว สิ่งที่เราชอบคือ หนังไม่ได้จบแค่การเป็นหนังฆาตกรรม/ฆาตกรทั่วไป เราชอบพล็อตที่ตัวร้ายเฉลยกับนางเอกว่าเพื่อนๆ ของเธอชั่วร้ายกันขนาดไหน คือเราเดาว่าผู้กำกับคง metaphor ในฆาตกรเป็นเหมือนพระเจ้า (หรือซาตาน?) ที่ผู้อยู่เบื้องบนคอยเฝ้ามองความชั่วร้ายของมนุษย์ ถึงแม้การนำมาสู่ฉากนี้จะดูล่องลอย ไม่น่าเชื่อถือ และไม่หนักแน่้นพอ การขับเน้นว่ามนุษย์ทุกคนนั้นชั่วร้ายเป็นสิ่งที่โดนใจเรา



4. Home Alone/วีรากร ภู่วัฒนะนันทกุล/5.00 (B)

- ตลกดี ถือเป็นหนังคลายเครียดในโปรแกรมนี้



5. house/ไท ประดิษฐเกษร/9.00 (C+)

- ไม่ชอบการ voice over ในหนังอย่างรุนแรง (จะมาบอกทำม้ายยย???)

- จริงๆ หนังเรื่องนี้สามารถแก้ไขง่ายๆ ด้วยการตั้งชื่อว่า House/Home หรืออะไรก็ว่าไป โดยที่ไม่ต้องมายัดเยียดคนดูอย่างมหาศาลด้วยเสียงบรรยายตอนจบ (ซึ่งธีมของหนังก็เป็นประเด็นที่ใครต่อใครพูดมาแล้วเป็นร้อยรอบเสียด้วย)



6. house of feel/วีระ รักบ้านเกิด/8.00 (B)

- ดูเป็นหนังเพาเวอร์พอยท์ไปหน่อย อาจจะช่วยได้โดยการพิถีพิถันกับการเลือกฟอนท์ที่ใช้

- เนื่องจากนี่เป็นหนังที่ส่งเสริม family value เราเลยอาจไม่อินอะไรกับมันนัก



7. Homecoming/สุชาติ แสงชู, ภากร ปุริโสตะโย/23.00 (B+)

- ประโยคประจำวัน 1 : "ลุงคนนั้นคือพ่อของฉันเอง!!!!"

- เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่น่าเสียดาย คือหนังสามารถทำให้ตัวเองเป็นหนังดราม่าเครียดๆ ที่ว่าด้วย 'ความรู้สึกผิดในวัยเยาว์ที่ตามหลอกหลอน' หรืออะไรเทือกนั้นได้อย่างไม่ยากนัก แต่การหักมุมตอนท้ายก็ได้ทำลายทุกอย่างของหนังลงไปจริงๆ

- น้องนางเอกเล่นไม่ค่อยดีเท่าไร ฉากที่เธอระเบิดอารมณ์ออกมา "ลุงไม่ได้ทำอะไรฉัน / พวกแกมองฉันเป็นตัวประหลาด / บลาๆๆๆ" เลยไร้พลังโดยสิ้นเชิง

- แต่ก็ชื่นชมผู้กำกับที่ทำหนังถึงสองช่วงเวลา (วันเด็ก / วัยโต) ซึ่งก็ต้องแคสต์นักแสดงถึง 8 คน ท่าทางจะเหนื่อยเอาการ




เวลา 17.00 โปรแกรมที่ 9

1. I Open at the Close/ศุภกิติ์ เสกสุวรรณ/12.00 (B+)

- ตอนดูจบใหม่ๆ ไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่พอมานั่งนึกๆ ดูแล้ว มันก็ดูมีเสน่ห์ของมันดี

- สิ่งที่ชอบ

1) การตัดสลับภาพบางอย่าง เช่น ต้นไม้ในงานจุฬาวิชาการ กับ ต้นไม้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ไม่แน่ใจนักหรอกว่าหมายถึงอะไร แต่มันก็ดูสอดคล้องกันดี

2) การที่หนังดำเนินไปเรื่อยๆ แล้ววนกับจุดเริ่มต้นใหม่

3) ชื่อหนังที่ต้องการตีความกันไปอีกนาน 5555

- ข้อเสนอแนะ: อยากให้น้องเฟิร์สช่วยเลือกฟอนท์เท่ๆ ในหนังน้องหน่อยครับ คือฟอนท์หนังน้องมันเชยไปหน่อยมั้ยอ่ะ



2. I’d Like to Say I Love You in This Song/กิตติศักดิ์ ทวีกิจภิญโญ/15.00 (B+)

- ชอบการพากย์เสียงในหนังเรื่องนี้มาก หนังก็น่ารักดี ดูเพลินๆ



3. ID 89 ยอดชายนายเฉิ่ม/นรชาย กัจฉปานนท์/13.00 (B-)

- เฉยๆ กับมุกตลกในหนัง เหมือนกับเห็นหนังแนวนี้มาเยอะแล้ว

- รับไม่ได้กับยัยเอโกะตอนท้าย



4. IF/สุขุม เรืองเดช/10.00 (B+)

- ชอบที่หนังเรื่องนี้มันพูดถึงความเลวของมนุษย์แบบสุดทาง (แม้คนดุจะขำก็ตาม เช่น)

1) คนข่มขืนกันกลางถนน!

2) พระเอกไปถ่ายคลิป โดยไม่คิดจะช่วย!!

3) การเล่นกับคำว่า IF โดยพระเอกไม่ได้คิดประมาณว่า "ถ้าเราเข้าไปช่วย..." แค่กลับเป็นว่า "ถ้าผมไม่รู้จักคุณ เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น" ซึ่งมันดูตลกมากๆ แต่มันก็สะท้อนความเลวขั้นซูเปอร์ไซย่าของพระเอกไปพร้อมกัน

- ฉากพระเอกขึ้นไปบนดาดฟ้าดู over-melodrama มากๆ คิดว่าผู้กำกับตั้งใจให้ซีเรียสแหละ แต่คนดูก็ขำทั้งงาน (นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังสั้นไทย)

- ขัดใจกับการตัดสินใจของพระเอกในตอนจบอย่างรุนแรง



เวลา 19.00 โปรแกรมที่ 10

1. In the eye/สุชาติ แสงชู , พุทธิพงษ์ จันทร์เพ็ง/13.00 (B-)

- เป็นหนังที่ต้องการพูดนัยยะทางการเมือง ด้วยการห่อหุ้มด้วยหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญ แต่ถามว่าหนังประสบความสำเร็จมั้ย ก็คงต้องจอบว่าไม่ สาเหตุอาจมาจาก

1) ปมเงื่อนงำต่างๆ ที่พยายามจะลิงค์ไปเหตุการณ์เสื้อเหลืองบุกสนามบิน แต่ดูไม่น่าเชื่อถือ และห่างไกลจากจุดที่พยายามจะลิงค์มากๆ

2) การผูกปม การคลี่คลายของเรื่องที่ไม่สร้างความตื่นเต้นใดๆ นัก จึงทำให้คนดูลืมหนังเรื่องนี้ไปอย่างง่ายดาย

3) หนัังพยายามจะชี้ให้เห็นว่า โฮ้ สื่อบ้านเราช่างเชื่อไม่ได้ ข้อมุลถูกปกปิด บินเบือน บลาๆๆ แต่หนังก้ยังแสดงความชั่วร้ายตรงนี้ออกไม่มากพอ (แนะนำให้ปรึกษาผู้กำกับเรื่อง Hidden และ IF ฮ่าๆๆๆ)

4) เสียงวอยซ์โอเวอร์ "ประเทศไทย..." อะไรสักอย่างที่น่ารำคาญมากๆ



2. Innosent/อรรถชัย บุตรสอน/20.00 (B)

- ก็ดูใสๆ ซื่อๆ จริงใจดี



3. ISOLATED/สุภัทร ก๋งอุบล/30.00 (B+)

- ประโยคประจำวัน 2 : "เราเลิกกันเถอะ! เราเลิกกันเถอะ!! เราเลิกกันเถอะ!!!" (ของแท้ต้องมีเสียง ปึ้ง! ปึ้ง! ปึ้ง! ประกอบด้วย)

- นี่เป็นหนังที่อยากจะคุยกับผู้กำกับอย่างยิ่ง เพราะอยากถามเหลือเกินว่าตกลงจงใจให้ขำ หรือจะให้ซีเรียส เพราะหลายฉากมากที่เข้าขั้นเซอร์แดก หรือโคตรคัลต์ อย่างไรก็ดี นี่เป็นหนังที่ให้ความบันเทิงเป็นอย่างยิ่งครับ

- สิ่ง/ฉากที่ชอบมากๆ

1) เราเลิกกันเถอะๆๆๆๆๆๆๆๆ !

2) เสียงประกอบ ปึ้งๆๆ พร้อมกับการซูมไปที่หัว

3) ตัวอย่างหนังที่โผล่มาตอนแรก (รัชฎ์ภูมิ แห่ง 'ของเหลวที่หลั่งจากกาย' มีคู่แข่งเสียแล้ว ฮ่าๆๆ)

4) เสียงบรรยายที่เยิ่นเย้อเวิ่นเว่อน่ารำคาญ แต่ก็ฮามากๆ

5) พระเอกนางเอกไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ (กวักปลาบู่ทองกันหรือไงคะ???)

6) ฉากที่เพื่อนพระเอกชม นศ.หญิงว่า "สุดยอดจริงๆ"

- ถึงการหักมุมในเรื่องนี้จะดูเพ้อเจ้อกู่ไม่กลับ แต่เราว่าก็น่าสนใจดี ชอบที่พี่ MdS บอกว่า "ปกติเจอแต่หนังผู้หญิงเสียสติว่าตัวเองท้อง (เช่น The Silence of Lorna) แต่อันนี้ ช เสียสติว่าแฟนท้อง"

- ฮามากที่พระเอกอ่าน Message in the Bottle (ซึ่งก็ไม่แน่ใจอีกแหละว่า ผกก. ตั้งใจให้ฮาหรือเปล่า)

- ถ้าจำไม่ผิดนี่จะเป็นหนังของ นศ. ม.กรุงเทพ ซึ่งก็น่าสนใจดี ปกติไม่เคยเจอหนังของ มกท. ที่ 'หลุด' ขนาดนี้



4. l สถานีปลายทาง l/ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ/12.00 (B)

- เป็นหนังส่วนตัวมากๆ และยากที่จะรู้สึกตาม

- เพลงเพราะดีครับ



5. Inside Out/ศุภกิติ์ เสกสุวรรณ/21.00 (A-)

- ก่อนอื่นต้องขอแสดงความนับถือผู้กำกับที่สามารถปะทะกับเด็กวัยนี้ได้ถึง 4-5 คน (นายแน่มาก)

- กล้องบางช่วงไหวเกินไปหน่อย มึนหัว

- สิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้คือ คำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากเด็กนั้นสามารถสะท้อนสภาพชีวิตต่างๆ ของพวกเขาได้อย่างจางๆ โดยที่เราต้องตั้งใจฟังดีๆ หรือไปขบคิดต่อกันเอง เช่น ตกลงเด็กคนไหนที่เจอผี เด็กคนไหนที่โกหก / ทำไมเด็กบางคนที่เข้าสถานที่ปฏิบัติธรรมไม่ได้ เพราะแต่ส่งเสียงดังหรือ ฯลฯ ซึ่งเราว่าหัวใจสำคัญในของหนังเรื่องนี้คือการตัดต่อว่าจะใช้/ไม่ใช้ฟุตเท จส่วนไหน หรือจะเรียบเรียงหนังออกมาอย่างไร ซึ่งเราคิดว่าผู้กำกับทำตรงนี้ได้ดีทีเดียว

- ส่วนประเด็นเด็กไทย/พม่า อันนี้ก็น่าสนใจมากๆ เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผู้กำกับรู้จุดนี้อยู่แล้ว หรือเพิ่งไปรู้ตอนกำลังถ่ายทำ สิ่งที่เราว่าดีคือ ดูเหมือนผู้กำกับจะไม่ได้พยายามคัดค้านประเด้นนี้จากเด็กมากนัก ผู้กำกับก็เลยรอดตัวจาก abuse ซับเจคต์ของตัวเองไปได้ เราชอบที่หนังใส่ฉากนี้มาอย่างบางๆ ผ่านมาและผ่านไป โดยไม่ได้ไปเน้นย้ำอะไรมันมากนัก เพราะการสังเกตสีหน้า / พฤติกรรม / การปฏิบัติระหว่างกัน ของเด็กเหล่านี้ ก็สะท้อนอะไรได้มากแล้ว


Video for 8 July - //killpid.multiply.com/video/item/31/31





9 July 2009

เวลา 17.00 โปรแกรมที่ 11


1. L.O.V.E/สหรัฐ มานิตยกุล/6.00 (B-)

- เหมาะจะเป็นพรีเซนเทชั่นไว้ดูกันเองกับเพื่อนๆ มากกว่า

- การขึ้น text ในหนังน่ารำคาญมากๆ (อีกแล้ว)



2. Keep Crying/วรรษชล ศิริจันทนันท์/20.00 (B+)

- ไม้ตายของหนังเรื่องนี้คือ quote ตอนท้าย แต่ปัญหาของหนัีงเรื่องนี้ 1. คนดูจะหมดความอดทนไปก่อน และไม่รู้สึกร่วมไปกับหนัง 2. ชื่อของ ฮารูมิ มูราคามิ ชื่อดาบสองคม

- ที่จริงหนังเรื่องนี้น่าจะจำเป็นที่ใช้เงื่อนไขด้านเวลาที่จะทำให้คนดู รู้สึกว่า ตัวละครที่กำลังจ้องม้องฝนตกอยู่นั้นมีความทุกข์ทรมานเพียงใด แต่ด้วยการตั้งกล้องนิ่งๆ เป็นเวลายาวมากขนาดนี้ จึงไม่สามารถสื่อความรู้สึกของมนุษย์เช่นนั้นได้ หากหนังเรื่องนี้มีความยาวสัก 10 นาที อาจจะดีกว่านี้

- สังเกตว่าหนังมีบางช่วงที่กะพริบๆ ดำๆ เป็นระยะ ไม่แน่ใจว่าคือเอฟฟเฟกต์แทนการกะพริบตาหรือเปล่า แต่มันทำให้เราปวดตามากๆ เลย



3. LET’s CRY/ดิสรณ์ ศิริวัฒนาดิเรก/30.00 (B-)

- เหมือนละครมากๆ และถ้าจำไม่ผิด เนื้อเรื่องก็เคยสร้างละครหลายจริงๆ หลายที (เด็กชายชื่อ ว่าว ที่ถูกพ่อเกลียดเพราะเป็นตัวซวย บลาๆๆ)

- เราอาจไม่ชอบหนังเรื่องนี้นัก เพราะมันเป็น 'คนดี' จนเกินไป (เช่น ที่จริงพระเอกควรจะปล้ำนางเอกมากกว่า)

- จริงๆ ชอบที่พระเอกต้องกลับไปอยู่ครอบครัวเดิม แ่ต่ไม่ชอบการกระทำของพ่อในฉากสุดท้ายเลย



4. Learning/ศรัทธา ทาไชย/8.00 (B)

- การขึ้น text ในหนังทำให้หนังดูเป็น วิดีโอสอนรำพัดไปหน่อย



5. Life/ภาคภูมิ อินใหม/5.00 (B)

- โปรดักชันงาม แต่เนื้อเรื่องเฉยๆ



6. Little Life/รุ้งกาญจน์ แก้วสุวรรณ/6.00 (A-)

- แอนิเมชั่นเรื่องนี้คงไม่ได้มีดีที่ลายเส้นแน่ๆ แต่ชอบเนื้อเรื่องอันดำมืดของมัน

- ชอบฉากเด็กจุดเทียนที่ล้อกับฉากเปิดเรื่อง แล้วพอ tilt กล้องขึ้นไป ก็เจอพ่อที่....นั่นแหละ




7. Lonely Day/ฐิติพันธ์ ทับทอง/3.00 (B+)

- เอ็มวีสวย ดูเพลินๆ ดี



8. love is/กิตติพัฒน์ สุขศรี/19.00 (B-)

- รู้สึกฮากับโครงสร้างของหนังเรื่องนี้ดี กล่าวคือ

1) เปิดด้วยเพลงเพื่อชีวิต

2) แฟนง้องแง้งทะเลาะกัน

3) ตามด้วยเอ็มวีเพลง ธีร์ ไชยเดช << ตรงนี้นานไปครับ

4) เอ็มวีเพลงเพื่อชีวิตอีกครั้ง

5) ตบท้ายด้วยการขึ้น text สุดเซอร์ (เข้าใจ/อดทน บลาๆๆ อะไรสักอย่าง)

- สรุปแล้วสิ่งที่ทำให้ไม่ชอบหนังเรื่องนี้นักก็คือ การตัวทำเป็นมิวสิควิดีโอมากไปหน่อย แล้วก็เนื้อเรื่องที่เราไม่ค่อยจะชอบนัก ซึ่งก็เป็นรสนิยมส่วนตัว



9. Los/คณากร ก่อกิจธรรมกุล/22.00 (C+)

- เอ็มวีขนาดยาว 22 นาที!!

- มาอีกแล้วกับแนวฉันเหงา ฉันมองฟ้า ฉันมองน้ำ บลาๆๆๆ

- เท็กซ์สรุปตอนท้าย ยิ่งพาหนังดิ่งเหวไปกันใหญ่



10. LUMINOUS/สุชาดา ทัพยาง, อาภินันทน์ จุลทอง/6.00 (B)

- แอนิเมชั่นเรื่องนี้อาจต้องระวังเรื่องทัศนคติต่อคนพิการ



11. made in heaven/อมร หะริณนิติสุข/11.00 (B+)

- ชอบนักแสดงที่เล่นเป็นคุณหมอสาว คือเธอเหมือนจะน่าหมั่นไส้ แต่ดูไปแล้วเธอก็ดูเป็นธรรมชาติดี

- ตอนจบงง เซอร์มาก ไม่เข้าใจครับ 5555 แต่ก็ชอบแหละที่หนังเหมือนจะเล่นกับเรื่องนางฟ้าเทวดา แปลกดี

- ติดใจทุกฉากที่หนังซูมไปที่ปฏิทินมาก ดูแบบตั้งใจสุดๆ (คือมันไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้ง)



12. man and gravity/จักรวาล นิลธำรงค์/23.00 (A-)

- ยอมรับว่าดูช่วงแรกๆ ทรมานเอาการเหมือนกัน นอกจากจะนิ่งแล้ว เสียงก็เบาเหลือเกิน คิดว่าคนทำคนตั้งใจแหละ แต่ว่าน่าจะเล่นเรื่องเสียงมากกว่านี้หน่อย

- พอเข้าสู่้ช่วงพ่อลูก (อะไรสักอย่าง) ก็เริ่มพิศวง น่าสนใจมากขึ้น

- ชอบ quote ตอนท้ายของหนัง ประมาณว่า The pain of parting is nothing with the joy of meeting again อะไรประมาณนี้

- อันนี้ขำๆ คือ นิทรรศการภาพพิมพ์ เมื่อเดือนที่แล้วที่หอศิลป์ กทม. จะมีวิดีโอชิ้นหนึ่งที่ชื่อว่า "ศิลปะเข้่าใจง่าย" ซึ่งกำกับโดยคุณจักรวาลนี่แหละ แต่นั่นก็คงไม่ใช่สำหรับหนังสั้นเรื่องนี้ ฮ่าๆๆ



13. MOON/ณัฏฐา หอมทรัพย์/7.00 (A+)

- ชอบมากๆ มันดูเป้นหนังไซไฟลึกลับ หลอนๆ ดี

- ชอบที่ทำเป็นขาวดำ / ชอบซาวด์ในหนัง

- ณัฏฐา แต่งตัวเหมือน นักร้องนำวง ภูมิจิต (55555)

- สิ่งที่ทำให้ตัวเองชอบหนังเรื่องนี้มากๆ คือ เข้าใจมันกำลัง spoof หนังเรื่อง เสียงเงียบ ด้วย (เราไม่ชอบหนังเรื่อง เสียงเงียบ)



14. MV - รำวงวันสงกรานต์/วรรษชล ศิริจันทนันท์/2.00 (A-)

- ชอบการตัดต่อ แต่จริงๆ หนังยาวกว่านี้ก็ได้นะ สัก 4-5 นาที

- อนึ่ง เราคงจะได้ดูหนังแนวคลิปเสื้อเหลือง เสื้อแดง กันอีกเพียบแน่ๆ



15. My feeling is gone.../วีราภา เองมหัสสกุล/6.00 (B+)

- ดูเป็นรองที่สองแล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกชอบอะไรมาก แต่ก็ชอบโปรดักชั่น และการแสดงของน้อง ญ



16. Motionless City/วรรษชล ศิริจันทนันท์/11.00 (A-)

- ด้วยความรู้จัก ผกก. เป็นส่วนตัส เลยพอจะเดาได้ว่า message ทั้งหลายในหนังเรื่องนี้ ที่จริงคือความคิด ความรู้สึกของผู้กำกับต่างหาก เราก็เลยรู้สึกว่ามันเก๋ดี แทนที่จะทำหนังระบายมาตรงๆ ผู้กำกับก็อุตส่าห์สร้างองค์ประกอบอะไรขึ้นมามากมาย

- ชอบความขัดแย้งหลายๆ อย่างในหนัง (ทั้งที่ตั้งใจและอาจไม่ตั้งใจ) เช่น บทบรรยายภาษาเชค แต่ในวิดีโอเราเห็นแต่เพื่อนคนไทย หรือฉากในร้านอัวบองแปงที่ไม่รู้ทำไมมีแต่คนอินเดียในร้าน! ซึ่งอันนี้มันทำให้หนังดูพิศวงมากๆ

- ชอบฉากจบของหนัง ปกติหนังแนวนี้มักอาศัยการ romanticize สิ่งที่เป็น 'ความทรงจำ' หรือ 'วัตถุความความทรงจำ' เพื่อเร้าอารมณ์คนดู แต่การที่หนังทรีตว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ค่าอะไรเลย เป็นสิ่งที่เราชอบมากๆ



17. Neighbor/ธนชาติ ศิริภัทราชัย/6.00 (A)

- ดูรอบสองเช่นกัน ก็ัยังฮาอยู่ดี ชอบโครงสร้างของหนังที่ไหลไปเรื่อยๆ ดี และการเสียดสีระดับรุนแรง









10 July 2009

เวลา 17.00 โปรแกรมที่ 12

1. On the table/ปวิตร ตรีเมฆ/9.00 (B-)

- โลกร้อนมาอีกแล้ว วิธีการนำเสนอของหนังตรงไปตรงมา (มาก) แต่เดาว่าต้องทำเป็นสื่อเพื่อเยาวชน (แต่ก็น่าคิดดี พอดีวันนี้เพิ่งไประดมความคิดเรื่อง "สื่อเพื่อการพัฒนาเยาวชน" มา คือแบบแล้วเยาวชนมันจะถูก impact ด้วยหนังแบบนี้่มั้ยอ่ะ??)

- เกรดต่ำเป็นพิเศษเพราะทัศนคติในหนังที่ผมคงไม่สามารถอินได้ (You know what I mean...)



2. o-re/ไกรศักดิ์ กาญจนเกรียงไกร/18.00 (B+)

- เดินออกไปเ้ม้าท์เรื่อง แม่้นาค เดอะ มิวสิเคิล กับเจ้าหน้าที่สาวสวยหน้างาน เพราะเคยดูหนังไปแล้วในงานเทศกาลหนังเด็กพิเศษ (อะไรสักอย่าง)

- จำอะไรในหนังไม่ได้แล้วล่ะ แต่ตอนดูก็เพลินๆ นะ แต่มีเรื่องเล่าให้ฟังว่าตอนฉายรอบเพรสเนี่ย ครอบครัวของนักแสดงมาด้วย โอ้โห คุณป้า คุณยาย ก็แบบเชียร์ลูกหลานตัวเองสุดฤทธิ์ เช่น "โอ๋ ทำหน้าน่ารักจัง" "ฮู้ยย เก่งจังขึ้นรถได้ด้วย" ฯลฯ แรกๆ ก็น่าซึ้งใจอยู่หรอก แต่หลังๆ เริ่มรำคาญ จะหันไปด่าก็ไม่ได้ คงดูเลวน่าดู

- พวกหนังโครงการแบบนี้มันมักจะมีปัญหาเชิงทัศนคติที่ต้องระวังอยู่แล้ว จำได้ว่าตัวเองไม่มีปัญหากับ 'โอเร่' เท่าไร แต่จะตะหงิดๆ ใจกับเรื่อง 'เด็กติ๋ม' ที่เป็นหนังในโครงการเดียวกันมากกว่า (เอาไว้หนังฉายแล้วค่อยมาเม้าท์กันอีกที)

- อันเล่านี้แถม ตัวอย่างหนังโครงการที่ทัศนคติ/ตรรกะพังพินาศ เด็กคนนึงเลือกทำประเด็นเกมกับความรุนแรง ให้นางเอกเป็น ญ ที่ผัวถูกเด็กติดเกมฆ่า เธอเลยผันตัวเป็นนักรณรงค์ต่อต้านเกมรุนแรง บลาๆๆๆ แต่ทำเท่าไรก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเธอจึงบุกไปเผาบริษัทเกม (Where is the logic?)



3. Office/นวจูล บุญพรรคนาวิก/3.00 (B+)

- ถ้าจำไม่ผิดผู้กำกับคนนี้หายไปนานมาก

- หนังก็ดูเพลินๆ ดี ดูเป้นหนังโฆษณามากๆ ซึ่งก็เดาว่าเป็นโฆษณาให้ DTAC หรือเปล่า

- แต่มาดูตอนนี้ เพลงหมีแพนด้า มันเ้ชยแล้วนา (ตอนนี้ต้อง ...รักแม้มันคืออะไร ตับ-ไต-ไส้-พุง!!)



4. other moon/ธนชาติ ศิริภัทราชัย/11.00 (A-)

- หนังแบ่งเป็นสองครึ่งใหญ่ๆ ส่วนครึ่งแรกก็ชอบมากๆ กวนๆ ตามสไตล์ผู้กำกับคนนี้ (รายนี้ความเป็นออเตอร์สูสีักับ ศุภกิติ์ มากๆ 555) ชอบมุก "พวกแม่งเป็น HERE อะไร ทำไมต้องไปนั่งเล่นแม็คเก๋ๆ ในร้านสตาร์บัค" มุกนี้ A++++++++++

- แต่พอครึ่งหลังเอาหนังเรื่อง มุม มาขายซ้ำ ก็เลยเฉยๆ เพราะว่าดูไปมากกว่า 3 รอบแล้วอ่ะ (แต่เป็นตัวอย่างสอนหนังสือที่ดีนะ)



5. Perfect gray/กรกนก ศรีสมบูรณ์/30.00 (B+)

- ออกไปกินแซนด์วิชข้างนอก เพราะเรื่องนี้เคยดู exclusive preview จากชาครมาแล้ว 555

- เรารู้สึกว่าหนังก็พล็อตไม่ได้แปลกใหม่อะไรนะ เหมือนจะคล้ายละครด้วยซ้ำ แต่มันเป็นทำได้ดีในรูปแบบของมัน

- ชอบตัวละครแม่มาก นักแสดงเล่นดีมาก (มีสายรายงานว่าจริงๆ เธอเป็น...ครูพละ!) สีหน้าสีตาเธอตอนเศร้านี่สุดๆ ไปเลย

- ชอบตอนจบของหนัง โดยสิ่งที่โดนใจตัวเองมากๆ คือ การที่นางเอกเลือกผัวมากกว่าแม่



6. phantom of a sanke/ฟ้า พูลวรลักษณ์/4.00 (A)

- พิศวงงงงวยดีมาก ชอบๆ

- คือตอนแรกนึกว่าหนังจะเฉลยว่า ญ เป็นงู แล้วก็ฉกผู้ชาย แต่พอหนังจบแบบนี้มันเลยยิ่งเก๋ไปใหญ่



7. Possibility/ทรรศน หาญเรืองเกียรติ/23.00 (C+)

- ขำใน 3 นาทีแรก แต่หลังจากนั้นก็เป็นความทรมาน มากขึ้น มากขึ้น และมากที่สุด

- ผมรู้สึกอยากเอาปืนมายิงกะเทยในเรื่องนี้

- ผมตั้งใจหลับใน 5 นาทีสุดท้าย

- แต่โอเค หนังเรื่องนี้ก็ยังมีความน่าสนใจในโครงสร้างแปลกๆ ของมัน และการเล่นเป็นสองตัวละคร แต่ยาวสัก 10 นาทีก็คงพอแล้วจ้ะ

- มีคนเสนอว่าควรให้กะเทยในหนังเรื่องนี้ไปตบกับเนเน่



8. power of words/ฟ้า พูลวรลักษณ์/4.00 (B+)

- ก็เก๋ๆ ดีครับ แต่รู้สึกว่ามุกไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรมากมาย



9. RED/ณัฐพันธ์ ปิ่นทวีเกียรติ/15.00 (C-)

- This is too much!!!!!

- บางทีนี่อาจจะเป็น happening art โดยให้เราสังเกต 'มหรกรรมคนเดินออก' มากกว่าสิ่งที่บนจอ

- ตอนแรกผมก็คิดจะทนดู แต่ในที่สุด...ผมก็ตัดสินใจออกไปเข้าห้องน้ำ

- การตัดต่อ + ภาพกะพริบๆ ทำให้ปวดตามากๆๆๆๆๆๆ



10. redman/ณัฐพงศ์ หอมชื่น/8.00 (A)

- คาดไว้อยู่แล้วว่าปีนี้จะต้องมีหนังเสื้อเหลือง/เสื้อแดงเยอะแน่ๆ แต่เรื่องนี้ก็โอเคเลย คือหนังมันดูไม่ยัดเยียดดี แล้วก็ไม่ได้บันเทิงแบบกลวงๆ ด้วย

- ชอบการใช้ gimmick ง่ายๆ แต่อิมแพ็คคนดูมากๆ วิธีการนำเสนอของมันแรงและะเฮี้ยนมาก

- ชอบที่หนังไม่ได้เสนอเรื่องความรุนแรงเชิงกายภาพ (ฟุตเทจขาขาด เผารถเมล์ บลาๆๆๆๆๆๆ - ที่มันจะต้องตามมาเร็วๆ นี้) แต่เสนอเรื่องความอึดอัดในใจของภาวะแบ่งแยก ซึ่งเป็นเรื่องที่เรารู้สึกด้วยมากๆ



11. relationship 2 ปี 6 เดือน/อะตอม สัมพันธภาพ/20.00 (B+)

- ตลกมาก

- คือเราเข้าใจว่า ผกก. คงกะทำให้เป็นแนวซึ้งๆ แมนๆ เพื่อนๆ ไรงี้มั้ง แต่แบบมันออกมาฮามากเลยอ่ะ ซึ่งเราก็ว่าดีนะ มันเป็นเสน่ห์ของหนังไปเลย

- ชอบฉากเปิดตัวมากๆ ที่อยู่ดีๆ ก็มาแนะนำตัวละครประมาณ 7 ตัว แล้วคนดูก็จำใครไม่ได้เลย (ฮา)

- หรือการที่คนที่เล่นเป็นพ่อทุกคน ดูอายุพอๆ กับลูก หรืออาจจะน้อยกว่าลูกเสียอีก (ไม่ต้องมีความสมจริงอะไรกันอีกต่อไปแล้ว)

- ชอบการจัดองค์ภาพของหนังเรื่องนี้มาก เช่น

1) ฉากที่ ช มานอนๆๆๆ กันเป็นนวงกลม

2) ฉากที่เพื่อนคนนึงเดือนอยู่คนเดียวตรงทราย แต่เพื่อนที่ไปเดินบนกำแพง! (สุดยอดแห่ง มิส ออง แซง)



12. Rewind/โคลเอ้ เดอ คาล วาลโย่/1.00 (B+)

- ภาพสวยดี แต่ก็เหมือนจะเป็นโฆษณามากกว่า ถ้ายาวกว่านี้ คงชอบมากกว่านี้



13. River Times/กุลตรา กมลวิศิษฎ์/23.00 (B)

- ชอบความเซอร์ที่ใช้แสดงเป็นผู้หญิงทั้งหมด (คนที่เล่นเป็นแม่ตลกมาก เหมือนง่วงนอนตลอดเวลา)

- ตลกคล้ายๆ กับเพื่อนๆ หลายคน คือ หลังจา่กน้องสาวตาย พี่สาวจะอารมณ์ประมาณรู้สึกผิดว่าฉันควรจะทำดีกับน้องมากกว่านี้ บลาๆๆ แต่แบบ เฮ้ย น้องมันเซ่อตกบันไดเองไม่ใช่เหรอฟะ!? ถึงแกจะรักน้องสุดลิ่มทิ่มประตูขนาดไหน ก็ไม่ได้ช่วยให้มันไม่ตกบันไดไม่ใ่ช่เรอะ!!??

- เราว่าสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดในหนังเรื่องนี้คือพวก 'นางฟ้า' นี่แหละ เราว่าสองนางฟ้านี่น่ากลัวมากๆ

- ส่วนฉากสรุปข้อคิดธรรมมะตอนท้าย นี่คงไม่ต้องบรรยายอะไรกันอีกแล้ว



14. Seduction Lullaby/ณพรรธน์ ตรีผลาวิเศษกุล/23.00 (A)

- ดี สะใจ แรงดี เป็นหนังที่ give what the audiences want ฮ่าๆๆๆ

- แต่เราไม่ชอบถึง A+ อาจจะเพราะคาดหวังไว้มาก (จากโปสเตอร์) มันไม่แรงเท่าที่เราคิดไว้อ่ะ (คือนับแต่มีหนังเรื่อง แม่มด ออกมา มันก็ยากที่จะมีอะไรไปถึงจุดนั้นได้ 555) แต่ิสิ่งที่เราว่าน่าดีใจคือ ดูเหมือนผู้กำกับจะเปลี่ยนจากการสนใจในความรุนแรงแบบบ้าคลั่ง มาสู่ความรุนแรงในระดับจิตใจมนุษย์มากขึ้น

- เออ ไม่รู้ทำไมซาวด์ในหนังมันดูแ้ห้งๆ อ่ะ พวกเสียงแอมเบียนต์ ไม่รู้ทำไมมันหายหมด หรือห้องสมุด/อาคารเรียน มันเงียบขนาดนั้นเลยเหรอ

- ฉากข่มขืนไม่แรงพอ

1) ฉากของพัชร อันนี้เอาท่อนไม้ หรือตุ๊กตายางมาเล่นแทนก็ได้ โถ น้อง ญ ร้องซะลั่้น 120% ไอ้คุณพัชรเล่นไม่ถึง 10% เฮ้อ (แซวเล่นนะ อย่าโกรธกัน เข้าใจแหละ ว่ามันสถานการณ์ที่ทำใจลำบาก 555)

2) ส่วนฉากของนะพัดก็ดูตลกๆ นิดๆ อ่ะ แบบว่าเอาหมอนข้างกดเนี่ยนะ คือนะพัดดูตัวเล็กกว่าน้อง ญ เสียอีก เราเลยรู้สึกว่า น้อง ญ เนี่ยน่าจะเป็นฝ่ายปล้ำพระเอกเสียอีก (ฮา) แต่อารมณ์ที่เราชอบในฉากนี้คือ นางเอกมันดูกึ่งสมยอมกึ่งขัดขืนดี (ก็ตอนแรกเธอก็ยังไปยั่วเขาก่อน)

- ดูเหมือนหนังเรื่องนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจากหนังของ ไมเคิล ฮาเนเก้ ซึ่งพูดในเรื่องจิตวิญญาณของความเป็นฮาเนเก้แล้ว หนังเรื่องนี้ก็โอเคเลยแหละ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เราคิดว่าหนังของฮาเนเก้มีความ 'เย็นชา' และ 'เลือดเย็น' มากกว่านี้ กล่าวคือ ตัวละครในหนังของเขามักไม่ได้โอกาสระเบิดอารมณ์อย่างง่ายๆ แต่หนังจะทรมานตัวละครเหล่านั้นอย่างช้าๆ ดังนั้นการที่ตัวนางเอกร้องห่มร้องไห้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา เราก็เลยรู้สึกตัวละครยังไม่ได้ทุกข์ถึงขีดสุด เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ระบายออกมาแล้ว แต่ด้วยความยาว 23 นาที ก็คงยากที่จะสร้างบรรยากาศแบบนั้นได้

- แต่น้องนางเอกเล่นดีครับขอชม

- ฉากฆ่าตัวตาย กราบตีนครับ A+++++++++++++++++++++++

- ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม (Optional)

Alternate Ending 1 : เฉลยว่าพระเอก / นางเอก มีพ่อคนเดียวกัน คือ พัชร

Alternate Ending 2 : พ่อมาหาพระเอกที่ห้อง จากนั้นก็ข่มขืนลูกตัวเอง แน่นอนว่าลูกจะต้องกึ่งสมยอมกึ่งขัดขืน (คิดดูสิว่าหากหนังเรื่องนี้มัฉากพัชรข่มขืนณพรรธน์ Seduction Lullaby จะกลายเป็นหนังแห่งประวัติศาสตร์ทันที)









12 July 2009

(เสาร์ 11 ก.ค. ไม่ได้ไปดู เนื่องจากไปงาน ลองดี 2)

เวลา 17.00 โปรแกรมที่ 21

1. ก่อนไม่มีแม่ให้กอด/ภาวิส เสาร์ศรีอ่อน/17.00 (B-)

- รู้สึกว่าเป็นผลงานของน้องคเนดียวที่ทำ 403 (หนัง 'ผีกะเทย') ซึ่งก็กลายเป็นหนังคัลต์ (โดยไม่รู้ตัว) อีกแล้ว

- ตัวอย่างความคัลต์ของหนังเรื่องนี้

1. ชื่อไทยหนังคือ ก่อนไม่มีแม่ให้กอด แต่ชื่อภาษาอังกฤษของหนังดันเป็น Before Embarrassing Mother (Embracing!? Embarrassing!?) ไม่รู้ว่าน้องตั้งใจหรือเปล่า

2. ฉากแม่โรคหัวใจกำเริบ กับเีสียงเอฟเฟกต์กึกก้องกัมปนาท

3. ฉากทีี่ลูกเจอแม่นอนตาย แล้วก็ monologue บ่นอะไรยาวเหยียด อันนี้ตลกมาก

- สรุปว่าเป็นหนังบันเทิงดี แต่ถามว่าคนดูจบ แล้วอยากกลับไปกอดแม่ หรือรักแม่มากขึ้นมั้ย ...ก็คงไม่



2. กาลครั้งหนึ่งคิดถึงวันวาน/สิทธิพงษ์ ปัดชากาว/10.00 (B)

- ดูเป็นหนัง Decon. นิดๆ แต่อาจจะยังไม่เสียดสีรุนแรงพอ ยังดูทำเล่นๆ อยู่

- ชอบมุก เป็นเอก มากๆๆๆๆๆ

- ชอบฉากเพลง Happy Together ตอนจบ เข้าใจว่าคงทริบิวต์ให้หนังเรื่องนั้นด้วย



3. กาลนิรันดร์/อิสระ บุญประสิทธิ์/30.00 (A-)

- เป็นหนังของ ม.กรุงเทพ ที่น่าสนใจดี ปกติไม่ค่อยเห็นมหาลัยนี้ทำหนังแบบนี้เท่าไร

- ชอบที่หนังมันไม่พูดมากดี เช่น พ่อลูกที่แทบไม่พูดอะไรกันเลย ยกเว้นประโยค trivial ทั่วๆ ไป, หนังไม่บอกด้วยซ้ำว่าพระเอกเจอเรื่องอะไรมาก หรือฉากจบที่มีการปล่อยช่องว่างให้คนดูคิดเองด้วย

- แล้วถึงหนังจะเน้น inner มากๆ มันก็ดูไม่เวิ่นเว้อเพ้อเจ้อ เหมือนหนังหลายๆ เรื่อง แต่ฉากที่พระเอกดูทรมานๆ บิดตัวไปมา นั่นก็หลุดจากตัวหนังไปหน่อย เพราะหนังอุตส่าห์มาทาง realistic เกือบทั้งเรื่อง (แต่ก็ไม่ต้อง real ถึงขนาดโชว์ตูดก็ได้!!)

- หนังเรื่องนี้เป็นหนังประเด็น สังคมเมือง/ชนบท ที่ดีมากในแง่ที่ว่า มันไม่ต้องมาหนังด่าเมือง และเชิดชูบ้านเกิดตัวเอง (เหมือนที่หนังหลายเรื่องชอบทำ)

- รู้สึกว่าเ้พลงของ ธีร์ ไชยเดช ตอนท้าย มันไม่ค่อยเข้ากับหนัง และก็พยายามชักจูงความรู้สึกคนดูไม่หน่อย จริงๆ ใช้เพลงบรรเลงน่าจะดี

- แต่โดยรวมนี่เป็นหนังศึกษาที่ดี และน่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง จากที่ได้ดูมาทั้งหมด



4. การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บางขุนเทียน/สิทธิพงษ์ ปัดชากาว/12.00 (B)

- รายการกระจกหกด้าน มาเอง!

- เหมาะกับการเป็นวิดีโอพรีเซนต์ประจำเขตบางขุนเทียนอย่างยิ่ง (อันนี้พูดจริง ไม่ได้ประชด) แต่ใช้ฟุตเทจวนเยอะไปหน่อยนะ



5. กิเลส 4/ศิระ ประภาษานนท์/20.00 (B-)

- ตลกมาก! แบบที่ผู้กำกับคงไม่ได้ตั้งใจให้ตลก - อีกแล้ว!

- ความฮาของหนังเรื่องนี้

1. การแสดงของนักแสดงทุกคน

2. ตัวละครชู้ที่การแสดงออกทางสีหน้า และการพูดการจา ที่ทำให้เราสับสนในเพศสภาพของเขาอย่างยิ่ง

3. ตัวละครตำรวจที่ไปสูบบุหรี่เท่ๆ ตอนเคาะประตูจับคนร้าย (ไม่กลัวถูกยิงตายห่าเลยหรือครับ?) มุมกล้องเท่ๆ จับหน้าำพระเอกเวลาพูดประโยคเท่ๆ

4. ฉากที่นางเอกพยายามบิวด์ดราม่า แล้วพูดว่า "บางทีชั้นก็อยากจะรู้สึกตายๆ ไปเลย" (เชื่อผมเถอะ ตอนนั้นคนทั้งห้องคงคิดในใจว่า "อืม หล่อนตายไปเสียไำด้ก็ดี")

ฯลฯ



6. กุลสตรีไทย/อลงกต ด้วงรักษา/4.00 (B+)

- เอ็มวี ฮาๆ ดูเพลินๆ




เวลา 19.00 โปรแกรมที่ 22

1. กู่ก้องบอกรักนิรันดร/เฉลิมเกียรติ แซ่หย่อง/18.00 (C+)

- vn, ,yo,kc]h; vudc]h;

- อ๊ะ ข้างบนลืมเปลี่ยนฟอนท์ครับ แบบในหนังน่้ะ ฮ่าๆๆๆ

- จริงๆ มันจะเป็นหนังที่ขายคนดูได้นะครับ ถ้าตอนท้ายมันมี gimmick อะไรมาเล่นคนดูหน่อย



2. กูจะฆ่ากองเซ็นเซอร์/ธัญ เปลวเทียนยิ่งทวี/34.00 (A-)

- ตลกมาก

- แต่ไม่ขำเท่า Censorshit (แต่ ยอดเซียน ก็ยืนยันมาตลอดว่ามันไม่ได้ทำหนังตลก) ตอนกลางๆ มันดร็อปไปนิดนึง

- ชอบเพลงตอนเปิดเรื่องมากๆ (มันมาจาก Clockwork Orange ป่ะ?)

- สิ่งที่ชอบในหนัง

1) กอล์ฟ ธัญวารินทร์!

2) เมธัส ตอนเล่นเป็น ซอมบี้

3) ฉากสามคนทำพิธีปลูกต้นไม้บ้าบออะไรสักอย่าง อันนี้ตลกมาก

4) ฉาก Nanoguy ถูกฆ่าตาย (ทำไม Nanoguy ตายทุกทีในหนังยอดเซียน 55555)



3. เกมชวนชั่ว/ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์/9.00 (B+)

- เคยดูในฟิ้วแคมป์แล้ว ตลกมาก แรงมาก ชอบฉาก

- แต่ฉบับนี้ชอบน้อยลง เพราะฉากแถมสุดท้ายที่มีเลคเชอร์ให้คนดู (จริงๆ ตังหนังมันมันก็ส่ง message พอแล้วเน้อ)



4. เก้าอี้พิศวาส ฉบับแก้ไขใหม่ พุทธศักราช 2552 / เก้าอี้พิศวาส/ณัฐพันธุ์ บุญเลิศ/12.00 (B+)

- เคยดูในฟิ้วแคมป์เช่นกัน

- ชอบฉบับก่อนมากกว่า เพราะฉากที่ insert เพิ่มเข้าไป มันดูหลุดจากหนังมากเลย



5. เกาะล้าน(ไม่ห่างรัก)/ชาตรี นวลเอี่ยมเอก/9.00 (C+)

- ไม่ตลก ไม่บันเทิง ไม่อาร์ต ไม่เก๋ ไม่เท่ ไม่โดน ไม่จี๊ด ไม่รู้สึกอะไรสักอย่าง!!

- ถ้าคนทำหนังเรื่องนี้ลงทุนไปเกาะล้านเพื่อทำหนังเรื่องนี้ ผมว่าไปแค่บางขุนเทียนก็พอครับ



6. แก็งค์ซ่าหน้าใสหัวใจเกินร้อย/สถิตย์ คงสุข/8.00 (B+)

- ชอบ form ของหนังเรื่องนี้มากๆ เป็นเหมือน สุริโยไท เวอร์ชัน hiphop

- แต่รู้สึกรับทัศนคติของหนังไม่ได้อย่างรุนแรง (แต่นี่คงเป็น propaganda ในบุคสมัยแห่งฮิปฮ็อปสินะ)

- ไม่รู้มุก 'หญิงแม้น' นี่ตั้งใจมั้ย แต่ชอบมาก



7. โกน/ศิริพันธ์ เจนตระกูลเลิศ/7.00 (B+)

- เหมือนจะมีอะไร แต่ก็เหมือนจะไม่มีอะไร ก็เลยยังงงๆ อยู่ว่าหนังจะพูดอะไร







Create Date : 13 กรกฎาคม 2552
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 15:07:32 น. 9 comments
Counter : 2249 Pageviews.

 

สรุป เทศกาลหนังสั้นมาราธอน วีคที่ 1

5 อันดับหนังสั้นที่ชอบ

1. Moon

2. Motionless City

3. Seduction Lullaby

4. กูจะฆ่ากองเซ็นเซอร์

5. Inside Out



5 อันดับหนังสั้นที่ไม่ชอบ

1. RED

2. Los

3. กู่ก้องบอกรักนิรันดร

4. House

5. เกาะล้าน(ไม่ห่างรัก)

6. (แถม) คนบ้า ณ เทศกาลหนัง



ปีนี้ไฮโซมีวิดีโอคอมเมนต์รายวัน จัดทำโดย คณะยอดเซียนซักแห้งจ้ะ


โดย: merveillesxx วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:12:25 น.  

 
วิดีโอคอมเม้นฮาดี 55+


โดย: duldb IP: 124.121.36.92 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:47:50 น.  

 
ขอบคุณที่ให้เป็นที่สองในใจคุณ
ดีใจมากๆที่ชอบ :)

อนึ่ง วีดีโออันสุดท้ายฮามาก
โดยเฉพาะตอนพี่ตี้นี่ขำบ้านแตก ๕๕๕๕๕


โดย: piovere IP: 125.24.214.105 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:19:37 น.  

 
ขยันดูว่ะ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:28:42 น.  

 
โอ้ ไม่ได้ดูหนังมาตั้งนาน ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ ตอนนี้ก็ตั้งใจทำหนังสั้นอยู่เหมือนกัน


โดย: hyperboyz9 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:15:50 น.  

 
ด้วยภารกิจรัดติ้ว จึงทำให้เพิ่งได้ไปเทศกาลเพียงวันเดียว
ช่างน่าเศร้าอนาถใจตน T_T

อนึ่ง อยากฟังอัพเดตเรื่องเฮี้ยนๆ 555


โดย: เอกเช้า IP: 124.122.80.146 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:02:53 น.  

 
อา... ไม่ได้ดู เสียดาย ไม่งั้นคงอ่านได้สนุกกว่านี้

แต่บางเรื่องที่เขียนถึงนี่ฮามากนะ อย่างเช่น "เกาะล้านฯ" นี่แสบดีจริงๆ

อืม... นี่นาโนกลายเป็นนักแสดงขายดีไปแล้วเหรอเนี่ย?


โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.190.118 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:13:29 น.  

 
เยี่ยมมากคุณเมอร์......

ป.ล. เสียดายไม่ได้ดู isolated
หวังว่ากรรมการจะใจถึง จัดรวมแยกเป็นอีกหนึ่ง forum หนังคัลท์ฮาๆไว้ดู เป็นรอบพิเศษ ตอนช่วงเทศกาลประกาศรางวัล


โดย: AguileraAnimato วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:21:57 น.  

 
ไม่ได้ไปดูเลยครับ ก็ได้แต่ติดตามจากวีดีโอคอมเม้นต์นี่แหละ

ถึงหนังไม่ได้ดู ก็ดูจากวีดีโอไปก่อนครับ ดีไม่ดีอาจสนุกกว่าอีก 555

ปล. เนเ่น่นี่เธอแรงทั้งหน้ากล้องและหลังกล้องเลยหรือนี่???? 555+




โดย: Seam - C IP: 58.11.12.17 วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:59:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.