http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
All Blogs
 
นารีสมรส : เราสมรสโดยไม่มองหน้ากัน?

โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง




นารีสมรส
แปลและดัดแปลงเป็นภาษาไทยจาก Al Takes a Bride ของ Gary Sunshine
แปลบท + กำกับการแสดง : ธนวัต กตาธิกรณ์
ความยาว: 45 นาที



เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในขณะที่เหล่าวัยรุ่นในมาดเสื้อแดงและเสื้อชมพูกำลังมุ่งหน้าไปยังสนามกีฬาแห่งชาติเพื่อร่วมงานบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ผมก็ฝ่าฝูงชนเหล่านั้นสวนทางไปยังแถบถนนอังรีดูนังต์ เพื่อตามหาตึกลึกลับที่ชื่อ อาคารจุฬาวิชช์ 1 สิริรวมแล้วผมต้องถามยาม + แม่ค้า ถึง 3 คน กว่าจะหาตึกที่ว่าเจอ (และมารู้ภายหลังว่าแม้แต่อาจารย์ในจุฬาเองยังไม่รู้เลยว่าตึกนี้อยู่ตรงไหน!)

ผมมายังที่นี่เพื่อดูละครเวทีเรื่อง 'นารีสมรส' ซึ่งข้อมูลระบุไว้ว่า 'เป็นละครเวทีที่ไม่สังกัดกลุ่มใดทั้งสิ้น แต่ผู้กำกับบ้าพลังอยากทำ' และแสดงเพียง 3 รอบ เท่านั้น แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ละครเรื่องนี้เป็น 'ละครเลสเบี้ยน' อันมีเนื้อหาว่าหญิงสาวสองคนที่มีความสัมพันธ์ฉันคนรัก แต่ถูกขัดขวางจากคนรอบข้าง เท่าที่เคยดูละครเวทีบ้านเรามา (รวมไปถึงวงการหนังสั้น หนังยาวทั้งหลายด้วย) ประเด็นเลสเบี้ยนถูกพูดถึงน้อยมาก (ในขณะที่ประเด็นเกย์ถูกพูดถึงและถ่ายทอดบ่อยครั้งกว่า) แถมผู้กำกับยังเป็นผู้ชาย และทำละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเสียด้วย





เมื่อเข้าไปยังโรงละคร (ซึ่งจริงๆ มันคือห้องเรียน) ก็ต้องพบความเก๋ว่าทีมงานเอาใบไม้แห้งมาปูไว้ทั่วพื้นห้อง (เพราะว่าฉากของเรื่องเกิดขึ้นในป่า) แถมผู้กำกับยังแกล้งคนดูด้วยการเอาเก้าอี้แปลกๆ มาวางปะปนไว้กับเก้าอี้เล็คเชอร์สีขาว (มีกระทั่งวีลแชร์!) ซึ่งเขาก็มาเฉลยในภายหลังว่า นี่เป็นบททดสอบที่ว่า 'จะมีใครไหมที่กล้าจะแตกต่าง' ซึ่งเป็นการอุปมากับการเป็นเลสเบี้ยนของตัวละครเอก ...และแน่นอนว่าผู้ชมทุกคนเลือกจะนั่งเก้าอี้เล็คเชอร์ธรรมดาๆ

ละครเริ่มต้นด้วยฉากที่ อลิซ (กิตติพร โรจน์วณิช) วิ่งเข้ามาในป่า เราเห็นเธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มา แล้วนำใบไม้มาสุมๆ ซ่อนมันไว้ จากนั้น เฟรดด้า (จารุตา พิพัฒนานันทิ) คู่รักของเธอก็ตามเข้ามา ทั้งสองแอบนัดพบกันที่นี่ เราได้ทราบต่อมาว่าทั้งเมืองได้ล่วงรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้ว และครอบครัวของอลิซก็จะย้ายออกจากเมืองไปในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นนี่จึงเปรียบเสมือนเวลาห้วงสุดท้ายที่พวกเธอจะอยู่ด้วยกัน





ช่วงแรกของละครเป็นฉากคุยและพลอดรักกันของ อลิซ และ เฟรดด้า ซึ่งผมต้องสารภาพว่าเกิดความรู้สึกผิดคาดพอสมควร เพราะเดาไว้ว่านักแสดงน่าจะเป็นผู้หญิงลุคเปรี้ยวๆ เซ็กซี่ๆ หรืออะไรเทือกนั้น ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ตบหน้าผมเข้าอย่างจัง เพราะหมายความภาพลักษณ์สุดเซ็กซ์ของคู่สาวเลสเบี้ยนในหนังฮอลลีวู้ด (และในหนังโป๊) ได้หล่อหลอมมายาคติกับหัวสมองของผม (ผู้ชายหลายคนชอบดูหนังโป๊แบบเลสเบี้ยน และถือว่ามันเป็น Sex Pleasure อย่างหนึ่ง เหมือนกับที่ผู้กำกับเล่าให้ฟังว่า เมื่อเขาบอกว่ากำลังจะทำละครเลสเบี้ยน คำถามแรกจากเหล่าผู้ชายก็คือ "นักแสดงสวยมั้ย?")

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นความตั้งใจของผู้กำกับหรือไม่ แต่ชุดแบบผู้หญิงของอลิซที่เป็นเสื้อแขนกุดนั้นมันช่างขัดแย้งกับบุคลิกห้าวๆ ของเธอเสียเหลือเกิน และทำให้คนดูรู้สึกอึดอัดไปพร้อมกัน (ส่วนเฟรดด้าใส่เสื้อแขนยาว กระโปรงยาว แบบกุลสตรีพิมพ์นิยม) ในแต่ฉากถัดมาที่อลิซเปลี่ยนมาใส่ 'ชุดสูท' (ซึ่งเป็นภาพแทนของเพศชาย) เรากลับรู้สึกว่ามันเหมาะกับเธอมาก แถมการเคลื่อนไหวของเธอยังทะมัดทะแมงคล่องตัวอย่างเห็นได้ชัด

การสวมบทบาทเป็นผู้ชายของอลิซยังถูกย้ำอีกในฉากถัดมา เมื่อเธอขอร้องให้เฟรดด้าโกนหนวดให้ ทั้งที่เธอไม่มี (เธอยังเตรียมทั้งครีมและมีดโกนหนวดมาเอง) เฟรดด้าลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะทำให้โดยดี พร้อมกับร้องเพลงไปพร้อมกัน ฉากดังกล่าวเป็นดั่งภาพของสามี-ภรรยาในอุดมคติไม่มีผิด อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าตัเวองเป็นผู้หญิงก็ยังค้ำคอทั้งคู่อยู่ (โดยเฉพาะในฝ่ายอลิซที่อยากจะเป็นผู้ชาย) มีประโยคหนึ่งที่น่าเจ็บปวดมาก โดยอลิซพูดว่า "ถ้าฉันมีหนวด ฉันจะไม่โกนมัน ฉันจะไว้มันให้ยาวถึงพื้น"





ไม่เพียงแต่จัดการแปลงรูปลักษณ์ของตัวเอง อลิซยังเตรียมชุดเจ้าสาวมาให้กับเฟรดด้าด้วย จากนั้นทั้งสองก็ลองทำทีราวกับเข้าพิธีแต่งงานกัน อลิซบอกกับเฟรดด้าว่านี่เป็นชุดเจ้าสาวของแม่ จึงเห็นได้เลยว่านี่คือการแต่งงานแบบประเพณีนิยม (Traditional) นั่นคือการเอาสิ่งของมีค่าของบรรพบุรุษมามอบให้กับคนรัก (เช่น พระเอกเอาแหวนหมั้นของแม่มาให้นางเอก) แต่ความยอกย้อนของฉากนี้อยู่ที่พ่อแม่ของทั้งคู่ไม่ยอมให้คบกัน เพราะพวกเธอกำลังทำสิ่งที่ต่อต้านจารีตประเพณีดั้งเดิม

แท้จริงแล้วอลิซไม่ได้ซ้อมแต่งงานเพียงเล่นๆ แต่เธอคิดจะแต่งงานกับเฟรดด้าจริงๆ โดยอลิซได้นัดผู้พิพากษา (ชลัท ศิริวาณิชย์) ให้เอาใบทะเบียนสมรสมาให้เฟรดด้าเซ็น ฉากนี้เองเป็นที่มาของชื่อเรื่องว่า Al Takes a Bride หรือ 'อัลได้ตัวเจ้าสาว' (ซึ่งในสูจิบัตรระบุว่า 'ดัดแปลงจากเหตุการณ์จริงในอเมริกาเมื่อปี 1892') โดยอลิซมีชื่อเล่นว่า 'อัล' และมีชื่อผู้ชายว่า 'อัลคิน' ในบางตอนผู้พิพากษายังเรียกเธอด้วยคำว่า 'มิสเตอร์' ด้วยซ้ำ

อลิซวาดแผนไว้สวยงามว่าหลังจากจดทะเบียนกันแล้ว เธอกับเฟรดด้าจะหนีออกจากเมืองไปด้วยกัน และเริ่มต้นชีวิตใหม่กันที่ดินแดนอื่น แต่การณ์กลับไม่เป็นไปตามที่อลิซวางไว้ นอกจากเฟรดด้าจะไม่ปลื้มกับแผนดังกล่าว เธอยังช็อคมากและไม่ยอมเซ็นใบทะเบียนสมรส เฟรดด้าคาดคั้นความจากผู้พิพากษาว่าเหตุใดเขาจึงยอมช่วยอลิซ จนได้ความว่าแท้จริงแล้วผู้พิพากษานั้นเป็นเกย์ อลิซได้แอบเห็นเขาตอนร่วมรักกับผู้ชาย และขู่ว่าจะแฉให้คนทั้งเมืองฟัง







ถึงกระนั้นผู้พิพากษาก็คอยโน้มน้าวไม่ให้เฟรดด้าเชื่อตามอลิซ เขากล่าวว่าเธอเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อมและสมควรได้แต่งงานกับ 'ผู้ชาย' ดีๆ และยังสำทับด้วยว่า "เชื่อฉันเถอะ ฉันผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนแล้ว" นั่นหมายความว่าผู้พิพากษารู้ดีว่าการใช้ชีวิตนอกลู่นอกทางจากรูปแบบที่สังคมกำหนดไว้นั้นยากลำบากเพียงใด เราสังเกตได้ว่าในตอนต้นของฉากเขาได้พร่ำบ่นว่าวันนี้ไม่ได้นำเสื้อคลุมมา จึงไม่สามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งอาจตีความได้ว่าในวันนี้เขาไม่ได้มาในฐานะผู้พิพากษา (ที่จะมาอำนวยการแต่งงานให้กับทั้งสอง) แต่มาในฐานะคนธรรมดาซึ่งมาเพื่อเตือนเฟรดด้า และนี่เป็นการย้ำว่าละครใช้ 'เครื่องแต่งกาย' เป็นสัญลักษณ์ผ่านทั้งสามตัวละคร

มีข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า แม้ในโลกยุคปัจจุบันเกย์จะได้ยึดครองพื้นที่บนคำว่า 'รสนิยมในเพศเดียวกัน' มากกว่าฝ่ายเลสเบี้ยน (เมื่อพูดถึงคำว่า gay, queer หรือ ร่างกฎหมาย Proposition 8 คนส่วนใหญ่นึกแต่เกย์ และละลืมความสัมพันนธ์แบบหญิง-หญิงไป) แต่ตัวละครผู้พิพากษาในเรื่องนี้ถูกใส่มาเพื่อให้ครอบคลุมถึงมิติของกลุ่มคนรักเพศเดียวกันทั้งสองแบบ (หญิง-หญิง และ ชาย-ชาย) เป็นการทำให้เห็นถึงความทุกข์ยากและความเข้าใจในกันและกันของทั้งสองฝ่าย (ผ่านตัวละครเฟรดด้าและผู้พิพากษา)

เมื่อผู้พิพากษาจากไป ก็เหลือแต่เพียงอลิซและเฟรดด้า ทั้งคู่ทะเลาะทุ่มเถียงกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เฟรดด้านอกจากจะปฏิเสธการเซ็นทะเบียนสมรสและการหนีตามไปกับอลิซแล้ว เธอยังบอกความจริงกับอลิซว่า เธอได้ตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกับชายหนุ่มนามว่าแอชลี่ย์ไปแล้ว



ในแง่หนึ่งดูเหมือนเฟรดด้าจะไม่มีทางเลือก ถูกบังคับ จนต้องแต่งงานกับผู้ชายตามทางที่ควรจะเป็นของผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วเธอเป็นคนเลือกเองที่จะใช้ชีวิตแบบนี้ กลับเป็นอลิซต่างหากที่ดูไม่มีหนทางไป ในจุดนี้ละครก็ใช้เรื่องของเครื่องแต่งกายอีกครั้ง โดยเฟรดด้าได้ถอดชุดเจ้าสาวออก และกลับไปชุดกระโปรงยาวดังเดิม ในขณะที่อลิซนั้นใส่ชุดสูทไปจนจบเรื่อง เพราะว่าอลิซได้เลือกเส้นทางของเธออย่างแน่วแน่ นั่นคือการเตรียมแผนหนีตามกันเป็นอย่างดี ทั้งการจองรถไฟ การระบุเมืองที่จะไปตั้งต้นกันใหม่ หากแต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้รับการตอบสนองจากคนรักของเธอ

ความไม่มีทางไปของอลิซยังถูกย้ำด้วยบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่แห่งหน อลิซเฝ้าถามเฟรดด้าอยู่หลายครั้งว่า "แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหน" เฟรดด้าถึงกับตอบว่า "เธอก็คงจะต้องอยู่ในเงามืดต่อไป ส่วนฉันนั้นคงอยู่ในแสงสว่าง" นั่นแสดงให้เห็นว่าเฟรดด้าไม่ได้คิดจะใช้ชีวิตกับอลิซตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากนั้นเรื่องของสถานที่ยังน่าสนใจตรงที่อลิซวางแผนไว้ว่าจะย้ายไปอยู่เมืองทางใต้อันแสนไกล ราวกับว่าการเป็นเลสเบี้ยนทำให้พวกเธอต้องอพยพย้ายถิ่นไปให้ไกลหูไกลตาผู้คน (ประเด็นเพศสภาพกับดินแดนสามารถพบได้ในหนังสวีเดนเรื่อง Let the Right One In เช่นกัน)

ท้ายที่สุดเฟรดด้าตัดสินใจจะลาจากอลิซไป (ที่จริงคือเธอตั้งใจไว้แบบนั้นแต่แรกแล้ว) ก่อนจะจากไปเธอพูดไว้ว่า "ฉันหวังว่าตัวเองจะ 'เรียนรู้' ชีวิตแต่งงานได้อย่างรวดเร็ว...เร็วมากด้วย" น่าสนใจดีที่เธอใช้คำว่าเรียนรู้ ราวกับว่าเธอกำลังจะไปเข้าคอร์สอบรมอะไรสักอย่าง

ในฉากสุดท้ายเราเห็นอลิซนั่งอยู่คนเดียวในป่า เธอหยิบมีดโกน (ที่เฟรดด้าใช้โกนหนวดให้เธอในตอนแรก) ขึ้นมาจ้อง จากนั้นไฟก็มืดดับลง ปล่อยให้เราจินตนาการต่อเองว่าชีวิตของพวกเธอจะเป็นเช่นไร อลิซจะฆ่าตัวตายหรือไม่? หรือเธอจะใช้ใบมีดนั้นฆ่าคนรักของเธอ?

แต่ในฉากเดียวกันนั้นที่ข้างหลังของอลิซ เราเห็นชุดเจ้าสาวที่เฟรดด้าเคยสวมใส่วางกองอยู่ที่พื้นอย่างไม่ไยดี และเฟรดด้าเองก็เดินเหยียบย่ำมันก่อนที่จะจากลาไป ซึ่งนั่นถือเป็นความเจ็บปวดอย่างที่สุดของ 'ว่าที่เจ้าบ่าว' อย่างอลิซ


หมายเหตุ: น่าเสียดายอย่างยิ่งว่าละครเวทีเรื่องนี้หมดรอบการแสดงไปแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่า 'นารีสมรส' จะถูก re-stage อีกครั้ง และได้แสดงในวงกว้างกว่านี้





SHORT-TAKE



เพื่อน
กำกับ: นินาท บุญโพธิ์ทอง
ความยาว: 180 นาที (!!)
แสดงที่โรงละครหน้ากากเปลือย (ตึกพญาไทพลาซ่า ชั้น 4, BTS พญาไท) วันที่ 5-15 ก.พ. วันพฤหัส-อาทิตย์ เวลา 19.30 (เสาร์ อาทิตย์ เพิ่มรอบ 14.00) บัตรารคา 300 บาท

ละครเวที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่อง 20th Century Boys ที่ถึงแม้จะไม่เคยอ่านการ์ตูนมาก่อนก็คงไม่มีปัญหา (แต่ถ้าเคยอ่านมาก็สนุกขึ้น) เพราะผู้กำกับได้ปรับเปลี่ยนบริบทส่วนใหญ่ให้เป็นแบบไทยๆ รวมถึงแทรกนัยทางสังคมการเมืองไปในด้วย (ในฉากหนึ่งมีเสียงเพลงชาติไทย หรือกระทั่งคำปาศรัยของ จอมพล ป.) จุดเด่นของ 'เพื่อน' อยู่ที่โครงสร้างที่ซับซ้อน และนมีระดับของเรื่อง (layer) ซ้อนกันไปมามากมาย (อย่างน้อยคือสามระดับ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต) แต่มันก็ไม่ได้ดูยากจนเกินไปนัก อย่างน้อยก็ง่ายกว่าเรื่องอื่นๆ ของคุณนินาท 555

สิ่งที่ต้องชมคือ การใช้นักแสดงมากมายถึง 13 คน ที่ก็สามารถควบคุมโทนโดยรวมได้ดี แต่เนื่องจากละครมีความยาวถึง 3 ชั่วโมง ในช่วงหลังพลังของนักแสดงจึงลดลงไปบ้าง ประกอบกับสมาธิและสติของคนดูก็เริ่มกระจัดกระจาย อย่างไรก็ดี นี่ถือเป็นละครที่มีโจทย์ท้าทายมากๆ




สันดานกา
(ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง!)
กำกับ: ธีระวัฒน์ มุลวิไล
ความยาว: 75 นาที
แสดงที่ Democrazy Studio (ซ.สะพานคู่ / MRT ลุมพินี ประตู 1) เหลือเพียง 4 รอบ วันที่ 5-8 ก.พ. เวลา 19.30 บัตรราคา 300 บาท

ละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพ 'ภิกษุสันดานกา' และวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็น 'ความชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในภาพของความดีงาม' ในสังคมพุทธแบบไทยๆ ได้อย่างถึงลูกถึงคน เอาเป็นว่าใครชอบของแรง เรื่องนี้ได้ใจคุณแน่ๆ (ดูรูปประกอบสิ!) อ้อ บอกไว้ก่อนว่าละครเรื่องนี้เขาใช้การแสดงแบบ 'บูโต' (Butoh) ของญี่ปุ่น (มักเรียกว่า 'ระบำแห่งความมืด') ซึ่งเป็นการแสดงแบบเน้นร่างกาย ละครจึงแทบไม่มีบทพูด และบางฉากอาจเข้าใจยากเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไรมาก

กล่าวได้ว่าคณะละคร B-Floor ได้สร้างผลงานมาสเตอร์พีซขึ้นมาอีกครั้ง (ความจริงละครของคณะนี้คือมาสเตอร์พีซทุกชิ้น ตั้งแต่ GoDaGardener, ห้องตกกระแทกหมายเลขศูนย์ และ แผ่นดินอื่น) การแสดงแบบ Physical Theatre อันแสนทรงพลัง จนสะกดคนดูได้ตลอด (แค่ฉากแรกก็ชนะเลิศแล้ว) การออกแบบเสียงที่ทะลุทะลวงโสตประสาทขั้นสุดยอด (แต่รู้สึกว่าคราวนี้จะไม่แรงเท่าเรื่องก่อนๆ) รวมถึงอุปกรณ์ประกอบฉากที่เซอร์ไพรส์สุดๆ

กลับกลายเป็นว่าสื่อที่สะท้อนประเด็นทางสังคมได้ดีและก้าวหน้าที่สุดของบ้านเราตอนนี้กลับเป็นละครเที และงานศิลปะ อาจเพราะการแสดงในวงแคบๆ และไม่มีปัญหาเรื่องการเซ็นเซอร์นัก (ส่วนวงการภาพยนตร์ถือว่าล้าหลังที่สุด) ซึ่งเป็นเรื่องน่าชื่นชมมากที่คณะละคร B-Floorกล้าแตะ (และเตะ) ประเด็นสังคมแรงๆ ที่ชาวบ้านไม่กล้าทำกันอยู่เสมอ (แผ่นดินอื่น ละครเรื่องที่แล้วพูดถึงกรณีไม่ยืนของโชติศักดิ์ และเหตุการณ์ 7 ตุลา 2551)

อ้อ อีกอย่างคือ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนอย่าง เกย์นที มาดูละครเรื่องนี้จะเป็นยังไง 5555 (ก็คงได้เห็นแกไปเล่นงิ้วในรายการโทรทัศน์อีกกระมัง หึหึหึ)




Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2552 7:03:08 น. 26 comments
Counter : 3079 Pageviews.

 



ขายของ!

ไบโอปกเหลืองอ๋อย ตอนนี้ดูแลคอลัมน์การ์ตูนด้านหลังสุดครับ เพิ่งเริ่มได้ 2 เล่ม ช่วยชี้แนะด้วย / ส่วน ฟิ้ว (หน้าปกแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ 555) ก็ยังเขียน ออกไปเดิน เช่นเคยจ้ะ

ตอนนี้กำลังทำหนังสั้นเรื่องใหม่ชื่อ WHEREVER YOU WILL GO เขียนบทเสร็จแล้ว ยังไม่ได้ถ่ายเลย




THIRD CLASS CINEMA กลับมาแล้วนะจ๊ะ!!

----------------------------------

TOP 5 สิ่งสุดยอด ณ บัดนาว

1. ละครเวที 'สันดานกา'

2. นิทรรศการ PERISHABLE BEAUTY ที่ TCDC

3. แตงโม + แป้ง ในละคร 'ดำขำ'

4. อัลบั้ม Soulvaki ของ Slowdive

5. การกลับมาของ THIRD CLASS CINEMA 5555



โดย: merveillesxx วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:6:15:57 น.  

 
นารีสมรส น่าดูมากๆ สันดานกาด้วย

ปกไบโอฯ เหลืองอ๋อยย สวยยยย



โดย: renton_renton วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:7:59:00 น.  

 
โฮก เขียนซะอยากดู (ชอบบรรยากาศมาก)

เก็บตังค์ไปดู สันดานกา ก่อนดีกว่าตู 555+


โดย: nanoguy IP: 125.24.169.190 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:44:45 น.  

 
เพิ่งดูเกย์นทีจากรายการวู้ดดี้ไปเมื่อคืน เห็นแต่ละปัญหาที่แกเป็นห่วงแล้วก็ตลกดี วู้ดดี้ยังยิงคำถามเจ๋งเหมือนเดิม

ปกไบโอนี่มันสวยแบบไม่ขายดีเนอะ


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:32:38 น.  

 
น่าสนใจแฮะ

น้องเราก็ทำละครเหมือนกัน เป็นสารนิพนธ์ของพวกเรียน ป.โท ละคร ที่อักษร จุฬา แสดงไปเรียบร้อยละ แต่ได้รับเสียงตอบรับจากคนดู และอาจารย์มาก ๆ (ถึงขั้นอาจารย์จะไปทุน สสส. มาให้เพื่อจะได้รีสเตท)

ได้ข่าวว่ารีสเตทเมื่อไหร่เดี๋ยวบอกไปอีกที

ป.ล. บกไบโอฯเล่มใหม่สวยดี ถ้าวางบนแผงคงเด่นชัดกว่าหัวอื่นแน่นอน


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:56:11 น.  

 
วันนี้มีเพื่อนที่ออฟฟิศเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วป่าวประกาศว่า "สันดานกาสุดยอดดดดด" เราก็เลยถามว่า "หรอพี่ แล้วเรื่องมันเป็นยังไงบ้างอ่ะ"

".....พี่ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่พี่คิดว่ามันเหมาะกับเธอดี (?!)"

ได้มาเจอคนมาฟันเฟิร์มอีกทีแบบนี้ สงสัยไม่เสาร์ก็อาทิตย์นี้คงจะไปดูละน่ะ (ซึ่งก็จะกลายเป็นละครเวทีเรื่องแรกในรอบหลายปีที่ดู 55+)


โดย: BloodyMonday วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:01:48 น.  

 
ปกไบโอมันเด่นนะเ ล่มนี้
แต่ถามว่าสวยไหมหรือขายไหม นี่อ้ำๆ อึ้งๆ ที่จะตอบว่ะ

เมื่อไหร่เค้่าจะไม่เอาภาพวาดขึ้นปกหว่า


โดย: grappa วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:26:24 น.  

 
นารีสมรส น่าดูมากครับ

ปล.การ์ตูนเล่มใหม่ตลกดี


โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:27:29 น.  

 
ตอบ renton_renton

ส่วนตัวผมก็ว่าสีเหลืองอันนี้สวยดีครับ จริงๆ เล่ม Benjamin Button ก็เถียงกันว่าจะเอาสีชมพูสะท้อนแสงดีมั้ย 555 เสียดายว่าเจ้านายไม่เอาด้วย



ตอบ nanoguy

ขอเชียร์ให้น้อง nano ไปดูสันดานกานะจ๊ะ เหมาะกับน้องมากๆ ค่ะ



ตอบ แฟนผมฯ

ผมดูแล้วก็งงกับ logic ของเจ๊แกเหมือนกัน ประมาณว่า ดาราเกย์ ถ้าเล่นออกมาแมนโอเค แต่ถ้าสาวแตกไม่โอเค !!??



ตอบ I will see U in the next life.

ไม่รู้เป็นเรื่องที่เราได้ดูหรือเปล่า เพราะได้ไปละครของ อักษร จุฬา มาบ้างเหมือนกัน ซึ่งละครของที่นี่เราว่าดีเลยแหละ



ตอบ BloodyMonday

ออฟฟิอศเก๋มากครับ คุยกันเรื่อง สันดานกา!!!



ตอบ grappa

เอ่อ แบบว่า รู้สึกเค้าจะใช้ปกแบบนี้ไปตลอดปีอ่ะพี่



ตอบ แค่เพียงรู้สึกสุขใจ

เย้ ดีใจมีคนตลกด้วย 555


โดย: merveillesxx วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:02:38 น.  

 
ตามมาอ่านจากกระทู้ในพันทิปครับ (จากกระทู้สันดานกา)

ผมได้ไปดูเรื่อง "นารีสมรส" เหมือนกัน รอบวันอาทิตย์
(และได้เลือกนั่งเก้าอี้วีลแชร์ เพราะเห็นว่ามันสบายดี ดันกลายเป็นจุดให้นักแสดงถามกลับตอนท้ายเรื่อง ^^)

ผมชอบที่คุณmerveillesxx มาเขียนเล่ารวมทั้งใส่ความเห็นในบล็อกนี้มากครับ เพราะตอนดูผมไม่ได้เข้าใจและคิดอะไรได้มากเท่าไหร่ พอได้มาอ่านนี่ แล้วเข้าใจอะไรมากขึ้นอีกมากครับ

ขอบคุณครับ


โดย: PhiLopHobiA IP: 58.8.172.201 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:2:44:22 น.  

 
+ ตั้งแต่ย้ายจาก หอเกือบๆ กลางเมือง ไปยัง บ้านต่างจังหวัด (ชานเมือง) เนี่ย รู้สึกพี่จะห่างเหินกับวงการศิลปะจำพวกนี้ไปเลยอ่ะครับ แค่อาทิตย์นึงจะหาเวลาถ่อเข้าไปให้ได้ถึงลิโดหรือเฮาส์ก็ยังยากแล้วอ่า ... โถ! ชีวิต

+ พี่ก็ออกจะขำกับโลจิคในการ 'โวย' แต่ละเรื่องของคุณเกย์นทีเธออ่ะครับ เรื่องที่ควรพูดถึงก็กลับไม่พูด ไปโวยแต่เรื่องจุกจิกไร้สาระเล็กๆ น้อยๆ อะไรก็ไม่รู้ แถมยังสำคัญตัวเองว่าเป็นตัวแทนของเกย์ทั้งมวล หารู้ไม่ว่าตามเน็ต ตามเว็บบอร์ดทั้งหลายส่วนใหญ่ออกจะก่นด่าเธอกันทั้งนั้นที่ทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเค้าเสื่อมเสีย หุๆ

+ ปกไบโอเล่มนี้แนวมั่กๆ ครับ ส่วนปกฟิ้ว สงสัยว่า ผกก. เค้าอายุเท่าไหร่ ทำไมหน้าเด็กจังอ่า ... ส่วนคุณเนเน่ เอ่อ ... แร๊งงงงงง

+ นี่จะไป 3rd class รอบถัดไปนี่ พี่ยังต้องคิด ต้องวางแผนการเดินทางก่อนเลยเนี่ย ว่าจะกลับยังไง (ขี้เกียจขับรถเข้าเมือง เย็นวันศุกร์!) แต่จัดที่นั่นก็ยังดีกว่าออฟฟิศใหม่ไบโอมั้งครับ ท่าทางจะไปยากกว่าเยอะเลยอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:02:51 น.  

 
หนีงานบอลมาดูเรื่องนี้แหละ แต่เป็นตอนเย็น
คนที่เป็นอลิซและผู้กำกับ เรียนชั้นเดียวกัน ซึ่งเคยแซวฉันๆว่า เคยทาบทามฉันมาก่อน 55555555555555


โดย: initial A IP: 161.200.255.162 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:39:45 น.  

 
นารีสมรสน่าสนใจมาก นักแสดงเก่งรึเปล่าไม่ยักบอก ถ้าเก่งละก็ ต้องเยี่ยมแน่ๆ

ปกไบโอบางเล่ม พอเห็นแล้วเราก็ได้แต่ถอนหายใจ ว่าจะมีโอกาสได้ขาจรมั่งไหมเนี่ย จริงๆ นะ ถ้าไม่รักกันก็คงไม่รู้สึกอย่างนี้

เติร์ดคลาสฯ กลับมาแล้ว เย้!


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.195.23 วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:21:49:09 น.  

 
ตอบ PhiLopHobiA

ขอบคุณที่อุตส่าห์ตามมาอ่านจ้า



ตอบ บลูยอชท์

โถ การจัดฉายหนังของเรา ทำให้ผู้คนลำบากขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย 55



ตอบ initial A

สงสัยอยู่ว่าคนมาดูน้อยเนี่ย เพราะงานบอลรึป่าว



ตอบ เอกเช้า

นักแสดงเล่นโอเคเลยแหละ มีพูดลิ้นคับปากบ้าง พูดเร็วเกินไปบ้าง แต่เรื่องอารมณ์นี่ดีเลย

----------------------------------


โปรเจ็คต์หนังกรุงเทพ จาก ผกก. 17 คน ที่ ข้าพเจ้าไปร่วมด้วย

ดูรายละเอียด //www.myspace.com/vivabigfish



โดย: merveillesxx วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:21:34 น.  

 
จะหาเวลาไปดูสันดานกานะ ท่าทางของเขา "แรง" แต่สงสัยต้องไปดูกับ nanoguy ความแรงของละครคงเพิ่มทวีเป็น 10 เท่า

ขยันดูละครแบบนี้จังนะเนี่ย

แล้วจะไปดูละครโปรดักชั่นแบบตอแหลของ "คุณบอย" ไหมล่ะเนี่ย ปีนี้ชี เอ้ย ฮี ทำทั้ง "เนื้อคู่ 11 ฉาก" กับ "แม่นาคเดอะมิวสิคคัล" เชียวนะ



โดย: เด็กม.ปลาย (Onlineza ) วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:1:50:21 น.  

 
^
^
จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป รัชดาลัย ก็เป็นหนึ่งได้รายได้ (และรายจ่าย) ของฉัน แต่ต้องพยายามแอ๊บไว้ เดี๋ยวจะถูกมองว่าไม่อินดี้ 5555

11 ฉาก นี่ดูแน่นอน เพราะชอบ สินจัย จ้า (คิด อาทิตย์ชิงดวง ด้วย)


โดย: merveillesxx วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:15:38:00 น.  

 
เพิ่งเห็นโฆษณา 11 ฉากเมื่อวานนี้ (ตกข่าวขั้นสุดยอด)
อยากดูม๊าก มาก 555 แต่นะ ราคามันช่างสูงเกินจะทน


อาาาา นอกจากจะไม่ทราบข่าวคราวของละครเรื่องที่คุณเมอร์ฯ ว่าแล้ว วันที่แสดงเรายังไปติดแหงกอยู่ที่งานบอลอีกต่างหาก จะออกมาก็ไม่ได้เพราะว่ามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ (เป็นเอ็มซีแสตนด์ธรรมศาสตร์เลยนา เห็นได้ชัดว่าเขาคัดกันที่หน้าตาจริงๆ 555)

ถึงแอ็คทิวิตี้ที่ทำจะดูไม่อินดี้ แต่ก็มีความสุขได้ใกล้ชิดลีดผู้ชายหล่อๆ 55555


ปล. เอ่อ บล็อคเรามันไม่เหมาะกับหน้าเราตรงไหนมิทราบค้าาาาาา?


โดย: ยิ่งยง นั่งยองยอง วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:17:38 น.  

 
อ่าว พี่ต่อดูอาทิตย์ชิงดวงเหมือนกันรึ :D
ฮ่าๆๆ ฝนติดมาก ติดแหง็กจนลุกไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว
กรี๊ดสินจัยสลบบบบบบบบบ !!!!!!!!!!!!!!!


โดย: piovere IP: 125.24.207.80 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:25:12 น.  

 
^
^
แต่พี่แอบติด เมียหลวง มากกว่านิดนึง 555

(จำได้ว่าเวอร์ชัน สิเรียม - เบนซ์ พรชิตา ก็ชอบนะ)

ชอบเวลา อั้ม เล่นบทแบบนี้ การเล่นหูเล่นตาของเธอมันได้จริงๆ (บท "อีเปีย" ของ อั้ม ใน "คมพยายาท" นี่ชอบมาก)

แล้วก็ดีใจกับ ป๊อก ปิยะธิดา จริงๆ ที่เธอมาถึงจุดนี้ของการแสดงได้ เธอดูทรงพลังมากๆ

โดยเฉพาะถ้าคิดว่าเธอเคยรับบทโสๆ ในละครอย่าง "ไอ้โม่งแดง" มาก่อน

ป.ล. วันศุกร์นี้จะรู้แล้วว่าใครได้เป็น 'พ่อมาก' ของคุณหนูบอย อิอิ


โดย: merveillesxx วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:44:42 น.  

 
^
^
อ้าว เค้ายังไม่สรุปกันอีกเรอะ แล้วตูไปเอามาจากไหนฟะ ว่าพ่อมากคืออาร์ เดอะ สตาร์ (ดีใจจริงๆที่มันเป็นแค่ข่าวลือ)

เห็นด้วยว่าอั้มต้องเล่นบทแบบนี้ถึงจะเหมาะ อย่าไปเล่นบทนางเอกแอ๊บใสเลย ขัดแย้งอย่างรุนแรง


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:14:13 น.  

 
เห็นด้วย อั้มนี่แอ๊บใสยังไงก็ไม่มีวันได้เหมือน กบ-สุวนันท์
เดี๋ยวจะลองเปิดไปดู เมียหลวง บ้าง

จขบ. อย่าลืมดูน้องพิช แห่งวงออกัส ใน "สายลีบดิลิเวอรี่" ล่ะ
(แต่ทนรำคาญ หยาดทิพย์ หน่อยนะ 55555555)


โดย: nanoguy IP: 125.24.133.122 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:20:31 น.  

 
^
^
สายสืบเดลิเวรี่ คงทนดูไม่ได้ แค่ดูทีเซอร์ก็เครียดแล้ว เซ็งเหลือเกินที่น้องหยาดได้แต่บทแบบนี้ (มาสเ้ตอร์พีซของเธอคือ "รังนกบนปลายไม้" เพราะว่ากันว่า...เธอเล่นเป็นตัวเอง!! 555)

เรื่อง เมียหลวง ขำกระทู้พันทิปที่บอกว่า

"ถ้าจะให้เข้ากะยุคสมัย ละคร "เมียหลวง" ดร.อนิรุทต์ น่าจะหาเมียน้อยเป็นผู้ชายนะคะ" 555555555


โดย: merveillesxx วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:15:47 น.  

 
หกเจ็ดคอมเม้นส์ที่ผ่านมาคุยถึงเรื่องอะไรกันอยู่... แบบว่าอยากมีส่วนร่วม 555+


โดย: BdMd IP: 124.122.81.153 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:32:47 น.  

 
ติดอาทิตย์ชิงดวงด้วยคน แต่แบบนึกได้ก็ดู ลืมไปก็ไม่ดู
ว่าแต่ อดขัดสายตาไม่ได้ซักที ที่พิศาลมีลูกสวยเป็นอ้อม พิยดา ....
อ้าว พ่อลูกกันจริงนี่หว่า


โดย: เอกเช้า IP: 124.120.191.157 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:28:59 น.  

 
^
^
มี surreal กว่านั้น

ตอนแรกสุดเนี่ย พิศาลสมัยหนุ่ม รับบทโดย ....กัปตัน!!


ป.ล. วันนี้ไปดู ทึนทึก 2 มา สนุกดี ขำๆ เพลินๆ มุกการเมืองเยอะ ฮา


โดย: merveillesxx วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:59:37 น.  

 
เปิดทีวีผ่านๆตา อ่านข่าวผจก ตกลงมันไม่ได้เลิกกันหรอ
แล้วหนังเรื่องไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้นชั้นสมควรไปดูมั้ย

อย่าลืมไปบายเนียร์ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตกลงรถออกกี่โมงหลังจากโหวตไปแล้ว


โดย: ส้มโอ IP: 202.176.68.38 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:33:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.