เสียงสยอง
เสียงสยอง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"จามรี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโทรศัพท์

เมื่อราวสิบปีก่อน ดิฉันอยู่กับคุณลุงคุณป้าที่ราชเทวี...พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสีย ชีวิตพร้อมกันเมื่อดิฉันอายุได้สิบขวบเศษ ได้เงินประกันชีวิตมาก้อนใหญ่และยังได้คุณลุงพี่ชายของแม่กับคุณป้าช่วย อุปการะเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนเรียนจบปริญญา

ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองของดิฉันเกษียณอายุก่อนที่ดิฉันจะเรียนจบราว 4-5 ปี ท่านไม่มีบุตรสืบสกุลเลย ความรักทั้งหมดจึงทุ่มเทให้หลานกำพร้าของท่านคนเดียว

ระยะหลังคุณป้าละมุนไม่ค่อยสบาย ทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไหนจะคอเลสเตอรอลเต็มตัว คุณป้ามักจะนอนซมอยู่ชั้นบน มีคุณลุงพิชิตซึ่งแข็งแรงเพราะชอบจ๊อกกิ้งมาเกือบ 20 ปีแล้ว ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด บางทีดิฉันไปทำงานก็ได้ข่าวว่าต้องอุ้มคุณป้าขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาล...งาน เลิกดิฉันก็แวะเยี่ยมคุณป้าได้เลย

ถึงแม้จะอยู่บ้าน เพื่อนๆ คุณป้าก็จะแวะมาเยี่ยมเสมอ ส่วนมากจะสนิทกันจนขึ้นไปเยี่ยมถึงในห้องนอน มีป้าพราว, ป้าโฉม, คุณยายผ่องศรี, น้าชม้อย...ราวปีเศษ ป้าพราวก็เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ คุณป้าละมุนแข็งใจไปเยี่ยมได้ครั้งเดียว...ไม่ถึงเดือนป้าพราวก็สิ้นใจ

ไปเผาศพป้าพราวได้เดือนเดียวก็ต้องไปเผาป้าโฉมอีกแล้ว...หัวใจวายค่ะ!

เหลือคุณยายผ่องศรีกับน้าชม้อย...ไม่ช้าก็มีอาการคล้ายอัมพฤกษ์ทั้งคู่ น้าชม้อยแทบจะเดินไม่ได้เลย ส่วนคุณยายผ่องศรีต้องใช้ไม้เท้ายันกายมาเยี่ยมคุณป้าดิฉัน...กายสังขารคน เราเมื่อแก่ตัวยิ่งเสื่อมทรุดรวดเร็วจนน่าใจหาย แถมไม่มีใครหลบหนีได้สำเร็จอีกต่างหาก

น้าชม้อยหายหน้าไปเลย คุณป้าละมุนจะไปเยี่ยมก็ไม่ไหว คุณลุงคอยห้ามด้วยค่ะว่าอย่าฝืนสังขารเลย นอนพักผ่อนมากๆ ดีกว่า...อีกหน่อยเราก็นอนพักผ่อนไปตลอดกาล!

ตอนสายวันเสาร์ ดิฉันได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้นที่ห้องรับแขก

ปรากฏว่าเป็นเสียงแหบๆ คุณยายผ่องศรีค่ะ ขอพูดกับคุณป้าละมุน ขณะนั้นเองคุณลุงก็เดินลงบันไดมา ดิฉันจึงยื่นโทรศัพท์ให้เพราะไม่แน่ใจว่าคุณป้าจะลงมารับไหวหรือเปล่า? คุณลุงบอกว่าคุณป้าหลับอยู่ มีอะไรจะสั่งไว้ไหม? คำตอบก็คือไม่เป็นไร...แล้วจะโทร.มาหาใหม่

เชื่อไหมคะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคุณยายผ่องศรีก็โทรศัพท์มาอีกแล้ว บอกว่าคุณป้ายังหลับก็โดนดุว่า...อาไร้! หลับตั้งนานแล้ว ทำไมไม่รู้จักตื่นเสียที? ช่วยปลุกหน่อยได้ไหม? ยายมีธุระอยากคุยกับแม่ละมุนเขาน่ะ!

ดิฉันชักเคืองขึ้นมา...รู้ ก็รู้ว่าชั้นบนไม่มีโทรศัพท์ ใจคอจะให้ขึ้นไปปลุกคุณป้าแล้วประคับประคองลงบันไดมารับโทรศัพท์เชียวหรือ? ดิฉันเลยโพล่งไปว่า...คุณยายมีธุระสำคัญก็มาหาคุณป้าเลยซีคะ! คุณยายผ่องศรีไม่โกรธหรอกค่ะ พร่ำแต่ว่าอยากจะคุยด้วยจริงๆ เฮ้อ...

เปล่าหรอกค่ะ คุณยายผ่องศรีไม่ได้คิดจะมารบกวนเงินทองคุณป้า ขอให้ดิฉันบอกตรงๆ ก็แล้วกันว่า...แกประสาท! ลูกหลานไม่เอาธุระแล้ว เป็นคนแก่ที่จุ้นจ้าน หลงๆ ลืมๆ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง น่ารำคาญที่สุด

คิดอีกทีก็ใจหายวูบ...ถ้าเราแก่ตัวลงไปแล้วมีอาการอัลไซเมอร์แบบนั้นล่ะ?

คุณยายผ่องศรีโทร.มาเกือบทุกวัน คุณลุงเล่าว่าบางวันก็มีทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย ถ้าเสาร์อาทิตย์ดิฉันจะคอยรับโทรศัพท์...บอกคุณยายให้มาหาที่บ้าน คุณป้าหลับยาวค่ะ! วันหนึ่งคุณยายผ่องศรีก็มาจริงๆ

ร่างอวบอ้วน ผมขาวโพลน ประคองสังขารด้วยไม้เท้าลงจากรถแท็กซี่...บอกตรงๆ ว่าดิฉันอดคิดไม่ได้ว่าแก่ช่างไม่คิดเลยว่า ขากลับจะทำยังไง? ต้องไปส่งถึงบ้านหรือตามรถมาให้

พอมาถึงก็ถามหาคุณป้าละมุน ดิฉันบอกว่ายังไม่ตื่น แกก็บอกว่าจะขึ้นไปเยี่ยม...ขึ้นได้ก็เอาซี! ดิฉันชักอารมณ์ขุ่นมัว หาน้ำเย็นให้แล้วเดินหนีไปทางหลังบ้าน คอยแอบดูก็เห็นว่าแกขึ้นไม่ไหว สักพักก็คว้าไม้เท้าเก้ๆ กังๆ ดิฉันทำเป็นเดินเข้าไปถามว่า อ้าว? จะกลับแล้วหรือคะ? คุณยายผ่องศรีสะบัดหน้าพรืด...กลับละ! มารอตั้ง 2 ชั่วโมงจนรอไม่ไหวแล้ว

ของจริงนั้นแกรอไม่ถึง 15 นาทีหรอกค่ะ!

แกโทรศัพท์มากวนอีก 3-4 ครั้งก็เงียบหายไป ได้ข่าวว่าล้มในห้องน้ำหัวฟาดพื้นตายคาที่ คุณลุงสั่งดิฉันให้ปิดคุณป้า ตัวเองไปวันเผาที่พวกลูกๆ หลานๆ แกบอกข่าวมา

ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ดิฉันกลับจากทำงานมาตอนใกล้ค่ำก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์รัวขึ้นพอยกหูรับก็ยืนตะลึงพรึงเพริดอยู่กับที่

"ขอพูดกับละมุนหน่อย" เสียงขุ่นและแหบแห้งไม่มีวันเป็นเสียงของใครไปได้นอกจากคุณยายผ่องศรี "ฉันมีธุระด่วน...อย่าบอกนะว่ายังไม่ตื่น"

โทรศัพท์ร่วงผล็อยจากมือ ขาสั่นจนต้องเกาะโต๊ะใกล้ๆ ไว้ คุณลุงเดินลงบันไดมาพอดี พอเราสบตากันท่านก็พยักหน้าให้...อย่าไปคิดอะไรมาก วันนี้แกโทร.มาหาลุงสองรอบแล้ว...ทีหลังอย่ารับโทรศัพท์ก็แล้วกัน ลุงรับเอง!

ทุกวันนี้โทรศัพท์มือถือแพร่หลายไปทั้งเมืองแล้ว ดิฉันยอมตกยุคแต่ไม่ยอมใช้มือถือหรอกค่ะ...ถ้าคุณเจอแบบดิฉัน เชื่อว่าคุณก็คงกลัวโทรศัพท์เช่นกัน! บรื๋อสสสส...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEExTURrMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB3TlE9PQ==



Create Date : 05 กันยายน 2551
Last Update : 5 กันยายน 2551 19:53:15 น.
Counter : 716 Pageviews.

0 comment
คลองผีสิง
คลองผีสิง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"บังโซะ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคลองแสนแสบ

สมัย เด็กผมอยู่แถวคลองแสนแสบ ไม่ว่ามีนบุรี หนองจอก หัวตะเข้ ลาดกระบัง คลองหลวงแพ่ง สมัยก่อนยังเป็นเรือกสวนไร่นา ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยว...ผมเจอเรื่องขนหัวลุกเข้าที่คลองแสนแสบนี่เอง!

ตอนเย็นๆ ใครนั่งเรือผ่านไปมาจะรู้สึกเยือกเย็นวังเวงใจชอบกล ต้นไม้ใหญ่ๆ ยืนทะมึนอยู่สองฟากฝั่ง กอไผ่โน้มลงมาเรี่ยผิวน้ำ ต้นไทรที่มีผ้าเหลืองผ้าแดงเก่าๆ ขาดวิ่นพันอยู่โคนต้น ห้อยลงมาตามกิ่งก้านสาขาร่มครึ้ม โดยเฉพาะรากห้อยระย้าลงมาเกือบถึงพื้น แกว่งไกวไปมาตามสายลมที่หวีดหวิวคร่ำครวญไม่หยุดหย่อน

มองเผินๆ เหมือนมีใครกำลังจ้องมองมาจากหลังม่านไทรย้อยก็ไม่รู้

ยิ่งยามพลบค่ำ ท้องฟ้าสีหมากสุกสะท้อนเงาอยู่ในสายน้ำ หันไปมองข้างๆ ก็เห็นพงอ้อกอหญ้าค่อนข้างสูงมืดครึ้ม ไหนจะมีศาลเพียงตาโย้เย้ เอียงกระเท่เร่จะล้มมิล้มแหล่...มาลัยแห้งๆ หลุดล่อนเกือบหมดทุกพวง แถมศาลที่ว่านี่ยังค่อนข้างหนาตาอีกต่างหาก

เขาว่ามีคนตายโหงก็ตั้งศาลเพียงตาที ให้วิญญาณอยู่ที่นั่นซีครับ! เท่านั้นยังไม่พอผ่านไปอีกหน่อยยิ่งน่าวังเวงใจสุดๆ เพราะจะถึงป่าช้าเก่าที่ทิ้งร้างมาหลายสิบปีแล้ว

พวกผู้ใหญ่หลายคนเล่าว่าเคยถูกผีหลอกตอนพายเรือคดเคี้ยวไปตามลำคลอง ถ้าเป็นหน้าน้ำบางแห่งจะมองเห็นรวงข้าวเหลืองอร่ามไปสุดลูกหูลูกตา แต่เย็นๆ ค่ำๆ อย่าได้ริอ่านไปพายเรือเล่นกินลมเข้าเชียว มีหวังโดนผีหลอกไม่รู้ตัว

ตามุดอายุเกือบหกสิบเล่าว่าเคยโดนผีหลอกสาหัส ไม่รู้ว่ารอดตายมาได้ยังไง?

เย็นนั้นตอนปลายปี ตามุดได้ข่าวว่าลูกสาวเจ็บท้องจะคลอดลูก อารามดีใจที่จะได้หลานก็ลงเรืออีแปะพายอ้าวไปทันที...ปรากฏว่าได้หลานชายน่า รักน่าชัง ตามุดก็เชยชมหลานแกจนเลยค่ำถึงได้พายเรือ กลับบ้าน

ขณะที่ผ่านป่าช้าเก่านั่นเอง เรื่องสยองก็อุบัติพลัน!

สรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบเชียบ ท่ามกลางสายหมอกจางๆ นอกจากเสียงสายลมพัดลู่ไปตามสุมทุมพุ่มไม้กับเสียงระลอกคลื่นกระทบฝั่ง ก็คือเสียงพายกระทบน้ำดังจ๋อมๆ แต่ตามุดชักเอะใจตอนที่แกชักพายขึ้นมาแล้ว แต่ยังไม่ทันจ้วงลงไปก็มีเสียง จ๋อมๆ มากระทบหู

มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดใจอยู่ข้างหลัง ชายชราหันไปมองก็เห็นเรือลำหนึ่งพายตามมา ร่างขาวๆ ที่ท้ายเรือดูเหมือนจะเร่งจ้วงพายเร็วขึ้น ขณะที่ตามุดถือพายราน้ำอย่างลืมตัว

เรือลำนั้นพายขึ้นมาตีคู่ ห่างกันไม่ถึงสองวา...แต่มันไม่ใช่เรือธรรมดา

สิ่งนั้นคือโลงผีชัดๆ ร่างขาวๆ ที่อยู่ท้ายเรือก็คือโครงกระดูกล้วนๆ หัวกะโหลกเจ้ากรรมนั่นหันมายิ้มกว้างกับแก...มาแข่งเรือกันมั้ยวะ?

ตามุดเย็นวาบไปทั้งตัว เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนเหมือนจะเป็นไข้ ใกล้จะสติแตกโดดลงน้ำอยู่รอมร่อ แต่รวบรวมความกล้าหาญจ้วงพายลงน้ำไม่คิดชีวิต โลงอุบาทว์นั่นก็แล่นอ้าวจนน้ำบานตีคู่ไปกับแก พร้อมกับส่งเสียงฮ้าไฮ้ๆๆๆ อย่างสนุกสนาน

"ถ้าเรือล่มข้าคงขาดใจตายไปแล้ว" ตามุดเล่าในวันรุ่งขึ้น "โอย...ผีอะไรมันจะดุฉิบหายวายวอดขนาดนี้ก็ไม่รู้"

ชาว บ้านเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ที่แน่ๆ คือตามุดไม่ยอมไปไหนมาไหนค่ำๆ มืดๆ อีกเลย...จนกระทั่งวันดีคืนดีผมกับพ่อก็ไปตกปลากันสองคน เห็นเรือเพื่อนบ้านหลายลำจอดเรียงรายกันไปเรื่อยๆ เราพายหลบไปแถวป่าช้าเก่าเพราะที่นั่นปลอดคนดี

สรรพสิ่งเงียบเชียบเป็นปกติ เสียแต่เหยื่อตัวอ้วนๆ ไม่รู้ว่าหายไปไหนหมด นานๆ จะวัดขึ้นมาได้ซักที แถมหลุดลงน้ำไปอีกครึ่งต่อครึ่ง...จนกระทั่งมืดค่ำเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว

พ่อเก็บเบ็ด เหลียวซ้ายแลขวาพลางพึมพำว่า...เอาละวะ แค่นี้ก็พอหม้อแกงแล้ว!

ขากลับอากาศค่อนข้างเยือกเย็น ดาวสะพรั่งฟ้า สายลมพัดหวีดหวิวไม่หยุดหย่อนมีหมอกบางๆ ลอยเรี่ยผิวน้ำ ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ตามุดเล่า...ขณะนั้นเอง เสียงพายกินน้ำดังจ๋อมๆ ค่อนข้างหนักหน่วงก็ดังมาจากเบื้องหลัง

ผมเหลียวมองไม่หยุดหย่อน ใจเต้นโครมครามจนแน่ใจว่าสิ่งที่ตามหลังเรามาเป็นเรือจริงๆ ไม่ใช่โลงผีอย่างที่ตามุดเคยเจอ...จนมันพุ่งขึ้นมาตีคู่กับเรา

นรกเป็นพยาน! เรือบดน้ำนั้นสีดำสนิท พอๆ กับร่างที่นั่งอยู่กลางลำเรือ หน้าตาที่หันมามองดำเมื่อม ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง...ท่ามกลางเสียงหมาหอนโหยหวนมาจากสองฟากฝั่ง พ่อร้องขึ้นว่า...รีบจ้ำโว้ย!

ผมพายหัว พ่อพายท้าย เราจ้วงกันน้ำบานไม่คิดชีวิต เสียงภูตนรกหัวเราะเย้ยหยันเขย่าขวัญจนผมแทบจะขาดใจตายในพริบตานั้นเอง

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้าเราจะออกไปตกปลาก็มักและหัวเรือเข้าไปในพงหญ้าไม่ห่างจากบ้านนัก ถึงจะได้ปลาน้อยก็ยังดีกว่าขนหัวลุกละครับ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEEwTURrMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB3TkE9PQ==



Create Date : 04 กันยายน 2551
Last Update : 4 กันยายน 2551 19:49:34 น.
Counter : 858 Pageviews.

0 comment
คืนหนึ่งที่อยุธยา!
คืนหนึ่งที่อยุธยา!

ขนหัวลุก

"ใบหนาด"



"ครูเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพาเด็กไปทัศนศึกษา

ดิฉัน เป็นครูของเด็กนักเรียนระดับประถม โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นี่ล่ะค่ะ เหตุการณ์ขนหัวลุกที่จะเล่านี้ เกิดขึ้นเมื่อดิฉันต้องดูแลเด็กๆ ไปเข้าค่ายที่อยุธยา

โรงเรียนดังกล่าวนี้เป็นโรงเรียนแบบสองภาษา ค่าเล่าเรียนค่อนข้างสูง แถมยังมีการสอนพิเศษอื่นๆ เพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักเรียนให้ดีที่สุด เช่น ว่ายน้ำ, คอมพิวเตอร์, บัลเลต์ แต่ละคอร์สนั้นมีค่าใช้จ่ายคนละหลายพัน เช่นเดียวกับการออกไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ซึ่งแต่ละครั้งผู้ปกครองต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าห้าพันบาท

ที่บอกมานี้ไม่ได้อวด หรือทำให้ท่านผู้อ่านขนหัวลุกกับค่าใช้จ่ายนะคะ!

สมัยนี้ก็แบบนี้ล่ะค่ะ ดิฉันเพียงแต่จะให้เห็นภาพว่าสิ่งแวดล้อมโดยรวมของโรงเรียนและลูกศิษย์ตัวน้อยนั้น ทุกอย่างต้องชั้นหนึ่งเสมอ

การพาเด็กไปเข้าค่ายทุกครั้ง เราก็ไม่ได้พาเด็กไปนอนกลางดินกินกลางทรายตามค่ายพักแรมทั่วๆ ไปนะคะ แต่เราไปเหมาชั้นของโรงแรมระดับสี่ดาวขึ้นไป ผู้ปกครองจะตามไปดูก็ได้ค่ะ และทุกท่านพอใจมากในการที่เห็นลูกๆ ได้อยู่สบายและปลอดภัยที่สุด...ลูกศิษย์ดิฉันนอนห้องแอร์ ตื่นเช้าก็กินเบรกฟัสต์อย่างดี และขึ้นรถทัวร์ไปทัศนศึกษา

การพาเด็กไปเข้าค่ายคราวนี้ เราไปถึงสุโขทัยแน่ะค่ะ เด็กๆ สนุกมาก ขากลับเข้ากรุงเทพฯ เราก็ค้างที่อยุธยากัน 2 คืน

โรงแรม หรูที่อยุธยานี่สะดวกสบายมากค่ะ เราให้เด็กนอนห้องละ 3-4 คน โดยแยกเด็กหญิงกับเด็กชาย รวมเด็กทั้งหมดร้อยคนเศษ เป็นเด็ก ป.4 กำลังน่ารักทั้งนั้น

คืนแรกที่ไปถึง เด็กๆ ตื่นเต้นสนุกสนาน แม้จะเดินทางไกลกลับมาจากสุโขทัยก็ตาม พวกเขามีพลังเหลือเฟือจริงๆ พวกครูๆ สิคะชักจะเหนื่อยแล้วล่ะ แต่พอเห็นสีหน้าท่าทางของเด็กๆ แล้วเราก็ชื่นใจหายเหนื่อย

ราว 4 ทุ่ม ดูแลความเรียบร้อย พาลูกศิษย์เข้านอนครบทุกคน น่าสังเกตว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่นอนหัวค่ำ ราว 3-4 ทุ่มแกก็ง่วงกันแล้วค่ะ ทำให้งานของครูๆ เบาลงเยอะเชียว

ดิฉัน อยู่ในบรรยากาศที่น่าสบายใจมาก หลังจากไปเซย์ กู๊ดไนต์กับเด็กทุกห้องแล้ว ดิฉันก็กลับมานอนกับลูกศิษย์ 3 คน ในห้องพัก ที่อยู่ในช่วงกลางของห้องทั้งหมดในฟลอร์นั้น

ห้องนี้ก็อยู่หน้าลิฟต์พอดีเป๊ะ!

เมื่อเด็กๆ หลับกันหมดแล้ว ดิฉันก็เขียนรายงานประจำวันอีก 2-3 หน้าจากนั้นก็อาบน้ำแล้วปิดไฟนอน

กลางดึกสงัด และเสียงเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ ดิฉันลืมตาขึ้นในความมืด หูแว่วเสียงเด็กจำนวนมากมาเล่นกันอยู่ที่หน้าห้อง...มันเป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าว ราวกับพวกแกกำลังสนุกสนานกันสุดขีด สงสัยว่าจะวิ่งเล่นไล่จับกันมั้ง นั่นน่ะ?

ดิฉันนอนนิ่ง ลืมตาโพลง ท่านผู้อ่านคงจะเห็นใจดิฉันนะคะ ว่าคนเพิ่งตื่นใหม่ๆ 2-3 วินาทีแรกมันมึนงงน่าดูเลย จับต้นชนปลายไม่ถูกทีเดียว...หลังจากนั้น สติก็เริ่มมา...

ดิฉันขนลุกซ่า...มันอะไรกันนี่? เป็นไปไม่ได้แน่!

ขณะ ผุดลุกขึ้นนั่ง เสียงหัวเราะเฮฮาของเด็กๆ หน้าห้องก็ยังได้ยินอยู่อย่างชัดเจน...เป็นเด็กธรรมดาๆ นี่ล่ะค่ะ ลองนึกภาพตามมานะคะ...เสียงนั้นไม่ผิดอะไรกับเด็กสักสิบคนมาวิ่งเล่นกัน จริงๆ แต่ดิฉันก็ตระหนักดีว่ามันเป็นไปไม่ได้...ยิ่งเมื่อหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูและพบ ว่าเป็นเวลาตี 2 ดิฉันก็ยิ่งขนลุก แต่เสียงที่เหมือนมนุษย์ธรรมดาๆ ทำให้ดิฉันชักลังเล

เอ...รึว่าลูกศิษย์แสนซนจะนอนไม่หลับเลยลุกมาวิ่งเล่นกัน แต่...มันเป็นไปไม่ได้!

ไม่รู้อะไรมาดลใจ ดิฉันลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยรู้ตัวนัก แล้วเดินไปที่ประตู...หลังจากชะงักอยู่อึดใจ ดิฉันก็ปลดโซ่ ปลดล็อก เปิดประตูออกดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั่น?

คุณพระช่วย! ดิฉันเย็นวาบไปทั้งร่าง คิดว่าจะเจอแต่ความว่างเปล่า...แต่ไม่ใช่ค่ะ! มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งอยู่ที่หน้าห้อง เธอนุ่งผ้าถุงสีแดง ใส่เสื้อคอกระเช้าสีขาวสะอาด ผมสั้นแค่หูเหมือนเด็กนักเรียน...

เธอกำลังกระโดดเชือกเล่นอยู่คนเดียว และหันหลังให้ดิฉันด้วย

ไม่ต้องเดาหรอกค่ะ เห็นแค่นั้น...ดิฉันก็รู้ว่าผี!!

ทันใดที่ดิฉันนึกถึงคำว่า "ผี" เด็กน้อยก็หยุดกึก ยืนนิ่ง มือทั้งสองที่แต่ละข้างถือปลายเชือกห้อยอยู่ข้างตัว และแล้ว...เธอก็ค่อยๆ หันมา...หันมาแต่ ส่วนไหล่และช่วงลำตัวยังนิ่งสนิท เธอหันเหมือน ลินดา แบลร์ ใน "เอ็กโซซิสต์" ยังไงยังงั้น

ใบหน้าเธอสะสวยน่ารัก และเธอยิ้มให้อย่างแจ่มใสที่สุด แต่ดิฉันหน้ามืด วูบไปเลยค่ะ

เป็น อันรู้กันว่าดิฉันเหนื่อยจนลมจับกลางดึก ขณะจะมาตรวจความเรียบร้อยของเด็กๆ อีกรอบ มีเพื่อนครูของดิฉันไม่กี่คนที่รู้ความจริง...ความจริงที่น่าขนหัวลุกที่สุด ค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEF6TURrMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB3TXc9PQ==



Create Date : 03 กันยายน 2551
Last Update : 3 กันยายน 2551 19:55:50 น.
Counter : 687 Pageviews.

1 comment
จระเข้ผีสิง
จระเข้ผีสิง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



ครูประสงค์ ลี้สุวรรณ เล่าประสบการณ์สยองจากจระเข้กินคน

เหตุการณ์น่าขนหัวลุกเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ตำบลหลักแก้ว อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง นานมาแล้ว แต่ชาวบ้านยังจดจำเรื่องราวน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

"ตุ้ม! ตู้ม! ตู้มมมม...." เสียงพลองดังระรัวไปทั่วหมู่บ้านคลองพูล ชาวบ้านชะงักมือจากงานนิดหน่อยเมื่อได้ยินสัญญาณอันคุ้นหู ก่อนจะเร่งมือในการงานมากขึ้นกว่าเดิม

ขณะนั้น ผู้คนทั้งชายและหญิงยังอยู่ในท้องทุ่ง ใต้ผืนฟ้าสีครามโล่งกว้าง หาผักหาปลาตามประสาบ้านทุ่ง ก่อนจะผละงานกลับสู่บ้านเพื่อกินข้าวกินปลาให้อิ่มหนำ ไม่ช้าก็จะต้องกลับไปคร่ำเคร่งกับงานหนักให้สำเร็จ

ปีนั้นน้ำท่วม อยู่ในระดับค่อนข้างสูงเกือบถึงรอดเสาเรือนเลยทีเดียว เรือเล็ก เรือใหญ่ไม่สามารถจอดใต้ถุนบ้านได้ มองไปทั่วทุ่งท่าแล้วดูเวิ้งว้างเหมือนกลายเป็นท้องทะเลอันน่ากลัว แต่ชาวบ้านย่านนี้ก็เคยชินกับภัยธรรมชาติเช่นนี้เสียแล้ว จึงไม่สู้จะรู้สึกเดือดร้อนเท่าไรนัก

หลังจากพระฉันเพลเสร็จแล้ว เด็กวัดต่างยกสำรับกับข้าวไปกินกันเป็นกลุ่มๆ ตามสมัครพรรคพวกของแต่ละกลุ่มที่ถูกคอกันจริงๆ

"เฮ้ย! กรุ่น...เดี๋ยวพอกินข้าวเสร็จแล้ว ไปเล่นน้ำหน้าวัดกันไหมวะ?"

เจ้าโผนถามเจ้ากรุ่นเพื่อนรัก นัยน์ตาเป็นประกายนึกสนุกตามประสาเด็ก เสียงคนอื่นๆ ร้องเฮขึ้นพร้อมกัน...เป็นอันว่าทุกคนในวงกินข้าวต่างเห็นพ้องต้องกันว่า สนุกๆ งานนี้

เดือนตุลาคมตอนบ่ายร้อนอบอ้าว แสงแดดจัดจ้าเต้นเป็นตัว ฉะนั้นการเล่นน้ำดำผุดดำว่ายกันย่อมจะช่วยบรรเทาความร้อนเป็นอย่างดี เสียงหัวเราะเฮฮาก็ดังก้องอยู่ที่คุ้งน้ำหน้าวัดเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น...

ขณะนั้น ไอ้แก่นผู้ได้ชื่อว่าจอมแก่นแสนซนสมชื่อ ได้ชักชวนเพื่อนฝูงเปลี่ยนวิธีเล่นใหม่ จากการว่ายแข่งกันบ้าง ดำน้ำอึดที่สุดบ้าง...มาเป็นการเล่น "โป้งแปะ" ในน้ำ โดยย้ายจากท่าน้ำหน้าศาลา เข้าไปเล่นที่ใต้ถุนศาลาการเปรียญ ซึ่งบรรยากาศมืดครึ้ม เหมาะที่จะแอบกันและร้อง "เอ้า! หนึ่ง สอง สาม สี่...." น่าสนุกสนานนักหนา

การเล่นโป้งแปะเปิดฉากขึ้นแล้ว!

พวกเด็กวัดต่างสนุกสนานเต็มที่ จนเวลาผ่านเลยไป ไอ้แก่นผู้เป็น "ผู้โป้ง" คนหนึ่งก็หันซ้ายหันขวา ก่อนจะร้องถามขึ้นดังๆ

"เฮ้ย! ข้าโป้งพวกเอ็งได้หมดแล้ว ขาดไอ้กรุ่นคนเดียว มันแอบได้เก่งจังวะ!"

ทันใดนั้นเอง เสียงร้องตะโกนของเจ้ากรุ่นก็ดังลั่นขึ้น

"ช่วยด้วย! จระเข้กัดกู...โว้ยๆๆ"

นอกจากเด็กวัดจะตกตะลึงไปตามๆ กัน พวกผู้ใหญ่ที่อยู่ในเรือใกล้ๆ นั้นต่างหันขวับ มองเห็นภาพน่าขนหัวลุก...นั่นคือเจ้ากรุ่นกำลังตะเกียกตะกายขึ้นต้นกุ่มน้ำ เลือดไหลย้อยโซมตัว เห็นหัวจระเข้ขนาดใหญ่พุ่งเข้างับท่อนขา เฉียดไปมาหวุดหวิด ขณะที่เจ้ากรุ่นก็ร้องตะเบ็งไม่ขาดเสียง สรรพสิ่งเหมือนภาพในคืนฝันร้ายไม่มีผิด!

น้าหาญคว้าฉมวกจากท้องเรือติดมือมา แล้วเกร็งข้อพุ่งเข้าใส่ลูกหลานชาละวัน...แม่นยำเหมือนผีจับยัด...ฉมวกพุ่ง เข้าก้านคอจระเข้ยักษ์จนมันสะบัดหัวมหึมา ก่อนผละจากโคนต้นกุ่ม...พุ่งหนีลงสู่คลองใหญ่ในพริบตา! พรายน้ำเดือดพล่าน ตามความเร็วรี่ที่จระเข้หนีเอาตัวรอด...เมื่อถึงน้ำลึก พรายน้ำก็หายไปในที่สุด

ต่อจากนั้น เรือทุกลำต่างพุ่งจนน้ำบานมายังต้นกุ่มน้ำที่เจ้ากรุ่นยังกอดแน่นที่ยอดไม้ ไหนจะเสียเลือดจากบาดแผลเพราะฟันจระเข้ ไหนจะหวาดกลัวสุดขีดแทบจะช็อกคาที่ ทำให้เจ้ากรุ่นอ่อนแรงจนไม่อาจจะลงจากต้นไม้ได้ นอกจากจะกอดต้นกุ่มอยู่อย่างนั้นเอง

ร้อนถึงพวกผู้ใหญ่ต้องรีบปีนต้นกุ่มขึ้นไปรับตัวลงมาอย่างทุลักทุเล...นำมารักษาตัวที่กุฏิหลวงตาย้อย ใช้น้ำมันมนต์ทาแผลทันที!

บาด แผลอันเกิดจากจระเข้กัดหรือคาบนั้น เชื่อกันมาตั้งแต่โบราณแล้วว่าห้ามให้จิ้งจกเข้ามาเลียแผลเด็ดขาด เนื่องจากมันสัตว์ตระกูลเดียวกัน น้ำลายจากจิ้งจกจะกลายเป็นพิษร้ายให้คนเจ็บถึงแก่ชีวิตได้อย่างง่ายดาย

เจ้ากรุ่นทุเลาจากอาการขวัญหนีดีฝ่อก็เล่าให้ฟังว่า...

ขณะที่ดำน้ำเพื่อจะรีบไปแอบนั้น ไม่รู้ว่าอะไรมันดำมืดพุ่งใส่...เจ็บแปลบที่ลำตัว แล้วมันพาแหวกน้ำและวิ่งบนดิน ก่อนจะพุ่งตัวเอาร่างเด็กไปขัดไว้ที่โคนต้นกุ่มใต้น้ำ...พอมันผละออกไปก็ เริ่มหายใจไม่ออก จึงดิ้นจนหลุดจากโคนต้นไม้...โผล่พ้นน้ำก็รีบปีนขึ้นต้นกุ่มทันที

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง เพราะข้าพเจ้าไปพบนายกรุ่น พึ่งแก้ว มาแล้ว ได้ขอดูบาดแผลที่ถูกจระเข้คาบลำตัว ยังมีแผลเป็นเป็นริ้วฟันจระเข้เห็นได้ชัดเจน...เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มี หมอที่จะเย็บบาดแผลให้ จึงรักษาตามแผนโบราณเท่าที่มีอยู่ในท้องถิ่น

ขณะ นี้ นายกรุ่น พึ่งแก้ว ได้ย้ายไปอยู่ทางแก่งเสือเต้น ลพบุรีแล้ว จึงไม่เคยพบกันอีก จะเหลือก็แต่เพียงความทรงจำในเหตุการณ์ที่ขนหัวลุกเท่านั้นเอง!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEF5TURrMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB3TWc9PQ==



Create Date : 02 กันยายน 2551
Last Update : 2 กันยายน 2551 19:49:12 น.
Counter : 792 Pageviews.

0 comment
บ้านสุดสยอง
บ้านสุดสยอง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ใบไผ่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านผีสิง

เมื่อราวสิบปีเศษมาแล้ว ดิฉันได้พบกับเหตุการณ์สยดสยองสุดๆ อย่างเต็มหูเต็มตา ขณะนั้น ดิฉันอายุ 25 ปีบริบูรณ์ มีการงานทำเป็นหลักเป็นที่บริษัทการเงินแห่งหนึ่งที่ถนนรัชดาภิเษก ไม่ไกลจากบ้านย่านอโศก-ดินแดงเท่าไรนัก สุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าจะเชื่อตามโชคลางก็คือ "วัยเบญจเพส" นั่นเอง!

สาเหตุที่ทำให้ขนหัวลุก สติแตกไปชั่วครู่ก็เพราะไปบ้านเพื่อนค่ะ

ดิฉันมีเพื่อนสนิทชื่อเอ้ เราคบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย บ้านเอ้อยู่ถึงหมู่บ้าน แถวคลองประปา ประชาชื่นโน่นแน่ะ เป็นบ้านจัดสรร เป็นบ้านตึกสองชั้นปลูกคล้ายๆ กัน แถมทาสีขาวๆ นวลๆ มองไกลๆ สวยเหมือนบ้านตุ๊กตาไม่มีผิด

เรายังอยู่กับพ่อแม่เหมือนกัน แถมมีน้องชายน้องสาวอย่างละคนเหมือนกันอีกด้วย

ครอบครัวเราก็พลอยสนิทสนม ไปมาหาสู่กันตลอด บางทีก็ไปต่างจังหวัดด้วยกัน เอ้เคยมาค้างกับดิฉัน ส่วนดิฉันก็เคยไปค้างบ้านเอ้ มีของกินดีๆ ก็ฝากไปถึงบ้านของกันและกัน

สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องขนหัวลุก มาจากครอบครัวเราไปเที่ยวมหาชัยกันในตอนเช้าวันเสาร์ ดิฉันโทร.ไปชวนเอ้แล้ว แต่ปรากฏว่าแม่เธอไม่ค่อยสบาย ตอนนี้น้าจุ๋มแม่บ้านกำลังขี่จักรยานไปซื้อยาที่คลินิกปากซอย

"ขากลับซื้อของทะเลมาฝากด้วยละกัน" เอ้บอก

ระยะทางใกล้ๆ ที่มีแต่สวนผลไม้ นาเกลือ และแม่น้ำท่าจีนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารทะเลสารพัดชนิด อากาศปลอดโปร่งกว่ากรุงเทพฯ หลายเท่า...พวกเราสนุกกันมากค่ะ ไปเที่ยวมหาชัยนี่ไปเช้ากลับเย็นได้สบายๆ

รถขาเข้ายังบางตา ดิฉันขับรถถึงบ้านราวห้าโมงเย็น นึกยังไงก็ไม่ทราบ ส่งพ่อแม่กับน้องๆ เข้าบ้านแล้วบึ่งต่อไปบ้านเอ้...ฟ้ามืดครึ้มมาตั้งแต่เลี้ยวเข้าประชาชื่น แล้วค่ะ ครู่เดียวฝนก็เทกระหน่ำ รถที่เคยแล่นลิ่วก็ต้องคลานช้าๆ คอยเพ่งมองสะพานข้ามคลองประปาที่มีป้าย หมู่บ้าน โชคดีที่เลี้ยวเข้าไปหน่อยเดียวฝนก็ซาลง แต่ฟ้ายังหนักอึ้งเหมือนเดิม

ครู่ใหญ่ๆ ก็มากดแตรหน้าบ้าน...น้าจุ๋มกางร่มวิ่งมาเปิดประตูรั้วให้ ดิฉันไปจอดรถใต้ถุนห้องนอนเพื่อน ด้านขวามือเป็นห้องรับแขก ของฝากวางอยู่บนเบาะหน้าแล้ว ทำให้คว้าติดมือลงไปได้ทันที

ก้าวเข้าไปก็ชะงักกึกเมื่อได้กลิ่นเหม็นอับ สาบสางโชยมาเข้าจมูก ดิฉันเหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่เห็นเอ้ สงสัยจะยังอยู่ชั้นบน หรือไม่ก็เพิ่งแต่งตัวเพราะไม่รู้ว่าเพื่อนจะมาเยี่ยม

น้าจุ๋มวิ่งผ่านรถหายเข้าไปในห้องพักของแกแล้ว...แสงไฟน้อยแรงเทียนจากเพดาน ส่องให้เห็นร่างที่นอนห่มผ้าอยู่บนเตียงเตี้ยๆ ชิดฝา กลิ่นเหม็นกวนประสาทอ้อยอิ่งอยู่รอบๆ ตัว...ทำไมเอ้ถึงปล่อยให้แม่ลงมานอนคนเดียวนะ? พ่อกับน้องๆ หายไปไหนหมด?

"โอยยย..." เสียงนั้นทำให้ดิฉันเกือบสะดุ้ง หันขวับไปมองก็เห็นแม่เอ้พลิกหน้าไปมาช้าๆ "ขอน้ำ...หิวน้ำเหลือเกิน..."

"ได้ค่ะ" ดิฉันรับปากโดยอัตโนมัติ ได้ยินเสียงบันไดลั่นเอี๊ยดๆ เอ้คงจะลงมาแล้วแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว...อากาศหลังฝนเยือกเย็นลงทุกทีจนแทบ หนาวสะท้าน ดิฉันเหลือบไปเห็นแก้วน้ำบนโต๊ะเตี้ยๆ หัวเตียง รีบก้าวไปหยิบแก้วน้ำมาให้แม่เอ้ ตั้งใจว่าจะป้อนให้ท่าน...

" คุณพระช่วย!" ดิฉันหลุดอุทาน เมื่อเห็นใบหน้าดำเกรียมจนแทบจำไม่ได้ ผมสีเทากระจายอยู่เต็มหมอน...นัยน์ตาขาวๆ เหลือกไปมา แถมแลบลิ้นเข้าๆ ออกๆ สีแดงสดเหมือนลิ้นตุ๊กแก จนแก้วน้ำหวิดร่วงจากมือ

เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่คุณป้าอรทัย-แม่ของเอ้นี่นา! สำนึกนั้นทำให้ดิฉันถอยกรูดๆ แข้งขาสั่น ใจสั่น หัวหมุนติ้วแทบระเบิด...เกิดอะไรขึ้น? ทำไมดิฉันต้องมาพบภาพสยองขวัญนี้ด้วย? ขณะนั้นเองเสียงบันไดก็ลั่นเอี๊ยดๆ อีกครั้ง ขายาวๆ ของใครคนหนึ่งกำลังก้าวลงมาช้าๆ

"เอ้! เอ้เหรอ..." ดิฉันถามเสียงสั่นๆ แต่ไม่มีคำตอบ นัยน์ตาเบิกค้างจ้องมอง หญิงชราร่างร้ายที่นอนอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น...เหมือนนรกบันดาลให้เป็นไปในพริบตา

ร่างร้ายนั้นมีอาการคล้ายหุ่นกระบอกที่นอนแน่นิ่ง แต่มีผู้ชักให้ผลุนผลันลุกขึ้น...จากท่านอนพรวดพราดเป็นท่ายืนทันที ศีรษะก้มต่ำ ผมยาวปรกหน้า สองแขนลีบเล็กแกว่งไกวไปมาจนดิฉันผงะหน้า กรีดร้องออกมาสุดเสียง

"ช่วยด้วย...!!" ม่านตาพร่าพราย สรรพสิ่งหมุนเคว้งคว้าง...ดิฉันวิ่งเตลิดเหมือนคนบ้าออกจากบ้านนรกจกเปรต นั้น...ชนกับเอ้ที่หน้าประตูก่อนจะสิ้นสติไป

เมื่อมารู้ตัวอีกทีก็พบตัวเองนอนบนโซฟาในห้องรับแขกบ้านเอ้ พ่อแม่กับน้องๆ จ้องมองด้วยความห่วงใย...เอ้เล่าว่าได้ยินเสียงกรีดร้องก็วิ่งออกไปดู เห็นรถยนต์ดิฉันจอดอยู่ที่นั่นกับดิฉันวิ่งกระเจิงออกมา...จากบ้านร้างผีสิง นั่นแหละค่ะ

เพราะฝนฟ้าและบ้านที่คล้ายๆ กันทำให้ดิฉันเข้าบ้านผิด...ไม่ช็อกตายคาที่ก็ถือว่าเป็นบุญแล้วค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEF4TURrMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdPUzB3TVE9PQ==



Create Date : 01 กันยายน 2551
Last Update : 1 กันยายน 2551 20:15:24 น.
Counter : 633 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend