ห้องอุบาทว์
ห้องอุบาทว์

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"โทน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในห้องเช่าผีสิง

ทีแรกผมก็ไม่เชื่อคำพูดเก่าๆ ที่ว่า คนแก่กับเด็กๆ และคนเจ็บไข้ได้ป่วยจะมีโอกาสโดนผีหลอกมากที่สุด ผมคิดว่าเป็นความเชื่อเลอะๆ หรืองมงายมากกว่า จนกระทั่งเจอะเจอเข้ากับตัวเองอย่างจังๆ

คราวนี้ผมเชื่อสนิทเลยละครับ

เรื่อง นี้ถ้าจะพูดถึงเหตุผลก็เข้าเค้าไม่น้อย ตอนแรกผมลืมคิดไปว่าบุคคลสามประเภทที่อาจจะถูกผีหลอกหลอนได้ง่ายๆ นั้น เพราะร่างกายอ่อนแอ กำลังใจหรือพลังจิตก็เลยอ่อนลงไปด้วย เปิดโอกาสให้ภูตผีปีศาจเข้ามาปรากฏให้เห็นได้อย่างง่ายดายที่สุด

ผมเองพ้นวัยเด็กมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงแก่ชรานะครับ เพราะอายุอานามเพิ่งจะสามสิบต้นๆ เรียกว่าเป็นหนุ่มฉกรรจ์ได้เต็มปากเชียวละคุณ

อาชีพ ขับแท็กซี่ทำให้ผมเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แม้จะไม่ร่ำรวยหรือสุขสบาย แต่ก็ไม่ถึงกับอดอยากปากแห้ง ถึงจะต้องเช่ารถเถ้าแก่ขับกะกลางคืนไปถึงตี 2 ตี 3 แต่ก็เคยชินเสียแล้วครับ แถมร่างกายในวัยหนุ่มก็แข็งแรงได้การ

ตัวคนเดียวไม่มีห่วงผูกคอ พอจะเก็บเงินได้บ้างก็ส่งไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดครับ

ห้อง เช่าผมอยู่ใกล้ๆ อู่ที่ห้วยขวาง ใกล้ๆ กับถนนสุทธิสาร เพื่อนฝูงอาชีพเดียวกันมาเช่าอยู่หลายคน ผมอยู่ห้องชั้นสองใกล้ๆ กับห้องน้ำ เลยสะดวกสบายตามสมควร...จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้โดยสารสาวสวยขึ้นรถที่สะพาน ควายไปโรงพยาบาลราชวิถี บอกว่าเป็นไข้หวัด...ไอแค่กๆ ตลอดทาง

สรุป ว่าผมติดหวัดจากเธองอมพระราม ต้องไปหาซื้อยาที่ร้านหมอตี๋แถวนั้น ขับรถไม่ไหว ต้องนอนซมอยู่ในห้องทั้งวัน ปากคอขมไปหมด แต่ยังดีที่พอจะไหว้วานเพื่อนข้างห้องไปซื้อโจ๊กซื้อข้าวต้มปลามากินได้

คืนแรกก็เจอดีเลยแหละคุณ!

ราว 4-5 ทุ่มได้ ผมนอนเหงื่อออกจนเสื้อผ้าชุ่มโชกไปหมด อาศัยความรู้นิดๆ หน่อยๆ ว่าพิษไข้ออกมากับเหงื่อ ยิ่งออกมากยิ่งดี เลยลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเหนอะหนะ แล้วสวมเสื้อยืดหนาๆ ให้อุ่นอกเข้าไว้ กินโอวัลตินกับขนมปังสองแผ่น...ไม่ได้หิวโหยหรืออยากกินหรอกครับ แต่ว่าได้เวลากินยาหลังอาหารค่ำน่ะ

เสร็จสรรพว่าจะเข้าห้องน้ำตามที่พอรู้ว่า อย่าให้ท้องผูก กับการระบายของเหลวออกจากร่างกายก็เป็นการช่วยให้หายไข้หวัดเร็วขึ้น...

เสียงใครอาบน้ำซ่า...ดังแว่วมาเข้าหู!

ตอน แรกผมนึกว่าใครมาอาบน้ำในห้องใกล้ๆ แต่เอ...มันดังมาจากในห้องผมเองทั้งๆ ที่ไม่มีห้องน้ำซักห้อง...คงจะเป็นเพราะพิษไข้หรือฤทธิ์ยาทำให้ประสาท ฟั่นเฟือน หูอื้อจนฟังอะไรเลอะเลือนไม่ได้ศัพท์ละมั้ง?

รอจนเสียง นั้นเงียบหายไป ผมเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าตากับเนื้อตัวแล้วกลับมาปิดไฟนอนห่มผ้านิ่งๆ ได้ชั่วครู่ก็รู้สึกว่ามีผู้ชายเดินเข้ามาในห้อง พูดจาอะไรเบาๆ กับใครก็ไม่รู้...สุ้มเสียงบอกว่าลิ้นไก่สั้นนิดหน่อย ก็คงจะเมามาได้ที่แล้วแหละ...

ว่าแต่พิษไข้ทำให้ผมเพี้ยนไปขนาดนี้เชียวเรอะ? มองเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะไปได้

อ้าว? ผู้ชายคนนั้นถอดเสื้อกางเกงออกแล้ว ยังดีที่มีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างไม่ถึงกับอุจาดเกินไป...ว่าแต่เขากำลังคุย กับใคร หัวเราะหัวใคร่ เอื้อมมือไปไขว่คว้า ทำท่ากอดจูบความว่างเปล่าอยู่ใกล้ๆ เตียงผมเอง

เอ...นี่มันฝันหรือ จริงกันแน่? พิษไข้ล้วนๆก็ไม่รู้ซีครับ แต่เขาทำท่ากอดประคองใครลงนอนข้างๆ ผม...ผมยุ่ง นัยน์ตาแดง หน้าเยิ้มเหงื่อดูเป็นมันย่อง ดูหื่นห่ามไปหมดทั้งหน้าตาและท่าทาง ก่อนจะพลิกร่างขึ้นมายงโย่ยงหยกเหมือนกันว่าเขากำลังจะ...จะ...

เฮ้ยๆ ๆ นี่อะไรกันวะ? ใครมาทำสัปดนอยู่บนเตียงผมตำตา!

ฉับ พลันทันใด ร่างนั้นก็ฟุบฮวบลง หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก...ไม่ใช่ความสุขสุดๆ นะครับ อย่าเข้าใจผิด แต่เห็นชัดว่าเป็นความเจ็บปวดรวดร้าวสุดขีด ผมได้ยินเสียงคล้ายสำลักลมหายใจ ก่อนที่ร่างนั้นจะหล่นลงไปข้างเตียง

นรกเป็นพยาน! ผมลืมความเจ็บไข้ได้ป่วยของตัวเองสิ้นเชิง ลุกพรวดขึ้นมานั่งจ้องมองอย่างตะลึงงัน...

ร่าง นั้นดิ้นทุรนทุรายไม่ถึงอึดใจก่อนจะแน่นิ่ง นัยน์ตาเหลือกลานเบิกโพลง ปากอ้าค้างเหมือนโพรงถ้ำล้ำลึก...ก่อนจะค่อยๆ ละลายหายไป กลายเป็นความว่างเปล่าตามเดิม

ให้ตายเถอะ! จะเพราะพิษไข้หรือเปล่าผมไม่แยแสอีกแล้ว แต่กระโดดผลุงไปที่ประตู ถอดกลอนมือไม้สั่นระรัว...เผ่นอ้าวลงไปที่ห้องพนักงานต้อนรับทันใด...คนขับ แท็กซี่ที่ผมเห็นหิ้วสาวเข้ามาในห้องนั้นจนหัวใจวายน่ะซีครับ! บรื๋ออออ....

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkzTVRFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5Tnc9PQ==



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2551 19:47:14 น.
Counter : 632 Pageviews.

0 comment
มอเตอร์ไซค์ผีสิง
มอเตอร์ไซค์ผีสิง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ครูเล็ก" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากซอยลึก

ดิฉันเป็นครูประจำชั้น ป.5 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งแถวพุทธมณฑล ซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก แต่ดิฉันมักจะกลับถึงบ้านค่ำมืดทุกวัน เพราะหลังจากโรงเรียนเลิกตอนบ่ายสามโมงครึ่งแล้ว ดิฉันยังต้องสอนพิเศษต่ออีกสองชั่วโมง

หลังจากนั้นก็ต้องตามไปสอน พิเศษลูกศิษย์ถึงบ้านอีกหนึ่งราย ใช้เวลาสองชั่วโมงเหมือนกัน...และนั่นก็ทำให้ดิฉันต้องเจอกับประสบการณ์ขน หัวลุก!

"น้องโอ" เป็นเด็กผู้ชายน่ารัก ไม่ดื้อไม่ซน แต่น่าหนักใจมากตรงที่แกไม่ชอบเรื่องเรียนเอาซะเลย ไม่ใช่โง่นะคะ เพียงแต่ไม่อยากเรียนซะงั้น ทำให้ผลการเรียนต่ำมาก...และแน่ละ! คุณพ่อคุณแม่กลุ้มใจเป็นที่สุด เพราะปีหน้าก็ต้องไปสอบเข้า ม.1 แล้ว

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ก็เลยมาขอร้องดิฉันให้ไปสอนตัวต่อตัวในช่วงเย็น ซึ่งเป็นงานที่ยากลำบากจริงๆ

ก่อน หกโมงเย็น ดิฉันจะไปถึงบ้านน้องโอ รอให้ลูกศิษย์สุดแสบอาบน้ำกินข้าวให้เรียบร้อยแล้วลงมาทำการบ้านกัน...ความ ลำบากอยู่ตรงนี้ละค่ะ เด็กที่ไม่รักเรียนจะอิดออดจนเราอ่อนใจ...ที่จริงราวทุ่มครึ่งดิฉันควรจะ กลับบ้านได้แล้ว แต่บางคืนกว่าจะสอนการบ้านเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแน่ะค่ะ

คืนที่เกิดเหตุก็เช่นกัน!

น้อง โอไม่ยอมเข้าใจเลขที่ดิฉันสอนซะที ถึงกับเป็นน้ำหูน้ำตาเลยทีเดียว ดิฉันต้องค่อยๆ ปลอบและให้กำลังใจ พยายามอารมณ์เย็นที่สุด...และแล้วก็เสร็จจนได้ แต่พอเหลือบมองนาฬิกา โอ้โฮ! สามทุ่มจะครึ่งแล้วเรอะเนี่ย?

ดิฉันโทรศัพท์บอกทางบ้านว่า ไม่ต้องห่วงนะ ปลอดภัยดี กำลังจะกลับแล้ว จากนั้นก็ลาพ่อกับแม่น้องโอ พวกเขาเกรงใจดิฉันมาก และให้เงินค่าแท็กซี่มาเยอะเชียว แต่ดิฉันขอไม่รับ โดยบอกว่าบ้านอยู่ห่างไปไม่กี่กิโลเมตร ดิฉันนั่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้านเหมือนเดิมก็สะดวกดีอยู่แล้ว

ซอยบ้านน้องโอค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ แต่ไม่เปลี่ยว บ้านช่องหนาแน่นและมีไฟถนนสว่างไสว มีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างวิ่งเข้าออกอยู่ตลอดเวลา

ทว่า คืนนั้นเมื่อก้าวออกจากประตูบ้านน้องโอ ดิฉันรู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาเฉยๆ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร รู้แต่ลมแรงเหมือนกัน...นี่ละค่ะ ปลายฝนต้นหนาว!

ยอดไม้เอนไหวซู่ซ่า เสียงใบไม้แห้งแกรกกรากลากไปกับถนน เอ...คืนนี้ผู้คนเข้าบ้านกันหมด ถนนว่างเปล่า ดูสว่างเยือกเย็นอยู่ในแสงไฟ...

ทัน ใดนั้น ดิฉันสะดุดหัวคะมำ ใจหายวาบ นึกว่าจะล้มลงไปฟาดพื้นแล้วซิ แต่ดีนะที่ยั้งตัวไว้ได้ กระนั้นก็รู้สึกขวัญหาย หัวใจเต้นแรง ตกใจมากจนตัวชา...พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องแปลกใจ เพราะเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งจอดอยู่ห่างจากดิฉันไปราวไม่ถึง 10 เมตร

เอ๊ะ! มาได้ยังไง? เมื่อกี้ไม่เห็น หรือว่านัยน์ตาเราไม่ดีเอง?

มอเตอร์ ไซค์คันนั้นจอดตั้งขาตั้งเดี่ยว คนขี่นั่งคร่อมอานคล้ายจะรอผู้โดยสารเข้าไปหา ตอนสะดุดตาตะกี้ ข้อเท้าดิฉันพลิกไปหน่อยเลยแพลงค่ะ ปวดตุ๊บๆ เชียวละ แต่ก็ไม่เป็นไร...พอเดินเข้าไปถึง ดิฉันก็บอกจุดหมายปลายทางเสียงใสชัดเจน

คนขับหันมาช้าๆ โดยไหล่ของเขาไม่ขยับเขยื้อนเลย มีเพียงศีรษะที่หมุนมาเผชิญหน้ากับดิฉัน...

เอ๊ะ! อะไรนั่น หน้าเขาเป็นอะไร ดำปี๋ไปซีกหนึ่งอย่างนั้น! ดิฉันเพ่งมอง ทีแรกคิดว่าคงเป็นปานขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่หรอกค่ะ ดิฉันแทบลืมหายใจเมื่อจ้องตากับเขา...ตาคู่นั้นเหมือนจะไร้แวว ใบหน้าเฉยเมย เลื่อนลอย...

และแล้ว ดิฉันก็ถอยกรูด ร้องหวีดอย่างลืมตัว สีดำเป็นแถบบนใบหน้าเขาไม่ใช่ปานหรอกค่ะ นี่มันเป็นใบหน้าของซากศพกำลังเน่า เนื้อดำและเปื่อยยุ่ย ขณะที่หน้าอีกซีกหนึ่งยังดูคล้ายปกติ

ใครจะอยู่ต่อล่ะคะ? ดิฉันหันหลังได้ก็วิ่งกลับไปที่ประตูบ้านน้องโอ..ตะปบมือกดออดอย่างบ้าคลั่ง ...แม่น้องโอวิ่งเข้ามารับเข้าบ้าน ทุกคนตกใจที่เห็นดิฉันหวาดกลัวแทบเสียสติ

สิ่งที่ดิฉันพบคือผีอย่าง ไม่ต้องสงสัย หลายปีก่อนมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างถูกผู้ร้ายจี้ชิงทรัพย์ และฆ่าทิ้งในซอยนี้ เวลาผ่านไปนาน แต่วิญญาณที่น่าสงสารยังสิงสู่อยู่ที่นั่น

ดิฉันต้องแจ้งทางบ้านว่าไม่สบาย ต้องค้างบ้านน้องโอ ดีนะที่รุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์

พ่อ แม่น้องโอขอให้ดิฉันสอนลูกเขาต่อไป แต่นับจากนั้น คุณพ่อน้องโอต้องขับรถมาส่งถึงบ้านดิฉันทุกวัน เพราะดิฉันไม่ยอมเดินในซอยนั้นตามลำพังอีกเลยค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkyTVRFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5Tmc9PQ==



Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2551 19:19:16 น.
Counter : 640 Pageviews.

0 comment
เพื่อนมาหา
เพื่อนมาหา

ขนหัวลุก

"ใบหนาด"



"ต๊ะ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากปิ่นเกล้า

เมื่อสามปีที่แล้วผมไปเช่าห้องอยู่แถวปิ่นเกล้า ดงหมอนวดแผนโบราณ เดี๋ยวนี้นิยมเรียก "แผนไทย" ไปแล้ว...เปล่า! ไม่ใช่เล่าเรื่องหมอนวด แต่เป็นเรื่องแปลกและน่ากลัวสุดๆ เท่าที่ผมเคยเจอะเจอมาก่อนในชีวิต

แหม...ก็โดนผีหลอกเต็มตาน่ะซีครับ!

ที่น่างุนงงเล็กน้อยก็คือ ผีดุมหากาฬที่หลอกหลอนผมน่ะไม่ใช่ผีในห้องผม แต่ดันผ่าไปจ๊ะเอ๋ในห้องไอ้หลิม-มอเตอร์ไซค์ข้างห้องซะฉิบ

สาเหตุสำคัญมาจากเรื่องสุราอันว่าเหล้า ดื่มค่ำเช้าพยาธิตาย เผลอๆ ก็คนดื่มน่ะแหละที่ตาย เพราะโดนโรคภัยเร้ารุม ทั้งโรคตับ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โอย...สารพัดละคุณ! ที่แน่ๆ คือเสียเงินทอง เสียเวลา ไปจนถึงเสียการเสียงาน จนถึงเสียผู้เสียคนก็มี

พูดก็พูดเถอะครับ เรื่องดีชั่วทั้งหลายแหล่น่ะ คนเรารู้ดีทั้งนั้น...เสียอย่างเดียวที่ทำแต่เรื่องดีๆ ไม่ได้น่ะซี ส่วนเรื่องชั่วๆ หรือครึ่งดีครึ่งชั่วน่ะ มันทำง่ายกว่ากันเยอะเลย

ผมกับไอ้หลิมก็เช่นกัน!!

ชายโสดทั้งคู่นี่ครับ ตกเย็นๆ อ้างว่าไม่รู้จะทำอะไรเลยตั้งวงห้องผมมั่ง ห้องมันมั่ง บางทีผมก็หิ้วหงส์ทองขวดใหญ่ไปห้องมันที่อยู่ริมทางชั้นล่าง ไอ้หลิมเป็นแฟนร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะกับแกล้มง่ายๆ อย่างมันทอด แหนม ถั่วอบเกลือ ฯลฯ

บางวันก็จัดรายการอีสานบ้านเฮา ส้มตำปลาร้า ซุบหน่อไม้ ลาบ ก้อย ตับหวาน เนื้อเค็ม มีข้าวเหนียวปั้นจิ้ม...เหล้าคำกับคำ เดี๋ยวก็นอนกลิ้งฝันหวานสบายแฮ

อ้อ! กับแกล้มง่ายๆ จากร้านสะดวกซื้อน่ะ ไอ้หลิมทั้งซื้อตุน ทั้งเหลือจากวันก่อน...ไม่ว่าอะไรขาดแคลน ไอ้หลิมขยันออกไปซื้อที่ปากซอยมาเพิ่มเติม แหม! มันไปเร็วมาเร็วยังกะเหาะได้แน่ะคุณ

นิสัยเอื้อเฟื้อไม่เอาเปรียบใครนี่เองที่ทำให้ไอ้หลิมมีเพื่อนฝูงเยอะแยะ มันอยู่ที่นั่นก่อนผมเกือบปีแน่ะ ก่อนหน้านั้นมันมีเพื่อนมาอยู่ด้วยทีละคนสองคน หมุนเวียนกันมาเรื่อยๆ แต่แยกย้ายกันไปหมด ไอ้หลิมไม่เหงาหรอกครับเพราะมีเพื่อนมาร่วมวงบ่อยๆ

โธ่! ไม่มีใครมาก็ผมนี่ไงครับ ขาประจำทุกเย็นเชียว!

ผมชอบห้องเพื่อนตรงที่มีคำขวัญสนุกๆ แพรวพราวเต็มข้างฝา ลายมือโย้เย้ตัวโตๆ มองเห็นก็รู้ว่ามีคนมือคันหลายคน อาจจะเป็นคนที่เคยอยู่ หรือไม่ก็ฝีมือเพื่อนฝูงไอ้หลิมนั่นแหละครับ...ถึงจะไม่แปลกใหม่อะไรก็ชวน อ่านไม่หยอกจะบอกให้...ลองอ่านเล่นๆ ดูซีครับ

อย่าดื่มสุราในขณะขับรถ เพราะจะทำให้เหล้าหก

รถติดเป็นมรดกไทย อนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลาน

ถนนคือการศึกษา ปริญญาคือใบสั่ง

คนลงที่ป้าย ควายลงไฟแดง

นางฟ้าอยู่ในรถ แม่มดอยู่บ้าน (ฮา)

มีอีกเยอะครับ แต่ขอคัดมาฝากแค่หอมปากหอมคอ...ตอนบ่ายวันเกิดเหตุฟ้าครึ้มลมพัดอู้ๆ ไม่รู้ว่าฝนจะประเคนลงเมื่อไหร่ ผมหิ้วหงส์ทองไปโจ้กับไอ้หลิม เวลาผ่านไปราวครึ่งกลม พวกกับแกล้มง่ายๆ หมดเกลี้ยง โซดาก็ร่อยหรอเต็มที ไอ้หลิมร้องกูเอง...ลุกปราดไปคว้าเสื้อคิวบึ่งรถออกไปทันที

ไม่ถึงอึดใจก็ว่าได้ ผู้ชายรุ่นเดียวกับพวกเรา แต่งเนื้อแต่งตัวมองปราดเดียวก็รู้ว่าอาชีพเดียวกับไอ้หลิม ก็เสื้อวินไงครับที่เด่นหราน่ะ ร่างผอมๆ หน้าเสี้ยมผมกระเซิงเดินยิ้มเผล่เข้ามาถามถึงเจ้าของห้อง ผมก็บอกไปตามตรงว่าเพิ่งออกไปซื้อกับแกล้มหยกๆ เดี๋ยวก็มาแล้ว

หมอนั่นเกาหัวยิกๆ ทรุดนั่งลงร่วมวงอย่างเป็นกันเอง ผมหยิบแก้วจากชั้นข้างฝาส่งให้ แหม...กระเดือกน้ำลายซะถี่ยิบเอง คอเหล้าส่วนมากก็ยังงี้แหละครับ ผมเห็นเขารินเหล้าหนาเตอะเกือบครึ่งแก้ว โซดาไม่ต้องเปลืองเนื้อที่...แหงนหน้ากระดกวูบวาบรวดเดียวหมด ยกหลังมือป้ายมุมปาก ส่งเสียงฮ่า...ออกมาอย่างผาสุก

ปึ้บๆ สองแก้วติดๆ กันก็ลุกขึ้นบอกว่าจะไปดูไอ้หลิมมันหน่อย เดี๋ยวก็หอบของเป็นไอ้บ้าหอบฟางมาหรอก...ว่าแล้วก็ผลุนผลันออกไปจากห้อง เกือบเป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้หลิมโผล่เข้ามา ผมมองเห็นก็ร้องเฮ้ย! ไม่เห็นเพื่อนมึงเรอะ?

ไอ้หลิมทำหน้างงเต๊ก...พอผมเล่าเรื่องให้ฟังมันก็หน้าซีดเผือด รินเหล้ามือสั่นระริกสาดเข้าปากโดยไม่แยแสโซดา เล่นเอาเหล้าหกไหลย้อยลงมาถึงปลายคาง...กลืนน้ำลายยากเย็นก่อนจะบอกเสียงแหบ แห้งว่า...

ไอ้ล้วนมันโดนรถเมล์บี้หัวเละเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง! มันตามไปหาเพื่อนทุกคน กูกำลังนึกเสียวๆ อยู่พอดี...โอย! ใครจะนึกว่ามันจะโผล่มาหากลางวันแสกๆ ยังงี้วะ! บรื๋อออ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkwTVRFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5TkE9PQ==



Create Date : 24 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2551 23:40:50 น.
Counter : 706 Pageviews.

0 comment
เพื่อนเป็นผี!
เพื่อนเป็นผี!

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"รัตนา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางกรวย

"วิน" เป็นเด็กวัย 8 ขวบรุ่นเดียวกับตอง-ลูกสาวดิฉัน บ้านเราอยู่ติดกันในหมู่บ้านจัดสรรย่านบางกรวย น่าสงสารที่พ่อแม่เลิกกันเมื่อแกอายุได้ราว 4-5 ขวบ ยังดีที่วิไลแม่ของวินมีงานทำเป็นหลักฐาน และรักลูกชายคนเดียวของเธอจนไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับใคร

เด็กๆ หลายคนที่บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน ถ้าไม่ออกไปวิ่งเล่นในซอยก็จะเข้าบ้านนั้นบ้านนี้ เล่นกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง บางทีโกรธกันจนวิ่งกลับบ้านมาฟ้องแม่ แต่ไม่ช้าก็กลับไปเล่นด้วยกันใหม่...ใจจริงดิฉันอยากให้ตองชวนเพื่อนๆ มาเล่นที่บ้านเรามากกว่า จะได้ใกล้หูใกล้ตาดีกว่าไปเล่นบ้านคนอื่น ต้องเอาขนมกับของเล่นมาล่อค่ะ

ส่วนมากพวกแกจะวิ่งไปวิ่งมา เดี๋ยวไปบ้านแล้วกลับมาเล่นใหม่ บางทีขนมหมดก็ชวนกันยกโขยงไปเล่นบ้านอื่น

เด็กผู้ชายซนๆ อย่างวิน, ต๋อง, โจ้ มักจะชวนเด็กผู้หญิงเล่นผีหลอกกันเป็นประจำ!

ทั้ง เล่นจ๊ะเอ๋บ้าง เอาผ้าคลุมหัวบ้าง ไม่มีอะไรก็ใช้วิธีง่ายๆ คือแลบลิ้นปลิ้นตาแล้วทำเสียงโหยหวน...ผีมาแล้ว! กลัวมั้ย? ผีตาโบ๋มาแล้ว...พวกเด็กผู้หญิงก็ร้องวี้ดว้าย วิ่งหนีก็มีไล่ทุบตีกันเกรียวกราวก็มี...

บางครั้งเห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ค่ะ เพราะทำให้นึกถึงวัยเด็กของตัวเอง

วิไลชอบพาลูกชายไปเยี่ยมพ่อแม่ของเธอที่นครสวรรค์บ่อยๆ ได้ข่าวว่าสุขภาพไม่ค่อยสมบูรณ์ทั้งคู่...ดิฉันลืมเล่าไปว่าเธอได้ญาติห่างๆ ชื่อป้าชื้นมาเป็นแม่บ้าน แถมยังรับหน้าที่ไปส่งไปรับวินที่โรงเรียนใกล้ๆ หมู่บ้านอีกต่างหาก

จนกระทั่งครั้งล่าสุดที่วิไลพาลูกชายที่นครสวรรค์เมื่อเดือนที่แล้วก็เกิดเหตุร้ายขึ้น!

ขณะนั้นเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว จำได้ว่าเป็นตอนเย็นวันเสาร์ พวกเด็กๆ ถูกพ่อแม่เคี่ยวเข็ญให้ท่องหนังสือ ทำการบ้าน แต่พวกแกก็ผัดผ่อนขอเป็นวันอาทิตย์ แล้วก็หลบแวบออกไปเล่นกันครึกครื้นที่ถนนหน้าบ้าน เสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวดังลั่นไปหมด แต่ถ้าเงียบเสียงก็แปลว่าเข้าไปเล่นในบ้านใดบ้านหนึ่งแน่นอน

ดิฉันกำลังทำกับข้าว สามีนั่งดูถ่ายทอดกีฬาทางเคเบิล...ถึงยังไงก็ไม่วายเป็นห่วงลูกจนต้องเงี่ยหูฟังอยู่บ่อยครั้ง...

ได้ยินเสียงยายตองวี้ดว้ายทีก็โล่งใจไปที!

ใกล้จะเสร็จจากงานครัว คิดว่าเดี๋ยวต้องไปตามลูกสาวมาอาบน้ำกินข้าว ก็พอดีได้ยินเสียงเฮๆ ตามด้วยเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆ อยู่ใกล้เข้ามา แน่ใจว่ายายตองพาเพื่อนๆ เข้ามาเล่นในบ้านก็หมดห่วงไปได้ชั่วคราว

ตอนที่ยกยำเนื้อย่างไปให้สามีในห้องรับแขก อดหันไปมองหน้าบ้านไม่ได้...เพื่อให้แน่ใจว่าลูกสาวเข้ามาแล้วจริงๆ

แหม! กำลังล้อมวงกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินริมสนาม ทั้งผู้หญิงผู้ชายราว 4-5 คน เสียงยายตองดังแจ้วๆ กว่าเพื่อน...ขี้เกียจเล่นผีหลอกแล้ว ผลัดกันเล่าเรื่องผีดีกว่า ใครเคยถูกผีหลอกมั่งยกมือขึ้น?

ดิฉันมองสบตาสามีแล้วอดหัวเราะไม่ได้ บอกว่าใกล้ค่ำแล้ว เดี๋ยวช่วยไปตามลูกสาวมาอาบน้ำเถอะ จะได้กินข้าวกินปลาพร้อมกัน อากาศยิ่งเย็นๆ อยู่ด้วย

ทันใดนั้นเอง เสียงยายตองก็ดังแหวขึ้น!

"ไม่เอา! ไม่ให้เล่น...อาบน้ำมาแล้วห้ามเล่น เดี๋ยวโดนแม่ดุไม่รู้นะ"

ฉุกใจวูบ...ใครอาบน้ำแล้วมาเล่นด้วย? พอดีลูกสาววิ่งตื๋อจากม้าหินมาที่เฉลียงพลางร้องไปด้วย...คุณแม่ขา! วินเค้าอาบน้ำตัวเปียกโชกมาเชียวค่ะ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอม!

ดิฉัน นึกเอะใจ...วินไปต่างจังหวัดกับแม่นี่นา! นี่ยังไม่ถึงวันอาทิตย์ก็กลับมาแล้วรึ? ปราดออกไปที่ประตู ยายตองวิ่งเข้ามาหาแล้วหันไปชี้มือไปที่ม้าหิน

"ดูวินซีคะ! ไปอาบน้ำมาเปียกโชกแล้วจะมาเล่นด้วย แกล้งสลัดน้ำใส่อีกค่ะ!"

คุณพระช่วย! ไม่มีร่างของวินอยู่ที่นั่น นอกจากเด็กคนอื่นอีก 3 คนที่ยังนั่งห้อยขาอยู่ที่โต๊ะม้าหินมองมา...ดิฉันหลุดปากครางว่า...แม่ไม่ เห็นวินนี่นา! พอดีสามีลุกออกมาดู ยายตองก็ชี้มือไปที่นั่นพร้อมกับยืนยันเสียงแข็ง

"โธ่! วินก็นั่งอยู่นั่นไงคะ ตัวเปียกโชกเชียว!"

ดิฉันขนลุกเกรียวไปทั้งตัว สามีรีบอุ้มลูกเข้าบ้าน พวกเด็กๆ ซุบซิบกันแล้วก็ทยอยออกไปท่ามกลางความเยือกเย็นและมืดสลัวลงอย่างรวดเร็ว...

รุ่งขึ้นก็ได้ข่าวว่าวินตกน้ำตายที่นครสวรรค์ตอนเย็นวันวานนั่นเอง วิญญาณแกโลดลิ่วมาหาเพื่อนๆ ทันที...นึกถึงแล้วขนหัวลุกค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl4TVRFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5TVE9PQ==



Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2551 19:25:58 น.
Counter : 633 Pageviews.

0 comment
ฝันมรณะ!
ฝันมรณะ!

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"พงษ์เทพ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากทางหลวง

เรื่อง โรงแรมผีดุนี่ผมเคยได้ยินมามากต่อมาก ฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะหลายๆ เรื่องก็ออกจะซ้ำซาก เช่น ทีวีเปิด-ปิดเอง เสียงใครอาบน้ำดังซู่ซ่ามาเข้าหูทั้งๆ ที่อยู่คนเดียวแท้ๆ เล่นเอาตกอกตกใจแทบตาย

หรือไม่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูกลางดึกจนตกใจตื่น ครั้นได้ยินเสียงนั้นอีกก็ต้องลุกไปเปิดประตูดูให้รู้แน่ แต่ก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว!

หนักกว่านั้นก็คือมีใครไม่รู้มานอนลืมตาโพลงอยู่ข้างๆ เล่นเอาเกือบช็อกตายคาที่

ผมเองเคยมีประสบการณ์ในโรงแรมหรูหราชายทะเลที่จังหวัดระยอง แต่มั่นใจว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด น่ามหัศจรรย์และหาเหตุผลมาอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ นอกจากจะคิดว่าเป็นพลังจิต หรือไม่ก็ซัดไปที่ความบังเอิญเหลือเชื่อก็แล้วกัน

สาเหตุมาจากผมกับลูกเมียไปเที่ยวภาคตะวันออกกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง จะเรียกว่าเป็นขาประจำก็ได้ เพราะเคยไปจังหวัดใกล้ๆ กับเขามาแล้วจนรู้จักคุ้นเคยกันดี

คราวนี้ไปเที่ยวระยองโดยรถทัวร์สองชั้นปรับอากาศ คนขับวัยสี่สิบเศษก็ขับรถดีไม่ผาดโผนเหมือนหนุ่มๆ ส่วนใหญ่ ลูกชายผมเพิ่งอายุได้ 7 ขวบค่อนข้างตื่นเต้นกับวิวสวยๆ ที่มีภูเขาและทะเล...ต้องยอมรับว่าไปกับทัวร์ดีๆ จะสะดวกสบายกว่าขับรถไปเองแน่นอน

มีรายการนำชมสวนสมุนไพรของสมเด็จพระเทพฯ แถมไม่ต้องเดินให้เมื่อยน่อง แต่นั่งรถพ่วงไปเรื่อยๆ มีไกด์อธิบายผ่านเครื่องขยายเสียงแจ้วๆ ให้ความรู้ตั้งแต่ต้นจนจบ

ไปไหว้พระและอนุสรณ์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อคราวยั้งทัพอยู่ที่ระยอง ก่อนจะเข้าตีจันทบุรี มีโบสถ์เก่าแก่ที่ครอบคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ 4 ชนิด คือ โพธิ์, ไทร, ไกร, กร่าง... หลังโบสถ์มีน้ำยาสมุนไพรรักษาโรคสารพัด โดยเฉพาะเบาหวาน กับเป็นยาอายุวัฒนะ ใครอยากทำบุญก็หย่อนเงินใส่ตู้ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ จะมากน้อยก็ได้ตามศรัทธา

ขอเข้าประเด็นเรื่องขนหัวลุก เมื่อเข้าไปพักโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะครับ!

ถ้า เอ่ยชื่อรับรองว่ามีคนรู้จักเป็นส่วนใหญ่ เพราะความหรูหราไม่แพ้โรงแรมชั้นหนึ่งในกรุงเทพฯ ทุกห้องจะเปิดม่านออกไปเห็นวิวทะเลสีคราม หรือเขียวใสก็แล้วแต่จะมอง ห้องหับกว้างขวางเหลือเชื่อ มีโต๊ะรับแขกทั้งแบบฝรั่งและจีนอย่างละ 1 ชุด มีโต๊ะทำงานพร้อมคอมพิวเตอร์ ไม่นับโต๊ะเครื่องแป้ง ทีวีจอใหญ่ ตู้เสื้อผ้า เตียงขนาดคิงไซซ์...ห้องน้ำสะอาดและหอมกรุ่นจนน่านอนเล่นด้วยซ้ำ

หลังจากดื่มกินอาหารค่ำที่มีดนตรีขับกล่อมที่ห้องโถงชั้นล่าง พวกเราที่เริ่มรู้จักกันมาแต่แรกก็เริ่มสนิทสนมกันมากขึ้นทุกที...ราวสาม ทุ่มเศษก็แยกย้ายกันกลับเข้าห้อง โดยมีนัดวันรุ่งขึ้นคือ 6-7-8 หมายถึงตอนตื่นนอน-กินอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์-และออกเดินทาง

ประมาณสี่ทุ่มเศษ เราก็ปิดทีวีนอนโดยเปิดไฟไว้ในห้องน้ำดวงเดียว!

สรรพ สิ่งเงียบและมืด ขณะที่ผมจมดิ่งลงสู่ห้วงภวังค์หนักอึ้ง ปล่อยให้ความรู้สึกว่างโหวง...จมลงไปทุกที...ทุกที...จนกระทั่ง ภาพต่างๆ ปรากฏขึ้นในสมองอย่างเงียบเชียบและเยือกเย็น...

ผมฝันเห็นคณะทัวร์กำลังนั่งรถที่แล่นไปท่ามกลางต้นไม้ใหญ่น้อยสองข้างทาง... จู่ๆ ก็มีเสียงโครมสนั่น ตามด้วยเสียงหวีดร้องแสบแก้วหู...ภาพต่อมาคือร่างของชายหญิงนอนจมกองเลือด อยู่ข้างทาง บ้างก็บิดตัวครวญครางด้วยความเจ็บปวด และบ้างก็นอนแน่นิ่งอยู่กับที่

เสียงร้องโอดโอยโหยหวนทำให้ผมสะดุ้งตื่น เหงื่อแตกพลั่กเต็มหน้า หัวใจเต้นโครมครามแทบจะกระทบโพรงอก หันไปมองลูกเมียที่หลับสนิทอยู่ในความสลัว นึกถึงความฝันก็ต้องหนาวเยือกไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลายติดๆ กัน

ช่างเถอะ! มันก็แค่ความฝันเท่านั้นเอง!

ขากลับกรุงเทพฯ พวกเรานั่งเงียบๆ คงจะคิดถึงบ้านตรงกัน...ก่อนจะถึงหนองมนที่จะแวะให้ซื้อของดังๆ เช่น ของทะเลและข้าวหลาม เหตุสยองก็อุบัติขึ้นกะทันหัน

"โครม!!" เสียงเหมือนฟ้าผ่าดังมาเข้าหู เสียงผู้หญิงวี้ดว้าย รถเบรกเอี๊ยดจนหัวคะมำไปตามๆ กัน...ผมตาพร่า เสียววูบไปถึงหัวใจเมื่อนึกถึงความฝัน หันไปกอดลูกชายเอาไว้แน่น เสียงโจษจันดังอื้ออึงไปทั้งรถ...ผมมองไปเห็นรถตู้ข้างหน้าพลิก ตะแคงอยู่ข้างทาง หญิงชายราว 4-5 คนนอนเลือดโชกร้องครวญคราง อีก 2 คนนอนแน่นิ่งเบิกตาโพลง...

ปรากฏว่ารถตู้คันหน้าเกิดอุบัติเหตุ ยางแตก พลิกตะแคงเพราะวิ่งมาด้วยความเร็วสูง...ภาพของคนเจ็บและคนตายไม่ผิดอะไรกับ ภาพที่ผมเห็นในความฝันแม้แต่น้อยนิด...ขนหัวลุกซีครับ! บรื่อออ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl3TVRFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5TUE9PQ==



Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 19:46:21 น.
Counter : 648 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend