แมวปีศาจ
แมวปีศาจ

คอลัมน์ ขนหัวลุก

ใบหนาด



"นพ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกในคืนสุดหลอน

บ้านของผมอยู่ลึกเข้าไปในซอย ห่างจากถนนใหญ่ราว 300 เมตร สองฟากของซอยเป็นบ้านเรือนผู้คนที่มีฐานะดี กำแพงบ้านแต่ละหลังนั้นสุดตระหง่าน ส่วนมากเป็นกำแพงหนาทึบ ในบริเวณบ้าน ก็ ปลูกต้นไม้ใหญ่ครึ้มกันทั้งนั้น

เวลาเราเดินตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆ ยังเปลี่ยวเลยครับ ตอนกลางคืนน่ะไม่ต้องพูดถึง...ขนลุกน่าดู!

ซอยนี้มีทางออกได้หลายทาง บ้านผมอยู่กลางซอยพอดี ลักษณะตรงนี้เป็นทางสามแพร่งครับ สุดซอยด้านหนึ่งทะลุสถานีรถไฟ แน่ละครับ! มันเกิดอุบัติเหตุมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนในรอบเกือบ 50 ปีที่คุณตาผมมาซื้อที่ดิน แล้วปลูกบ้านหลังนี้

ผมกำลังจะบอกคุณว่า ซอยบ้านผมนี่น่ะเขาลือกันว่าผีดุเหลือหลาย

ส่วนมากเชื่อกันว่าเป็นผีจากทางรถไฟ เป็นวิญญาณเร่ร่อนที่หลงทาง ต้องวนเวียนอยู่ในบริเวณนี้ ซึ่งก็หมายถึงกินที่มาถึงซอย บ้านผมด้วย ไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่จะมีคนเจอผีบ่อยมาก บาง รายลุกมาวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเช้าก็เกือบจะชนกับใครคนหนึ่ง...ซึ่งไม่มีศีรษะ!

บางคืนจะมีเสียงหมาหอนเกรียวน่ากลัวที่สุด ผมเองยังเคยได้กลิ่นธูปปนดอกไม้แห้งๆ โชยมาตามลม ไม่รู้มาจากไหน?

อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ซอยนี้น่ากลัวหนักขึ้นไปอีก ก็คือพวกผู้ร้ายครับ

ใช่แล้ว...ซอยนี้อยู่ใกล้สถานีรถไฟ มีทางออกได้หลายทาง แถมมีบ้านคนรวยๆ ที่เจ้าของต้องออกไปทำงานตอนเช้ากลับตอนค่ำๆ โจรมายกเค้าได้ง่ายๆ และก็ถูกตำรวจยิงตายง่ายๆ ด้วย ในชีวิตวัย 24 ของผมนี้ ผมเจอมาสองครั้งครับ

ครั้งหนึ่งเป็นโจรชื่อดังมากบดานอยู่ละแวกนี้ ตำรวจตามจับเลยยิงสู้กัน ผลคือโจรตายคาซอย! ครั้งที่สองเป็นโจรย่องเบาที่กำลังปีนบ้านหลังหนึ่ง แล้วเผอิญสายตรวจผ่านมาก็เลยเกิดยิงต่อสู้กันอีก รายนี้เจอไป 3 นัด นอนหงายหน้าอกกับหัวเป็นรู... เลือดไหลนองอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก ผมยังไปดูเลยครับ...ดูแล้ว กลับมาก็กลัวผีอยู่ตั้งนาน!

ตำรวจเองยังเปรยให้ผมฟังว่าซอยนี้ดุทั้งคนทั้งผี! เวลาดึกๆ ขี่มอเตอร์ไซค์มา ถ้าเห็นใครเดินท่อมๆ คนเดียวก็จะเสียวไส้ไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่านั่นคนหรือเปล่า?

นอกจากพวกผู้ร้ายและพวกถูกรถไฟชนตาย แล้วยังมีพวกขี้เมาที่แทงกันตายอีกสองสามราย เออ...เกือบลืม มีแท็กซี่ถูกลวงมาเชือดคอตรงทางสามแพร่งหน้าบ้านผมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศแถวนี้ดีกว่าริมถนนเป็นไหนๆ เวลาดึกๆ น่ะ ผมชอบออกมานั่งที่ระเบียงบ้าน มองฟ้า ดูดาว ชมดวงจันทร์ ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งหอม แค่ออกมานั่งที่สนามหรือระเบียงและชมดาวก็รู้ สึกผ่อนคลาย สงบสุขแล้วละ

เมื่อเร็วๆ นี้เอง ในคืนวันเสาร์ที่ผมนอนดึกได้เพราะรุ่งขึ้นไม่ต้องไปทำงาน ผมเลือกอยู่บ้านดีกว่าไปเที่ยวผับกับเพื่อนๆ

หลังจากนั่งเล่นเน็ตจนเมื่อยก็คิดจะยืดเส้นยืดสาย เลยเดินออกจากห้องนอนมายังสนามหญ้าหน้าบ้าน พ่อแม่พี่น้องผมหลับกันหมดแล้ว จวนตีสองแล้วนี่ รวมทั้งคนในซอยด้วย

สรรพสิ่งสงบเงียบ ฟ้ามีเมฆฝนที่สะท้อนแสงจากเมืองหลวง ทำให้มันกลายเป็นสีแดงๆ มลังเมลือง คืนนี้ไม่มีพระจันทร์ ดาวก็ถูกเมฆฝนบัง แต่ลมเย็นฉ่ำ พัดค่อนข้างแรงใบไม้แห้งถูกลมกวาดไปกับซีเมนต์ ดังแกรกกราก...

ผมเดินรับน้ำค้างและสูดอากาศที่สดใส รู้สึกพอใจกับความเงียบสงบและแสงไฟริมถนน มันดูเหงาๆ เศร้าๆ แต่ก็มีความสุขลึกๆ

ทันใดนั้น มีเสียงแมวร้องจากที่ไกลๆ!!

"เมี้ยว..." มันดังแว่วมาแล้วเงียบไป แต่จากนั้นสักสองสามวินาทีก็ร้อง "แง้ว..." มันใกล้เข้ามา คงเป็นแมวอีกตัวหนึ่งแน่ๆ ผมนึกขำ แต่แทบจะพริบตาต่อมาก็ดัง "เหมียว..." มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหมือน แมวมันร้องรับกันมาจากปากซอยเป็นทอดๆ เสียงมันคล้ายจะกำลังกลัว หรือตื่นตระหนก สักพักมันก็ร้องโหยหวนกันระงม

ผมตกใจขึ้นมาแล้วซิ เสียงแมวดังขึ้นทั่วๆ ซอย รอบๆ ตัวผมเหมือนมีแมวสักร้อยตัวกำลังเห็นอะไรบางอย่างที่มนุษย์มองไม่เห็น ผมหันซ้าย หันขวา ลมเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ

คราวนี้ผมเริ่มออกวิ่ง ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกว่ากำลังหนีอะไรบางอย่าง มาตั้งสมัยเด็กแล้ว แต่นี่ผมวิ่งหนีเข้าบ้าน รีบปิดประตูกระจกแล้ว ล็อกทันที ดึงม่านปิดมาด้วย

ถ้าใครมาเห็นสภาพผมตอนนั้นคงนึกขำ แต่ตัวเองขำไม่ออกครับ มันรู้สึกจริงๆ ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล และไม่ใช่คนอย่างเราๆกำลังลอยวนอยู่ในซอยนี้...มันมาทำไม? มันจะเอาอะไร? ผมขน ลุกตัวสั่นสะท้านเลยเชียว

รุ่งขึ้น ผมเล่าให้ใครๆ ฟัง เขามองผมแปลกๆ ผมเข้าใจครับ ...ไม่เจอกับตัวเองน่ะ ไม่รู้หรอกว่ามันหลอนแค่ไหน...ทุกวันนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าแมวมันร้องอย่างนั้นกันเพราะอะไร? แต่มันน่ากลัวมากเลยครับ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hOekU0TURZMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOaTB4T0E9PQ==



Create Date : 18 มิถุนายน 2551
Last Update : 18 มิถุนายน 2551 19:39:04 น.
Counter : 969 Pageviews.

2 comment
ผีเฝ้าบ้าน
ผีเฝ้าบ้าน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"หลานอุ๋ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเจ้าที่

บ้านดิฉันอยู่ที่ซอยสบายใจ ถนนสุทธิสาร บ้านติดกันด้านในเป็นบ้านเช่าที่มีคนเปลี่ยนหน้ามาอยู่ 2-3 ราย ส่วนมากน่ะยังไม่ทันจะสนิทสนมคุ้นเคยกันเท่าไหร่...อ้าว? ย้ายบ้านไปเสียแล้ว ...น่าแปลกอย่างที่ใครมาอยู่บ้านนั้นมักจะมีเรื่องระหองระแหง ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ ไม่ช้ามีรายใหม่มาอยู่แล้วลงเอยคล้ายๆ กัน

เคยได้ยินแว่วๆ ว่าผีดุ แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่ามีใครโดนผีหลอก!

ล่าสุดเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อแม่กับลูกสาววัยรุ่นสองคน มีญาติห่างๆ เป็นแม่บ้านชื่อป้าอุบล ใครๆ ก็เรียกว่า "ป้าบล" ค่อนข้างเจ้าเนื้อ ผิวขาว ยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน ดิฉันรู้จักป้าบลเป็นคนแรก เลยได้รับรู้ว่าครอบครัวนี้อพยพมาจากต่างจังหวัด ทำธุรกิจบ้านและที่ดินจนเก็บเงินได้มากโข คิดจะมาตั้งหลักปักฐานในกรุงเทพฯ

"เขาอาจจะซื้อบ้านหลังนี้ก็ได้ค่ะ" ป้าบลบอกกล่าวอย่างภูมิใจ "ดูเหมือนจะต่อรองราคากันอยู่น่ะ ถ้าตกลงกันได้ก็ดีนะคะ แถวนี้มีแต่คนดีๆ น่าคบค้าสมาคมทั้งนั้นเลย"

ลูกสาววัยรุ่นของครอบครัวนี้ชื่อน้องแป้งกับน้องเป้ย เรียนจบ ม.3 มาแล้ว ช่วงนั้นเพิ่งจะปิดเทอมปลายพอดี ป้าบลบอกว่าน้องชายเธอกำลังจะหาโรงเรียนในกรุงเทพฯ ให้ลูกๆ ได้เรียน ม.ปลายต่อ ถ้าไปแถวสะพานควายก็ย่านลาดพร้าว เพราะบ้านอยู่กึ่งกลางพอดี

ดิฉันกับครอบครัวนี้ก็ได้รู้จักสนิทสนมกันตั้งแต่นั้นมา!

ทั้งพ่อแม่และลูกๆ เป็นคนเปิดเผย อัธยาศัยดี แม้แต่ทางพ่อแม่ดิฉันก็ถูกชะตา...เราไปมาหาสู่กันเหมือนญาติ บ้านไหนทำผัดทำแกงอะไรก็เผื่อแผ่ให้กัน บางครั้งก็ข้ามรั้ว แต่บางคราวก็ถือกับข้าวเข้าไปส่งกันถึงบ้านเลยก็มีค่ะ...

ดิฉันชอบกระจกบานใหญ่ในห้องรับแขกที่ปรับมุมได้ จนเผลอไปยืนมองบ่อยๆ

น่าแปลกอย่างที่ครอบครัวนี้ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันเหมือนรายก่อนๆ ที่มาเช่าบ้านนี้อยู่ แต่ถ้าจะมองในแง่ไสยศาสตร์ก็มีเหตุผลนะคะ

นั่นคือคุณเอกผู้พ่อทำพิธีบูชาศาลพระภูมิที่อยู่มุมรั้ว ตั้งแต่ย้ายมาอยู่วันแรก ตั้งโต๊ะเครื่องเซ่น จุดธูปควันโขมง คุณปรางผู้แม่ก็จัดอาหารมาเซ่นไหว้ทุกเช้า...ออกรถตอนเช้าก็กดแตรเบาๆ ครั้งหนึ่ง ขากลับก็ทำแบบเดียวกัน...พ่อดิฉันบอกว่าเขาทำเพื่อแสดงคารวะต่อศาลพระภูมิ

วันเกิดเหตุอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี!

"ฝากบ้านกับตำรวจ" กำลังฮิต ตอนแรกๆ ก็ยังน้อย แต่ปีต่อๆ มาเริ่มมากขึ้น...ครอบครัวคุณเอกยกโขยงขึ้นรถไปเที่ยวสงกรานต์ที่ชุมพร ป้าบลก็บอกดิฉันว่า...ฝากบ้านด้วยนะคะ! พ่อเอกเขาฝากบ้านกับตำรวจแล้ว แต่ป้าอยากฝากให้หนูช่วยดูด้วย

ดิฉันก็รับปากอย่างเต็มใจ แม้ว่าป้าบลจะไม่ได้หมายความจริงจังอะไรนักก็ตาม...คิดอีกที ตำรวจก็ไม่ได้มาเฝ้าตลอดเวลานี่คะ การเอ่ยปากฝากบ้านกับเพื่อนบ้านน่ะถือว่าเป็นสิ่งปกติธรรมดาเต็มทีสำหรับคนไทยเรา

วันอาทิตย์ที่ดูเหมือนจะเป็นวันกลับบ้านของครอบครัวนี้ ดิฉันออกไปยืนรับลมที่เฉลียงหน้าบ้านตอนบ่าย เมฆหนาทึบจนไม่เห็นแสงแดด ดิฉันหันไปมองที่บ้านนั้นพอดีคล้ายจะมีอะไรดลใจ...ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังก้าวเดินเข้าบ้าน เห็นหลังไวๆ ทำให้สงสัยวูบ...ใครกันน่ะ?

หน้าต่างปิดสนิททั้งชั้นล่างชั้นบน...ถ้าพวกเขาเพิ่งกลับก็น่าจะเห็นรถยนต์ของคุณเอกจอดอยู่ในบ้าน แต่นี่กลับว่างเปล่า...ดิฉันรีบหันกลับ ออกจากบ้านไปดูให้รู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น

ประตูรั้วไม่ได้ล็อก! อาศัยความเคยชินผลักประตูก้าวเข้าไปตามทางลาดซีเมนต์เห็นประตูบ้านแง้มอยู่ก็ชะงักกึก...ขโมย!

ขณะที่กำลังยืนงงงันว่าจะทำยังไงดี? ประตูที่แง้มก็เปิดกว้าง ผู้หญิงวัยห้าสิบรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ ป้าบลยืนยิ้มละไม กวักมือเรียกพลางบอกเสียงใสว่า...เข้ามาก่อนซีจ๊ะ! ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้ดิฉันก้าวเข้าไปอย่างว่าง่าย

"ไม่ต้องห่วงหรอกหนู กว่าเขาจะกลับกันก็ค่ำมืดน่ะแหละ ป้ามาดูแลบ้านให้"

ดิฉันกลืนน้ำลาย ตัดปัญหาเรื่องขโมยขโจรไปได้ เพราะคุณป้าสวมกระโปรงมูมู่สีฟ้าสดตัวเดียว...ว่าแต่คุณป้าผู้นี้เป็นใคร? มาจากไหน? ดิฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

"นั่งก่อนซีจ๊ะหนู เดี๋ยวป้าจะหาน้ำเย็นๆ มาให้นะจ๊ะ" คุณป้ายิ้มกว้างให้ก่อนจะเดินผ่านหน้ากระจกบานใหญ่ไปทางห้องอาหารด้านหลัง ดิฉันมองตามแล้วอ้าปากค้าง ยืนตัวแข็งทื่อเมื่อไม่เห็นภาพของเธอปรากฏที่กระจกเงานั่นเลย!

หันขวับไปมองเหมือนถูกจับกระชาก คุณพระช่วย! คุณป้ากำลังหันมาจ้องมองพอดี รอยยิ้มอย่างใจดีพลันขยายกว้างขึ้น...กว้างขึ้นทุกที...ดิฉันม่านตาลายพร่าเหมือนเกิดอาการที่เรียกว่า "บ้านหมุน" วิ่งเตลิดออกจากห้องรับแขกอย่างไม่คิดชีวิต แว่วเสียงหัวเราะเยือกเย็นดังไล่หลังมาติดๆ

อยู่บ้านดีๆ ออกมาให้โดนผีหลอกทำไมก็ไม่รู้ค่ะ! บรื๋อออ....

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEUzTURZMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOaTB4Tnc9PQ==



Create Date : 17 มิถุนายน 2551
Last Update : 17 มิถุนายน 2551 19:49:13 น.
Counter : 777 Pageviews.

0 comment
คืนอุบาทว์
คืนอุบาทว์

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"เฮียเม้ง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบางโพ

กระบวนคนโดนผีหลอกด้วยกันแล้ว ผมเชื่อว่าตัวเองไม่ได้น้อยหน้าใครเด็ดขาด พูดแล้วก็จะหาว่าคุยนะครับ แต่ผมน่ะโดนผีหลอกมาตั้งแต่เด็กยันหนุ่ม เรียกว่านับครั้งไม่ถ้วนก็แล้วกัน สงสัยว่าตัวเองอาจจะประสาทไวอย่างที่เขาเรียกว่าซิกธ์เซนส์นั่นละมั้ง?

ผมเป็นเด็กซอยไสวสุวรรณ บางโพนี่เองครับ สมัยก่อนยังห่างไกลจากความเจริญเอาการ ถนนหนทางยังเป็นดินลูกรัง หน้าฝนเฉอะแฉะอย่าบอกใคร ตอนบ่ายจะมีแผงขายขนม ผลไม้ ส้มตำ ไก่ย่าง หนุ่มๆ สาวๆ เดินจีบกันน่าอิจฉาชะมัด

ตอนที่ผมจำความได้น่ะ นอกจากพ่อแม่กับพวกพี่ๆ แล้ว ผมยังเคยเห็นคนแปลกหน้าทุกเพศทุกวัยเข้ามาเดินคึ่กๆ อยู่ในบ้าน บางคนก็มาเล่นกับผม หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันสนุกไป..เล่าให้แม่ฟังก็ถูกหาว่าเพ้อเจ้อตามประสาเด็ก แต่ผมน่ะรู้แน่แก่ใจว่าโดนผีหลอก!

เมื่อผมเรียนหนังสือที่โรงเรียนแถวบางซ่อน ตอนเย็นๆ ลงรถเมล์สีโกโก้เข้าซอยบ้าน...นอกจากคนทั่วๆ ไปในย่านนั้นแล้ว ผมยังเห็นพวกที่เคยเข้าไปเดินพลุกพล่านในบ้านสมัยก่อน...พอผมหันไปมองเขาก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้

จะว่ากลัวก็ไม่เชิง เพราะเคยคุ้นหน้ากันมาก่อนหลายปี

พอเริ่มแตกเนื้อหนุ่มยิ่งสนุกใหญ่ เพราะคนที่ตายในซอยเห็นๆ ที่ยังฝังอยู่ก็มี เผาจี่ไปแล้วก็มี มาเดินลอยหน้าผ่านบ้านผมเป็นสายเชียว ส่วนมากตอนเย็นๆ ใกล้จะพลบค่ำ ...จะว่าตาฝาดก็เห็นนับครั้งไม่ถ้วน

ไอ้โย่ง-ขี้เมาจนผอมโกรก สูงโย่งสมชื่อ เพื่อนผมที่อยู่บ้านซอยเดียวกันก็เล่าว่า มันเคยเห็นผีที่มันไปเผามาแท้ๆ เดินปร๋อไปปร๋อมาในซอยตอนค่ำๆตั้งหลายคน ...เอ๊ย! หลายตัว

เห็นไหมล่ะครับ ว่าผมเห็นผีจริงๆ ไม่ใช่ตาฝาด หรืออุปาทานไปเอง!

เราพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ หาว่าขี้โม้ไปโน่น...แต่มีครั้งหนึ่งที่คนในซอยยอมซูฮกให้ คือผียายเผื่อนที่เพิ่งเผาไปหยกๆ ตอนเย็น พอตกค่ำแกออกมาเดินให้คนเห็นตั้งครึ่งค่อนซอยแน่ะ

วันนั้นผมนั่งซดเหล้าอยู่กับตากรี ลุงหนุ่ย เจ้าโย่งอยู่หน้าร้านกาแฟ เสียงผู้หญิงร้องวี้ดว้ายดังระงม เราหันไปเห็นร่างยายเผื่อนนุ่งผ้าลาย สวมเสื้อคอกระเช้าสีขาวแก่...แม้ว่าจะเป็นภาพจางๆ ดูโปร่งใส แต่ก็เห็นว่าเดินเอ้อระเหย หันมาเอียงคอยิ้มกับพวกเราเหมือนสาวรุ่นๆ ก่อนจะละลายหายไปต่อหน้าในบัดดล

ตากรีหงายหลังตึงลงไปคลุกฝุ่น ลุงหนุ่ยกำลังยกแก้วจะเทเหล้าเข้าปากกลับชะงักกึกเหมือนหนังขาด มือสั่นพั่บๆ จนเหล้าหกเลอะเทอะเสื้อผ้าหมดแก้ว ร้องแต่ เฮ้ย...โฮ้ย...ฮ้าย...เหมือนสติสตังแตกกระเจิง

มีไอ้โย่งกับผมเท่านั้นที่หันมองสบตากันแล้วกลืนน้ำลาย ไอ้โย่งถอนใจเฮือก...นั่นไง กูบอกแล้วไม่เชื่อว่าซอยเราผีดุจะตายชัก!

ถึงแม้ผมจะเคยโดนผีหลอกมาแค่ไหน ชินชายังไงก็ตามเถอะเอ้า! แต่แล้วคืนหนึ่งผมก็ต้องเจอะเจอกับคืนมหาโหด เขย่าขวัญสั่นประสาท สุดสยองจนแทบจะช็อกตายคาที่ไปเลย

วันนั้น ผมไปหาเพื่อนที่วงศ์สว่างตอนบ่าย บ้านอยู่ใกล้อู่รถเมล์ศิริมิตร ไม่ต้องบอกก็ได้นะครับว่าตั้งวงเหล้ากันครึกครื้นแค่ไหน พูดคุยสนุกเฮฮาไร้สาระ พอชักมึนๆ ก็ขอตัวกลับ แต่คนนั้นฉุด คนนี้รั้ง แหม...ไอ้ผมก็คนใจอ่อนซะด้วยเลยพลอยติดลมไปง่ายๆ

บังเอิญเหลือบไปเห็นรถเมล์คันสุดท้ายสตาร์ตเครื่อง ผมต้องเผ่นละครับ งานนี้! ย่านนั้นอย่าฝันหาแท็กซี่ซะให้ยาก ถ้าพลาดรถเมล์คันนั้นมีหวังต้องค้างบ้านเพื่อน...วันรุ่งขึ้นกลับบ้านมีหวังโดนพ่อด่าหูตูบแน่

จนกระทั่งมาถึงจดหมายที่ปากซอยไสวสุวรรณ!

อากาศยามดึกเย็นยะเยือก ผมจ้ำอ้าวเข้าซอยที่ไม่มีฝุ่นฟุ้งเหมือนตอนกลางวัน หมูหมาเห่าหอนตามปกติ ไฟถนนก็ยังไม่มี แต่โชคดีที่เดือนหงายกระจ่างฟ้า บ้านเรือนที่หนาตาขึ้นก็ดับไฟนอนกันหมดสิ้นแล้ว ...ยอมรับว่าเปลี่ยวน่าดูสำหรับคนแปลกหน้า แต่ผมย่ำมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยไม่หวั่นอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าคนหรือผี

อ้าว? ใครเดินโย่งๆ อยู่ข้างหน้า ...แค่เห็นด้านหลังก็จำไอ้โย่งได้แล้ว ผมร้องไปว่ารอด้วยโว้ย มันหันขวับมามองแล้วยิ้มกว้าง บอกว่า...กูกำลังเสียวสันหลังอยู่พอดี!

พอเดินไปทันกันผมก็เล่าว่าเกือบพลาดรถเที่ยวสุดท้าย ไอ้โย่งบอกว่าไม่รู้เป็นไง คืนนี้กูเกิดกลัวผีหลอกขึ้นมา...เดี๋ยวเจอยายเผื่อนเดินยิ้มแต้เข้ามามีหวังกูวิ่งหืดจับแน่ๆ เลยว่ะ

ผมกระเดือกน้ำลายเหลียวซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวง ...เออ! ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมาก็ไม่รู้ ...หมาเจ้ากรรมก็โก่งคอหอนไม่หยุดหย่อน...พอดีถึงบ้านไอ้โย่งก่อน มันหันมาถามว่าจะให้เดินไปส่งไหม? ผมส่ายหน้า บอกเพื่อนให้เข้าบ้านเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน

ไอ้โย่งย่นคิ้วก่อนพยักหน้าช้าๆ เลี้ยวขวาไปทางกอกล้วยหน้าบ้าน...ก่อนจะจางหายไปต่อหน้าต่อตา ผมร้องเฮ้ย! ตกใจสุดขีดจนออกวิ่งเตลิดไม่คิดชีวิต ...ถึงบ้านแล้วถึงรู้ข่าวว่า มันขาดใจตายคาวงเหล้าเมื่อตอนค่ำนั่นเอง! บรื๋ออออ....

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEUyTURZMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOaTB4Tmc9PQ==



Create Date : 16 มิถุนายน 2551
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 19:51:57 น.
Counter : 597 Pageviews.

0 comment
คุณยายเฝ้าบ้าน
คุณยายเฝ้าบ้าน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ปราง"เล่าเรื่องขนหัวลุกจากบ้านผีสิง .

ดิฉันได้สาวใช้มาคนหนึ่งชื่อหมี่-อายุแค่ 16 ปี เป็นเด็กสาวจากร้อยเอ็ด เธอมีเรื่องผีที่เพิ่งเจอมาหมาดๆ มาเล่าให้ฟังด้วยค่ะ

หมี่ต้องมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะครอบครัวยากจน แม่ของเธอมีลูกตั้ง 5 คน โดยที่หมี่เป็นคนโต ส่วนพ่อก็ขี้เหล้าเมายาจนไปหกล้มหัวฟาดพื้น ทุกวันนี้เป็นอัมพาตนอนเป็นผักอยู่ที่บ้าน ยังดีที่มีปู่กับย่าคอยดูแลเพราะแม่ต้องเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ เมื่อ 3 ปีก่อน

ตัวหมี่เองนั้นพอเรียนจบม.3 ก็ต้องออกแม้ว่าจะเป็นเด็กเรียนเก่งและรักเรียนมาก แต่เธอต้องเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยแม่หาเงินเข้าบ้าน น่าเศร้านะคะ!

เมื่อต้องออกจากโรงเรียน หมี่ก็แอบร้องไห้คนเดียวอยู่นาน เธอใฝ่ฝันจะเป็นครูแต่จะทำไงได้ล่ะคะ...เธอตัดใจซะ พยายามคิดว่าพอหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำแล้วค่อยหาทางเรียนใหม่ก็แล้วกัน

เรียน กศน.ก็ได้ เธอจะบากบั่นจนเป็นครูตามที่ฝันไว้

คนในกรุงเทพฯ ต้องการคนรับใช้กันเยอะ คนใช้น่ะหายากมากขึ้นทุกวันค่ะ ฉะนั้นไม่ต้องรอนานนัก หมี่ก็ได้งานทำเป็นงานที่แม่หาให้

แม่ของหมี่ทำงานบ้านอยู่แถวรามคำแหง พอดีเพื่อนของนายต้องการคนเลี้ยงเด็ก มันเป็นงานที่เหมาะกับหมี่มากเชี่ยวละ หมี่เลยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมนี่เองและเข้าทำงานที่บ้านของคุณภาวินี มีลูกสาว 2 คนอายุ 7 ขวบกับ 5 ขวบ กำลังน่ารักเชียว

ทุกเช้าหมี่จะเป็นคนปลุกคุณหนูทั้งสอง เธอนอนห้องเดียวกันกับเด็กๆ ค่ะ คุณภาวินีก็นอนกับสามีอีกห้องหนึ่งที่ชั้นบน ส่วนหมี่และคุณจอยกับคุณเจนนอนชั้นล่าง เป็นห้องกว้างขวาง ติดแอร์เย็นฉ่ำแสนสบาย แต่หมี่ไม่ชอบหรอก มันหนาวเกินไปสำหรับเธอ

พอปลุกคุณหนูแล้วก็ต้องพาพวกเธอล้างหน้าแปรงฟันและเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นก็จะแต่งตัว แล้วออกมาปิ้งไส้กรอก ขนมปัง รินนมให้ดื่ม เสร็จเรียบร้อยก็พาเดินไปโรงเรียนที่อยู่ถัดจากบ้านไปสองป้ายรถเมล์

สำหรับคุณภาวินีจะตื่นสายหน่อย และขับรถไปทำงานพร้อมสามีราวๆ สองโมงครึ่ง เรื่องอาหารเช้าของคุณผู้หญิงคุณผู้ชายน่ะไม่ต้องห่วงเลย...ทุกคนออกจากบ้านไปหมดก่อนเก้าโมง ทิ้งให้หมี่อยู่ตามลำพัง เธอจะเริ่มต้นกวาดบ้าน ถูกบ้านและซักรีด...ถ้าถามว่าเหนื่อยไหม? งานหนักเกินไปหรือเปล่า? สาวหมี่จะยิ้มสู้แล้วบอกว่า เธอทำได้สบายมาก

เพียงสองชั่วโมงทุกอย่างก็เรียบร้อย เธอมีเวลาพักอีกหลายชั่วโมง

พอตกบ่ายก็ล็อกบ้าน เดินไปรับน้องจอยน้องเจน แวะซื้อขนมหรือกับข้าวหน้าปากซอยมากินกัน 3 คน อาจะเป็นข้าวเหนียวไก่ย่าง หมูปิ้ง หรือข้าวผัดก็แล้วแต่อยากกินอะไร

ในวันที่ห้า หลังจากมาอยู่บ้านนี้ ขณะที่หมี่กำลังซักผ้าของตัวเองอยู่ เธอก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคุณยายคนหนึ่งเดินออกจากบ้านมายืนยิ้มให้...แล้วเดินหายเข้าไปในบ้านตามเดิม!

หมี่ขยี้ตา จะว่าฝันไปก็ไม่ใช่ นี่มันจวนเที่ยงแดดแจ๋เชียว คุณยายคนนั้นใส่ชุดมูมู่สีออกม่วงๆ ยาวกรอมข้อเท้า รูปร่างท้วมๆ ผมดัดสั้น ใบหน้าสะสวย ผิวขาวผ่อง ใส่แว่นตากระจกใสแจ๋ว ท่าทางใจดีมาก แต่ไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดินมายิ้มเท่านั้น...

เอ๊ะ! ใครกัน? หมี่สะบัดฟองแฟ้บออกจากมือ แล้วเดินไปชะโงกดูในบ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว...คุณยายมาจากข้างบ้านเหรอ? ไม่น่าใช่ เพราะหมี่ล็อกประตูรั้วไว้นี่นา!

เอ...แต่ถ้าคุณยายอยู่บ้านนี้ ทำไมหมี่ไม่เคยเห็นตั้งแต่วันแรกล่ะ? คุณภาวินีก็ไม่ได้เอ่ยถึง หมี่งงมากเลยนะเนี่ย! ขณะที่กำลังใช้ความคิดวุ่นวายอยู่นั้น เธอก็เหลือบเห็นคุณยายเดินขึ้นบันไดหายไปที่ชั้นสอง หมี่เดินตาม แต่บนชั้นสองไม่มีใคร...หรือว่าคุณยายจะอยู่ห้องข้างๆ ห้องนอนของคุณภาวินี?

บ้านเงียบสนิทจนหมี่ชักขนลุกหน่อยๆ แล้วนะ...นี่มันอะไรกันแน่?

บ่ายสามโมงวันนั้น หมี่ไปรับน้องๆ แล้วก็ถามทันทีว่าคุณยายที่เห็นเป็นใคร? น้องจอยร้องว่า "อ๋อ...คุณยายของน้องจอยเอง!" แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก เด็กตัวแค่เนี้ยทำเป็นมีลับลมคมใน..หมี่พยายามคิดว่าคุณยายคงจะอยู่ที่อื่น และบางวันก็มาอยู่บ้านนี้...เออ! มันก็เป็นไปได้นะ

แต่เย็นวันนั้นหมี่ไม่ได้เห็นคุณยายเลย ราวกับท่านเก็บตัวเงียบเชียบอยู่ชั้นสอง หรือไม่ก็หายไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้?

สามทุ่มคืนนั้น เมื่อคุณภาวินีกลับมา หมี่ก็เล่าเรื่องคุณยายที่เห็นให้ฟัง คุณภาวินีมีท่าสะดุ้งหน่อยๆ พูดว่า "อีกแล้วเรอะ?" ทำให้หมี่งงไปหมด

วันรุ่งขึ้นตอนสายๆ หมี่อดใจไม่ไหวขณะกวาดถูบนชั้นสอง เธอก็เปิดประตูห้องที่สงสัยเข้าไป และแล้วเธอก็ได้เห็น...

ห้องนั้นเป็นห้องนอน แต่เห็นชัดว่าไม่มีใครอยู่ เตียงถูกคลุมไว้เรียบร้อย แต่มีหิ้งหนึ่งที่วางรูปถ่ายขาวดำใส่กรอบไว้ หน้ารูปมีพวงมาลัยแห้งๆ และรูปนั้นคือคุณยายคนที่หมี่เจอ

ไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว หมี่รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร! เธอขอลาออก และหลังจากนั้น 2-3 วันก็มาอยู่บ้านดิฉัน...มาเล่า เรื่องที่ทำเอาดิฉันพลอยขนลุกไปด้วยค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEV6TURZMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOaTB4TXc9PQ==



Create Date : 13 มิถุนายน 2551
Last Update : 13 มิถุนายน 2551 21:07:54 น.
Counter : 682 Pageviews.

0 comment
หอพักมหากาฬ
หอพักมหากาฬ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"หนุ่ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปหาห้องเช่าในหอพัก

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี่เอง เมื่อผมสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวรังสิต แต่บ้านผมอยู่ถนนสุโขทัย ไกลกันคนละมุมเมืองก็ว่าได้ ผมเลยต้องกระเสือกกระสนหาหอพักอยู่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยน่ะซีครับ

ผมอยากเข้มมหา"ลัยของรัฐจะตาย แต่เอ็นท์ไม่ติดเลยจนใจ ตอนแรกๆ ที่แหกขี้ตาตื่นแต่เช้า นั่งรถไปอนุสาวรีย์ชัยฯ แล้วต่อรถไปรังสิตน่ะใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ค่ารถไปกลับก็เกือบหนึ่งร้อยบาทเข้าไปแล้ว ต้องขอค่าขนมจากแม่เพิ่มอีกวันละ 50 บาท ไหนจะเปลืองค่ารถ ไหนจะเหนื่อยเพราะการเดินทาง เลยตัดสินใจว่าหาหอพักเช่าอยู่ดีกว่า

ได้ยินราคาค่าหอแทบหัวหด 4,500 บาทครับ!

เท่าที่รู้น่ะ พวกรุ่นพี่เขาเช่าอยู่กันห้องละ 2 คน แชร์กันออกครึ่ง-ครึ่ง แต่ผมหน้าใหม่ยังไม่มีเพื่อนสักคน เพิ่งจะ "รับน้อง" ไปหยกๆ หมดกระจิตกระใจเลยครับ พอมาเล่าให้แม่ฟังก็เลยตัดสินใจว่าไปเช่าอยู่คนเดียวก่อนละกัน ต่อไปคงได้เพื่อนที่สนิทสนมกันมาช่วยแชร์ค่าเช่าเองแหละน่า

เรื่องมันไม่ง่ายยังงั้นน่ะซีครับ เพราะไปหาห้องว่างกี่หอๆ ก็ยังไม่เจอห้องว่างเลยสักห้องเดียว! เต็มไปเมื่ออาทิตย์ก่อนมั่ง เมื่อวานมั่ง...ที่แสบมากก็คือ ...เสียใจนะน้อง ห้องสุดท้ายเพิ่งให้เช่าไปเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง!

บอกตรงๆ ว่าอ่อนอกอ่อนใจซะไม่มีล่ะครับ

มาคิดถึงพ่อว่ากว่าจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้ก็เหนื่อยแทบตาย แต่ยังไม่บ่นสักคำ เราต้องทำหน้าที่ลูกให้สุดความสามารถ ให้สมกับที่พ่อแม่เลี้ยงดูและให้การศึกษา...สมบัติอันมีค่ามากที่สุด เพราะความรู้จะติดตัวเรา ทำให้เราเลี้ยงตัวเองและครอบครัวต่อไปในอนาคต

ต้องหาห้องเช่าให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องอดทนเดินทางไกลไปกลับวันละตั้งเกือบร้อยกิโลเมตร....แทนที่จะให้ดูหนังสือต้องห้อยโหนอยู่บนรถเมล์

วันนั้นฟ้าครึ้มมาตั้งแต่บ่าย...พอผมวิ่งเข้าหอสุดท้ายได้ฝนก็เทจั๊กๆ ลงมาพอดี!

หนุ่มสาวคู่หนึ่งลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินควงคู่ไปที่ลิฟต์ ผมหันไปหาเคาน์เตอร์ก็เจอหนุ่มรุ่นเดียวกัน หน้าขาวผ่อง ผมยาวปรกต้นคอ สวมเสื้อแขนสั้นสีเขียวสดกำลังยืนมองมายิ้มๆ ถามว่า...มาหาห้องเหรอฮะ?

อุ้ย! หวานแหววมาเชียว! แต่ผมเคยมีเพื่อนแต๋วที่โรงเรียนหลายคนจนชินแล้ว เลยไม่คิดอะไรมาก พยักหน้ายิ้มๆ อดถามไม่ได้ว่าทำไมรู้ล่ะ? คำตอบก็คือ...อยู่ที่นี่มานานจนจำหน้าได้หมดทุกคน แล้วบอกเสียงอ่อนหวานว่า...มีอยู่ห้องนึงพอดี อยากขึ้นไปดูมั้ยฮะ?

อีกราว 5 นาทีต่อมา เราก็มายืนอยู่หน้าห้องเลขที่...บนชั้น 4 อยู่กลางตัวตึกที่มีห้องเรียงรายทั้งซ้ายและขวา ยังได้ยินเสียงฝนซัดกระหน่ำหนักหน่วง

หนุ่มที่แนะนำตัวเองว่าชื่อเอ๋ ไขกุญแจเปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องนำหน้า เปิดไฟจนมองเห็นห้องนอนที่มีตู้เตียงครบครัน สะอาดสะอ้านพอใช้ เอ๋ผายมือเข้าไปทางห้องน้ำก็ดูเรียบร้อยดี นอกจากจะมีกลิ่นอับๆ สาบสางมารบกวนจมูกพิกล

"ไม่ได้เปิดมานานแล้วฮะ ตั้งแต่ปิดเทอมแน่ะ" เอ๋เดินบิดสะโพกเข้าไปเอียงหน้าดูกระจก ใช้ปลายนิ้วแตะๆ ข้างแก้มนิดหน่อย ก่อนจะหันมาถามว่าชอบมั้ยฮะ?

"ก็น่าอยู่ดีนะ" ผมยังไม่กล้ารับปากทันที "ขอจองไว้ก่อนได้มั้ย? เพราะสัญญากับแม่ว่าจะพาดูห้องก่อนจ่ายเงิน"

เอ๋ย่นคิ้ว นิ่งอึ้งไป ผมก็เลยบอกว่าพอเห็นก็ชอบเลย แต่รับปากแม่ไว้แล้ว ขอเวลาแค่วันเดียวเท่านั้น...ถ้ามีเงินติดตัวมาด้วยก็จะจ่ายมัดจำให้เดี๋ยวนี้เลยเพราะคิดว่าแม่ต้องตกลงแน่

"เอ้า! ตกลง...เห็นเด็กหนุ่มผมเกรียนตั้งแล้วใจอ่อน...สัญญาว่าจะมาอยู่ด้วยกันจริงๆ นะ"

เอ๋พูดกำกวมน่าดูเมื่อเราออกจากห้อง...เห็นแต๋วคู่หนึ่งเดินโอบกันออกจากลิฟต์พอดี ผมรีบก้าวเข้าไปขณะที่เอ๋ชะงัก หันมองตามคนคู่นั้น...อ้าว? ลิฟต์ปิดเร็วเหลือใจ เลยต้องลงมาคนเดียวก่อน เห็นหนุ่มใหญ่สวมแว่นสีชานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ผมเลยไปนั่งรอที่โต๊ะรับแขก แต่เอ๋ก็ยังไม่ลงมาเสียที สังเกตว่าหนุ่มแว่นนั่นมองมาบ่อยๆ จนต้องลุกไปหาแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง

"ว้าย! นังเอ๋อาละวาดอีกแล้วเหรอ? เห็นหนุ่มเป็นไม่ได้นังนี่...แหม! น้องก็หล่อซะ! อย่าไปสนใจเลยนะ สนพี่ดีกว่า ถูกใจให้อยู่ฟรียังได้ อ๋อ! นังเอ๋มันชอบ "มั่วดริงก์" ไม่สนว่าแฟนใคร เลยโดนแทงตายคาห้องมาเดือนกว่าแล้วฮ่ะ"

ถึงฝนจะไม่ซาเม็ดดี ผมก็เผ่นกระเจิงออกจากหอพักมหากาฬนั่นทันใด แต๋วน่ะไม่เป็นไร แต่ผีดุขนาดหลอกหลอนกลางวันแสกๆ นี่ยอมแพ้ครับ! บรื๋อออ...

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPVEV5TURZMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHdOaTB4TWc9PQ==



Create Date : 12 มิถุนายน 2551
Last Update : 12 มิถุนายน 2551 21:10:42 น.
Counter : 665 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend