ผีแขวนคอ
ผีแขวนคอ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"นุจรินทร์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านผีสิง

มันเป็นบ้านหลังเล็กๆ น่ารักในย่านสุทธิสาร เราซื้อจากเจ้าของที่แสดงอาการว่าเสียดายมันอย่าง

ยิ่ง... เธอเป็นหญิงสาวที่เพิ่งแต่งงาน บอกว่าลงทุนปลูกบ้านหลังนี้ โดยรื้อบ้านไม้หลังเก่าของคุณยายออกไป...คุณยายเธอเสียชีวิตไปสิบกว่าปีแล้ว ละ

"ทีแรกจะให้เป็นเรือนหอค่ะ แต่มีเหตุจำเป็นเพราะคุณแม่ทำกิจการร้านอาหารอยู่ที่เมืองนอก เราก็เลยตัดสินใจขายที่นี่เพื่อไปช่วยทางโน้น"

เหตุผลของเธอฟังเข้า ท่า ดิฉันเลยไม่ติดใจสงสัยอะไร มีอยู่นิดเดียว...คือคุณยายเจ้าของบ้านเดิมจะเป็นห่วงบ้านของท่านหรือเปล่า เอ่ย? คงไม่หรอกน่า...คิดมากไปได้! ป่านนี้ท่านคงไปเกิดใหม่แล้วละมั้ง?

บ้าน นี้น่ารัก ขนาดกำลังเหมาะกับดิฉันและสามี ที่มีลูกชายเล็กๆ เพียงคนเดียว...ดิฉันลาออกจากงานตั้งแต่คลอดลูกแล้วละค่ะ สามีทำงานคนเดียว ส่วนดิฉันเป็นแม่บ้านเต็มตัว ไม่ต้องมีคนรับใช้หรือพี่เลี้ยงเด็ก ดิฉันวาดฝันว่าจะอยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างมีความสุขในบ้านหลังนี้

นกน้อยทำรังแต่พอตัวไงคะ!

ดิฉันอมยิ้มเสมอเมื่อขับรถพาลูกชายวัยสามขวบไปส่งโรงเรียนอนุบาลใกล้บ้านแล้วแวะซื้อกับข้าวกับปลากลับมาอยู่บ้านตามลำพัง

เมื่อ อยู่คนเดียวดิฉันก็เริ่มทำงานบ้าน กวาดถู เก็บเสื้อผ้าไปซักและตาก แหม...อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก งานบ้านไม่ได้หนักหนาอะไรเลย สบายมาก! ราวสิบโมงเช้าก็เสร็จเรียบร้อย ดิฉันจะเปิดทีวีดู หรือไม่ก็คว้าหนังสือเล่มโปรดมานั่งอ่านบนโซฟา...

หลายสัปดาห์ผ่านไป ดิฉันชักจะรู้สึกแปลกๆ แล้วซิคะ!

นั่น คือ เวลาอยู่คนเดียวจะรู้สึกอึดอัด ไม่เป็นส่วนตัวเลย แปลกไหมล่ะคะ? ฟังดูขัดกันพิลึกนะ อยู่คนเดียวแท้ๆ แต่ดูเหมือนมีใครจ้องมองอยู่ตลอด...เวลาไปเข้าห้องน้ำจะได้ยินคล้ายๆ มีคนเดินอยู่ในบ้าน ทีแรกนึกเสียววูบว่าเป็นขโมย แต่พอออกมาก็ไม่เห็นใครเลยค่ะ

ดิฉันกลัวอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นใครจะมาช่วยล่ะคะ?

เรื่อง เสียงฝีเท้าประหลาด ที่เดินไปเดินมาทั่วบ้านนั้น ดิฉันเคยบ่นให้สามีฟัง เขาบอกว่าดิฉันคงแว่วไปเอง ทีหลังให้เปิดวิทยุหรือทีวีเป็นเพื่อน เพราะคนเราเวลาอยู่ในที่เงียบมากๆ หูอาจจะแว่วเสียงอะไรขึ้นมาเป็นตุเป็นตะก็ได้

ดิฉันก็อยากจะเชื่อเช่นนั้น แต่คืนหนึ่งก็มีเรื่องที่ทำให้ต้องขนหัวลุก!

คืน นั้นดิฉันนอนบนเตียง มีลูกตูนอยู่ในอ้อมกอด สามีก็หลับอยู่ข้างๆ บนเตียงเดียวกันนี่เอง จู่ๆ ดิฉันก็รู้สึกตัวตื่น พบว่าลูกตูนลืมตาแป๋วอยู่ก่อนแล้ว แกไม่ได้มองหน้าดิฉันหรือร้องกวนโยเยอะไร แต่แกจ้องไปที่ประตูนิ่งๆ

ตอน นั้นดิฉันหันหลังให้ประตูห้อง ลูกตูนผงกศีรษะขึ้นมามองข้ามไหล่ดิฉัน...ห้องเรามีแสงไฟดวงเล็กๆ แบบที่เสียบปลั๊กไว้น่ะค่ะ เป็นสีแดงเรื่อๆ ทำให้ทั้งห้องดูสลัวๆ ไม่มืดสนิท

"ใครมาโหนประตูเราอยู่น่ะแม่?" ลูกตูนถามเบาๆ เล่นเอาดิฉันผงา

"ฝันไปหรือเปล่าลูก...นอนเสียเถอะ ไม่มีอะไรหรอก" ดิฉันกดศีรษะเล็กๆ ให้แนบอก...อีกพักใหญ่แกก็หลับไป...

วันรุ่งขึ้น ลูกตูนวาดรูปเล่นง่วนอยู่คนเดียว พอเสร็จแล้วก็เอามาให้ดู...

ดิฉัน ใจหายวาบ นั่นเป็นรูปประตูที่มีผู้ชายตัวดำเอามือโหนขอบบน เท้าลอยสูงจากพื้น ลูกตูนใช้ดินสอแรเงาผู้ชายทั้งตัวเลยค่ะ แกวาดแบบเด็กๆ น่ะ แต่ดิฉันเห็นแล้วกลัวมาก

ภาพนั้นถูกเก็บไว้ในหนังสือที่ดิฉันอ่าน จนในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหว ต้องเอาไปคุยกับเจ้าของร้านทำผมหน้าซอย เราสนิทสนมกันพอสมควร

คุณติ๋ว-เจ้าของร้าน พอเห็นภาพที่น้องตูนวาดก็ตะลึงไปเลยค่ะ

" ถ้าเล่าแล้วคุณอย่ากลัวนะคะ" เธอเริ่มเรื่อง และเล่าว่าบ้านที่ดิฉันซื้อนี้ ตอนที่กำลังก่อสร้างเกิดเรื่องสยอง มีช่างทาสีผูกคอตายเพราะเสียใจที่เมียหนีไปกับชู้

ดิฉันจะทำยัง ไงดีล่ะคะ? ทำอะไรไม่ถูกเลยเพราะเป็นคนกลัวผีมากๆ เย็นนั้นก็เลยร้องไห้เล่าให้สามีฟัง เขาบอกว่าถ้าอยู่ไม่ได้ก็คงต้องขายละ...ไปอยู่คอนโดมิเนียมแทน

เออแน่ะ! ทำไมทีอย่างนี้ พูดง่ายจัง?

คำ ตอบน่ะหรือคะ? สามีดิฉันตัดสินใจย้ายบ้านทันทีที่ดิฉันเล่า เพราะเขาสารภาพว่าเขาก็เห็นเหมือนกัน เห็นเงาของผู้ชายคนหนึ่งแขวนคอตัวเองห้อยอยู่ที่ประตู เท้าลอยจากพื้นนิดเดียว

เราขายบ้านนี้แล้ว และรู้สึกเสียใจที่ต้องปิดบังไม่ให้ผู้ที่มาซื้อได้รู้เรื่องนี้ ได้แต่หวังว่าเขาคงไม่ถูกวิญญาณผีผูกคอตายมารบกวนอย่างที่เราเคยโดนมาแล้ว ค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEwTVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TkE9PQ==



Create Date : 04 ธันวาคม 2551
Last Update : 4 ธันวาคม 2551 19:34:27 น.
Counter : 665 Pageviews.

0 comment
หลอนสุดขีด
หลอนสุดขีด

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ปวัตน์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากนักร้องคาเฟ่

ใน ยุคที่คาเฟ่กำลังฮิต ผมกับเพื่อนๆกลายเป็นลูกค้าตัวยงไปเลยครับ เที่ยวคาเฟ่จนติดงอมแงมเหมือนโดนมนต์สะกด คืนไหนไม่ได้ไปดูนักร้องสาวสวยกระโดดโลดเต้นบนเวทีอวดขาอ่อนขาวๆก็หงุดหงิด จนนอนเกือบไม่หลับแน่ะ

ว่าแต่นักร้องสาวๆ นี่มีเสน่ห์เรียกแขกตรงไหนล่ะ?

โธ่ เอ๊ย!ถึงไม่บอกก็คงรู้หรอกน่า นอกจากสวยเซ็กซี่ที่ดึงดูดใจเสี่ยหนุ่มกับป๋าแก่แล้ว ลีลาบนเวทีของคุณเธอยังมีเสน่ห์เหลือกินเหลือการละครับ

ในที่สุดผมก็มาติดแหง็กอยู่ที่คาเฟ่ใกล้ๆ บ้านแถวสะพานควายนี่เอง!

ที่ นั่นมีวงดนตรีคึกคักกว่าคาเฟ่แห่งอื่นๆในย่านนั้น ซึ่งมีแต่อีเลคโทนตัวเดียว...นักร้องสาวสวยอื้อซ่า บรรยากาศดีมีระดับ ถึงราคาจะสูงกว่าที่อื่นนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรเพราะเที่ยวแล้วสบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าตอนดึกๆ จะมีรายการแก้วบิน ขวดบินห้ามหัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

สรุป ว่าผมได้แฟนนักร้องชื่อแพร เช่าห้องอยู่หน้าคาเฟ่นั่นแหละ ต้องยอมรับว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดใจไปสารพัด ไม่ว่าหน้าตาสะสวย เรือนร่างของสาววัย 18 อรชรอ้อนแอ้นสมส่วน โดยเฉพาะกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน ไม่ก๋ากั่นเหมือนนักร้องหลายๆคนที่ผมรู้จัก

ผมไปหาเธอที่ห้องชั้นสองใกล้ๆบันได หน้าต่างเปิดออกไปสู่ลานจอดรถ มีห้องน้ำเล็กๆ ผิดกว่าห้องเช่าส่วนมากในย่านนั้นที่ใช้ห้องน้ำรวม

เท่า ที่ดูจากตู้เตียง โต๊ะเก้าอี้และชั้นวางของที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกสารพัดอย่าง พอจะเดาได้ว่าแพรมาเช่าห้องอยู่ที่นั่นเกือบปีมาแล้ว ผมไปมาหาสู่เธอราวสามเดือน แพรเล่าว่าเป็นสาวจากภาคอีสานตอนบน เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นนักร้องคาเฟ่ไปเยี่ยมบ้าน แล้วชวนมาเที่ยวกรุงเทพฯ และนั่นเป็นการเริ่มต้นอาชีพนักร้องตั้งแต่นั้นมา

บางคืนก็ชวนเพื่อนไปเที่ยว แต่ส่วนมากผมมักจะไปคนเดียว ติดมาลัยน้ำใจให้เธอครั้งละห้าร้อยบาท...รวมแล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 4-5 พันบาท

วัน ไหนว่างตอนกลางวันก็แวะไปหา...เดือนผ่านเคาน์เตอร์ชั้นล่างขึ้นบันไดไปเคาะ ประตูเรียกบ้าง ไขกุญแจเข้าไปเลยบ้าง...เรามีความสุขด้วยกันทุกครั้งจนกว่าจะถึงตอนค่ำที่ แพรจะต้องแต่งตัวไปร้องเพลง บางคืนผมก็ตามไปเที่ยวที่นั่น แต่บางคืนก็กลับบ้านเลย

จนกระทั่งถึงวันที่เกิดเหตุน่าขนหัวลุก!

ผม ไปถึงห้องแพรราวบ่ายสอง เคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบเลยไขกุญแจเข้าไป...เธอกำลังอาบน้ำเสียงซู่ซ่า อยู่พอดี ร้องออกมาว่า...รอเดี๋ยวนะคะ

เอนร่างบนเตียงมองไปที่ หน้าต่างที่มีม่านบางๆ ลายสวยปิดสนิท เปิดเทปฟังเพลงจนเริ่มง่วง แพรก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา มีผ้าเช็ดตัวลายดอกไม้กระโจมอกมาผืนเดียว เธอเดินไปเช็ดเนื้อตัวที่หน้ากระจกก่อนจะชายมามองยิ้มๆ แบบยั่วเย้า พอผมกางแขนแพรก็หัวเราะระริกก่อนจะโผเข้ามาหาอ้อมแขนของผมฉับพลัน...

หลับ ผล็อยไปถึงเย็น แพรไม่ได้อยู่ในห้องเสียแล้ว...เธอคงจะแต่งตัวออกไปร้านทำผมแล้วเข้าคาเฟ่ ...ผมตัดสินใจไม่แวะไปหาเธอแต่ขับรถกลับบ้านเลย

อีกราว 3-4 วันต่อมาผมโทร.ไปหาพนักงานบอกว่าไม่เห็นแพรมาหลายวันแล้ว!เป็นไปไม่ได้ แพรไม่เคยกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าวนี่นา ผมเลยตัดสินใจบึ่งรถไปหาเธอที่ห้องพัก...แต่แพรไม่อยู่จริงๆแฮะ ข้าวของต่างๆยังอยู่ครบจนน่าแปลกใจ

ออกไปดื่มเบียร์รอจนถึงเย็นแล้ว ย้อนไปที่คาเฟ่ ถามพนักงานก็บอกว่าแพรไม่ได้มาที่คาเฟ่ตั้งเกือบอาทิตย์แล้ว...เอ๊ะ!ยังไง? นักร้องทยอยกันมาถึงก็ให้คำตอบตรงกัน

ผมมึนงงจนคิดอะไรไม่ออก จะว่าแพรกลับบ้านก็ไม่ได้ลากัปตัน... เธอไปไหนแน่

ย้อนขึ้นไปที่ห้องเธออีกครั้ง...สรรพสิ่งดูเงียบเชียบเยือกเย็นอยู่ในแสงไฟ ผมมองดูภาพถ่ายของแพรที่มองตอบมาเศร้าๆแล้วใจหาย

คุณพระช่วย!ช่างเหมือนกับจ้องมองนัยน์ตาของภาพถ่ายที่เจ้าตัวตายจากไปแล้ว!

ผม เซซังออกจากที่นั่นด้วยความสับสนมึนงง บ้านเธอที่ต่างจังหวัดผมก็ไม่รู้จัก...ย้อนกลับไปที่คาเฟ่นั้นอีกครั้ง เรียกเพื่อนๆของเธอมานั่งคุยด้วย แต่ไม่มีใครได้ข่าวแพรแม้แต่คนเดียว...ยกเว้นนักร้องชื่ออ๋อยย่นคิ้วอย่าง ครุ่นคิด

"เอ...อ๋อยเคยเห็นแพรยืนมองมาจากหน้าต่างเมื่อคืนนี้เอง... พอจะถามว่าไปไหนมาก็หายไปแล้ว เมื่อ 2-3 คืนก่อนก็เห็นแพรมาเดินอยู่หน้าคาเฟ่นี่เอง แต่พอเปิดประตูไปหาก็ไม่ยักเห็นแฮะ"

แพรหายสาบสูญตั้งแต่บัดนั้น จนถึงทุกวันนี้ เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ผมนึกถึงวันสุดท้ายที่แพรออกจากห้องน้ำมาหาผมเป็นครั้งสุดท้าย ชักไม่แน่ใจว่านั่นเป็นแพรที่มีชีวิตหรือเปล่า? นึกแล้วขนหัวลุกครับ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF6TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TXc9PQ==



Create Date : 03 ธันวาคม 2551
Last Update : 3 ธันวาคม 2551 19:45:23 น.
Counter : 715 Pageviews.

0 comment
หุ่นเจ้าสาว
หุ่นเจ้าสาว

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"นุ่น" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรังสิต

ดิฉันน่าจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นนั้นมันผิดปกติมาก แต่น่าแปลกที่ตอนแรกดิฉันไม่ได้สะกิดใจแม้แต่น้อย

วัน นั้นเป็นวันแรกที่ดิฉันเข้าไปอยู่ในหอพัก คือว่าดิฉันได้งานทำแถวรังสิต แน่ละ...เมื่อบ้านอยู่ไกลก็จำเป็นต้องหาหอพักอยู่ มีคนแนะนำหอแห่งนี้ให้ ดิฉันก็เลยไปติดต่อด้วยตัวเอง ทางเจ้าหน้าที่ของหอบอกว่ามีห้องเหลืออยู่ห้องเดียว คือห้องหมายเลข 814 อยู่ที่ชั้นแปด มีตู้มีเตียงครบเรียบร้อยทุกอย่าง ถือกระเป๋าใบเดียวก็เดินเข้าไปอยู่ได้เลย

รุ่งขึ้น ดิฉันให้พี่ขับรถมาส่งเพราะต้องขนหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้า รวมทั้งของใช้ในห้องน้ำมาด้วย

ตอน นั้นเป็นเวลาเช้าตรู่ ยังไม่แปดโมงเลยค่ะ พี่ชายต้องรีบไปทำงาน ของแค่นี้ดิฉันขนขึ้นห้องคนเดียวได้ เรื่องกุญแจน่ะรึคะ เรียบร้อยตั้งแต่เซ็นสัญญาเช่าห้องเมื่อวานนี้แล้ว อากาศยามเช้าสดชื่นจริงๆ แสงแดดอ่อนๆ ดิฉันไม่เคยเจอผู้คนเลย มันเงียบสงบดีจัง...

อ้อ! เจอแต่ยามหน้าประตูกระจกชั้นล่างของอาคารคนเดียว เขายิ้มให้ขณะดิฉันใช้กุญแจการ์ดรูดเปิดประตู จากนั้นก็เดินตรงไปที่ลิฟต์ แหม...ลิฟต์เล็กนิดเดียว ขึ้นได้ครั้งละไม่เกินสี่คนเท่านั้น ดิฉันไม่ชอบที่แคบๆ ซะด้วย แต่ไม่เป็นไร ลิฟต์พุ่งขึ้นไปเร็วใช้ได้เลยละ...ปรู๊ดเดียวก็ถึงชั้นแปด...

ประตู ลิฟต์เปิดแล้วดิฉันก็ต้องสะดุ้ง...ตรงข้ามประตูลิฟต์จัดเป็นเก้าอี้นั่งพัก มีกระจกผนัง มีต้นไม้ประดับอยู่ในกระถาง และสิ่งที่ทำให้ดิฉันสะดุ้งคือ ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งยืนแข็งทื่อ...เธอสวมชุดไทยคล้ายเจ้าสาว ทำผมสวยงาม ยืนตรง หน้ามองตรง

เมื่อเพ่งดูจริงๆ จังๆ เออหนอ...หุ่นขี้ผึ้งนี่นา!!

ดิฉัน ถอนใจแล้วนึกขัน หอแห่งนี้มีลูกเล่นแปลกๆ เขามีกระทั่งทำหุ่นขี้ผึ้งมายืนต้อนรับหน้าลิฟต์ ลงทุนน่าดู...ไม่เคยเห็นมีที่ไหนทำอย่างนี้เลย

พอรู้ว่าเป็นแค่ หุ่นก็เดินเข้าไปพิศดู เอ...จะว่าไปก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน เขาปั้นจนดูคล้ายคนมากๆ คุณคงนึกออกนะคะ...ผิวพรรณ ผมและดวงตา ดูยังไงก็เหมือนคนไม่มีผิด...เหมือนจนน่าขนลุกจริงๆ

เอาละ! ดิฉันถือถุงหมอน ผ้าห่มและกระเป๋าเสื้อผ้าเดินตรงไปที่ห้องหมายเลข 814 แล้วใช้กุญแจดอกเล็กๆ ไขเข้าไป...ห้องสวยใช้ได้ พอเหมาะพอเจาะกับการอยู่คนเดียว มีระเบียงด้วยซีคะ วิวก็สวยดี ดิฉันชอบอยู่ห้องของตึกสูงๆ ก็เพราะชอบดูวิวนี่แหละ

หลังจากพักผ่อนและเก็บของเข้าที่เข้าทางแล้วดิฉันก็ไปทำงาน...

ตอน กดลิฟต์และรออยู่นั้น ก็ยังหันไปชื่นชมหุ่นขี้ผึ้งสาวสวยนั่นเลยค่ะ นึกเล่นๆ ว่าถ้าหล่อนกระดิกได้หรือยักคิ้วให้ ดิฉันคงไม่รู้จะเผ่นไปทางไหน

เย็นนั้นกลับมา อ้าว? หุ่นขี้ผึ้งแสนสวยหายไปแล้ว!

คิด ดูอีกทีเขาคงย้ายไปไว้ที่อื่น หรือไม่ก็เอามาวางไว้หน้าลิฟต์ชั่วคราว แต่แหม...ไม่มีเหตุผลเลย เขาเอามาวางไว้ตรงนี้ทำไม? มันมาจากไหน? ใครเป็นเจ้าของ? ช่างเถอะ! อย่าคิดมากเลย...ปวดหัวเปล่าๆ

สามสี่ วันถัดจากนั้น ดิฉันได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของหอที่ชื่ออ้อย ก็เลยเอ่ยถึงหุ่นขี้ผึ้งตัวนั้น...คุณอ้อยทำท่าตกใจวูบหนึ่ง แล้วรีบกลบเกลื่อนรับเออรับค่ะ แต่ดิฉันสังเกตเห็นท่าทีพิกลๆ นั้น...และตอนนี้แหละค่ะ ที่เริ่มสะกิดใจ

เรื่องราวทั้งหมดมาเปิดเผยจากเจ้าของร้านอาหารหน้าปากซอยของหอพักนั้น...

คุย ไปคุยมา ดิฉันก็เล่าว่ามาวันแรกมีเรื่องตกใจนิดหน่อยที่เปิดลิฟต์มาเจอหุ่นขี้ผึ้ง แต่งชุดเจ้าสาว สวยสะดุดตามากเชียว...เล่นเอาคุณป้าเจ้าของร้านเอามือกุมอก เบิกตากว้าง

"คุณเห็นจริงๆ เหรอคะ?"

คุณพระช่วย! นั่นน่ะไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งหรอกค่ะ แต่เป็นผีเจ้าสาวจริงๆ มายืนทื่อให้ดิฉันเห็นเต็มหูเต็มตา เป็นการต้อนรับน้องใหม่ก็ว่าได้!

เธอ เป็นผู้เช่าห้องหมายเลข 814 เมื่อหลายเดือนก่อน คุณป้าเจ้าของร้านนี้รู้จักดี เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำมากินอาหารแทบทุกวัน เธอมีคนรักที่เธอรักเขามาก และเตรียมจะแต่งงานด้วย ขนาดไปซื้อชุดเจ้าสาวมาอวดคุณป้าเชียวละ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าถูกหลอก เสียเงินทอง เสียทั้งตัว แล้วผู้ชายคนนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆไป

เธออับอายและเสียใจจนกินยานอนหลับตายในห้อง 814

ดิฉัน โทร.บอกพี่ให้มารับเดี๋ยวนั้น และบอกทางหอด้วยว่าถูกผีหลอก เขาใจร้ายมากที่ให้เช่าห้องนี้ ผลสุดท้ายเขาคืนเงินประกันให้ดิฉัน จะว่าคุ้มก็ไม่คุ้มหรอกค่ะ ดิฉันขวัญเสียอย่างแรง...ทุกวันนี้ยังอยู่คนเดียวไม่ได้เลยค่ะ จะบอกให้!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF5TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TWc9PQ==



Create Date : 02 ธันวาคม 2551
Last Update : 2 ธันวาคม 2551 19:16:17 น.
Counter : 757 Pageviews.

0 comment
วิญญาณเรียกหา
วิญญาณเรียกหา

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ธงชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณเพื่อนรัก

สมัยหนุ่มผมเคยทำงานอยู่บริษัทขายเครื่องไฟฟ้าที่ปิ่นเกล้า มีเพื่อนสนิทอยู่ที่นั่น 2 คนชื่อเป้กับลิ้ม คนแรกเช่าบ้านอยู่คนเดียวในซอยแถวบางอ้อ ส่วนลิ้มกับผมบ้านอยู่ใกล้ๆ กัน หลังวัดภคินีนาถ ไปไกลจากที่ทำงานนักหรอกครับ

ความที่เป็นเพื่อนสนิททำให้เราไปมาหาสู่กันเสมอ ตอนเย็นวันเสาร์ก็มักจะตั้งวงดวดดื่มกันที่ร้านใกล้ๆ บริษัทบ้าง นึกครึ้มขึ้นมาก็ชวนกันเข้าคาเฟ่ที่มีหลายแห่ง นักร้องสาวสวยคับคั่งสำหรับล่อไอ้เข้

ในกลุ่มเรา 3 คน ต้องยอมรับว่าไอ้เป้รูปหล่อที่สุด ส่วนผมกับไอ้ลิ้มก็งั้นๆ แหละ ผมเองสูงโย่งแถมผมหยิกอีกต่างหาก ส่วนไอ้ลิ้มอ้วนเตี้ย ชอบยิ้มตาหยีจนเพื่อนๆ ชอบแซวว่า...เฮ้ย! เวลามึงหัวเราะอย่าหลับตาซีวะ! ได้ฮากันตึงทุกที

พูดถึงไอ้เป้ที่รูปร่างหน้าตามันเป็นดาราระดับพระรองหรือพระเอกได้สบาย พูดจาก็แสนจะไพเราะเพราะพริ้ง ยิ่งกับสาวๆ ด้วยแล้วเหมือนมันอมน้ำผึ้งมาพูดยังไงยังงั้น

พวกสาวๆ ในบริษัทชอบทำตาเฟื้องตาสลึงกับไอ้เป้อยู่เสมอ ยิ่งนักร้องคาเฟ่ด้วยแล้ว...ขนาดผมกับไอ้ลิ้มติดมาลัยน้ำใจแท้ๆ เวลาคุณเธอมายกมือไหว้ที่โต๊ะเรา อ้าว? ดันนั่งเบียดเสียด หัวเราะต่อกระซิกกับไอ้เป้เฉยเลย แถมยังเอาอกอวบๆ มาเบียดไหล่ ขาอ่อนขาวจั๊วะเพราะกระโปรงสั้นเต่อก็เสียดสีให้เห็นตำตา

ผมเคยเห็นแขกโต๊ะอื่นหันมองอย่างเขม่นเต็มที น่าเห็นใจอยู่ครับ...เขาติดมาลัยแทบจะล้นคอแต่นักร้องสาวไปยกมือไหว้ พูดคุยเดี๋ยวเดียวก็กลับมาอี๋อ๋อกับไอ้เป้คนเดียว!

พอคาเฟ่เลิกก็พากันไปกินข้าวต้มโต้รุ่ง มีนักร้องสาวคนเดียวที่เกาะแจมาด้วย...ตอนจบแยกย้ายกัน ไอ้เป้ก็ควงสาวขึ้นแท็กซี่บ๊ายบาย...ให้ดิ้นตายก็ยังได้ ถ้ามันไม่พาคุณเธอไปสู่เรือนหอรัก หรือบ้านของมันน่ะ

แหม! ถ้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนซี้ซะอย่าง ผมกับไอ้ลิ้มจะไม่มีวันยอมร่วมทางไปกับไอ้เป้เด็ดขาด

วันอาทิตย์ถ้าไม่พักผ่อนอยู่กับบ้าน พวกเราก็ไปมาหาสู่กัน...คิดถึง! ว่าซะยังงั้นก็ได้ครับ ทั้งๆ ที่เห็นหน้ากันทุกวันอยู่แล้วก็เถอะน่า ไม่งั้นดูเหมือนว่าชีวิตจะขาดอะไรไปก็ไม่รู้ซี

ตอนนั้นเพิ่งจะมีโทรศัพท์มือถือ แต่เครื่องละหลายหมื่น พวกผมน่ะไม่มีปัญญาหรอก ขนาดโทรศัพท์บ้านยังขอยากขอเย็น พ่อไอ้ลิ้มขอมาเป็นปีเพิ่งจะได้มาหยกๆ เพราะงั้นเราก็อาศัยโทรศัพท์สาธารณะกันเป็นหลัก

อาทิตย์นั้นผมโทร.ไปหาไอ้ลิ้มตอนบ่ายๆ ชวนมันไปบ้านไอ้เป้ เผื่อจะได้ตั้งวงกันให้ครึกครื้น...ไอ้ลิ้มเห็นด้วย บอกให้ผมแต่งตัวรอได้เลย เดี๋ยวมันขี่รถมารับ...ไม่ช้าผมก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนบึ่งไปทางบางอ้อ จนเลี้ยวเข้าซอยบ้านไอ้เป้ที่เคยมานับครั้งไม่ถ้วน

เรือนไม้ชั้นเดียวเตี้ยๆ มีรั้วไม้ระแนงกับดงกล้วยเรียงราย สรรพสิ่งเงียบเชียบพิลึก ไอ้ลิ้มหันมาพยักหน้ากับผม บอกว่าสงสัยยังกกสาวอยู่มั้ง? ผมเลยลงจากรถเดินไปขึ้นบันได...พอถึงระเบียงก็ต้องชะงักงัน

ประตูห้องใส่กุญแจดอกใหญ่ แสดงว่าไอ้เป้ไม่อยู่บ้านน่ะซี!

ผมหมุนตัวกลับ เดินส่ายหน้าลงบันไดมาบอกไอ้ลิ้มที่กำลังด่าพึม...ไอ้บ้าเอ๊ย! เมื่อคืนก็ดึก แล้วยังเสือกแรดไปไหนอีกวะ? เราไปกินเหล้าร้านลาบที่หน้าวัดเทพนารีดีกว่าว่ะ...

ขณะที่ผมโดดซ้อนท้าย ไอ้ลิ้มกำลังจะออกรถก็พอดีได้ยินเสียงตะโกนลั่น...เฮ้ย! ไปไหนกันวะ รอกูด้วย!

หัน ขวับไปมองก็เห็นไอ้เป้นุ่งผ้าเช็ดตัวยืนโบกมืออยู่หน้าประตู เล่นเอาผมงกเต้ก โดนไอ้ลิ้มด่าว่าตาเซ่อ ประตูปิดอยู่เฉยๆ เสือกเห็นเป็นใส่กุญแจไปได้...ผมเถียงไม่ออก ตกลงว่ารอมันอยู่ที่รถ...อ้าว? มอเตอร์ไซค์ของไอ้เป้ก็จอดอยู่ที่ใกล้ๆ ซุ้มนมแมวข้างบันไดนั่นเอง แต่ตอนแรกคงไม่ได้สังเกตละมั้ง?

"เฮ้ย! เร็วๆ ซีโว้ย ไม่ต้องแต่งหล่อนักก็ได้ ไอ้บ้า" ไอ้ลิ้มหันไปตะโกนเร่ง แต่ประตูกลับปิดเงียบเชียบจนผมนึกเสียวสันหลังยังไงชอบกล ลมหนาวพัดวูบมาเล่นเอาขนลุกซู่ซ่า ปากคอแห้งผากไปหมด...สงสัยว่าจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นแล้ว

ผมเผ่นขึ้นบันไดไปอีกครั้ง แทบจะผงะหงายเหมือนโดนของแข็งประเคนเข้าที่แสกหน้าอย่างจังๆ ไอ้ลิ้มวิ่งตามขึ้นมา ครางอะไรไม่เป็นภาษา...เซหลุนๆ ไปพิงระเบียงทันใด

ประตูบ้านไอ้เป้ใส่กุญแจดอกใหญ่เห็นอยู่ทนโท่น่ะซีครับ!

เมื่อ เราพังประตูเข้าไปก็เจอศพเพื่อนนอนจมกองเลือดอยู่บนเตียง หน้าอกโดนแทงปรุพรุนเหมือนรังผึ้ง...สงสัยว่าแฟนนักร้องจะตามมาฆ่าเพราะแรง หึงหวง แต่ที่แน่ๆ คือผีไอ้เป้สุดเฮี้ยน ขนาดโผล่ออกมาให้เพื่อนเห็นก็แล้วกันครับ! บรื๋อออ....

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREF4TVRJMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNaTB3TVE9PQ==



Create Date : 01 ธันวาคม 2551
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 19:38:06 น.
Counter : 609 Pageviews.

0 comment
มากับวิญญาณ
มากับวิญญาณ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"มิ้นต์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณพเนจร

ดิฉัน อยู่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว เสาร์อาทิตย์มักจะมีเพื่อนๆ จากบริษัทเดียวกันแวะมาหาเสมอ ส่วนมากจะเป็นบ่ายวันเสาร์ค่ะ ซื้ออาหารสำเร็จรูปมากินกัน คุยเรื่องจิปาถะกันสนุกสนานตามประสาผู้หญิง

เพื่อนที่ยังโสดก็มักมีปัญหาเรื่องแฟน...แน่ล�ะค่ะ ถ้าความรักยังสดชื่นหวานแหววเธอก็คงไปหาแฟนหรือไปเที่ยวด้วยกันแล้วละ จริงมั้ย?

เพื่อน ที่แต่งงานแล้วก็มาปรับทุกข์เรื่องสามี ส่วนมากมักลงเอยกับดิฉันว่า...อยู่เป็นโสดอย่างเธอดีกว่า ไม่ต้องเจอะเจอปัญหาน่าปวดหัว...มีผัวผิดคิดจนตัวตาย! เพื่อนๆ เคยแซวว่าสมัยนี้มีคติใหม่แล้ว...มีผัวผิดคิดหาผัวใหม่เจ๋งที่สุด!

จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเรื่องขนหัวลุกขึ้นตอนกลางวันแสกๆ

บ่าย วันเสาร์นั้น ดิฉันกำลังปอกมะม่วงจิ้มน้ำปลาหวานอยู่ในห้องรับแขกกับแอ้มและจุ๋มที่นั่งรถ มาหาด้วยกัน ไม่ช้าเพื่อนชื่อเก๋อยู่ถึงรามคำแหง 150 ก็โทร.มาหา บอกกลุ้มใจเรื่องแฟนที่อ้างว่านัดเพื่อนไว้ตอนเที่ยงแล้วรีบผลุนผลันออกจาก บ้าน...สงสัยจะนัดกิ๊กไว้มากกว่า

จุ๋มได้ยินแว่วๆ ก็ร้องแซวว่า อยากมีโผเร็วก็ต้องกลุ้มใจยังงี้แหละ ว่าแต่สนมะม่วงน้ำดอกไม้จิ้มน้ำปลาหวานไหมล่ะ? แหม! เปรี้ยวกำลังดีเชียว ถ้าแพ้ท้องก็รีบบึ่งรถมาเลยนะ...หรือจะแวะซื้อมะม่วงมาเพิ่มก็ดี จะทำน้ำปลาหวานเผื่อไว้

เก๋ตอบตกลงทันที!

แอ้มอดนินทาไม่ได้ ว่าอยากได้แฟนรูปหล่อก็ยังงี้แหละ ไม่รู้จักเสน่ห์ผัวหลง เดี๋ยวก็โดนคนอื่นงาบไปจนได้! จุ๋มเลยพยักหน้า...เธอรู้ดีทำไมไม่หาโผมาหลงซะคนล่ะ? แซวกันเองดื้อๆ ซะงั้น

ราว ชั่วโมงเก๋ก็มากดออดประตู แอ้มลุกไปเปิดแล้วร้องถามว่า...พาแฟนใหม่มาด้วยเหรอ? เข้ามาซี่! เสียงเก๋ร้องวี้ดว้าย หยิกตีกันประสาเพื่อนฝูง...ดิฉันเห็นหน้าเก๋แล้วนึกเอะใจว่าทำไมดูหน้าซีด เซียวผิดปกติ...นั่นปะไรคะ!

เก๋ออกจากบ้านมาราว 5 นาทีก็มีมอเตอร์ไซค์สีแดงแล่นลิ่วราวลมพัด แซงวูบเดียวหายไปเลย...แต่พอไปอีกไม่ไกลก็เห็นคนมุงกันอยู่ข้างทาง ตำรวจกับรถมูลนิธิทำให้รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง รถติดจนเก๋ต้องเปิดประตูลงไปดู เห็นเลือดสดๆ แดงฉานแทบจะไหลนอง...

ได้ยินเสียงพูดกันว่า มอเตอร์ไซค์สีแดงเสยท้ายรถตู้จนแหลกยับ

คนขี่จักรยานยนต์มรณะไม่ได้สวมหมวกนิรภัย นอกจากคอหักแล้วร่างกายยังแหลกเหลวยับเยิน...มองเห็นแวบเดียวก็ติดตาจนขนลุกขนพองไปหมด

พวก เราช่วยกันพูดปลอบใจจนเก๋หน้าชื่น...ไม่ช้าก็มาล้อมวงกันกินมะม่วงน้ำปลา หวานกันอย่างเอร็ดอร่อย จู่ๆ จุ๋มก็ถามแอ้มว่า...ทำไมทักเก๋ว่าพาแฟนใหม่มาด้วยเหรอ? แอ้มทำหน้าเหลอหลาก่อนจะนึกขึ้นได้

"อ๋อ! ตอนเปิดประตูฉันเห็นผู้ชายเดินตามหลังเก๋มานี่นา นุ่งยีนส์สวมแจ๊กเกตดำหุ่นเท่เชียว หน้าตาก็แหม...หล่อซะ! แต่เอ...ดูเหมือนหน้าผากจะมีเลือดติดอยู่นะ ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรมา? หรือว่า..."

เสียงวี้ดว้ายดังระงมไปทั้งห้อง ดิฉันมองหน้าเก๋ก็เห็นขาวซีดลงตามเดิม ปากสั่นระริก หน้าตาใกล้จะร้องไห้เต็มที พึมพำว่า...เหมือนคนตายที่เก๋เห็น...

ก๊อกๆ ๆ ก๊อก ๆ ๆ

เสียง เคาะประตูดังขึ้นกะทันหัน เสียงร้องว้าย! ดังขึ้นพร้อมๆ กัน จุ๋มบอกให้แอ้มไปเปิดประตูดูซิว่าใครมา? แอ้มห่อไหล่ทำหน้าสยอง บอกว่าจะให้ฉันเจออีตาสุดหล่อคนนั้นอีกเรอะ? ไม่เอาแล้ว! ดิฉันเลยบอกให้เก๋เป็นคนไปเปิด โดยมีเหตุผลง่ายๆ ว่า...กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง กลางวันแสกๆ ไม่มีผีสางที่ไหนหรอก

เก๋ กระเดือกน้ำลาย จำใจเดินช้าๆ ไปที่ประตู พวกเรามองตามพลางยักคิ้วหลิ่วตากันอย่างสนุก จนกระทั่งเห็นมือสั่นๆ เอื้อมไปจับลูกบิดดึงบานประตูเข้ามา...

เสียงหวีดร้องโหยหวนดังแสบ แก้วหู...กรี๊ดๆ ๆ ไม่หยุดหย่อนจนพวกเราตกตะลึงไปตามๆ กัน ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องเรียกชื่อเพื่อน...เก๋ๆ ๆ เป็นไร? เป็นอะไรไป? แต่เก๋ไม่ตอบนอกจากร้องกรี๊ดๆ เหมือนคนสติแตก จนพวกเราต้องเผ่นเข้าไปหาแต่ก็ไม่เห็นอะไรเลย

ปิดประตูลงกลอน เก๋ร้องไห้โฮลั่น น้ำตาไหลพราก ไม่ยอมพูดยอมจานอกจากร้องไห้อย่างเดียว...กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ก็เกือบสิบนาที

...คงไม่ต้องบอกก็ได้นะคะว่าเก๋เล่าว่าเปิดประตูไปพบอะไรเข้าน่ะ ขนหัวลุกค่ะ!

//www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREk0TVRFMU1RPT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBd09DMHhNUzB5T0E9PQ==



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2551 19:30:56 น.
Counter : 801 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend