จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาพุ่ง6.5หมื่นคำขอ

เผยสถิติคำขอจดทะเบียนปีงบ ประมาณ 58 พุ่ง 65,991 คำขอ เพิ่มขึ้น 12.75% จดเครื่องหมายการค้ามากสุดเกือบ 5 หมื่นคำขอ ขณะที่ต่างจังหวัดยื่นจดสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

 

เมื่อวันที่10พ.ย.2558 นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า สถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในภาพรวมปีงบประมาณ 2558 (ต.ค. 2557-ก.ย. 2558) มีจำนวนทั้งสิ้น 65,991 คำขอ เพิ่มขึ้น 7,463 คำขอ หรือเพิ่มขึ้น 12.75% โดยแบ่งเป็นเครื่องหมายการค้า 49,909 คำขอ เพิ่มขึ้น 10.58% สิทธิบัตรการประดิษฐ์ 7,811 คำขอ เพิ่มขึ้น 0.46% สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 4,369 คำขอ เพิ่มขึ้น 10.41% และอนุสิทธิบัตร 3,902 คำขอ เพิ่มขึ้น 135.34%

ทั้งนี้ เป็นการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาที่ส่วนกลางจำนวน 55,466 คำขอ คิดเป็น 84.05% และส่วนภูมิภาค โดยยื่นผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จำนวน 10,525 คำขอ คิดเป็น 15.95%

สำหรับจังหวัดที่มีสถิติการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาสูง สุด 5 ลำดับแรกของภูมิภาค ไม่นับกรุงเทพฯ ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จำนวน 685 คำขอ คิดเป็น 1.03% สงขลา จำนวน 610 คำขอ คิดเป็น 0.92% เชียงใหม่ จำนวน 549 คำขอ คิดเป็น 0.80% นครราชสีมา จำนวน 529 คำขอ คิดเป็น 0.80% และปทุมธานี จำนวน 430 คำขอ คิดเป็น 0.65%

นางนันทวัลย์ กล่าวอีกว่า จากสถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าประชาชนในส่วนภูมิภาคเริ่มให้ความสำคัญต่อ เรื่องของนวัตกรรม การประดิษฐ์คิดค้น การสร้างสรรค์งานทั้งในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ และการประดิษฐ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการพยายามปรับตัวของผู้ประกอบการไปสู่การประกอบธุรกิจ ที่มีนวัตกรรมมากขึ้น โดยเชื่อว่าน่าจะเป็นผลจากการร่วมกันส่งเสริมและผลักดันตามนโยบายของรัฐบาล และของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการยกระดับประเทศด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้าง สรรค์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการ

“หากพิจารณาแยกตามประเภทการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาใน ส่วนภูมิภาคผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จะพบว่าสิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์มีปริมาณคำยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 74% แสดงให้เห็นว่าประชาชนในภูมิภาคได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองทรัพย์สินทาง ปัญญาในเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน การยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์ เพิ่มขึ้น 33% อนุสิทธิบัตรเพิ่มขึ้น 3.93% ในขณะที่คำขอเครื่องหมายการค้าลดลง 41.80% ซึ่งอาจเป็นเพราะนิยมมายื่นคำขอฯ ที่กรุงเทพฯ”

ปัจจุบันแนวโน้มการขยายตัวของการยื่นคำขอจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ทั่วโลกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2552-2556) มีการยื่นคำขอจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์เพิ่มขึ้น 6.02% สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ 11.43% และเครื่องหมายการค้า 7.9%

 

สำหรับ ในปีงบประมาณ 2559 กรมฯ จะเร่งดำเนินนโยบายเชิงรุกในการส่งเสริมและสนับสนุนให้สังคมไทยได้เรียนรู้ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เกิดความตระหนักในคุณค่าและการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทั้ง ของตนเองและของผู้อื่น รวมทั้งส่งเสริมการสร้างสรรค์และการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลทรัพย์สินทาง ปัญญา และการเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทั่วทุกภูมิภาคของ ประเทศไทย อันจะเป็นกุญแจสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้ กับภาคธุรกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับนานาชาติต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2558 20:46:05 น.
Counter : 269 Pageviews.  

สปท.ด้านสื่อขับเคลื่อนปฏิรูปสื่อออนไลน์

สปท.ด้านสื่อขับเคลื่อน3ด้าน พร้อมตั้งอนุกรรมาธิการฯเดินหน้าปฏิรูปสื่อออนไลน์ แก้ปัญหาขาดจริยธรรมแพร่ข้อมูลข่าวสารบิดเบือน ขณะที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เตือน”ไทยรัฐ-เดลินิวส์”เผยแพร่ภาพ-ข่าวเข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน

 

เมื่อวันที่18พฤศจิกายน2558 ที่รัฐสภา นายอภิชาติ จงสกุล โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) แถลงผลการประชุมกมธ.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบเสนอแนวทางปฏิรูปด้านสื่อสิ่งพิมพ์ ด้านวิทยุ โทรทัศน์ ด้านโทรคมนาคม และด้านสื่อออนไลน์ ควบคู่กับแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 3 ด้าน คือ1.เสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ 2.การป้องกันการแทรกแซงและครอบงำสื่อ และ 3.การกำกับดูแลสื่อที่มีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกันยังมีข้อเสนอการปฏิรูปพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 สำหรับการปฏิรูปสื่อออนไลน์จะต้องจัดการปัญหาด้านการขาดจริยธรรมแพร่ข้อมูล ข่าวสาร บิดเบือน ให้ร้าย ปลุกระดม ที่มีผลกระทบต่อสังคม ซึ่งเกิดจากปัญหาด้านกลไกบังคับใช้กฎหมายและเทคโนโลยี ปัญหากลไกควบคุมอินเตอร์เน็ตอยู่ในการดูแลภาคเอกชน และปัญหานโยบายรัฐที่เน้นการขยายการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยขาดนโยบายป้องกันและปราบปราม

               พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งอนุกมธ. 3 คณะเพื่อทำงานด้านการปฏิรูปสื่อ ได้แก่ 1.คณะอนุกมธ.ด้านสื่อสิ่งพิมพ์ มีนางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด เป็นประธาน 2.คณะอนุกมธ.ด้านวิทยุ โทรทัศน์ และด้านโทรคมนาคม มีพล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร เป็นประธาน และ 3.คณะอนุกมธ.ด้านสื่อออนไลน์ มีพล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ เป็นประธาน โดยมีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำแผนปฏิรูปสื่อออนไลน์ ครอบคลุมในเรื่องกฎหมายและในส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด

ด้าน นางอุบลนัดดา สุภาวรรณ รองประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 10/2558 เมื่อวันที่17 พฤศจิกายน 2558 ที่ประชุมมีมติให้ทำหนังสือเตือนหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เรื่องการเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ระเบิดที่ประเทศฝรั่งเศส และหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เรื่องการเผยแพร่ภาพผู้ป่วยในโรงพยาบาล เนื่องจากการกระทำทั้งสองกรณีเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้านคุณค่าความเป็นมนุษย์ และเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย
               ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิตจากกรณีระเบิดที่ประเทศฝรั่งเศสโดยไม่เซ็นเซอร์ ในฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งการเผยแพร่ภาพดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ด้านคุณค่าความเป็นมนุษย์ และสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้เคยมีจดหมายขอความร่วมมืองดเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิตแล้ว ดังนั้นสภาการหนังสือพิมพ์ฯ จึงได้ส่งจดหมายเตือนไปยังหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ อีกครั้งหนึ่ง
             ส่วนกรณีหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ได้เผยแพร่ภาพ นายทฤษฎี สหวงษ์ ดารานักแสดง ซึ่งป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกและมีอาการเข้าขั้นวิกฤติ นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ในฉบับวันพุธที่11 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้ส่งจดหมายขอความร่วมมือไปยังองค์กรสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ให้งดเผยแพร่ภาพผู้ป่วยในโรงพยาบาล ดังนั้นสภาการหนังสือพิมพ์ฯ จึงได้ส่งจดหมายเตือนไปยังหนังสือพิมพ์เดลินิวส์อีกครั้งหนึ่ง
/////////////////////////////////////////////////

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2558 20:42:09 น.
Counter : 278 Pageviews.  

กองทัพอากาศไทย-จีนฝึกร่วมครั้งแรก “ฟอลคอน สไตรก์ 2015”เชิญชมฟรีบินผาดแผลงที่โคราช 26-27 พ.ย.

กองทัพอากาศไทย-จีนจัดฝึกผสม“ฟอลคอน สไตรก์ 2015” ร่วมกันเป็นครั้งแรกเชื่อมความสัมพันธ์และความสามัคคี อีกด้านแสดงการบินผาดแผลง ฉลองครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน ที่กองบิน 1 โคราช ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี

 

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ที่กองทัพอากาศ ดอนเมือง พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงกรณีที่กองทัพอากาศไทย ร่วมกับกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดการฝึกผสมฟัลคอน สไตร์ค 2015 (Falcon Strike 2015)ว่ากองทัพอากาศเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงที่มีหน้าที่ในการเตรียมกำลังและใช้กำลังทางอากาศในการป้องกันราชอาณาจักร

ในขณะเดียวกัน ได้มุ่งพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการทหารกับประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศสมาชิกอาเซียน และมิตรประเทศต่างๆ ดังจะเห็นได้จากการฝึกร่วมและผสมที่มีการฝึกเป็นประจำทุกปี

ในแต่ละปีมีประเทศที่เข้าร่วมการฝึกหรือเข้าร่วมสังเกตการณ์การฝึกเพิ่มขึ้น ทำให้เห็นว่ามิตรประเทศต่างเชื่อมั่นในกำลังพลและศักยภาพของกองทัพไทยในความร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างมาก อีกหนึ่งประเทศที่ถือว่ามีความสัมพันธ์ทางการทูตกันอย่างยาวนานนั่นคือสาธารณรัฐประชาชนจีน

พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์กล่าวว่าในด้านความมั่นคงนั้น กระทรวง กลาโหมของทั้งสองประเทศมีนโยบายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการทหารร่วมกันอาทิ การฝึกสไตรก์ (Strike)ระหว่างกองทัพบกและกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน และการฝึกบลู สไตรก์ (Blue Strike)ระหว่างกองทัพเรือทั้งสองชาติพล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์กล่าวว่าในส่วนของกองทัพอากาศมีการหารือกันในระดับนโยบายถึงการฝึกภาคอากาศเช่นกัน โดยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกองทัพอากาศและกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน หารือเกี่ยวกับการวางแผนการฝึกภาคอากาศร่วมกัน มีการประชุมวางแผนขั้นต้นการฝึกฯ ระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย. ณ กองบิน 1 จ.นครราชสีมา จากนั้นคณะทำงานฯได้เดินทางไปประชุมวางแผนขั้นสุดท้าย ระหว่างวันที่ 23-29 ส.ค. ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเห็นชอบให้มีการฝึกผสมภายใต้รหัสการฝึกฟัลคอน สไตรก์ 2015 กำหนดห้วงเวลาในการฝึกระหว่างวันที่ 16-27 พ.ย. 2558 และใช้กองบิน 1 จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่การฝึกผสม

สำหรับฟัลคอน สไตรก์ 2015 เป็นการฝึกบินทางอากาศยุทธวิธีร่วมกันครั้งแรกระหว่างเครื่องบินขับไล่แบบกริพเพน (Gripen 39C/D) จากกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 5 เครื่อง กับเครื่องบินขับไล่แบบ Su-27 จากฝูงบินที่ 6 มณฑลกว่างโจว กองทัพอากาศ สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 6เครื่อง เพื่อพัฒนาทักษะ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบินยุทธวิธีการรบในอากาศ ที่จะก่อให้เกิดความคุ้นเคยกับขั้นตอนการปฏิบัติการทางอากาศของกองทัพอากาศทั้งสองประเทศ

อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์และความสามัคคีให้แก่กำลังพลในทุกระดับของทั้งสองประเทศอีกด้วย ในการฝึกครั้งนี้มีกำลังพลของกองทัพอากาศเข้าร่วมการฝึกทั้งในส่วนบัญชาการ ฝ่ายอำนวยการ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนต่างๆรวมทั้งสิ้น 108 คน และกำลังพลของกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เข้าร่วมการฝึกทั้งสิ้น 106 คน โดยมีการวางแผนการบินไว้จำนวน 103เที่ยวบิน

ในส่วนของกองทัพอากาศ มี น.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารอากาศ เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกฯ และกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน มี พล.อ.ต.เหมา หมิงหลง รองเสนาธิการกองกำลังทางอากาศภาคทหารกว่างโจว เป็น ผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกฯ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึก ในวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. และกำหนดจัดพิธีปิดการฝึกในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. โดยมี พล.อ.ท.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน รองเสนาธิการทหารอากาศ และ พล.อ.ท.สวี อันเสียง ผู้บัญชาการกองกำลังทางอากาศภาคทหารกว่างโจว ร่วมเป็นประธาน

นอกจากการฝึกทางภาคอากาศแล้ว กองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้จัดให้มีการแสดงการบินผาดแผลงของหมู่บิน August 1st Aerobatic Team ทำการบินด้วยเครื่องบินขับไล่แบบChengdu J-10 เพื่อเป็นทูตสันถวไมตรีเนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน กำหนดแถลงข่าวในวันอังคารที่ 24 พ.ย. เวลา 08.30 น. ณ กองบิน 1จ.นครราชสีมา โดยจัดให้มีการแสดงการบินโชว์ (ไม่เต็มรูปแบบ) ก่อนการแสดงจริงของหมู่บินผาดแผลง August 1st Aerobatic Team การบินแสดงสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่แบบกริพเพน (Gripen 39C) และเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศ ในวันที่ 26 และ 27 พ.ย. ตั้งแต่เวลา10.00 น. ณ กองบิน 1 จ.นครราชสีมา ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2558 20:40:02 น.
Counter : 274 Pageviews.  

รมต.วิทยาศาสตร์อาเซียนเห็นชอบทำ”วีซ่านักวิจัย”

ที่ประชุม รมต.วิทย์ฯ อาเซียน เห็นชอบแผนแผนปฏิบัติการระยะยาวด้าน วทน.หวังขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สะท้อนประโยชน์ครอบคลุม เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมเสนอทำ “วีซ่านักวิจัย” เคลื่อนย้ายทำงานระหว่างอาเซียน นายกฯ ลาว ฝากไทย สนับสนุนเทคโนโลยีช่วยเกษตรกร

 

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวภายหลังเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ว่าด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ 16 ณ นครเวียงจันทน์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ว่า ที่ประชุมผ่านความเห็นชอบแผนปฏิบัติการอาเซียนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ค.ศ. 2016-2025 พร้อมปรับโครงสร้างคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาเซียน ให้รวมคณะที่ปรึกษาด้านแผนและนโยบาย กับ คณะที่ปรึกษาด้านการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนแผนไปสู่ปฏิบัติ สะท้อนประโยชน์ทั้งสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โดยที่ประชุมให้ความไว้วางใจให้ประเทศไทยเป็นประธานคณะที่ปรึกษานี้ ซึ่งคาดว่าราวเดือนมีนาคม 2559 จะเห็นแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม

“ในฐานะผู้แทนประเทศไทย ได้เสนอให้มีการจัดงาน STI Forum ซึ่งเป็นเวทีหารือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ในเดือนสิงหาคม 2559 โดยการจัดงานครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมประชุม จะไม่ใช่เฉพาะกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในกลุ่มอาเซียนเท่านั้น แต่จะเชิญผู้ที่มีบทบาทสำคัญในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ วทน. เข้าร่วมประชุม อาทิ ผู้นำด้านธุรกิจของอาเซียนและของโลก ผู้ได้รับรางวัลโนเบล นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ ผู้ประกอบการหน้าใหม่กลุ่ม Start-up โดยประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพก็จะเตรียมงานกันอย่างเข้มข้น เพื่อให้องค์ประกอบการจัดงานสมบูรณ์ที่สุด”
รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ที่ประชุมให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือโครงการ อาเซียนทาเลนท์โมบิลิตี้ (ASEAN Talent Mobility หรือ ATM) ซึ่งเป็นการเคลื่อนย้ายนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ในกลุ่มประเทศอาเซียน และระหว่างอาเซียนกับโลก โดยประเทศไทยได้ให้ข้อมูลความสำเร็จของโครงการทาเล้นท์โมบิลิตี้ที่กระทรวง วิทยาศาสตร์ฯ ของไทยดำเนินการอยู่ แต่ในอาเซียนจะมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากวิธีคิด วิธีการ และการนำไปใช้มีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละประเทศ และมีการเสนอให้มีการจัดทำ วีซ่านักวิจัย ในการเคลื่อนย้ายการทำงานไปยังประเทศต่างๆ โดยจะมีการหารือในรายละเอียดอีกครั้ง ขณะนี้เป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้การพัฒนา วทน.ของอาเซียนให้เข้มแข็งและอยู่ได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ในบางภูมิภาคอยู่ ในภาวะวิกฤติ

นายพิเชฐ กล่าวในตอนท้ายว่าได้เข้าพบ นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี สปป.ลาวด้วยว่า นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ขอให้ประเทศไทย สนับสนุนช่วยเหลือเรื่องเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร สปป.ลาว ที่กำลังประสบปัญหาราคาพืชผลเกษตรกรรมที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้ โดยขอให้ทั้งสองประเทศ ร่วมมือกันพัฒนาและยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2558 20:37:43 น.
Counter : 300 Pageviews.  

FDA รองรับปลาแซลม่อน GM ให้จำหน่ายเป็นอาหารได้

FDA หรือองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ประกาศรับรองปลา AquAdvantage ที่ดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้เติบโตได้รวดเร็ว ใช้อาหารเลี้ยงโดยรวมลดลง 25%


กระบวนการพิจารณาอาศัยการเปรียบเทียบระหว่างเนื้อปลา AquAdvantage และปลาแซลม่อนแอตแลนติกธรรมดาพบว่าไม่มีความต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

AquAdvantage ระบุว่าปลาแซลม่อนสามารถเติบโตจนกระทั่งมีขนาด 4 กิโลกรัมได้ในเวลา 600 วัน ขณะที่ปลาแซลม่อนธรรมดาต้องเลี้ยงต่อไปอีกกว่า 200 วันจึงได้ขนาดเท่ากัน

ที่มา jusci




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2558 15:20:07 น.
Counter : 299 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.