ศาลสั่งจำคุก 'อดีตดาบตำรวจสายสืบดอนเมือง' 10 ปี จับนักธุรกิจชาวจีนเรียกค่าไถ่ 100 ล้าน
ศาลพิพากษาคุก 10 ปี "อดีตดาบตำรวจสายสืบดอนเมือง" กรณีจับนักธุรกิจชาวจีน ปี 57 ก่อนเรียกค่าไถ่ร้อยล้าน วันที่ 26 ก.พ.2559 ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีจับตัวนักธุรกิจเรียกค่าไถ่ หมายเลขดำ อ.465/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ด.ต.ศุภณัฏฐ์ ชูชัยปัญญาพงศ์ อายุ 47 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ สส.สน.ดอนเมือง เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันเรียกค่าไถ่ฯ ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 58 ระบุว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.57 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันกระทำผิด โดยขณะที่นายเฉิน จื่อ นักธุรกิจสัญชาติจีน เชื้อชาติกัมพูชา ผู้เสียหาย เดินเข้าไปภายในโรงแรมใบหยก 2 จำเลยกับพวกอีก 1 คน ได้เข้ามาแจ้งกับผู้เสียหายโดยอ้างว่า ผู้เสียหายถูกหมายจับจากประเทศจีน จากนั้นก็เข้าช่วยกันล็อคแขนผู้เสียหาย พาขึ้นรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ฌฎ 1867 กรุงเทพมหานคร นำตัวไปหน่วงเหนี่ยวกักขังตามสถานที่ต่างๆ แล้วโทรศัพท์ติดต่อญาติขอเงินค่าไถ่จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อแลกกับอิสรภาพของผู้เสียหาย โดยมีการเจรจาต่อรองจำนวนเงินหลายครั้งสุดท้ายญาติยอมที่จะให้เงินแก่จำเลย 16 ล้านบาทและนัดส่งมอบเงินสดกันบริเวณลานจอดรถ สโมสร กองทัพบก ถ.วิภาวดีฯ แต่จำเลยก็ไม่ยอมมารับเงิน จากนั้นจำเลยได้พาผู้เสียหายไปปล่อยทิ้งไว้บริเวณชายแดนไทย กัมพูชา ฝั่งประเทศกัมพูชา เหตุเพราะสื่อมวลชนเสนอข่าวคดีนี้อย่างครึกโครม จนจำเลย กับพวกหวาดกลัวจะถูกจับกุม เหตุเกิดแขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ต่อมาวันที่ 22 พ.ย.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมจำเลยพียงคนเดียว ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย ที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหาย และประจักษ์พยานหลายปากซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม และ รปภ.โรงแรมใบหยก 2 เบิกความสอดคล้อง เชื่อมโยง เป็นลำดับขั้นตอนโดยปราศจากพิรุธ สามารถชี้ตัวจำเลยได้อย่างถูกต้อง ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่า ช่วงวันเกิดเหตุ จำเลยกับบิดา และภรรยา ได้พามารดาจำเลยไปพบแพทย์ที่ รพ.นพรัตน์ราชธานี ถ.รามอินทรา นั้น แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยกับญาติเคยให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องนี้กับพนักงานสอบสวนสน.พญาไท จึงเป็นพิรุธ พยานหลักฐานจำเลยที่นำสืบมาไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ จึงพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องซึ่งผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเอาตัวบุคคลอายุกว่า 15 ปีไปโดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย อุบายหลอกลวงใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก อันเป็นบทหนักสุด โดยจำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี ที่มา thaitribune
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2559 11:17:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 300 Pageviews. |
|
|