นายกฯแก้ปัญหาศึกผ้าเหลืองจัด 2 ฝ่าย ดีเบตตำแหน่งสังฆราชให้ประชาชนตัดสินใจ-หลวงปู่พุทธะอิสระบอกรอมา
นายกรัฐมนตรีเตรียมแก้ปัญหาศึกผ้าเหลือง เชิญผู้เห็นต่างในทางพุทธศาสนา-พระสองฝ่ายดีเบตหาทางออก โยนประชาชนตัดสิน ไม่รบกวนเบื้องพระยุคลบาท หลวงปู่พุทธะอิสระบอกรอเวลานี้มานานแล้วจะได้ทำบุญให้ประเทศ ผิดถูกเอามานั่งถกกัน นายกรัฐมนตรีเตรียมแก้ปัญหาศึกผ้าเหลือง เชิญผู้เห็นต่างในทางพุทธศาสนา-พระสองฝ่ายดีเบตหาทางออก โยนประชาชนตัดสิน ไม่รบกวนเบื้องพระยุคลบาท หลวงปู่พุทธะอิสระบอกรอเวลานี้มานานแล้วจะได้ทำบุญให้ประเทศ ผิดถูกเอามานั่งถกกัน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ผ่านทีวีพูล ณ โรงแรม The Ritz-Carlton เมือง Rancho Mirage รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ยอมรับว่า มีความกังวลกรณีเครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีจัดประชุม ที่พุทธมณฑล เนื่องจากเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะตัดสินหรือใช้การบังคับไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องความศรัทธา และการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชถือเป็นพระราชอำนาจ ไม่อยากให้เป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาท ทั้งนี้ เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยจะเชิญผู้ที่เห็นต่างมาพูดคุยแบบโต้วาที (ดีเบต) ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ หากทุกคนหวังดีและต้องการให้ศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ เป็นที่เคารพนับถือ โดยต้องหาทางออกตามแนวทางพระธรรมพระวินัยให้ได้ข้อยุติเพราะหากส่งเรื่องมายังรัฐบาลก็ต้องดำเนินการขั้นตอนของกฎหมายและขอให้ทุกฝ่ายอย่าพึ่งเคลื่อนไหว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าอีกเรื่องที่กังวลคือเรื่องพระยังไม่ตัดสินอะไรให้ใครไม่ได้ เพราะตราบใดก็ตามถ้ามีความขัดแย้งแบบนี้ก็เป็นปัญหา ถ้าเรื่องกฎวินัยสงฆ์ยังไม่เพียงพอก็ต้องไปว่ากันในข้อกฎหมาย ถ้าทุกคนหวังดีจริงๆ ต้องการให้ศาสนาพุทธซึ่งเป็นศาสนาหลักของชาติเรา ให้เป็นที่เคารพนับถือก็ต้องไปหาทางแก้ปัญหากันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นมหาเถรสมาคม (มส.) รัฐบาล กลุ่มผู้เห็นต่างอย่างไรก็แล้วแต่ ทั้งหมดต้องไปหาทางออกให้ได้ คือไม่อย่างนั้นก็จะโยนภาวะขึ้นมาและรัฐบาลก็ต้องเสนอไปตามกฎหมาย ผมเคยเรียนแล้วว่าถ้ามีผลกระทบไปถึงสถาบัน ผมต้องเคลียร์ให้จบก่อน เพราะว่าจะต้องเป็นพระราชอำนาจพระราชทานแต่งตั้งอะไรก็แล้วแต่ ต้องอย่าให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ขึ้นไปถึงพระองค์ท่านเลย พระองค์ท่านก็ทรงประชวรในขณะนี้ ผมรับไว้เองก็แล้วกัน นี่ผมกลับไปผมสั่งการไว้แล้ว หาทางเอาพระสองฝ่ายมาดีเบตกัน ในเมื่อเป็นพระแล้วแก้กันไม่ได้ ก็เอาสองฝั่งมาดีเบตให้ประชาชนฟังดูสิว่าเหตุผลเป็นอย่างไร เรื่องอะไรที่รัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะตอบ ขอความร่วมมือกับท่านด้วยแล้วกัน กับบรรดาพระสงฆ์ ผมนับถือนะ พระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมเป็นชาวพุทธไง ไม่อยากให้ศาสนาเสื่อมถอย และการบังคับมากๆ ก็เป็นปัญหาเรามันเป็นความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน พูดจริงก็คือไม่ว่าใครจะมากจะน้อยแต่ก็คือพระ ส่วนหนึ่งฆราวาส ฆราวาสมีเยอะกว่านะ แต่ละฝ่ายเป็นล้านๆ เพราะฉะนั้นคิดว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่จะเกิดต่อไป ผมอยากให้ยุติวันนี้ให้ได้ ถ้าคุยในทางสงฆ์ไม่ได้ต้องไปคุยในข้อกฎหมาย กลับไปจะรีบดำเนินการทันทีขออย่าเคลื่อนไหวมาเลย ไม่อยากไปใช้อำนาจอะไรกับพระ แม้กระทั่งกับฆราวาส แล้วศาสนาพุทธก็จะถูกทำลายด้วยพวกเรากันเองนี่แหละ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ประวิตรสนับสนุนดีเบตสงฆ์ 2 ฝ่าย ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งประมุขฝ่ายสงฆ์ที่ส่อจะกลายเป็นการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายว่า เรื่องนี้ก็ปล่อยไป เพราะเป็นเรื่องของพระ แล้วเรื่องกฎหมายก็ว่าไปตามเรื่องของกฎหมาย มันเป็นเรื่องของการกล่าวหากัน ให้เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีบอกว่าจะให้มีการดีเบตกันระหว่างคณะสงฆ์สองคณะ เพื่อเป็นการหาทางออกร่วมกัน พล.อ.ประวิตร ตอบว่าได้ ก็ว่าไป ถูกของท่านแล้ว คณะสงฆ์มีสองฝ่าย ให้ว่ากันไปไม่มีปัญหาก็ไม่แปลก เมื่อถามว่า ถ้ามีการดีเบตกัน ทางฝ่ายความมั่นคงจะมีการประคองให้สถานการณ์อยู่ในความเรียบร้อยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็มันเรียบร้อยดีอยู่แล้ว จะพูดทำไม พอแล้ว ถามอะไรก็ไม่รู้ พร้อมกับพูดต่อว่า มันเรียบร้อยดีอยู่แล้ว มาถามอะไร พอแล้วๆ โอ๊ย ไปท่องคาถามาหรือไง ไพบูลย์ยินดีร่วมดีเบต ทางด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะที่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการตรวจสอบสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ก่อนการสถาปนาพระสังฆราชองค์ต่อไป ได้กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีไอเดียจะจัดเวทีดีเบตแต่งตั้งสังฆราช ว่า เห็นด้วยกับไอเดียของนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีความคิดอยากจะรับฟังความเห็นของผู้ที่มีความเห็นต่างกันจริงๆ นายไพบูลย์กล่าวว่าตนทราบมาว่า นายกรัฐมนตรีอยากให้รัฐบาลจัดเวทีแบบนี้ ทั้งนี้ ในช่วงที่ตนเป็น สปช.อยู่ ก็เคยไปออกรายการโทรทัศน์ที่จัดให้สองฝ่ายมาแสดงความเห็นกัน และขณะนั้นรัฐบาลก็ได้ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT จัดรายการทำนองนี้เหมือนกัน เพียงแต่เข้าใจว่า ทีมผู้จัดไม่กล้าเอาคนที่คนละขั้วจริงๆมาออก ทำให้เวทีที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เวทีดีเบตที่แท้จริง ตอนนี้ ยังไม่ได้รับการติดต่อมา คาดว่า คงจะเริ่มหลังจากนายกฯ กลับมาจากสหรัฐอเมริกา แต่ผมยินดีที่จะไปร่วมเวทีด้วยแน่นอน กลัวแต่ว่า อีกฝ่ายจะไม่ยอมมานายไพบูลย์ กล่าว พุทธะอิสระบอกรอมานานแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เย็นวันที่ 17 กุมภาพันธ์ เฟซบุ๊คพระพุทธอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์เฟซบุ๊คหลังจากมีข่าวพลเอกประยุทธ์ ให้พระสองฝ่ายดีเบตหาทางออก เป็นสิ่งที่ฉันรอคอยมานานแล้วคุณประยุทธ์ พร้อมกับโพสต์เพิ่มเติมว่า จะได้รู้กันเสียทีว่า อะไรเป็นธรรม เป็นวินัย อะไรมิใช่ธรรม มิใช่วินัย สังคมจะได้หูตาสว่างรับรู้และตัดสินได้ หากรัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดการดีเบต หรือถกกันว่าอะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม อะไรเป็นวินัย อะไรไม่ใช่วินัย ถือว่ารัฐบาลทำคุณูปการให้แก่พระพุทธศาสนา เอาเฉพาะผู้ที่เป็นคู่กรณีมานั่งถกกัน รัฐเป็นผู้หยิบยกเอาประเด็นที่ขัดแย้ง ซึ่งให้แต่ละฝ่ายส่งมารวมไว้แก่รัฐบาล รัฐบาลจึงนำประเด็นนั้นมาตั้งเป็นญัตติถามแต่ละฝ่าย มีรัฐบาลเป็นกรรมการกลาง เปิดการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก แล้วให้แต่ละฝ่ายได้อธิบายในญัตตินั้นๆ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ถือเป็นการเผยแพร่ให้ปัญญาแก่สาธารณชนไปด้วยในตัว ประเด็นความขัดแย้งทุกประเด็นในธรรมในวินัย ก็ให้คู่ขัดแย้งมานั่งถกกันเพื่อหาข้อยุติ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปร่วมตั้งคำถามด้วย และควรกำหนดให้ชัดว่าจะถามได้กี่คำถาม ส่วนประเด็นขัดแย้งที่เกี่ยวกับด้านกฎหมาย ก็ให้คู่ขัดแย้งหรือผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของแผ่นดินมาเป็นผู้ถก หากรัฐบาลคุณประยุทธ์ทำได้เช่นนี้ ถือว่าเป็นการทำบุญด้วยปัญญาให้กับคนทั้งประเทศเลยล่ะ นับว่าเป็นการสังคายนาระดับประเทศได้เช่นกัน ถ้าสามารถทำได้ จักทำให้สังคมรับรู้ว่าสัทธรรมปฏิรูป แตกต่างอย่างไรกับพุทธธรรม โดยรัฐบาลไม่ต้องเปลืองแรงจัดการอลัชชี สังคมเขาจะจัดการเอง และถ้าหากฝ่ายใดละเมิดกฎหมาย ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการต่อไป ที่มา thaitribune
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2559 | | |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2559 21:40:49 น. |
Counter : 217 Pageviews. |
| |
|
|
|