ราชบัณฑิตแพทย์เตือน 30 บาทรักษาทุกโรคไม่มีใครอยากให้เลิกแต่จะทำให้ระบบงบประมาณล้มละลาย

ราชบัณฑิตด้านการแพทย์ ให้ความเห็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคชี้ไม่มีใครอยากให้เลิก แต่ 30 บาทกำลังก่อให้เกิดปัญหาทั้งในระบบงบประมาณและการสาธารณสุข ทำให้การแพทย์ถดถอย-เด็กไทยได้วัคซีนใหม่ๆ น้อยลงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เตือนนักวิชาการ-เอ็นจีโอตระหนักถึงผลในอนาคตด้วย

 

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2558 วิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และราชบัณฑิต ประเภทวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ สาชาวิชากุมารเวชศาสตร์ สำนักวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก @Yong Poovorawan เป็นของราชบัณฑิตด้านการแพทย์ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ในหัวข้อ “30 บาทรักษาทุกโรค (อ่านให้จบด้วยก่อนcomment)” โดยแสดงทัศนะต่อ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งกำลังตกเป็นประเด็นที่สนใจของสังคม

พร้อมกับระบุว่า ไม่มีใครจะให้เลิกนโยบายนี้ แต่ต้องยอมรับก่อนว่านโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ก่อให้เกิดปัญหาของการล้มละลายของระบบงบประมาณ และการสาธารณสุข

“หลายคนคงไม่เข้าใจ ไม่มีใครจะให้เลิก 30 บาท ทุกคนต้องยอมรับปัญหา 30 บาท ลดการล้มละลายของผู้ป่วย แต่กำลังจะล้มละลายของระบบ ญี่ปุ่นเคยทำล้มไปแล้ว อังกฤษต้องปิดหน่วยจำนวนมาก ทั้งที่การเก็บภาษีดีกว่าไทยมาก คงจะต้องพบกันครึ่งทาง การร่วมจ่ายตามกำลัง จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสม … ขอให้ช่วยกันพิจารณาอย่างมีปัญญา ของฟรีไม่มีในโลก ทุกคนไม่ควรแบมือ เพื่อให้ได้มาซึ่งของฟรีเท่านั้น การดูแลสุขภาพให้ได้มาตรฐานจะมีราคาสูงขึ้น เป็นแบบExponential แต่เราเพิ่มงบ 30 บาท แบบ Linear นักวิชาการ NGO ทั้งหลาย ขอให้ตระหนักถึงผลในอนาคตด้วย การร่วมจ่ายตามกำลัง จึงเป็นวิธีที่จะลดการล้มละลายของระบบลงได้ และจะทำให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพ แบบ อารยะประเทศ ไม่ให้ถดถอย” ศ.นพ.ยง ระบุ

สำหรับเนื้อหาทั้งหมดที่ ศ.นพ.ยง โพสต์มีดังนี้

 “หลายคนคงไม่เข้าใจ ไม่มีใครจะให้เลิก 30 บาท ทุกคนต้องยอมรับปัญหา 30 บาท ลดการล้มละลายของผู้ป่วย แต่กำลังจะล้มละลายของระบบ ญี่ปุ่น เคยทำ ล้มไปแล้ว อังกฤษ ต้องปิดหน่วยจำนวนมาก ทั้งที่การเก็บภาษี ดีกว่าไทยมาก คงจะต้องพบกันครึ่งทาง การร่วมจ่ายตามกำลัง จึงเป็นวิธีการที่เหมาะสม

ตั้งแต่มี 30 บาทมา ทุกคนคงไม่รู้หรอกว่า ทำให้การแพทย์และระบบลดถอยลงแค่ไหน เราไม่มีวัคซีนใหม่เพิ่มให้เด็กเลย ในช่วง 15 ปี ของ 30 บาท ยกเว้นไข้หวัดใหญ่ในบางคน เมื่อมีโรคระบาด เช่น คอตีบ ที่อีสาน ก็ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี จึงจะได้วัคซีนคอตีบ มาปูพรมป้องกันการระบาด มีการระบาดของไวรัสตับอักเสบ เอ ที่บึงกาฬ ก็ไม่สามารถให้วัคซีนไปป้องกันได้ ต่อไปจะต้องเจอหายนะ จากโรคระบาดมากกว่านี้

ประเทศมาเลเซียมีวัคซีนป้องกันโรค ให้กับเด็กฟรี มากกว่าไทยมากมาย เช่น ท้องเสียโรตา HPV (มะเร็งปากมดลูก) เยื่อหุ้มสมอง HIB ไอกรนไร้เฃล ประเทศพม่า ลาว เขมร และเวียตนาม จะหยอดวัคซีนโรตา และวัคซีนอื่นๆมากกว่าประเทศไทย โดยได้จาก UNICEF GAVI ฯลฯ เราจะสู้ประเทศรอบบ้านไม่ได้ แล้ว

องค์การอนามัยโลก แนะนำปรับเปลี่ยนให้โปลิโออย่างฉีด แทนอย่างหยอด เราอยากให้เด็กไทยได้ฉีดอย่างน้อย 2 เข็ม โครงการ 30 บาท บอกไม่มีเงิน ให้แค่เข็มเดียว ไม่มีใครทราบความจริงหรอก ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ การป้องกันโรคในประเทศไทยจะถดถอยไปเรื่อยๆ ทุกคนยังชื่นชม ก็ตามใจ

การรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี พม่าได้เอายาใหม่จากอินเดียมารักษา เราใช้ยาเดิมที่เขากำลังจะเลิกแล้ว และให้ราคาคุยว่า ยอมให้รักษาทุกสายพันธุ์ ของไวรัสตับอักเสบ ซี แต่ไม่เคยบอกความจริงว่า คนรวยเท่านั้นที่จะเข้าระบบตรวจกรองไปถึงการรักษาได้ เพราะใช้ค่าตรวจกรอง กว่า 10,000 บาท30 บาท ไม่ออกให้ คนรวยจึงเข้าถึงได้มากกว่าและคนรวยจริงๆที่อยากรักษาแบบทันสมัย ก็ไปเอกชนหมด

ขอให้ช่วยกันพิจารณาอย่างมีปัญญา ของฟรีไม่มีในโลก ทุกคนไม่ควรแบมือ เพื่อให้ได้มาซึ่งของฟรีเท่านั้น การดูแลสุขภาพให้ได้มาตรฐานจะมีราคาสูงขึ้น เป็นแบบ Exponential แต่เราเพิ่มงบ 30บาท แบบ Linear นักวิชาการ NGO ทั้งหลาย ขอให้ตระหนักถึงผลในอนาคตด้วย การร่วมจ่ายตามกำลัง จึงเป็นวิธีที่จะลดการล้มละลายของระบบลงได้ และจะทำให้มีการพัฒนาประสิทธิภาพ แบบอารยะประเทศ ไม่ให้ถดถอย”

หมายเหตุ - ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

https://www.facebook.com/yong.poovorawan?fref=nf

ที่มา thaitribune




Create Date : 27 ธันวาคม 2558
Last Update : 27 ธันวาคม 2558 19:26:21 น. 0 comments
Counter : 298 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.