เมื่อผอ.โรงเรียนเทพศิรินทร์ยกมือไหว้ขอโทษนักเรียน คืออะไร ?
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่มีข่าวสารใด ๆ ดังกระฉ่อนมากกว่าข่าวทันตแพทย์สาวที่เบี้ยวการชดใช้ทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เดือดร้อนผู้ค้ำประกันที่จะต้องชดใช้ให้มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นเงินหลายล้าน ก็ยังมีข่าวอาจารย์ระดับผู้อำนวยการโรงเรียนคนหนึ่งยกมือไหว้ลูกศิษย์ต่อหน้านักเรียนทั้งโรงเรียนหลังจากที่เลิกประชุมหน้าแถวเคารพธงชาติ ต่อมาเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไปเพียงวันเดียวนายอนันต์ ทรัพย์วารี ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์เปิดเผยกับสื่อสารมวลชนทุกแขนงว่า เมื่อนักเรียนทั้งโรงเรียนเคารพธงชาติเสร็จ เขาได้ใช้เวลาประมาณ 20 นาที อบรมชี้แจงให้นักเรียนรับทราบและปฏิบัติดังเช่นทุกวัน และที่พิเศษได้ชี้แจงโครงการบูรณาการและการปรับปรุงภูมิทัศน์ ตัดต้นไม้ในโรงเรียน เกินเวลาไป 5 นาที แล้วมีนักเรียนคนหนึ่งพูดเสียงดังว่าพูดช้าไป 5 นาที ผู้อำนวยการโรงเรียนเล่าต่อไปว่านักเรียนคนนั้นมีทีท่าไม่พอใจนัก จึงอบรมไปว่า เป็นนักเรียนควรรู้จักกาละและเทศะ แล้วย้อนถามไปด้วยว่าในขณะที่เรียนหนังสือนั้นตั้งใจเรียนอย่างนี้หรือไม่ นักเรียนคนนั้นดึงดันไม่ยอม เมื่อเรียกออกมาหน้าแถวยังไม่ได้ลดละที่จะบอกว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนผิดให้ขอโทษ ได้ตัดสินใจบอกว่า ครูขอโทษ ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกต่อไปว่าเพียงแค่นั้นนักเรียนยังไม่ยอม จึงจำเป็นต้องยกมือไหว้นักเรียนคนนั้นต่อหน้านักเรียนที่ยืนเข้าแถวกันอยู่และดูว่าจะยังไม่พอใจจนกระทั่งถามว่า จะให้คุกเข่าก้มลงกราบเลยใช่ไหม พอทำท่าคุกเข่าจะก้มกราบ นักเรียนคู่กรณีคุกเข่าตามแล้วพูดว่าอาจารย์ไม่ต้องทำอย่างนี้ หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว จึงให้นักเรียนกลับไปเข้าชั้นเรียนตามปกติและต่อมานักเรียนได้มาขอขมาแล้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนบอกกับสื่อมวลชนว่า การที่พูดหน้าแถวเกินเวลาไปก็ถือว่าผิดตามที่ถูกทักท้วง ก็อยากขอโทษ ถือเป็นการสอนเด็ก และเห็นว่าถ้าได้ทำอย่างนี้นักเรียนก็จะยอมรับและอ่อนลง ถ้าแข็งกร้าวเกินไปก็จะไปกันใหญ่และไม่เกิดประโยชน์ ทั้งหมดนี้ได้รายงานให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาพื้นฐาน(กพฐ) และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพม) กทม.เขต 1 ทราบแล้ว พอข่าวกระจายออกไป เลขาธิการฯ ก็สั่งให้สำนักงานเขต ฯ สืบสวนข้อเท็จจริงทันที และมีมติว่าจะต้องสอนให้นักเรียนมีระเบียบวินัยมากกว่านี้ ปัจจุบันนักเรียนขาดความมีระเบียบวินัย อาจต้องทำแผนการพัฒนาสร้างวินัยให้นักเรียน รู้จักหน้าที่ของตัวเองและรู้จักหน้าที่ของผู้อื่นด้วย ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียน เห็นว่าไม่เหมาะสม ต้องสืบสวนข้อเท็จจริงให้ได้ความว่าเรื่องนี้ มีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง เพราะอาจกระทบกับ 30,000 กว่าโรงเรียนได้ที่นักเรียนอาจเอาเป็นแบบอย่าง สร้างความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้น เรื่องนี้ ถ้าไม่มีข่าวทันตแพทย์สาวที่หลบหนีใช้ทุนเรียนเมืองนอก เป็นเหตุให้นายประกันต้องชดใช้ความเสียหายให้มหาวิทยามหิดลจำนวนมาก ที่กระฉ่อนในโลกโซเชียลมีเดียและสื่อสารมวลชนทุกแขนง ข่าวผู้อำนวยการโรงเรียนยกมือไหว้นักเรียนก็คงครองอันดับท็อปฮิตทีเดียว เป็นเรื่องกลับตาละปัตรที่ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าครูบาอาจารย์ยกมือไหว้ลูกศิษย์ลูกหา จากที่เราคุ้นเคยว่า ลูกศิษย์ต้องเคารพกราบไหว้ครูบาอาจารย์ จนต้องมี"วันครู"เพื่อให้ศิษย์ได้แสดงความเคารพต่อ "ครู"ต้องจัดพานดอกไม้ตกแต่ง หาหญ้าแพรก ข้าวตอก ดอกมะเขือ จนมีคำเปรียบเทียบว่า นักเรียนต้องมีความอดทนเหมือนอย่างหญ้าแพรก มีความเคารพนบนอบเหมือนมะเขือที่มีลักษณะโค้งงอตัว มีความเป็นผู้มีวินัยเหมือนข้าวตอกยามถูกความร้อนที่แม้จะเต้นก็ไม่ออกนอกภาชนะ ครูบาอาจารย์เองก็ต้องพึงได้สำนึกว่าการที่นักเรียนมากราบไหว้เคารพนั้น จะต้องดำรงไว้ซึ่งความมีคุณธรรมอย่างเพียงพอ มีความเมตตาต่อนักเรียน และพร้อมเสมอที่จะใฝ่หาความรู้มาพร่ำสอน ความมีเมตตาต่อนักเรียน ไม่ใช่ตามใจนักเรียนที่ฝ่าฝืนข้อห้ามหรือระเบียบปฏิบัติของสถานศึกษา หรือขาดความใส่ใจดูแลปล่อยไปตามยถากรรมโดยขาดความมีระเบียบวินัย เรื่องนี้ ถ้าข้อเท็จจริงมีเพียงว่าผู้อำนวยการโรงเรียนอบรมหน้าแถวเกินเวลา 5 นาที ทำให้นักเรียนคนหนึ่งไม่พอใจ ตะโกนบอกว่าทำผิดต้องขอโทษ และผู้อำนวยการก็ยอมรับโดยดี ถึงกับนั่งลงยกมือไหว้ โดยอธิบายภายหลังว่าต้องการสอนนักเรียน และไม่ต้องการปะทะ เพราะยิ่งจะเกิดความเสียหาย ก็เป็นเรื่องน่าตกใจอย่างมาก ผู้อำนวยโรงเรียนคนนี้ เป็นหัวหน้าหน่วยงานบริหารการศึกษาระดับโรงเรียน ซึ่งผ่านการแข่งขันในแต่ละระดับ นับว่าเป็นบุคคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้ความสามารถ กำลังอาจหาญสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้นักการศึกษาเห็นว่าครูบาอาจารย์อย่าได้บังอาจทำตัวหรือมีพฤติกรรมหัวโบราณที่จะต้องให้นักเรียนมาพินอบพิเทายอมทำตามหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะครูกับนักเรียนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน ภายใต้แนวคิดว่า นักเรียนมีหน้าที่เรียน และครูมีหน้าที่สอนเท่านั้น ผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้ หากจะได้เห็นภาพนายกรัฐมนตรี"กราบครู" เมื่อ"วันครู"ที่ผ่านมานั้นคงสะท้อนความรู้สึกอะไรๆ ที่น่าจะทำให้คิดขึ้นมาได้บ้างว่า ศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ความสง่างามและความหมายของคำว่า"ครู"นั้น ยิ่งใหญ่มากกว่าที่จะคิดเพียงว่าการกราบไหว้นักเรียนเพื่อขอโทษนั่นเป็นการสั่งสอนและไม่ต้องการปะทะ สำหรับนักเรียนคนนั้น ไม่น่าจะได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนที่ตั้งมั่นอยู่ในระเบียบวินัยอีนดีงามที่ควรจะประพฤติปฏิบัติ แต่เป็นนักเรียนที่เหิมเกริมเหมือนนักเลงมากกว่าด้วยซ้ำ ผ่านพ้นเวลามา 1 เดือนเศษ น่าจะจางหายไปจากความทรงจำของสังคมแล้ว และผลการสืบสวนข้อเท็จจริง ก็ยังคงเงียบ ซึ่งไม่ช้าไม่นานก็จางหายไปไม่ต่างอะไรกับคลื่นกระทบฝั่งเหมือนกับอีกหลายเรื่อง ที่เราลืมกันไปแล้วด้วย ผู้อำนวยการโรงเรียนคนนี้ จะคิดได้ด้วยสามัญสำนึกของบุคคลทั่วไปหรือจะคิดไม่ได้ด้วยความรู้สึกนึกคิดของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร ก็คงจะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนต่อไป รอให้มีโอกาสใหม่ ๆในอนาคตที่จะสั่งสอนนักเรียนด้วยการยกมือกราบไหว้ขอโทษโดยไม่ต้องการปะทะอีกเป็นแน่ ที่มา thaitribune
Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2559 15:34:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 339 Pageviews. |
|
|