ทำไมตำแหน่ง“พนักงานสอบสวน”เป็นนักวิชาชีพเหมือนแพทย์และวิศวกร ?

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวที่ทำให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศอกสั่นขวั่นแขวนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 สั่งรื้อพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ยุบตำแหน่งพนักงานสอบสวน ในระดับต่าง ๆ ไปดำรงตำแหน่งปกติของข้าราชการตำรวจ และที่ต้องตกตลึงติดตามมา ก็โดยที่พนักงานสอบสวนยศ พันตำรวจโท ที่ยังไม่รู้ว่า "ประชด"หรือ"ประท้วง" ผูกคอตายไปเรียบร้อยแล้ว

 

ในคำสั่ง คสช.ที่ 6/2559 และ คสช. 7/2559 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 มีสาระสำคัญว่า

บรรดาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทั้งตามกฏหมายและคำสั่งของ คสช. ตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม2557 จนถึงปัจจุบันถอเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมาย  และเพื่อให้การปฏิรูปด้านบริหารราชการแผ่นดินและระบวนการยุติธรรม สมควรปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนเสียใหม่ให้สอดคล้องกับโครงสร้างและระบบการบังคัญชา ที่จะส่งผลในการเพิ่มประสิทธิภาพของารปฏิบัติหน้าที่ในการสอบสวน

กล่าวโดยสรุปก็คือ บรรดาชื่อตำแหน่ง"พนักงานสอบสวน" ให้ยกเลิก แล้วกลับไปใช่ชื่อตำแหน่งตามสายงานปกติ แต่ให้ปฏิบีติหน้าที่เดิมไปพลางก่อน จนกว่าจะได้กำหนดหรือตัดโอนตำแหน่งจากส่วนราชการหนึ่งไปยังอีกส่วนราชการหนึ่ง

ผ่านไปวันเดียว สหพันธ์พนักงานสอบสวนห่งชาติ ที่มีสมาชิกประกอบด้วยข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนทั้วประเทศประมาณ 1,500 สถานี ได้มอบหมายให้เลขาธิการสหพันธ์ฯ พร้อมสมาชิกจำนวนหนึ่งเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี

ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า มีพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ 2,900 คน ในจำนวนนี้ 700 คน เป็นพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ มีเงินตำแหน่ง 20,800 บาท  เมื่อมีคำสั่งนี้ใช้บังคับ ทั้งตำแหน่งและเงินจะยกเลิกไปทันที

ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า พนักงานสอบสวนทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ แต่ได้รับการกีดกันทางด้านสิทธประโยชน์ความก้าวหน้าทางอาชีพ เงินประจำตำแหน่งที่ได้มาในปัจจุบันนี้มาก็ต้องใช้สิทธิทางศาลปกครองถึง 9 ปี เมื่อหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งนี้ ก็เป็นการจบสิ้นความเจริญก้าวหน้าของอาชีพและอนาคต เหมือนปิดกั้นการพัฒนางานสอบสวนและหนทางสู่ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

ท้ายหนังสือเหมือนกับจะวิงวอนว่า ขอให้ทบทวนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับงานสอบสวน ความทุกข์ความเดือดร้อนของประชาชนที่มารับบริการ ความทุกข์ยากแสนสาหัสของพนักงานสอบสวน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนทั้งประเทศต่อไป

แทบจะทันทีทันใดนั้นเอง พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้ว่า  ไม่ใช่เป็นการลดอำนาจการทำงานของตำรวจ แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในด้านสอบสวน

สามารถที่จะเปลี่ยนสายงานและขึ้นตำแหน่งผูบริหารสถานีตำรวจได้ เพราะที่ผ่านมาตำแหน่งพนักงานสอบสวนเป็นการทำงานเฉพาะด้าน ทำให้เวลาพิจารณาเลื่อนตำแหน่งเกิดความเสียเปรียบกับตำแหน่งอื่นที่มีความเชี่ยวชาญหลายด้านการมีคำสั่ง คสช.ออกมาบังคับใช้ ก็เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ยืนยันว่า จะไม่กระทบกับการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการตำรวจในสายงานสืบสวนสอบสวนที่ได้รับการประเมืนไปก่อนหน้านี้ เพราะจะได้มีการพิจารณาก่อนคำสั่ง คสช.จะมีผล 15 วัน.

โฆษกตร.ย้ำว่าการยกเลิกตำแหน่งพนักงานสอบสวน เป็นขั้นตอนแรกของการปฏิรูปตำรวจให้สามารถก้าวหน้าในอาชีพ และเพิมประสิทธิภาพการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ต่อมารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เก่งทางประชาสัมพันธ์ไม่ยอมให้โอกาสดี ๆ อย่างนี้หลุดหายไป ออกมาบอกกล่าวหนักแน่นว่า เกิดประโยชน์กับพนักงานสอบสวน พร้อมนัดหมายจะได้ถกกันว่าดีจริงหรือไม่อย่างไร

พอวันรุ่งขึ้นอีกวัน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมายืนยันเหมือนกัน และมีเพิ่มเติมด้วยว่า จะทำให้การบริหารงานสอบสวนคล่องตัวขึ้น ที่แต่เดิมทำกันเป็นเอกเทศ สามารที่จะให้ผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจหรอเจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าไปช่วยเหลือได้

จริง ๆ แล้ว  งานของพนักงานสอบสวนก็ต้องให้พนักงานสอบสวนทำ เพราะเป็นการใช้ความรู้พิเศษในการรวบรวมพยานหลักฐานในฐานะที่เป็น"พนักงานสอบสวน" ตามตัวบทกฏหมาย

จะให้คนอื่นเข้ามาช่วยเหลือได้ก็เป็นสิ่งเล็กน้อย เช่นงานธุรการต่างๆ ติดต่อรับเอกสารผลการตรวจพิสูจน์ต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนไม่จำเป็นต้องไปด้วยตนเอง ส่วนผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจ ก็มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งคดีตามกฏหมายอยู่แล้ว ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องย่อมไม่ได้ เพราะเป็นผู้บริหารหน่วยงาน

ตำแหน่ง"พนักงานสอบสวน" เป็นวิชาชีพเหมือนแพทย์,เหมือนวิศวกร ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะด้าน  จะให้หน่วยงานอื่นมาช่วยเหลือกันไม่ได้ การได้ทำงานอยู่ในสายงานยาวนาน ย่อมสร้างสมประสบการณ์ เกิดความชำนาญ เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยแท้ ไม่ใช่เป็นแต่ชื่อตำแหน่งที่เห็นเป็นกัน องค์กรควรจะดำรงไว้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นบุคลากรที่หายาก ต้องใช้เวลาฟูมฟักสร้างกันมานับสืบปี

งานนี้ ทำให้ชาวบ้านมองเห็นมุมมอง 2 ด้านกล่าวคือ

พอคำสั่ง คสช.ออกมา กลุ่มที่ออกมาร้องก่อนก็เป็นพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละกว่า 2 หมื่น ที่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 700 คน ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะอยู่ดี ๆ เงินจำนวนนี้ก็จะหายไปในพริบตาเดียว แค่นี้ก็แย่อยู่แล้ว เมื่อยกเลิกตำแหน่งพนักงานสอบสวนไปใช้ชื่อตำแหน่งใหม่ในสายงานปกติ ก็มีข่าวออกมาว่าอาจมีคำสั่งให้เรียกชื่อใหม่ว่า "นิติกร"หรืออะไรก็ตามที่ไม่อาจรู้อนาคตได้ว่าจะไปทางใด ก็ยิ่งจะแย่กว่าเป็นไหน ๆ

อะไรก็ไม่ดีไปกว่าการดึงประชาขนเข้ามาเป็นข้ออ้าง ก็โดยอ้างว่า ประชาชนอาจได้รับความเดือดร้อนจากการมาใช้บริการ หาใช่ว่าพนักงานสอบสวนอาจเดือดร้อนจากการที่ยกเลิกเงินประจำตำแหน่ง

อีกมุมมองหนึ่ง คำสั่ง คสช. ทั้ง 2 ฉบับข้างต้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะเป็นผู้เสนอ    คสช.ให้ตัดตอนหรอยุบส่วนข้างบนออกไป เพื่อไปวนในสายงานอื่นด้วยเหตผลว่าเพื่อให้เกิดความคล่องตัว สามารถที่จะเจริญก้าวหน้าได้เหมอนอย่างสายงานอื่นๆ  เป็นข้ออ้างที่น่าจะดูดีแต่แท้จริงแล้ว แม้ว่าจะมีสิทธิเข้าไปแข่งขันได้ ก็ยังมีขั้นตอนและขอจำกัดอีกหลายประการที่ไม่อาจฝ่าด่านไปได้ และในที่สุดก็จะไปกระจุกตัวก่อเป็นปัญหาใหม่ขึ้นในอนาคต

ทุกวันนี้ พนักงานสอบสวนจำนวนมาก ฟ้องสำนักงานตำรวจห่งชาติ ว่ามีการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรม คดียังอยู่ในศาลปกครองหลายต่อหลายคดี

เมื่อต้นเดือนมกราคม ก็มีพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญพิเศษ ระดับ พันตำรวจโท จำนวน 166 คน ก็ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ว่าการสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับพันตำรวจเอก ไม่ได้รับความเป็นธรรม

ไม่อยากจะเชื่อถ้าหากใครมาบอกว่า การตัดตอนยุบตำแหน่ง"พนักงานสอบสวน"ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะหาทางแก้ปัญหาจากผลพวงของการฟ้องร้องที่ยังรอการไต่สวนของศาลปกครอง และยังมีอีกที่จะยื่นฟ้องติดตามมา

พนักงานสอบสวนระดับต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พัฒนาการมาจนเป็นปึกแผ่นเป็นกำลังสำคัญของกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น ที่ทุกองค์กรยอมรับ การดำรงไว้เพื่อให้เป็นหน่วยงานสำคัญของกระบวนการยุตธรรม ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมากกับประชาชน การตัดตอนยุบทิ้งไปเหมือนตัดองคายพที่สำคัญออกไป นอกจากจะสูญเสียความคล่องตัวในการบริการจัดการกับงานสอบสวนคดีอาญาต่างๆแล้ว ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับประชาชนที่มาใช้บริการหรือมีคดีความที่ต้องเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย

การอ้างว่า การปรับปรุงครั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น  นับว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบด้วเหตุผลและเป็นความจริงได้

บทพิสูจน์ชันต้น ก่อนหน้านี้ 2 วัน พนักงานสอบสวนสน.เทียนทะเล ที่เป็นแกนยื่นเรื่องร้องเรียนคำสั่งคสช. ได้ผูกคอตายไปแล้ว ปล่อยให้ทั้งกลุ่มที่คัดค้านและสนับสนุนได้ขบคิดกัน

ถึงตรงนี้ คสช.ก็คงพอรู้แล้วว่า คำสั่ง คสช.ที่ออกไปใช้บังคับนั้น สมควรที่จะได้ปรับปรุงแก้ไขกันอย่างใดอีกหรือไม่

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2559 11:33:50 น.
Counter : 417 Pageviews.  

อดีตผบ.ตร.เสรีพิศุทธ์ชี้พ.ต.ท.จันทร์ถูกฆาตกรรมนำศพมาแขวนคอไม่มีลิ้นจุดปาก-ปกปิดไม่เนียน

อดีต ผบ.ตร.เสรีพิศุทธ์ฟันธงหากนิติเวชไม่โดนกดดันต้องสรุปคดีพ.ต.ท.จันทร์ถูกฆาตกรรมแน่นอนแล้วนำศพไปแขวนไว้เพื่ออำพรางเหมือนผูกคอตาย บาดแผลร่องรอยถูกของแข็งกระแทกจนฟันหลุด พุ่งเป้าผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบเคลียร์ให้กระจ่าง

 

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ Thaisvoicemedia กรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ (หัวหน้าสอบสวน) สน.เทียนทะเล และ เลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติว่า ตนมั่นใจว่า พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ ถูกฆาตกรรมแล้วนำศพไปแขวนไว้เพื่ออำพรางเหมือนผูกคอตาย

ทั้งนี้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของ พ.ต.ท.จันทร์ ไม่น่าคิดฆ่าตัวตาย และการยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีคัดค้านการยุบพนักงานสอบสวนก็ไม่น่าจะทำให้เครียดจนฆาตัวตาย ขณะเดียวกันพบรอยแผลหลายจุดตามร่างกาย ดังนั้นเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ผบ.ตร.เร่งดำเนินการสอบสวนหามือสังหาร พ.ต.ท.จันทร์ให้ได้โดยเร็ว และเรียกร้องให้ พนักงานสอบสวนทั้ง 700 คนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งอันไม่ชอบของนายกรัฐมนตรี ที่ให้มีการยกเลิกพนักงานสอบสวน ได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ ด้วย

ต่อมาวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวเพิ่มเติมกรณี พ.ต.ท.จันทร์ว่าการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.จันทร์ เกิดขึ้นภายหลังการยื่นหนังสือคัดค้านการยุบเลิกตำแหน่งและเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวนต่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 8 ก.พ.

 อีกทั้งเมื่อสังเกตลักษณะของศพ พ.ต.ท.จันทร์ ในที่เกิดเหตุจากรูปที่ส่งเข้าทางไลน์แล้วพบว่า เท้าของ พ.ต.ท.จันทร์ ติดพื้นไม่ลอย และไม่มีลักษณะการขึ้นเก้าอี้ รองเท้าไม่กระจัดกระจายมีระเบียบลิ้นไม่จุกปาก ในฐานะที่เคยเป็น ผบ.ตร. บอกได้ว่านี่ไม่ใช่ลักษณะของการผูกคอตาย  ส่วนเรื่องปัญหาชีวิตของ พ.ต.ท.จันทร์ก็ไม่มีทั้งเรื่องครอบครัว หนี้สินการทำงาน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่าสภาพศพทั้งมีบาดแผลร่องรอยถูกของแข็งกระแทกจนฟันหลุด และบางแห่งคล้ายแผลจากการถูกรุมซ้อมทำร้ายด้วย เชื่อว่าหากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานหรือแพทย์นิติเวชตรวจสอบโดยไม่มีความกดดันจากผู้บังคับบัญชาจะต้องสรุปผลว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างแน่นอน

เมื่อดูจากภาพรวมแล้วคาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุไม่มีความรู้เรื่องดังกล่าวดีพอ จึงได้อำพรางศพไม่แนบเนียน หวังว่าคดีดังกล่าวผู้ที่อยู่ตำแหน่งของผู้บังคับบัญชา พ.ต.ท.จันทร์ ทั้งหมด รวมทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีหน้าที่รับผิดชอบทำคดีดังกล่าวให้กระจ่าง คลายความสงสัยของประชาชนหากทำไม่ได้ก็ควรแสดงความรับผิดชอบตามที่เห็นว่าเหมาะสม  

พ.ต.ท."คัดค้าน"ยุบพงส. ผูกคอดับ

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พนักงานสอบสวน สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุมีผู้ผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในบ้านพักที่อยู่ในหมู่บ้านพระปิ่น 5 ซอย 2 แขวงและเขตบางบอน กทม. เบื้องต้นไปตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต คือ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ (หัวหน้าสอบสวน) สน.เทียนทะเล และเป็นเลขาธิการสหพันธ์พนักงานสอบสวนแห่งชาติ ใช้เชือกผูกคอตัวเองกับประตูเหล็ก สภาพสวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงผ้าขายาว รายละเอียดสาเหตุของการฆ่าตัวตายต้องรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอีกครั้ง

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ต.ท.จันทร์ ชัยสวัสดิ์ ไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทบทวนคำสั่ง หัวหน้า คสช. ฉบับที่ 6/2559 และฉบับที่ 7/2559 เรื่อง การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่งเกี่ยวกับการยุบเลิกตำแหน่งและเงินประจำตำแหน่งพนักงานสอบสวน เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวสร้างเคราะห์กรรมให้กับพนักงานสอบสวนระดับผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นไปเป็นอันมาก ถือว่าไม่เป็นการปฏิรูปที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ หลักกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ    

จะขึ้นเป็นพ.ต.อ.อยู่แล้วสงสัยแขวนคอตายทำไม

เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 12 กุมภาพันธ์  ทีมงานโฆษก ตร. โดย พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย ได้แถลงว่า คำสั่ง คสช.ที่ 7/2559ได้ปรับเปลี่ยนให้ พนักงานสอบสวนเป็นหน่วยงานหลัก สร้างการเติบโตในสายงาน ตำรวจที่คัดค้านหลายนายเข้าใจคลาดเคลื่อน ขณะที่ พ.ต.ท.จันทร์ ที่ผูกคอตาย เชื่อมีสภาวะกดดัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะ พ.ต.ท.จันทร์ กำลังจะได้รับปรับตำแหน่งเป็น พ.ต.อ. ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกันนี้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย

พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่าที่ผ่านมาการทำงานของพนักงานสอบสวน เป็นการทำงานที่หนักให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาโดยตลอด จึงจำเป็นต้องปรับให้เป็นตำแหน่งหลักในหน่วย ในแต่ละสถานี ทั้งนี้ ยืนยันว่าผู้บังคับบัญชามีเจตนาดี และเมื่อคำสั่ง คสช.มีผลบังคับใช้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงต้องทำความเข้าใจกับพนักงานสอบสวน ที่ยังไม่เข้าใจเจตนาของคำสั่งดังกล่าว.

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2559 21:08:32 น.
Counter : 276 Pageviews.  

ทีมกฎหมายปชป.เดินหน้าชนอัยการจี้เปิดข้อมูลไม่ยื่นฎีกาพล.อ.ธรรมรักษ์คดียุบพรรคไทยรักไทย-ไม่อุทธรณ์คุณ

ทีมกฎหมายประชาธิปัตย์เดินหน้าชนอัยการจี้เปิดข้อมูลไม่ยื่นฎีกาคดีพล.อ.ธรรมรักษ์เป็นเหตุให้ไทยรักไทยอ้างถูกยุบพรรคไม่เป็นธรรม จะได้ยื่นจดทะเบียนเรียกไทยรักไทยกลับคืนมา รวมทั้งไม่ยื่นอุทธรณ์คุณหญิงพจมานเมียทักษิณเลี่ยงภาษีกว่า 545 ล้านบาท เสนอพล.อ.ประยุทธ์ใช้ม.44 สอบความจริงที่เกิดขึ้น

 

เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทในการยื่นฟ้องยุบพรรคไทยรักไทย ในปี 2549 แถลงถึงกรณีที่มีการบิดเบือนจากพรรคเพื่อไทยว่า ตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย ในปี 2550 เป็นการกลั่นแกล้งพรรคไทยรักไทย โดยอ้างคำตัดสินของศาลฎีกาไม่ได้พิพากษาว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น มีความผิดจากการซื้อพรรคเล็ก เนื่องจากศาลอุทรณ์พิพากษากลับยกฟ้อง โดยให้ประโยชน์แห่งความสงสัยแก่จำเลย เพราะไม่มีใครเห็น พล.อ.ธรรมรักษ์ จ่ายเงินจึงยกฟ้อง จากนั้นอัยการสูงสุดถอนฟ้องเฉพาะ พล.อ.ธรรมรักษ์ ออกในชั้นศาลฎีกา

“จึงมีคำถามว่า เหตุใดทางอัยการสูงสุดจึงไม่มีการแถลงต่อสาธารณชนว่า ไม่มีการยื่นฎีกากรณี พล.อ.ธรรมรักษ์ ซึ่งถือเป็นคดีที่สองที่อัยการไม่ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา คดีแรก คือ คดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หลีกเลี่ยงภาษีกว่า 545 ล้านบาท ก็ไม่มีการยื่นฎีกาแต่ยุติเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ ซึ่งพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าไม่มีความผิด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า เหตุใดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้ อัยการจึงไม่ยื่นฟ้องให้สิ้นสงสัยถึงชั้นฎีกา แต่กลับยุติคดีไว้ที่ศาลอุทธรณ์ด้วยการไม่ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา”นายถาวรกล่าว

นายถาวรกล่าวว่าการถอนฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ แต่ยังฟ้องลูกน้องของ พล.อ.ธรรมรักษ์ และมีการตัดสินว่ากระทำความผิดจริงนั้น เป็นเรื่องที่พรรคไทยรักไทยได้ประโยชน์จากการกระทำดังกล่าวเพื่อหนีเกณฑ์ตามกฎหมายที่ต้องชนะเกินร้อยละยี่สิบ ส่วนเรื่องที่กล่าวหาว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจ้างให้มีการใส้ร้ายพรรคไทยรักไทยนั้น ก็ขอท้าให้ฟ้องร้องเลย เพื่อจะได้พิสูจน์ความจริง รวมถึง พล.อ.ธรรมรักษ์ ถ้าคิดว่าคนของพรรคว่าจ้างให้มีการเบิกความเท็จ ก็ขอให้ฟ้องร้องเลย

นายถาวรกล่าวว่าตนจะได้หารือกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า มีการว่าจ้างให้ใส่ร้ายพรรคไทยรักไทยด้วยว่า จะดำเนินคดีกับคนที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างไร เพราะคดีนี้สิ้นสุดแล้วตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย

ทั้งนี้อยากตั้งคำถามว่า ที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องว่าเป็นการซัดทอดของจำเลยด้วยกันนั้น เหตุใดอัยการไม่ยื่นฎีกาเพื่อให้สิ้นสงสัย จึงขอเรียกร้องให้อัยการสูงสุด เปิดเผยคำวินิจฉัยสั่งฟ้องในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และการสั่งไม่ฟ้องคดี พล.อ.ธรรมรักษ์ในชั้นศาลฎีกาว่า มีเหตุผลอย่างไร เพราะจะต้องใช้ดุลพินิจที่สมเหตุสมผลที่วิญญูชนควรรับได้ เป็นธรรมถูกต้องตามกฎหมาย จะอ้างว่าเชื่อตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพียงอย่างเดียวไม่ได้

 “ผมปรึกษากับ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ว่าจะมีการฟ้องอัยการสูงสุดในขณะนั้น ที่ใช้ดุลพินิจส่อว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เพราะไม่สามารถใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจได้ ผมโตจากอัยการมาสิบเก้าปียังมีอัยการดีเยอะ แต่ถ้ามีสองสามคนทำไม่ดีก็ต้องดำเนินการ จะมีการเร่งรัดกับคดีที่ฟ้องต่อ ป.ป.ช.ไปก่อนหน้านี้ เรื่องที่ไม่ยื่นฎีกาคดีคุณหญิงพจมาน หลีกเลี่ยงภาษีว่า คดีไปถึงไหนแล้ว และเมื่อพวกผมแถลงแล้วก็อยากให้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ตรวจสอบการไม่ยื่นฎีกา พล.อ.ธรรมรักษ์ ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องมีใครไปร้องเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่า เป็นยุคแห่งการปฏิรูปและฝากไปยัง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ว่า ก่อนหน้านี้ที่มีคำสั่งปลดอัยการสูงสุดคนหนึ่ง คือ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง นั้นเป็นเพราะเหตุผลอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ ผมขอเรียกร้องผ่านสื่อมวลชนไปยังพล.อ. ประยุทธ์ ให้ใช้มาตรา 44 เพื่อออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ เพราะผลที่เกิดออกมาในยุคของท่าน รวมทั้งฝากไปถึงแกนนำพรรคเพื่อไทย หากเห็นว่าคำวินิจฉัยตุลาการรัฐธรรมนูญในขณะนั้นไม่เป็นธรรม ให้ยื่นฟ้องตุลาการและขอยื่นจดทะเบียนชื่อพรรคไทยรักไทยใหม่อีกครั้งด้วย” นายถาวร กล่าว

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องไปยังกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า อัยการควรมีอิสระในการสั่งคดีแต่ควรมีองค์กรตรวจสอบ เช่น ถ้าศาลชั้นต้นลงโทษอัยการไม่อุทธรณ์หรือฎีกา ต้องเอาคำสั่งดังกล่าวแจ้ง ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือองค์กรอิสระตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการด้วย เพราะที่ผ่านมาคนมีฐานะทางสังคมสามารถบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ด้วยการเสมือนสมคบกับฝ่ายอัยการโดยยุติคดี ไม่ให้ขึ้นสู่การพิจารณาในศาลฎีกา.

คดีพล.อ.ธรรมรักษ์จ้างวานพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้งเมื่อปี 2549

ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559  ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม และกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย (จำเลยที่ 1)นายอมรวิทย์ สุวรรณผล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) (จำเลยที่ 2) นายชวการ หรือ กรกฤต โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย (จำเลยที่ 3) นายสุขสันต์ หรือ จตุชัย ชัยเทศ อดีต ผอ.การเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย (จำเลยที่ 4) และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย (จำเลยที่ 5)  เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 และ 11

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 2-7 มี.ค.49 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 3 จ้างวานให้จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต โดยมอบเงินค่าตอบแทนให้จำเลยที่ 2 จำนวน 30,000 บาท เพื่อดำเนินการตัดต่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อ ข้อมูลสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย ไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิดที่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง, แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร และแขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. เกี่ยวพันกัน

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุกจำเลยที่ 1, 3-5 คนละ 3 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 5 ปี ริบเงินของกลาง 30,000 บาท

ต่อมา ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3-5 จำคุก คนละ 2 ปี และยกฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 นัดนี้ นายอมรวิทย์ จำเลยที่ 2 ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวเดินทางมาศาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เบิกตัวนายบุญทวีศักดิ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย จำเลยที่ 5 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ส่วน พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาอุทธรณ์ที่ยกฟ้อง เมื่ออัยการโจทก์ไม่ติดใจฎีกา

ส่วนนายชวการ จำเลยที่ 3 และนายสุขสันต์ จำเลยที่ 4 ศาลออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ ขณะนี้ครบกำหนด 1 เดือนแล้ว ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวจำเลย ได้จึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย

ศาลฎีกาประชุมสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมานั้น มีน้ำหนักรับฟังได้ ศาลฎีกา เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3-5 จำคุก คนละ 2 ปี พร้อมออกหมายจับนายชวการ จำเลยที่ 3 และนายสุขสันต์จำเลยที่4 ให้มารับโทษตามคำพิพากษาต่อไป.

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2559 19:24:43 น.
Counter : 341 Pageviews.  

รับสมัครนักศึกษาเรียนปริญญาเอก 5 ทุนที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางสิงคโปร์รับถึงวันที่ 25 ก.พ.2559

ประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนรัฐบาลสาธารณรัฐสิงคโปร์ ไปศึกษาวิชา ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University : NTU) ประจําปีการศึกษา 2559 ไปเรียนปริญญาเอก 5 ทุน รับถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559

สํานักงาน ก.พ. ได้รับแจ้งจากสํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University) สาธารณรัฐสิงคโปร์ ได้ถวายทุนการศึกษา แด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานแก่นักเรียนไทยที่มีคุณสมบัติตามข้อกําหนดของมหาวิทยาลัย ไปศึกษาในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ระดับปริญญาเอก ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University) ประจําปีการศึกษา 2559 จำนวน 5 ทุน โดยสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559

ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่

เอกสารประกอบข่าว:

PDF iconประกาศรับสมัคร

//www2.ocsc.go.th/sites/default/files/attachment/article/prakaasrabsmakhrthun_ntu_59_ja_-_copy.pdf

PDF iconใบสมัครคัดเลือก

//www2.ocsc.go.th/sites/default/files/attachment/article/application-naanyaang.pdf

PDF iconแบบฟอร์ม สนง. ก.พ. 5

//www2.ocsc.go.th/sites/default/files/attachment/article/aebbfrm_snng_k_ph_5-nanyaang-print.pdf

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2559 14:07:30 น.
Counter : 232 Pageviews.  

รับสมัครข้าราชการพลเรือนสามัญรับทุนไปฝึกอบรมในต่างประเทศ 40 ทุนสมัครได้ถึง 30 มิถุนายน 2559

ก.พ.รับสมัครคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อรับทุนรัฐบาลไปฝึกอบรมในต่างประเทศประจำปีรวม 40 ทุน สมัครได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2559

 

สำนักงาน ก.พ. ประกาศรับสมัครคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญ เพื่อรับทุนรัฐบาล ไปฝึกอบรม ในต่างประเทศ ประจำปี 2559 (ทุนตามความต้องการของกระทรวง กรมฝ่ายพลเรือน) จำนวน 40 ทุน ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2559

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

//www.oeadc.org/News/Gen_News/news/announcement-training-app-59.pdf

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2559 13:52:59 น.
Counter : 256 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.