ทำไมตำแหน่งพนักงานสอบสวนเป็นนักวิชาชีพเหมือนแพทย์และวิศวกร ?
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวที่ทำให้พนักงานสอบสวนทั่วประเทศอกสั่นขวั่นแขวนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ออกคำสั่งตามมาตรา 44 สั่งรื้อพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ยุบตำแหน่งพนักงานสอบสวน ในระดับต่าง ๆ ไปดำรงตำแหน่งปกติของข้าราชการตำรวจ และที่ต้องตกตลึงติดตามมา ก็โดยที่พนักงานสอบสวนยศ พันตำรวจโท ที่ยังไม่รู้ว่า "ประชด"หรือ"ประท้วง" ผูกคอตายไปเรียบร้อยแล้ว ในคำสั่ง คสช.ที่ 6/2559 และ คสช. 7/2559 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 มีสาระสำคัญว่า บรรดาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทั้งตามกฏหมายและคำสั่งของ คสช. ตั้งวันที่ 22 พฤษภาคม2557 จนถึงปัจจุบันถือเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฏหมาย และเพื่อให้การปฏิรูปด้านบริหารราชการแผ่นดินและกระบวนการยุติธรรม สมควรปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งของข้าราชการตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนเสียใหม่ให้สอดคล้องกับโครงสร้างและระบบการบังคัญชา ที่จะส่งผลในการเพิ่มประสิทธิภาพของการปฏิบัติหน้าที่ในการสอบสวน กล่าวโดยสรุปก็คือ บรรดาชื่อตำแหน่ง"พนักงานสอบสวน" ให้ยกเลิก แล้วกลับไปใช่ชื่อตำแหน่งตามสายงานปกติ แต่ให้ปฏิบีติหน้าที่เดิมไปพลางก่อน จนกว่าจะได้กำหนดหรือตัดโอนตำแหน่งจากส่วนราชการหนึ่งไปยังอีกส่วนราชการหนึ่ง ผ่านไปวันเดียว สหพันธ์พนักงานสอบสวนห่งชาติ ที่มีสมาชิกประกอบด้วยข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งพนักงานสอบสวนทั้วประเทศประมาณ 1,500 สถานี ได้มอบหมายให้เลขาธิการสหพันธ์ฯ พร้อมสมาชิกจำนวนหนึ่งเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า มีพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ 2,900 คน ในจำนวนนี้ 700 คน เป็นพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ มีเงินตำแหน่ง 20,800 บาท เมื่อมีคำสั่งนี้ใช้บังคับ ทั้งตำแหน่งและเงินจะยกเลิกไปทันที ในหนังสือร้องเรียนระบุว่า พนักงานสอบสวนทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ แต่ได้รับการกีดกันทางด้านสิทธิประโยชน์ความก้าวหน้าทางอาชีพ เงินประจำตำแหน่งที่ได้มาในปัจจุบันนี้มาก็ต้องใช้สิทธิทางศาลปกครองถึง 9 ปี เมื่อหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งนี้ ก็เป็นการจบสิ้นความเจริญก้าวหน้าของอาชีพและอนาคต เหมือนปิดกั้นการพัฒนางานสอบสวนและหนทางสู่ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ท้ายหนังสือเหมือนกับจะวิงวอนว่า ขอให้ทบทวนปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับงานสอบสวน ความทุกข์ความเดือดร้อนของประชาชนที่มารับบริการ ความทุกข์ยากแสนสาหัสของพนักงานสอบสวน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนทั้งประเทศต่อไป แทบจะทันทีทันใดนั้นเอง พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้ว่า ไม่ใช่เป็นการลดอำนาจการทำงานของตำรวจ แต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในด้านสอบสวน สามารถที่จะเปลี่ยนสายงานและขึ้นตำแหน่งผู้บริหารสถานีตำรวจได้ เพราะที่ผ่านมาตำแหน่งพนักงานสอบสวนเป็นการทำงานเฉพาะด้าน ทำให้เวลาพิจารณาเลื่อนตำแหน่งเกิดความเสียเปรียบกับตำแหน่งอื่นที่มีความเชี่ยวชาญหลายด้านการมีคำสั่ง คสช.ออกมาบังคับใช้ ก็เพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ยืนยันว่า จะไม่กระทบกับการพิจารณาโยกย้ายข้าราชการตำรวจในสายงานสืบสวนสอบสวนที่ได้รับการประเมืนไปก่อนหน้านี้ เพราะจะได้มีการพิจารณาก่อนคำสั่ง คสช.จะมีผล 15 วัน. โฆษกตร.ย้ำว่าการยกเลิกตำแหน่งพนักงานสอบสวน เป็นขั้นตอนแรกของการปฏิรูปตำรวจให้สามารถก้าวหน้าในอาชีพ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ต่อมารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เก่งทางประชาสัมพันธ์ไม่ยอมให้โอกาสดี ๆ อย่างนี้หลุดหายไป ออกมาบอกกล่าวหนักแน่นว่า เกิดประโยชน์กับพนักงานสอบสวน พร้อมนัดหมายจะได้ถกกันว่าดีจริงหรือไม่อย่างไร พอวันรุ่งขึ้นอีกวัน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ออกมายืนยันเหมือนกัน และมีเพิ่มเติมด้วยว่า จะทำให้การบริหารงานสอบสวนคล่องตัวขึ้น ที่แต่เดิมทำกันเป็นเอกเทศ สามารถที่จะให้ผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจหรือเจ้าพนักงานตำรวจอื่นเข้าไปช่วยเหลือได้ จริง ๆ แล้ว งานของพนักงานสอบสวนก็ต้องให้พนักงานสอบสวนทำ เพราะเป็นการใช้ความรู้พิเศษในการรวบรวมพยานหลักฐานในฐานะที่เป็น"พนักงานสอบสวน" ตามตัวบทกฏหมาย จะให้คนอื่นเข้ามาช่วยเหลือได้ก็เป็นสิ่งเล็กน้อย เช่นงานธุรการต่างๆ ติดต่อรับเอกสารผลการตรวจพิสูจน์ต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนไม่จำเป็นต้องไปด้วยตนเอง ส่วนผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจ ก็มีอำนาจหน้าที่ในการสั่งคดีตามกฏหมายอยู่แล้ว ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องย่อมไม่ได้ เพราะเป็นผู้บริหารหน่วยงาน ตำแหน่ง"พนักงานสอบสวน" เป็นวิชาชีพเหมือนแพทย์,เหมือนวิศวกร ที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะด้าน จะให้หน่วยงานอื่นมาช่วยเหลือกันไม่ได้ การได้ทำงานอยู่ในสายงานยาวนาน ย่อมสร้างสมประสบการณ์ เกิดความชำนาญ เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยแท้ ไม่ใช่เป็นแต่ชื่อตำแหน่งที่เห็นเป็นกัน องค์กรควรจะดำรงไว้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นบุคลากรที่หายาก ต้องใช้เวลาฟูมฟักสร้างกันมานับสืบปี งานนี้ ทำให้ชาวบ้านมองเห็นมุมมอง 2 ด้านกล่าวคือ พอคำสั่ง คสช.ออกมา กลุ่มที่ออกมาร้องก่อนก็เป็นพนักงานสอบสวน โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งเดือนละกว่า 2 หมื่น ที่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 700 คน ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะอยู่ดี ๆ เงินจำนวนนี้ก็จะหายไปในพริบตาเดียว แค่นี้ก็แย่อยู่แล้ว เมื่อยกเลิกตำแหน่งพนักงานสอบสวนไปใช้ชื่อตำแหน่งใหม่ในสายงานปกติ ก็มีข่าวออกมาว่าอาจมีคำสั่งให้เรียกชื่อใหม่ว่า "นิติกร"หรืออะไรก็ตามที่ไม่อาจรู้อนาคตได้ว่าจะไปทางใด ก็ยิ่งจะแย่กว่าเป็นไหน ๆ อะไรก็ไม่ดีไปกว่าการดึงประชาขนเข้ามาเป็นข้ออ้าง ก็โดยอ้างว่า ประชาชนอาจได้รับความเดือดร้อนจากการมาใช้บริการ หาใช่ว่าพนักงานสอบสวนอาจเดือดร้อนจากการที่ยกเลิกเงินประจำตำแหน่ง อีกมุมมองหนึ่ง คำสั่ง คสช. ทั้ง 2 ฉบับข้างต้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติน่าจะเป็นผู้เสนอ คสช.ให้ตัดตอนหรือยุบส่วนข้างบนออกไป เพื่อไปวนในสายงานอื่นด้วยเหตุผลว่าเพื่อให้เกิดความคล่องตัว สามารถที่จะเจริญก้าวหน้าได้เหมือนอย่างสายงานอื่นๆ เป็นข้ออ้างที่น่าจะดูดีแต่แท้จริงแล้ว แม้ว่าจะมีสิทธิเข้าไปแข่งขันได้ ก็ยังมีขั้นตอนและข้อจำกัดอีกหลายประการที่ไม่อาจฝ่าด่านไปได้ และในที่สุดก็จะไปกระจุกตัวก่อเป็นปัญหาใหม่ขึ้นในอนาคต ทุกวันนี้ พนักงานสอบสวนจำนวนมาก ฟ้องสำนักงานตำรวจห่งชาติ ว่ามีการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรม คดียังอยู่ในศาลปกครองหลายต่อหลายคดี เมื่อต้นเดือนมกราคม ก็มีพนักงานสอบสวนผู้ชำนาญพิเศษ ระดับ พันตำรวจโท จำนวน 166 คน ก็ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ว่าการสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ ระดับพันตำรวจเอก ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่อยากจะเชื่อถ้าหากใครมาบอกว่า การตัดตอนยุบตำแหน่ง"พนักงานสอบสวน"ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะหาทางแก้ปัญหาจากผลพวงของการฟ้องร้องที่ยังรอการไต่สวนของศาลปกครอง และยังมีอีกที่จะยื่นฟ้องติดตามมา พนักงานสอบสวนระดับต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้พัฒนาการมาจนเป็นปึกแผ่นเป็นกำลังสำคัญของกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น ที่ทุกองค์กรยอมรับ การดำรงไว้เพื่อให้เป็นหน่วยงานสำคัญของกระบวนการยุติธรรม ก็จะเกิดประโยชน์อย่างมากกับประชาชน การตัดตอนยุบทิ้งไปเหมือนตัดองคาพยพที่สำคัญออกไป นอกจากจะสูญเสียความคล่องตัวในการบริการจัดการกับงานสอบสวนคดีอาญาต่างๆแล้ว ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับประชาชนที่มาใช้บริการหรือมีคดีความที่ต้องเข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรมด้วย การอ้างว่า การปรับปรุงครั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น นับว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่ชอบด้วยเหตุผลและเป็นความจริงได้ บทพิสูจน์ชั้นต้น ก่อนหน้านี้ 2 วัน พนักงานสอบสวนสน.เทียนทะเล ที่เป็นแกนยื่นเรื่องร้องเรียนคำสั่งคสช. ได้ผูกคอตายไปแล้ว ปล่อยให้ทั้งกลุ่มที่คัดค้านและสนับสนุนได้ขบคิดกัน ถึงตรงนี้ คสช.ก็คงพอรู้แล้วว่า คำสั่ง คสช.ที่ออกไปใช้บังคับนั้น สมควรที่จะได้ปรับปรุงแก้ไขกันอย่างใดอีกหรือไม่ ที่มา thaitribune
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2559 | | |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2559 11:33:50 น. |
Counter : 417 Pageviews. |
| |
|
|
|