‘สพฐ.’ ประกาศรางวัลหนังสือดีเด่น 2559 'พระพุทธรูปล้านนา' คว้าสารคดีดีเด่น 'พลิ้วไปในพรายเวลา' ได้ราง

ประกาศผลรางวัลหนังสือดีเด่นปี 59 มี13เรื่อง ชมเชย 40 เรื่อง จากจำนวนหนังสือที่ผู้ผลิตหนังสือส่งเข้าประกวดในปีนี้มีทั้งสิ้น 497 เรื่อง

 

ประกาศผลรางวัลหนังสือดีเด่นปี59มี13เรื่อง พระพุทธรูปล้านนามหายานคว้าแบบสารคดี 'หนังสือรามเกียรติ์ อวสานทศกัณฑ์' ได้รับรางวัลดีเด่น 2 กลุ่ม

            เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2559   สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดแถลงข่าวผลการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี 2559 โดย ดร.พนม พงษ์ไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการพิจารณาตัดสินการประกวดหนังสือดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2559 กล่าวว่า ในปีนี้มีหนังสือที่ผู้ผลิตส่งเข้าประกวดทั้งหมดจำนวน 497 เรื่องเพิ่มจากปี 2558 เพียงเล็กน้อย โดยปีนี้คณะกรรมการมีความเห็นว่าหนังสือที่ส่งเข้ามาประกวดเป็นหนังสือที่ มีคุณภาพค่อนข้างสูง คณะกรรมการต้องใช้เวลาการพิจารณาอย่างมากเพราะหลายเล่มยากที่จะตัดสินใจในการให้รางวัล แต่ที่น่ายินดีคือทำให้การตัดสินการประกวดหนังสือในครั้งนี้มีจำนวนรางวัลดีเด่นครบถ้วน และมีรางวัลชมเชยที่มีจำนวนมากพอสมควร

            สำหรับผลการพิจารณาตัดสินหนังสือดีเด่น ประจำปี 2559 มีหนังสือที่ได้รับรางวัลทั้งหมด 53 เรื่องจาก 497 เรื่อง แบ่งเป็น รางวัลดีเด่น 13 รางวัล เรื่อง รางวัลชมเชย 40 รางวัล

หนังสือสารคดี  รางวัลดีเด่น เรื่อง พระพุทธรูปล้านนากับคติพระพุทธศาสนา มหายานแบบตันตระนิกายวัชรยาน

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่   1.ทะเลไม่กว้างกว่าปีกนก

                                        2.มหาวิทยาลัยบนคันนา ชาวอัจฉริยะ 1 ไร่ 1 แสน

                                        3.ไม่มีขาใช่ว่าไม่มีลมหายใจ

หนังสือนวนิยาย  รางวัลดีเด่น เรื่อง พลิ้วไปในพรายเวลา

รางวัลชมเชย มี 2 รางวัล ได้แก่    1.ข้ามสมุทร

                                        2.ลมหายใจแห่งดวงดาว

หนังสือกวีนิพนธ์ รางวัลดีเด่น เรื่อง คำน้อย

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่    1.ปัจจุบัน

                                        2.เภตรามหาชเล

                                        3.เหมือนฝนจะมา

หนังสือรวมเรื่องสั้น รางวัลดีเด่น เรื่อง นิทานกล่อมประสาท

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่    1.ครั้งหนึ่ง...คิดถึงเป็นระยะ

                                        2.ดั่งเรือนร่างไร้องคาพยพ

                                        3.โปรโตซัวในลำไส้ปลวก

หนังสือสำหรับเด็กเล็ก อายุ 3-5 ปี รางวัลดีเด่น เรื่อง กระต่ายกับพระจันทร์

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่ 1.ขึ้นอย่างไรนะ

                                        2.สนุกกับ 1 2 3 ชวนหนูนับพร้อมกันนะ

                                        3.อุทัยใจใฝ่ธรรม

หนังสือสำหรับเด็ก อายุ 6-11 ปี 

1.หนังสือบันเทิงคดี รางวัลดีเด่น เรื่อง บันทึกส่วนตัวซายูริ

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่   1.กังหันที่อ่างขาง

                                        2.จอมปีศาจ

                                        3.ผ้าไหมกับใบชา เด็กเก่งกล้าพูด เด็กดีกล้าบอก

2.หนังสือสารคดี รางวัลดีเด่น เรื่อง ข้าวหอมของมะลิ

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่   1.เด็กรู้ไหม? ทำทานอย่างไรได้บุญมาก

                                        2.น้ำและอากาศ คุณค่าแห่งชีวิต

                                        3.พุทธประวัติฉบับจิตรกรรม

หนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี

1.ประเภทบันเทิงคดี รางวัลดีเด่น เรื่อง ห้องเรียนไม่มีฝา

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่    1.ดินสอแท่งสั้น

                                        2.ทั้งโลกนี้, มีคนแบบเธอเพียงคนเดียว

                                        3.สลินดงบายู

2.ประเภทสารคดี รางวัลดีเด่น เรื่อง OUT IN AFRICA

รางวัลชมเชย มี 3 รางวัล ได้แก่ 1.จนกว่าเด็กปิดตาจะโต

                                        2.บ้านทุ่งเมืองลุง

                                        3.LOST AND FOUND IN ICELAND ไอซ์แลนด์ดินแดนแห่งแสงเหนือ

3.ประเภทบทร้อยกรอง  รางวัลดีเด่น เรื่อง ดอกไม้ในดวงใจ

รางวัลชมเชย มี 2 รางวัล ได้แก่   1.คติธรรม คำโคลง (พุทธศาสนสุภาษิตฉบับร้อยกรอง)

                                        2.แซมซาย 

ประเภทหนังสือการ์ตูน และหรือนิยายภาพสำหรับเด็ก รางวัลดีเด่น เรื่อง รามเกียรติ์ อวสานทศกัณฐ์

รางวัลชมเชยประเภททั่วไป ได้แก่ 1.ทศชาติชาดก พระเนมิราช พระมโหสถ และพระภูริทัต

                                        2.บ้าน๒ วันที่คิดถึง

                                        3.ศิลป์ซิตี้

ประเภทสำหรับเด็ก มี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การ์ตูนติวเตอร์เก่งวิทย์ ประถมปลาย เล่ม 6

                                         2.ล่าขุมทรัพย์อาเซียน เมียนมาร์

                                         3.อัศวินพิทักษ์ไดโนเสาร์ เล่ม 1 ตอน นักล่าเหนือการเวลา

ประเภทหนังสือสวยงามทั่วไปรางวัลดีเด่น เรื่อง ปิยราชกุมารี (Beloved Princess)

รางวัลชมเชยประเภททั่วไป มี 3 รางวัล ได้แก่ 1.การเดินทางของพระจันทร์ (MY WATERCOLOR DIARY 2010-2015)

                                         2.บรมนิวาสราชอนุสรณ์ : โครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดบรมนิวาส

                                         3.ลายคราม : เครื่องถ้วยจีนอย่างสยาม

ประเภทสำหรับเด็ก รางวัลดีเด่น เรื่องรามเกียรติ์ อวสานทศกัณฐ์

รางวัลชมเชย มี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.คาวี หลวิชัย

                                    2.มือน้อยทำได้

                                    3.สนุกกับ 1 2 3 ชวนหนูนับพร้อมกันนะ

 

            นางสุกัญญา งามบรรจง ผู้อำนวยการ สวก. กล่าวว่า สพฐ.มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนการผลิตและการกระจายหนังสือที่ ดีมีคุณภาพ มีสารประโยชน์สู่สาธารณชนให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นให้คนไทยมีนิสัยรักการอ่าน และส่งเสริมให้ผู้ผลิตซึ่งเป็นผู้จัดพิมพ์ ผู้ประพันธ์ ผู้วาดภาพประกอบ และบุคคลทั่วไปได้มีโอกาสส่งผลงานเข้ารับการประกวด ส่งผลให้วงการผลิตหนังสือที่ดี มีคุณภาพ มีมาตรฐานสากล ทำให้ผู้ผลิตมีการพัฒนารูปแบบและเนื้อหาสาระให้น่าสนใจ และทำให้ประชาชนมีหนังสือที่มีคุณภาพดีเพิ่มมากขึ้นในท้องตลาด สามารถเลือกอ่านได้ตามความสนใจ อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับรางวัลการประกวดหนังสือดีเด่น จะได้เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 44 และงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 14 ในวันที่ 29 มีนาคม 2558 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  กรุงเทพมหานคร

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 18:58:20 น.
Counter : 318 Pageviews.  

หลวงพี่น้ำฝนนำรถแพนเธอร์ออกแถลงเผยดีเอสไอเคยตรวจปี 2556 ไม่พบผิดทำไมเรียกตรวจซ้ำ

หลวงพี่น้ำฝนเตรียมทำหนังสือถึงดีเอสไอ ให้มาตรวจสอบรถ แพนเธอร์เครื่องจากัวร์ที่วัด เหจุรถชำรุดขับไม่ได้จอดโชว์ เคยถูกเรียกตรวจมาแล้ว เมื่อปี 2556 มีการลงความเห็นว่าจดทะเบียนและซื้อขายกันอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง แต่ทำไมมาเรียกตรวจซ้ำ

 

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 ุมภาพันธ์ 2559 ที่วัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เปิดแถลงข่าว เรื่องรถหรูโบราณ ที่สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ  กรมวสอบสวนพิเศษ(ดีเอสไอ) มีหนังสือลงวันที่ 24 ก.พ.2559 ถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ ให้นำรถยนต์แพนเธอร์ รุ่น ปี 1977 สีดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 8L66240-Lหมายเลขตัวรถ 731 หมายเลขทะเบียน กท-กก 1177 ซึ่งมีชื่อ หลวงพี่น้ำฝน เป็นผู้ครอบครอง และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มาตรวจสอบที่อาคารจอดรถไปรษณีย์ เขตหลักสี่ กทม. ในวันที่ 2 มี.ค.2559เวลา 10.00 น. เรื่องนี้มีออกตามสื่อ จนมีสาธุชนและศิษยานุศิษย์จำนวนมาก มาสอบถามอย่างต่อเนื่อง

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เปิดเผยว่า อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวเรื่องของการตรวจสอบรถของอาตมา อาตมาจะไม่ขอย้อนกลับไป แต่จะตอบว่า เมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมาสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ ได้เชิญให้นำรถยนต์แพนเธอร์ รุ่นปี 1977 ซึ่งถือเป็นรถโบราณ ไปตรวจสอบที่อาคารไปรษณีย์เมื่อวันศุกร์ที่ 25 ต.ค. 2556  วันนั้นอาตมาไปปฏิบัติศาสนกิจพร้อมคณะสงฆ์ 20 รูป ที่จังหวัดน่าน โดยมอบอำนาจให้ลูกศิษย์ไปแทน

หลังจากนำรถไปตรวจสอบแล้ว ได้ลงความเห็นว่า รถของอาตมามีการจดทะเบียนและซื้อขายกันอย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง จากนั้นก็นำรถกลับมาวัด

กระทั่งเมื่อวันที่ 24 ุมภาพันธ์ 2559 ดีเอสไอ เข้ามาสอบถามสัมภาษณ์พร้อมทั้งขอตรวจสอบรถอีกครั้ง อาตมาจึงนำใบที่เคยตรวจสอบเมื่อ 2 ปีก่อนให้ดู ซึ่งในหนังสือระบุว่าไม่มีความผิด จึงขอถามว่า จะมาตรวจอะไรอีก รถยนต์จำนวนกว่า 5 พันคัน ไปตรวจแล้วหรือยัง ทำไมต้องมาตรวจแต่รถของอาตมา ซึ่งสภาพรถตอนนี้ก็ใช้งานไม่ได้ จอดสนิท ไดสตาร์ตพัง เกียร์ก็พัง จอดอยู่ในวัด เอาออกไปไหนไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้ใช้ในการส่วนตัวเลย จอดเป็นวิทยาทาน

“อาตมาขอชี้แจงว่ามันเป็นความเสื่อมเสียชื่อเสียงที่อาตมาสร้างมาทั้งหมด ตอนนี้อาตมาค้นพบหลักธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ทิ้งหลักคำสอนไว้ หากเราบันดาลโทสะ จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ในวันนี้หากมีใครอยากถามอะไรจะได้พูดครั้งเดียวให้จบ และขอยืนยันว่าเป็นรถยี่ห้อแพนเธอร์ เครื่องจากัวร์ ไม่ใช่ยี่ห้อจากัวร์อย่างที่ปรากฏเป็นข่าว” หลวงพี่น้ำฝนย้ำ

หลวงพี่น้ำฝน เปิดเผยถึงที่มาที่ไปของรถคันนี้ว่า รื่องทะเบียนรถนั้น เป็นการย้ายมาจากจังหวัดสระบุรีเข้ากรุงเทพฯ ทะเบียน กท-กก 1177 ก็ได้ย้ายทะเบียนใหม่อย่างถูกต้อง เป็นชื่อของอาตมาโดยไม่ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นบุคคลอื่น เดี๋ยวจะหาว่าไม่โปร่งใส ฉะนั้นใส่ชื่อพระครูปลัดสิทธิวัฒน์มาโดยตลอด และแจ้งย้ายจากสระบุรี ตามขั้นตอนโดยเสียภาษีปกติ ปีละ 11,700 บาท และภาษีหมดในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ อีกทั้งยังไม่ได้ยกเลิกการหยุดต่อทะเบียน ในการที่ไม่ใช้รถอีกด้วย

“มีการตั้งข้อสงสัยถามอาตมามาโดยตลอด เอกสารครบทุกอย่าง ความเป็นพระไม่สามารถพูดหรือวิจารณ์อะไรได้มาก และจะไม่ขอวิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น อาตมาอยู่ในโลกแห่งธรรม หลายคนพยายามสอบถามว่าทำอย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ คนหลายคนจ้องจะเล่นงานวัดไผ่ล้อม อาตมาบอกเลยว่าไม่มีความเห็น แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ขออยู่ในหลักของศีลธรรมเท่านั้น แค่เป็นข่าวอาตมาก็เสื่อมเสียชื่อแล้ว” พระครูปลัดสิทธิวัฒน์กล่าว

ทางด้าน นายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ทนายความคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย ของวัดไผ่ล้อม ให้ควมเห็นว่าทำไมจะต้องเรียกรถของหลวงพี่น้ำฝนไปตรวจสอบอีก อยากจะให้ดีเอสไอทำการตรวจสอบให้ชัดเจนเสียทีเดียว ครั้งที่แล้วทางวัดได้นำรถไปตรวจสอบที่ดีเอสไอแล้วไม่พบว่ามีความผิดจนนำรถกลับมาที่วัดแล้ว แต่ครั้งนี้รถยนต์ที่เป็นข่าวมีลักษณะและสภาพไม่สมบูรณ์ จึงอยากให้ท่านมาตรวจสอบที่วัดไผ่ล้อมดีกว่า

“หลายคนแคลงใจ มีการตั้งข้อสังเกตว่า รถที่มีปัญหาเรื่องการจดประกอบและการนำเข้าปัจจุบันมีมากกว่า 5 พันคัน อยากจะถามว่า มีการตรวจสอบไปแล้วกี่คัน ถ้าตรวจสอบแล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้จะทำหนังสือยื่นไปทางดีเอสไอ แจ้งว่าถ้าสะดวกมาตรวจสอบขอให้มาตรวจสอบได้ที่วัดในวันที่ 2 มีนาคม 2559 เพราะรถเสียขับออกไปไม่ได้ และรถยังจอดอยู่ที่เดิมภายในวัด”นายศุภภัทร์พจน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า ก่อนที่หลวงพี่น้ำฝนจะเปิดแถลงข่าวนั้นหลวงพี่น้ำฝนพร้อมด้วยพระทั้งหมดในวัดได้ประกอบพิธีสวดมนต์ภายในศาลาใหญ่ของวัดกว่า 1 ั่วโมง จึงออกมาแถลง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:59:27 น.
Counter : 373 Pageviews.  

ศาลฎีกาสั่ง 22 อดีตรัฐมนตรี-อดีตส.ส.ไทยรักไทย-ปชป.คืนเงินเดือนกว่า 22 ล้านบาทเหตุทำผิด กม.เลือกตั้ง

ศาลฎีกาพิพากษาให้อดีตรัฐมนตรี - ส.ส. ไทยรักไทย และประชาธิปัตย์ รวม 22 คนจ่ายเงินประจำตำแหน่ง - เบี้ยประชุมกว่า 22 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยคืนแก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หลังถูกร้องเรียนทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทั้ง 22 คนต้องพ้นจากตำแหน่ง

ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ุมภาพันธ์ 2559 ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางกรรณิกา ธรรมเกษร, นายวิชาญ มีนชัยนันท์ อดีต รมช.สาธารณสุข และอดีตรองหัวหน้าพรรคเพี่อไทย, น.ส.อรดี สุทธศรี, นายธวัชชัย อนามพงษ์, นายมงคล บุพศิริ, นางพิมพา จันทร์ประสงค์ อดีต รมช.คมนาคม, นายณรงค์กร ชวาลสันติ, นายไชยวัฒน์ ติณรัตน์, นางลาวัณย์ ตันติกุลพงศ์, นายกมล จิระพันธุ์วาณิช, นายดนัยฤทธิ์ หรือ ดนัยพัชร์ วัชราภรณ์, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายธีรพันธ์ วีระยุทธวัฒนะ, นายประชา หรือ กำนันเซียะ โพธิพิพิธ, นายศิริชัย ฉัตรชัยพลรัตน์, นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร, นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์, นายประภาส วีระเสถียร, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายศักดิ์ชัย จินตะเวช, นายวิทยา บันทุปา และทันตแพทย์หญิง กรองกาญจน์ วีสมหมาย ซึ่งเป็น อดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1 - 22 เพื่อเรียกเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนอย่างอื่น ขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส. คืนจากจำเลยทั้ง 22 คน

กรณีที่จำเลยทั้งหมดได้รับเลือกเป็น ส.ส. ปี 2544 แต่ กกต. ได้รับการร้องเรียนว่า จำเลยทั้งหมดดำเนินการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม เป็นการฝ่าฝืน มาตรา 44 และ 45 ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ. 2541 กกต. จึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ มีผลทำให้จำเลยทั้ง 22 คน สิ้นสภาพการเป็น ส.ส. นับแต่วันที่ กกต. มีคำสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่

ขณะดำรงตำแหน่ง ส.ส. ของจำเลยทั้ง 22 คน รับเงินประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนอย่างอื่น ไปจากโจทก์ จำเลยจึงต้องคืนเงินทั้งหมดให้โจทก์

ศาลชั้นต้น พิพากษาจำเลยทั้ง 22 คนให้คืนเงินแก่โจทก์ โดย

จำเลยที่ 1 คืนเงิน 1,561,810.93 บาท

จำเลยที่ 2 คืนเงิน 1,484,453.21 บาท

จำเลยที่ 3 คืนเงิน 1,621,052.95 บาท

จำเลยที่ 4 คืนเงิน 1,703,863.47 บาท

จำเลยที่ 5 คืนเงิน 1,615,139.87 บาท

จำเลยที่ 6 คืนเงิน 1,496,398.67 บาท

จำเลยที่ 7 คืนเงิน 1,575,882.33 บาท

จำเลยที่ 8 คืนเงิน 1,616,673.50 บาท

จำเลยที่ 9 คืนเงิน 1,539,426.60 บาท

จำเลยที่ 10 คืนเงิน 1,540,787.71 บาท

จำเลยที่ 11 คืนเงิน 1,813,958.13 บาท

จำเลยที่ 12 คืนเงิน 1,501,181.96 บาท

จำเลยที่ 13 คืนเงิน 1,674,491.24 บาท

จำเลยที่ 14 คืนเงิน 292,114.95 บาท

จำเลยที่ 15 คืนเงิน 372,164.59 บาท

จำเลยที่ 16 คืนเงิน 413,594.83 บาท

จำเลยที่ 17 คืนเงิน 320,584.71 บาท

จำเลยที่ 18 คืนเงิน 387,605.72 บาท

จำเลยที่ 19 คืนเงิน 179,493.47 บาท

จำเลยที่ 20 คืนเงิน 447,820.70 บาท

จำเลยที่ 21 คืนเงิน 1,590,035.83 บาท

จำเลยที่ 22 คืนเงิน 2,139,798.31 บาท

พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ต่อมาจำเลยที่ 10, 11, 20, 22 ยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญฯ ปี 2540 มาตรา 97 บัญญัติว่า “การออกจากตำแหน่งของ ส.ส. หรือ ส.ว. ภายหลังสมาชิกภาพสิ้นสุดลง หรือ ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งสิ้นสุดลงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ให้คืนเงินประจำตำแหน่งและผลตอบแทนอย่างอื่นที่ผู้นั้นได้รับมาเนื่องจากการดำรงตำแหน่งกังกล่าว”

เมื่อจำเลยที่ 10, 11, 20, 22 ออกจากตำแหน่งเพราะเหตุได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องคืนเงินประจำตำแหน่งและผลตอบแทนอย่างอื่นที่ได้รับมา รวมทั้งค่าเบี้ยประชุม ค่าพาหนะเดินทางมาทำหน้าที่ ส.ส., เงินที่จ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญประจำตัว และผู้ช่วยดำเนินงานของ ส.ส. ทั้งหมด คืนให้แก่โจทก์ด้วย

จึงพิพากษายืนให้จำเลยทั้ง 22 คนคืนเงินแก่โจทก์ พร้อมอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2559 15:19:01 น.
Counter : 220 Pageviews.  

ชายไทยเซ็กซ์เสื่อมมากขึ้นตั้งแต่อายุน้อยคนในเมืองเป็นมากเหตุเกิดจากสุขภาพ-รักษาตัวดี 90 ปีก็ยังใช้กา

แพทย์เผยชายไทยปรึกษาเซ็กซ์เสื่อมมากขึ้น อายุเฉลี่ยน้อยลงเรื่อยๆ พบอายุน้อยสุด 18 ปีเหตุน้องชายไม่แข็งตัวพักผ่อนน้อย นอนดึก สูบบุหรี่ เป็นโรคเรื้อรัง พบคนสังคมเมืองมากกว่า ช่วงเช้าอาการเคารพธงชาติไม่ปกติ รีบพบแพทย์หาวิธีรักษา เผยการแข็งตัว 4 ระดับแตงกวา-กล้วยยังไม่ปลอกเปลือก-กล้วยปอกเปลือกและเต้าหู้ เผยรักษาสุขภาพดี 90 ปียังใช้การได้

 

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559  นพ.สืบพงษ์  เอ่งฉ้วน แพทย์ศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ แพทย์เวชศาสตร์ชลอวัยด้านสมรรถภาพทางเพศ โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ จ.สงขลา เปิดเผยว่า ปัจจุบันเพศชายพบปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือภาวะที่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว (ED : Erectile Dysfunction) เพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจากทั่วโลกพบว่า ในปี 2538 มีเพศชายประสบปัญหานี้ 152 ล้านคน คาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 170 ล้านคนทั่วโลก

สำหรับประเทศไทยพบว่ามีเพศชายมาปรึกษาเรื่องอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 50 และพบแนวโน้มอายุเฉลี่ยที่น้อยลง เดิมทีจะอยู่ที่ประมาณอายุ 50-60 ปี ซึ่งเป็นการเสื่อมตามวัย แต่กลับพบในคนอายุน้อยลง โดยอายุน้อยที่สุดคืออายุ 18 ปี เนื่องจากนอนหลับพักผ่อนน้อยมากหรือแทบไม่ได้พักผ่อนเลย จากการตรวจระดับฮอร์โมนพบว่า ฮอร์โมนเพศชายต่ำมาก จึงรักษาด้วยการปรับฮอร์โมน เนื่องจากฮอร์โมนเพศชายจะถูกสังเคราะห์ตอนที่หลับสนิท เมื่อหลับสนิทเพียงพอ ฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้น ความแข็งตัวก็จะกลับมาเป็นปกติ

นพ.สืบพงษ์ กล่าวว่า นอกจากการพักผ่อนน้อยและนอนดึกแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศชาย ได้แก่ การทำงานหนักเกินไป สูบบุหรี่ รับประทานอาหารขยะ( Junk food)นอกจากนี้เป็น โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน ก็ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ โดยประมาณ 60%ของเพศชายที่เป็นโรคเหล่านี้จะมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศร่วมด้วย โดยพบว่าภาคกลางนั้นมีปัญหาเรื่องนี้มากที่สุด โดยเฉพาะในสังคมเมือง ที่เหน็ดเหนื่อยจากความเครียดในการทำงาน และนอนพักผ่อนน้อย

"การสังเกตอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศนั้น สามารถประเมินได้ด้วยตนเอง อย่างที่ผู้ชายเรียกว่าการผิดกลิ่น เช่น ในตอนเช้าอวัยวะเพศชายไม่เคารพธงชาติเหมือนเคย  ปัสสาวะลำบาก การแข็งตัวไม่ดี ไม่นาน อ่อนตัวเร็ว น้ำเชื้อน้อยลง มีความต้องการทางเพศแต่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว เป็นต้น ซึ่งการแข็งตัวของผู้ชายแบ่งเป็น 4 ระดับ หากยังแข็งตัวประหนึ่งแตงกวา ก็ไม่มีปัญหา รองลงมาคือแข็งตัวเหมือนกล้วยยังไม่ปลอกเปลือก กล้วยปลอกเปลือกแล้ว และเต้าหู้ ซึ่งถ้าไม่แข็งตัวถึงระดับนี้ถือว่ามีปัญหามากแล้ว ดังนั้น หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าวและทำการรักษา" นพ.สืบพงษ์ กล่าว

นพ.สืบพงษ์ กล่าวว่า การรักษามีตั้งแต่การปรับพฤติกรรมในคนที่ยังเป็นไม่มาก เพื่อดูว่าเมื่อปรับการใช้ชีวิตให้มีคุณภาพมากขึ้น เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ บางรายก็กลับมาเป็นปกติได้ แต่บางรายเกิดจากฮอร์โมนผิดปกติก็รักษาด้วยยาปรับฮอร์โมน ไปจนถึงการรักษาด้วยยาช่วยการแข็งตัว หรือการผ่าตัดใส่อุปกรณ์ ซึ่งต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่ใช่จะต้องกินยาเพิ่มการแข็งตัวเสมอไป เพราะสาเหตุที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้เกี่ยวข้อง

ส่วนความเชื่อที่ว่ามีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ ทำให้เสื่อมสมรรถภาพเร็วนั้น ไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่การมีเพศสัมพันธ์บ่อยก็เหมือนการออกกำลังกาย ทำให้ควบคุมการหลั่งได้ดีกว่าคนที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์ เพราะการที่สมรรถภาพทางเพศจะเสื่อมหรือไม่นั้นเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพมากกว่า หากดูแลสุขภาพให้ดี แข็งแรง แม้จะอายุ 90 ปีก็ยังสามารถใช้การได้

นอกจากนี้ ขอย้ำว่า ปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย และไม่ควรมองข้าม เมื่อสังเกตตัวเองแล้วพบว่ามีอาการดังกล่าวขอให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลกระทบการใช้ชีวิตคู่ในครอบครัวได้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 20:41:23 น.
Counter : 271 Pageviews.  

เตรียมปรับขึ้นราคาแท็กซี่ระยะ2 อีก 5% พร้อมปรับเพิ่มเซอร์ชาร์จรถโดยสารสนามบิน 75-95 บ.

กระทรวงคมนาคมเตรียมปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ระยะที่สองอีก 5% โดยเป็นการปรับโครงสร้างราคาตามต้นทุนที่แท้จริง พร้อมนำผลการประเมินคุณภาพการให้บริการผู้โดยสารมาพิจารณาด้วย พร้อมปรับค่าเซอร์ชาร์ตแท็กซี่สนามบินขึ้น 75-95 บ.

 

นายดรุณ แสงฉาย รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังจาการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง วันที่ 24 กุมภาพันธ์ว่า คณะกรรมการฯได้เสนอผลสรุปการพิจารณาเรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ระยะที่2 และการพิจารณาปรับขึ้นค่าธรรมเนียม(เซอร์ชาร์จ)รถแท็กซี่ที่ให้บริการภายในสนามบินให้นายชาติชาย ทิพย์สุนารี ปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว หากกระทรวงพิจารณาเห็นชอบตามข้อเสนอ จะเสนอให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายอออมสิน ชีวิพฤษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้พิจารณาและตัดสินใจอีกครั้ง

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า สำหรับการพิจารณาปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ระยะที่2 เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างราคาตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะที่ผ่านมามีการอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารไปเพียง 8% ขณะที่ภาระต้นทุนที่แท้จริง อยู่ที่ 13% ซึ่งการปรับขึ้นอีกครั้งจะช่วยให้คนขับแท็กซี่มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีวิตและหลีกเลี่ยงที่จะปฏิเสธผู้โดยสาร รวมทั้งจากผลการสำรวจตามความพึงพอใจของประชาชนในการใช้บริการแท็กซี่ จำนวน 1,200 คนโดยวิธีเอ็กซิทโพล พบว่า ประชนมีความพอใจประมาณ 75.4% ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่ผลสำรวจความพึงพอใจจากช่องอื่นอีก 9 ช่องทาง อาทิ เฟซบุ๊ค แอพพลิเคชั่น สายด่วน 1584 ยังพบว่าส่วนใหญ่พอใจการให้บริการ

นายสนิท กล่าวว่า นอกจากนี้ยังเตรียมเสนอให้ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมรถแท็กซี่ที่ให้บริการในสนามบิน (เซอร์ชาร์ต) ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง แบ่งออกเป็น 2 อัตราคือ รถแท็กซี่ขนาดทั่วไป และรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ (รถแวน) เนื่องจากองค์ประกอบต้นทุนรถทั้ง 2ประเภทมีความแตกต่าง เช่น ราคารถ และการใช้ประโยชน์ของรถ ทั้งนี้อัตราจะเป็นเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้คณะกรรมการกลางฯ ได้นำเสนอแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ระยะที่2 ให้นายออมสินพิจารณาแล้ว โดยเสนอให้มีกาปรับขึ้นค่าโดยสารระยะที่2 อีก 5% ส่วนค่าเซอร์ชาร์ตแท็กซี่ มีการเสนอให้ปรับขึ้นจากเที่ยวละ 50 บาท เป็น 75 บาท/คัน สำหรับรถแท็กซี่ขนาดเล็ก ส่วนรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ (แวน) จากเที่ยวละ 50 บาท เป็น 95 บาท/คัน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2559    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2559 15:30:55 น.
Counter : 280 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.